คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความเท็จที่ทั้งสองเห็นตรงกัน
หลังจากที่ฉัตรตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทันจึงเป็นคนนำไปบ้านของฉัตรด้วยตัวเอง บ้านสองชั้นตรงหัวมุมขวาแห่งนั้น แต่ก็ไม่พบใคร กลอนถูกล็อคตาย ดูจากสภาพบ้านราวกับไม่มีคนอยู่มาหลายปีแล้ว พวกเขาถ่ายรูปไว้สองสามรูปจากนั้นจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพกัน ฉัตรไม่ได้พูดอะไรตลอดทางที่กลับ ทันก็เช่นกัน เขาได้แต่นั่งมองฉัตรด้วยความเป็นห่วง ตลอดการเดินทางมีเพียงคำถามเดียวที่ฉัตรได้เอ่ยถามเขาก็คือ “นายจำอะไรได้อีกไหม” ซึ่งทันก็จำได้เพียงแค่ว่าเคยมาบ้านเกิดของทันแค่นั้นจริง ๆ สิ่งหนึ่งที่ยังค้างคาในใจของเขาก็คือเหตุใดเขาถึงได้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น ณ บ้านของฉัตรจดหมดสิ้น พวกเขาได้ทำอะไรไว้กันแน่ แต่ด้วยความอ่อนเพลีย ไม่นานนักพวกเขาก็ผลอยหลับไป และฉัตรก็เริ่มฝันอีกครั้ง ภาพฝันเริ่มตั้งแต่เขานั่งรอพ่ออยู่ที่สถานีรถไฟเหมือนเดิม และเรื่องก็ดำเนินไปเรื่อย จนถึงที่ฝันเอาไว้คราวที่แล้ว แต่มันไม่ได้หยุดลงแค่นั้น เขายังคงฝันต่อจากนั้นไปอีก….
………………………….
“เธอเป็นผะ ผะ ผีหรือเปล่า” เด็กชายถาม ร่างของเขายังคงแนบชิดติดกำแพงเช่นเดิม แต่ตอนนี้แสงสว่างจากพู่กันในมือของเขาค่อย ๆ จางหายไป
เด็กสาวยิ้มให้ เธอเริ่มวาดมือขึ้นเหนือหัว กำมือ จากนั้นก็เหวี่ยงแขนเป็นวง ฟาดเข้าที่หัวของฉัตรอย่างจัง
“โอ้ย” ฉัตรร้องเสียงหลง
“เป็นไง ทำอย่างนี้ ฉันยังเป็นผีอีกไหม ฉันเป็นผู้หญิงย่ะ” เธอบอก
“ผู้หญิงธรรมดาเนี่ยนะ” ฉัตรถาม มือยังคงลูบหัวที่ปูดขึ้นมานิด ๆ
“อืม ... ฉันอาจจะไม่ธรรมดาเท่าไหร่” สาวน้อยตอบ พลางเดินกลับหลังหันมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ทำให้ฉัตรค่อย ๆ ผ่อนคลาย ละตัวเองออกจากผนังและเข้าไปสำรวจตรงริมหน้าต่าง ระดับความสูงขนาดนี้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่สามารถปีนขึ้นมาเองได้แน่
“แล้วเธอชื่ออะไร เข้ามาหาฉันได้ยังไง” เขาถามต่อ
“เรียกฉันว่า พลอย ก็แล้วกัน แล้วก็อันที่จริง นายต่างหากที่เป็นฝ่ายมาหาฉัน”
“หาว่าไงนะ”
สาวน้อยหัวเราะ “เอาเถอะ พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก”
ฉัตรทำหน้างุนงง ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่วัยก็เท่ากันแท้ ๆ แต่ดันพูดจาเป็นผู้ใหญ่ไปได้
“เอาน่า มานี่” เธอปลอบพลางเอื้อมไปจับมือที่ฉัตรถือพู่กันอยู่ แล้วพูดต่อ “ฉันจะสอนเธอใช้พู่กันเอง”
เสียงหวูดรถไฟทำเอาเขาสะดุ้งตื่น ดูเหมือนรถไฟเทียบสถานีกรุงเทพแล้ว
.....................................................
ทั้งสองมาถึงทางสำหรับแยกย้ายกันกลับบ้าน ฉัตรก็ยังคงคุร่นคิดอะไรอยู่ ทันจึงเอามือตบไหล่เขาเบา ๆ
“มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ อย่าเพิ่งคิดมาก ไว้ฉันจะลองถามพ่อดู เรื่องสมัยเรายังเด็ก เรื่องที่ฉันเคยไปบ้านเกิดของนาย” ทันปลอบใจ จากนั่นก็ค่อย ๆ ละมือออกจากบ่าของฉัตร แต่ก็โดยฉัตรจับข้อแขนเอาไว้ก่อน
“ไม่ นายต้องไปกับฉัน มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวฉัน อะไรบางอย่างที่ฉันนึกไม่ออก” ฉัตรบอกแกมบังคับ
“ไปไหนล่ะ”
“โรงพยาบาล
ที่ ๆ พ่อฉันทำงานอยู่”
กว่าพวกเขาทั้งคู่จะเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก็เย็นมากแล้ว ยิ่งฉัตรเดินเข้าใกล้ห้องพักของพ่อเท่าไหร่ ใจก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น สองเท้าก้าวเร็วขึ้น และเร็วขึ้น จนทันเดินตามแทบไม่ทัน ไม่นานนักก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพักของพ่อ ประตูห้องนั้นถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ทำให้ฉัตรเห็นพ่อซึ่งกำลังนั่งฟุบหลับอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา
“ฉันว่าเอาไว้นายค่อยคุยกับพ่อนายตอนกลับบ้านดีไหม” ทันเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นสภาพของพ่อฉัตรในห้อง
“เมื่อไหร่ล่ะ กว่าพ่อจะกลับไปบ้านก็ไม่รู้จะดึกแค่ไหน” ฉัตรตอบ ว่าแล้วก็เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานทันที
เสียงฝีเท้าหนักแน่นของฉัตรทำให้พ่อตื่นขึ้น ดูแปลกใจไม่น้อยที่เห็นฉัตรมายืนอยู่ที่นี่ วูบแรกเขายังคิดว่าตัวเองฝันไป
“อ้าว มาทำอะไรที่นี่ล่ะลูก” พ่อถาม
“ฉัตรมีเรื่องอยากจะถามพ่อหน่อย”
“ได้สิ ถามมา” ถึงตอนนี้สีหน้าของพ่อเริ่มซีเรียสขึ้นเนื่องจากน้ำเสียงของฉัตรนั้นดูจริงจังมาก
“วันนี้ผมไปบ้านเก่ามา” ฉัตรเปิดประเด็น
“หา ว่าไงนะ ลูกไปโดยที่ไม่บอกกล่าวพ่อสักคำ หากเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมา จะทำยัง...”
“พ่อ บ้านเราไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว” ฉัตรพูดแทรกขึ้นก่อนที่พ่อจะเริ่มบ่นยาวมากกว่านี้
“หมายความว่าไง พ่อไม่เข้าใจ”
ฉัตรยื่นรูปที่ถ่ายให้พ่อดูก่อนพูดต่อ “นี่ไง ปกติบ้านเราอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอฮะ”
พ่อจ้องดูรูปที่ลูกชายชี้นิ้วให้ดู พลางทำสีหน้าแปลกใจ เขายังไม่เอ่ยอะไรค่อย ๆพลิกดูรูปที่เหลือจนหมด แล้วก็หยิบรูปหนึ่งขึ้นมายื่นให้ฉัตรดู รูปบ้านสองชั้นสภาพเก่าทรุดโทรม
“นี่ไง บ้านหลังนี้ไง ...” พ่อบอก เขานิ่งไปสักพักจ้องมองลูกชายก่อนจะพูดต่อไปว่า “ช่วงที่พ่อไม่อยู่ลูกได้รับความกระทบกระเทือนอะไรทางสมองบ้างรึเปล่า”
“พ่อ ผมปกติดีนะ ถ้านั่นบ้านของเรา แล้วแม่ละฮะ แม่อยู่ไหน แม่แยกกับพ่อแล้วย้ายไปอยู่บ้านเก่าไม่ใช่เหรอ ตอบผมสิ” ฉัตรเถียงทันควัน
ถึงตอนนี้สีหน้าของพ่อราวกับมีอะไรจุกอยู่ในลำคอ พ่อยืนนิ่งไม่ตอบอะไร
“ตอบมาสิ พ่อ แม่หายไปไหน” ฉัตรยังคงย้ำร้องขอคำตอบ
“แม่ ตายนานแล้ว นะลูก” พ่อตอบ
“ว่าไงนะฮะ”
“แม่เขาตายแล้ว ตั้งแต่ลูกอายุสิบขวบ ฉัตร ลูกจำไม่ได้จริง ๆ เหรอ” พ่อย้ำอย่างเป็นกังวล
คำตอบที่ฉัตรได้ยินมันช่างเกินความคาดหมาย เขาหวังว่าแม่อาจจะย้ายไปอยู่กับญาติสักคน หรือเลวร้ายสุดก็ไปมีแฟนใหม่ ไม่ใช่อย่างนี้ ไม่ใช่คำตอบแบบนี้ ขณะที่ทันก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน ทุกอย่างรอบกายเงียบสงัด มันเหมือนพายุที่กำลังจะก่อตัวขึ้นในไม่ช้า
“ไม่จริง!! พ่อโกหก” ฉัตรเอ่ยขึ้นนัยตาแดงก่ำ “มีแต่คนโกหก แม่ตายไปทั้งคน ผมจะลืมไปได้ยังไงกัน”
พูดจบฉัตรก็รีบวิ่งออกจากห้องในทันที เสียงพ่อเรียกชื่อเขาตามหลังแต่นั่นกลับทำให้เขายิ่งรีบจ้ำเท้าเร็วขึ้นอีก
“เดี๋ยวผมตามไปเองครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” ทันพูดขึ้นแล้วก็รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ฉัตรยังคงวิ่ง วิ่ง แล้ววิ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะวิ่งไปไหน เพียงแต่รู้สึกว่าถ้าหากหยุดลงตรงนี้ เขาต้องเป็นบ้าแน่ ๆ แค่สัปดาห์เดียวก็รู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อะไรกันที่ดลใจให้ต้องมาตามสืบหาอะไรที่ไม่เข้าเรื่อง อะไรกันแน่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ อึดใจต่อมาร่างของเขาก็ถูกน้ำหนักบางอย่างกดทับ จนเสียหลักล้มกลิ้งลงไปกับพื้น และก็ถูกพลิกร่างกลับให้นอนหงายตัวและโดนกดทับไว้อีกที เป็นทันนั่นเองที่วิ่งตามเขามาจนทัน
“เป็นบ้าอะไร เรื่องมันอาจไม่เป็นอย่างที่นายคิดก็ได้ ฉัตร” ทันเอ่ยอย่างมีน้ำเสียง
“นายก็ไม่เชื่อฉัน นายก็คิดว่าฉันบ้าไปแล้วงั้นสิ” ฉัตรตะโกนตอบ กลุ่มที่เดินไปมา ต่างจ้องมองจนคิดว่าเด็กทั้งสองจะชกต่อยกัน ทำให้ใครบางคนโทรแจ้งตำรวจทันที
“ไม่ได้คิด” ทันแย้ง
“คิดสิ” ฉัตรพูดกลับ
“ไม่ได้คิด”
“คิด”
“ฉันบอกไม่ได้คิดยังไงเล่า!!” ว่าแล้วทันก็บรรจงลงหมัดไปที่หน้าฉัตรหนึ่งป้าบ นั่นทำให้เขาเงียบลงได้ “ก็จริง ที่ฉันจำได้ว่าบ้านนายอยู่ตรงนั้น ซึ่งนายบอกว่ามันไม่ใช่”
“เห็นไหมล่ะ” ฉัตรบอกแทรก
“ฟังก่อนสิ แต่ฉันจำได้ว่า แม่นายยังไม่ได้ตาย” ทันพูดต่อ
“ว่าไงนะ” ฉัตรถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ปีที่แล้ว ฉันยังจำได้ว่าแม่นายยังมางานที่โรงเรียนอยู่เลย”
“แล้วทำไมพ่อฉันถึงได้พูดอย่างนั้น”
ฉัตรถามอีก
“ฉัน ... ไม่รู้”
ทันตอบ
ทั้งสองคนนิ่งเงียบไปพักใหญ่
ลำดับความถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนและปีก่อนหน้าไปอีก
แต่แล้วทันก็เหลือบไปเห็นตำรวจสองคนกำลังวิ่งตรงมาที่พวกเขา
ทำให้ทันรีบฉุดฉัตรลุกขึ้นโดยเร็ว
“ไปกันเถอะ ฉันยังไม่อยากไปสถานีตำรวจด้วยเรื่องงี่เง่า” ทันบอก
“ไปไหนล่ะ” ฉัตรถาม เขาไม่รู้ว่าจะไปเริ่มที่ตรงไหนแล้วตอนนี้
“บ้านเกด”
ว่าแล้วทั้งสองก็กระโดดพรวดเข้าพุ่มไม้ที่อยู่ข้าง
ๆ แยกย้ายไปคนละทาง เพราะต่างคนต่างก็รู้จุดหมายปลายของเขาทั้งสองอยู่ไหน
ความคิดเห็น