ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [HaeEun fiction] .. ●~A Moment of Remember ~●

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 : อ้างว้างเหลือเกิน

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 52


    A Moment of Remember.
    Chapter 6 : อ้างว้างเหลือเกิน
     
     
                                                                                                                       
     
     
     
     
     
     
                                     ตารางการทำงานของ Super Junior ยังคงแน่นเอี้ยดเหมือนเช่นทุก ๆ วัน  อึนฮยอกเองก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแต่วันนี้ตลอดทั้งวัน ทุกครั้งที่พอจะมีเวลาให้พักบ้าง ... เขาก็มักจะคอยหลบหน้าทงเฮเสมอ  เขาแทบไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ
     
     
                                    อาการที่เฉยเมยแบบนี้ .. ทำให้ทงเฮรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกหมางเมินแบบนี้มันยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
     
     
                                                   
    - - - -
     
    - - -
     
    - -
     
    -
     
                           
     
                          
     
                            ตุ้บ !!
    เสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่ Super Junior กำลังจะเดินเข้าไปยังสตูดิโอสีดำขนาดใหญ่ ทงเฮที่เพิ่งก้าวลงจากรถเป็นคนสุดท้ายหันหน้าไปตามเสียงนั้น ภาพที่เห็นถึงกับทำให้ค้างไปชั่วครู่  .. ร่างผอมบางที่คุ้นเคยกำลังนั่งกองอยู่กับพื้น ... ทงเฮรีบวิ่งไปหาทันที ก่อนจะยื่นมือเข้าไปเพื่อหวังจะฉุดให้ยืนขึ้น
     
     
     
    แต่ท่ามกลางสายตาของสมาชิกทุกคนที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ... อึนฮยอกปัดมือของคนตรงหน้าออกอย่างเย็นชา ก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ....
    อีทึกที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะทำให้อะไร ๆ มันแย่ลง .... เพราะปากที่มักพูดโดยไม่ทันได้คิดของเขา    เฮ้อ!! …. เมื่อเช้าพูดแรงไปหรือเปล่านะเรา - -*
     
              
    - - -
     
    - -
     
    -
              
     
    ในเวลาเดียวกัน ทงเฮที่กำลังยืนค้างก้มมองมือของตัวเอง มือที่เพิ่งถูกคนรักของเขาปัดออกอย่างไม่ใยดีด้วยสายตาเศร้าหมองนั้น .... .. อยู่ดี ๆ ก็มีสัมผัสอบอุ่นจากมือของใครบางคนตบลงที่บ่าของเขาาเบา ๆ เหมือนต้องการจะให้กำลังใจ เขาจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ...
      
     
    “ ไปกันเถอะ..... “ --   อีทึกพูดออกมาเขิน ๆ ก่อนจะพยายามดันให้คนข้าง ๆ เดินเข้าไปข้างใน ทงเฮแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ... นี่คือคน ๆ เดียวกับเมื่อเช้าหรือเปล่า ในขณะที่ร่างสูงกำลังจะอ้าปากถาม
                                                   
     
     
    “ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ... เรื่องเมื่อเช้าให้ถือซะว่าไม่ได้เกิดขึ้นแล้วกัน .. แต่จำไว้นะ!!  ถ้าคราวหน้านายทำอะไรแบบนั้นอีก .. ฉันเอานายตายแน่!!! “ --   อีทึกพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะดันเจ้าน้องชายตัวปัญหาให้เดินเข้าไปในสตูดิโอพร้อมกับเขา...
     
     
    -  -  -
              
     
    -  -
     
     
    -
     
     
     
     
     
    กว่าอีทึกและอึนฮยอกจะเสร็จงานของวันนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว สมาชิกคนอื่น ๆ ต่างก็กลับบ้านไปพักผ่อนกันหมดแล้วเช่นกัน พวกเขาทุกคนดูจะเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก.. ...... ตลอดเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังหอพักของพวกเขาทั้งสองคน ...  อีทึกจะคอยเหลือบมองน้องชายคนที่นั่งอยู่ด้านขวามือของเค้าเป็นระยะ ....
     
     
    “ เป็นอะไรหรือเปล่า ... นายดูเหนื่อยกว่าที่ฉันคิดไว้นะ “ --   น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยทำลายความเงียบ อึนฮยอกหันมองใบหน้าของคนที่กำลังขับรถอยู่ ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไร มือหนาข้างที่ไม่ต้องจับพวงมาลัยของอีทึกค่อย ๆ เอื้อมไปลูบผมอีกคนนึงเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนไปจับปลายคางให้หันหน้ากลับมา
     
     
    “ ผม ... ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ “ --   แววตาเศร้าคลอไปด้วยน้ำตา
                                                                        

    บางที .. ผมอาจจะเหนื่อยกว่าทุกคนจริง ๆ ก็ได้นะ
     
     
    เพราะถึงแม้ตลอดทั้งวัน .. ผมจะเอาแต่หลบหน้า หันหนีแววตาของเขา
     
    แต่ทำไม .. ทุกครั้งที่เสียงโทรศัพท์เครื่องบางของเขาดังขึ้น
    ทำไม .. สายตาของผม  ถึงเลือกที่จะหันไปมอง
    ทำไม .. หัวใจของผม  ถึงเลือกที่จะบอกว่า
    ระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้น .. ดูจะเป็นมากกว่า คนที่เคยรักกัน
     
     
    แล้วทำไม .. ทำไมผมถึงต้องเหมือนเป็น ส่วนเกิน ” ทุกครั้งที่หันไป.......
     
     
     
    - - - -
     
    - - -
     
    - -
     
     
     
    “ เอาน่า ... อย่าคิดมากไปเลยนะ “ --   อีทึกรู้สึกแย่เมื่อเห็นสภาพของน้องชายคนนี้ เขาพยายามคิดหาคำพูดที่พอที่ช่วยให้ร่างบางดีขึ้นมาได้บ้าง ... แต่ทำไมอยู่ดี ๆ สมองของเขาก็ดันมีภาพของใครบางคนลอยเข้ามา
                                                                
           
                                                                       
     
    “ ฮยองกำลัง ... คิดถึงฮีชอลฮยองอยู่หรอครับ “ --   น้ำเสียงที่เรียบเย็นดูจะดึงสติของคนขับรถให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างดี .. เขาาหันไปมองคนข้าง ๆ ด้วยสายตาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้า
     
    ไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้องชายคนนี้จะรู้ว่าลีดเดอร์ของวงกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะอีทึกมักจะแสดงความรู้สึกออกมาทางสายตาเสมอ แล้วยิ่งต้องจัดรายการวิทยุด้วยกันทุกคืน ... จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่อึนฮยอกจะดูออก
     
     
     
     
     
    “ น่าอิจฉาจัง..... “
    อึนฮยอกเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่คนนั่งข้าง ๆ จะได้ยิน .. อีทึกหันกลับมายิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปขยีผมของน้องชายเล่นอย่างเบามือ อีทึกไม่ได้พูดเอาอะไร เค้าเพียงคืนกุญแจรถให้ร่างเบาเท่านั้น ก่อนจะก้าวออกจากรถแล้วเดินนำไปยังประตูทางเข้า ... ..
     
     
     
    ร่างบางยังคงนั่งอยู่ในรถ เขากำลังเฝ้ามองแผ่นหลังพี่ชายที่เดินเร่งฝีเท้าตรงไปยังใครบางคนที่ยืนรออยู่ตรงประตูทางเข้า .. .... อีทึกตรงเข้าโอบกอดคนตรงหน้าทันทีที่เดินไปถึง
     
     
    “ อ่าาาา คิดถึงจังเลย มายืนรอนานหรือยัง .... หนาวไหม “ --   อีทึกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเป็นอย่างมาก
     
    “ ก็หนาวนิดหน่อยนะ ...... แต่ฉันว่า ทึกกี้กลับขึ้นไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ ... เหนื่อยมาทั้งวันเลยนี่น่า “ --   คนตรงหน้าก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างมากเช่นกัน
     
    “ งั้น .... คืนนี้หลับฝันดีนะครับ .. .... ทึกกี้ รัก เจ้าหญิงนะ “   คนตรงหน้าเมื่อได้ยินคำว่า รัก ก็ถึงกับยิ้มจนเผยให้เห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง
     
    “ หลับฝันดีเหมือนกันนะ ... ฮีนิมคนนี้ก็ รัก นายเช่นกัน “   อีทึกเองเมื่อได้ยินคำ ๆ นั้นก็ถึงกับยิ้มจนเห็นลักยิ้มเช่นกัน ก่อนร่างทั้งสองจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกครั้ง
                                   
     
     
     
     
     
     
    อึนฮยอกจะรู้สึกอิจฉาทุกครั้งที่เขาต้องมาเห็นภาพพี่ชายทั้งสองคนบอกรักกันแบบนี้ ...เพราะพี่อีทึกและพี่ฮีชอลไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ได้นอนอยู่ห้องเดียวกัน ถึงจะหอพักเดียวกัน แต่ก็คนละโซน .. แถมยังตารางงานที่ไม่ค่อยตรงกันอีก แต่คงเพราะ รัก” .. รักคำเดียวเท่านั้น
     
     
    ในทุกค่ำคืนตรงหน้าประตูทางเข้า พี่อีทึกจะรอ .. รอจนกว่าจะได้เจอคนรัก .. รอจนกว่าจะได้พูดคำว่ารัก .. .. และจะรอกว่าจะได้โอบกอดร่างของคนที่ทั้งหัวใจของเขามีเพียงคน ๆ นี้เท่านั้น....... เพราะถึงแม้จะมีบ้างที่ทะเลาะ  จะมีบ้างที่งอน  แต่อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่พวกเขายังคงมีให้กันเสมอ ... นั่นคือการบอกรัก ..
     
    ตลอดทั้งวันถึงแม้จะสามารถบอกว่ารักได้ในทุกครั้งที่ต้องการ แต่เขาทั้งสองก็เลือกที่บอกเฉพาะเวลาแบบนี้เท่านั้น ...... เพราะทั้งพี่อีทึกและพี่ฮีชอลต่างรู้ดีว่าคำว่า รัก” มันมีค่ามากเกินกว่าจะเอามาพูดเล่นไปวัน ๆ ... เหมือนอย่างที่ทงเฮกำลังทำกับเขาอยู่ตอนนี้!! .... ยิ่งคิดน้ำตาของคนอ่อนแอก็เริ่มเอ่อไหลออกมาอีกครั้ง
     
     
     
     
    “ ทำไมตัวฉันถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ “ --   อึนฮยอกบ่นกับตัวเองหลังจากใช้มือทั้งสองข้างยกขึ้นปาดน้ำตาทิ้งไป ก่อนจะก้าวออกจากรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
     
     
     
     
     
     
     
     
    อึนฮยอกก้าวเดินไปเรื่อย ๆ บนถนนที่ทอดยาวสู่สวนสาธารณะขนาดไม่ใหญ่มากนักภายในหอพัก ณ ที่ตรงนั้น ร่างบางหย่อยตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่อยู่กลางสวน เก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเคยนั่งเคียงข้างกับคน ๆ นั้น แต่ตอนนี้ข้างกายมีหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า .... ..
     
     
     
     
     
                                   
    พระผู้เป็นเจ้า ... เมื่อไหร่ผมจะพบเจอกับความสุขเหมือนคนอื่นบ้าง….
    ทั้ง ๆ ที่ผมก็รักเขามาก
     
     
    รักจนหมดหัวใจ รักจนไม่คิดจะมองใครอีก...
    แต่ทำไม ... สิ่งที่ผมได้รับกลับมา กลับกลายเป็นเพียงคำพูดและภาพมากมาย
    ที่คอยแต่จะทิ่มแทงหัวใจของผมให้เจ็บลงไปเรื่อย ๆ
     
     
    ผมยังจะหวังได้อีกไหมพระผู้เป็นเจ้า ...  พอจะหวังให้ความรักของ ลี ทงเฮ ... เดินทางกลับมาได้ไหม...
     
     
     
                                    - - - -
     
     
                                    - - -
     
     
                                    - -
     
     
                                    
                            อีกมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ.......
     
     
     
     
                                    ปรากฎร่างของใครบางคนที่เพิ่งเดินทอดอารมณ์เข้ามายังที่แห่งนี้ ก่อนที่สายตาของเขาจะหันไปเห็นร่างของใครอีกคนหนึ่งนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามองตี 1 กว่าแล้ว
     
     
                                    “ ยังมีคนอยู่ที่นี่อีกหรอ  .. น่าแปลกจริง ๆ “ --   ชายหนุ่มนึกสงสัย ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งหันหลังให้เขาอย่างเงียบที่สุด ...    
     
     
     
     
     
     
     
                                    ภายในสวนสาธารณะที่เงียบสงบยามค่ำคืน แสงจันทร์สาดส่อง ต้นไม้น้อยใหญ่มีละอองน้ำค้างเกาะต้องแสงของพระจันทร์ระยิบระยับงดงาม ... อึนฮยอกที่กำลังนั่งอย่างเหม่อลอยอยู่กลางสวนนั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ...  แต่เพราะสายลมที่พัดโชยเอาความเย็นมากระทบใบหน้าก็สามารถเรียกความรู้สึกของเจ้าตัวให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง มือเรียวบางยกขึ้นปาดน้ำตาบนหน้า ก่อนจะลุกขึ้นยืนสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดอยู่สักครู่....
     
     
     
                                    ในจังหวะที่ร่างบางกำลังหันหลังเพื่อเดินมุ่งหน้ากลับสู่ห้องพักของเขา สายตาของใครอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก็ถึงกลับผงะทันที
     
                                    


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×