คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : ภาพที่ไม่อยากมอง
A Moment of Remember.
Chapter 1 : ภาพที่ไม่อยากมอง
พระผู้เป็นเจ้า ..... ทุกค่ำคืนที่ผมเฝ้าอธิษฐานให้เค้าคนนั้นมีสุขภาพที่แข็งแรง มีความสุขในทุก ๆ วัน ที่ผมและเค้าต้องห่างไกลกัน ก็เผื่อให้เค้าตอบแทนความรักของผมด้วยสิ่งนี้ใช่ไหม จะเป็นไปได้ไหมถ้าภาพตรงหน้าของผมจะเป็นเพียงฝันร้าย และจะจางหายไป เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้น จะเป็นไปได้ไหม
ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า ... ขอท่านได้โปรดอวยพร ให้ผมพบกับความสุขบ้าง อาเมน ......
....
...
..
.
“ยินดีด้วยนะได้ที่ 1 อีกแล้ว .. สิก้าคนสวยของพี่เก่งจังเลย” (^∇^)
“บ้า!!!! พูดอะไรแบบนี้ ............... แต่ก็ขอบคุณนะ วันนี้โอป้าก็เยี่ยมเหมือนกัน” 。◕‿◕。
ดูเหมือนพระเจ้าจะประทานคำตอบให้แก่ร่างบางแล้ว ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของเค้า รวมทั้งเสียงพูดคุยหลอกล้อของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ยังคงฝั่งแน่นอยู่ในดวงตาเรียวเล็กนั้น ร่างบางค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาล้นออกมาข้างนอก เพราะเค้าไม่ต้องการเห็นภาพเหล่านั้น ภาพที่มีแต่รอยยิ้มจากคนรักของเค้า รอยยิ้มที่ผู้หญิงคนนั้นเคยทำลายมัน และเค้าคนนี้เป็นคนทำให้มันกลับคืนมาอีกครั้ง
“ อึนฮยอก .... นายไม่ควรร้องไห้ในเวลาแบบนี้นะ ”
เยซองพูดขึ้นโดยที่ใบหน้าของเค้าไม่ได้หันไปมองร่างบางเลย เยซองใช้มือของเค้าโอบแขนของร่างบางไว้แน่น เค้ารู้ดีว่าทำไมร่างบางถึงเงียบไป ..... เพราะภาพที่ร่างบางเห็น เยซองก็เห็นเหมือนกัน จึงไม่จำเป็นที่เค้าจะต้องไปซักถาม ว่าเพราะอะไรอึนฮยอกถึงเป็นเช่นนี้
“ ....................... ”
“ พี่เข้าใจนายนะอึนฮยอก พี่เข้าใจว่านายกำลังรู้สึกยังไงตอนนี้ แต่เชื่อพี่เถอะ .... เวลาแบบนี้ไม่เหมาะกับหยดน้ำตาของนายหรอก มันมีค่ามากเกินกว่าที่นายจะเอาไปแลกกับผู้หญิงคนนั้น คนที่เคยทำลายรอยยิ้มที่นายทั้งรักทั้งหวง ....... เชื่อพี่นะอึนฮยอก ”
เยซองพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องชายของเค้ายังคงเงียบอยู่ มือที่โอบแขนของร่างบางตลอดเหตุการณ์นี้ ได้ขยับออกเล็กน้อย เค้าหันไปกอดร่างบางพร้อมกับตบบ่าสองสามที
“ ถ้าเค้ารักนายจริง พี่เชื่อว่าเค้าจะต้องกลับมา ..... เข้มแข็งไว้นะ ” เยซองกระซิบข้างหูของอึนฮยอก ก่อนจะปล่อยให้ร่างบางต้องเผชิญความโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
เยซองอยากจะอยู่เคียงข้างน้องชายคนนี้เหลือเกิน แต่เพราะเรียวอุคกำลังส่งสายตาสงสัยอะไรบางอย่างมาทางเค้ากับอึนฮยอก เยซองจึงทำได้เพียงเดินจากไป โดยที่อึนฮยอกก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น
ร่างบางเข้าใจทุกอย่างในสิ่งที่พี่ชายของเค้าพูด แต่เค้าก็ไม่สามารถรับกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้ได้เหมือนกัน ดูเหมือนตอนนี้จะมีสิ่งเดียวที่ร่างบางคิดได้ ........
ฉันควรจะหายไปจากที่แห่งนี้ ... ไม่รอช้า ขาเรียวบางนำพาร่างทั้งร่าง ก้าวลงจากขั้นบันได เพื่อต้องการหลบไปยังต้องห้องพักศิลปิน แต่แล้วดูเหมือนจะมีสัมผัสจากใครบางคนมารั้งเอวเค้าไว้
“ ฮยอกกี้โอป้า จะไปไหนหรอ มาสนุกด้วยกันก่อนสิค่ะ เพลงกำลังจะเริ่มแล้ว ..... นะ นะ นะ นะ นะ ”
หญิงสาวพูดขึ้น โดยที่แขนของเธอยังคงโอบกอดเอวของร่างบางอยู่แบบนั้น
ร่างบางตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางให้หญิงสาวคนนั้นจับสังเกตุได้ ..... ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ต้องอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่เพราะสายตาวิงวอนออดอ้อนของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เวลานี้ร่างบางจึงทำได้เพียงเก็บความรู้สึกเอาไว้เท่านั้น อึนฮยอกระบายยิ้มให้กับหญิงสาว
“ ได้สิ ... แต่โอป้าคงอยู่นานไม่ได้หรอกนะ เพราะโอป้ายังต้องไปจัดรายการวิทยุอีก ...... เข้าใจมั้ย ยัยทิฟฟานี่ตัวดี นี่แหน่ะ!!!!!!!!!!! ” อึนฮยอกเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับใช้มือบีบจมูกของทิฟฟานี่ไปมา ด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ โอ๊ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เจ็บนะ ” (。>д<)
“ โอป้าทำอะไรเนี้ย มาบีบจมูกของน้องทีฟทำไม ถ้ามันเบี้ยวขึ้นมานะ .... โอป้าต้องรับผิดชอบด้วย ” ( -`д´-)
“ โอ้ววววววว เจ็บมากไหม โอป้าขอโทษนะ ..... งั้นเด๋ว โอป้าบีบกลับคืนให้แล้วกันนะ มามะ ..... มาให้โอป้ารักษาเร็ว ” ร่างบางยืนมือไปที่ปลายจมูกของทีฟฟานี่อีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฎขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
“ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่าเข้ามานะ ” ทิฟฟานี่ถอยหลังอย่างรวดเร็ว เพื่อให้รอดพ้นจากการกลั่นแกล้งของร่างบาง
“ ไม่เล่นด้วยแล้ว รีบตามมาแล้วกันนะโอป้าจอมโหด .... แบร่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ”
ทิฟฟานี่พูดด้วยน้ำเสียงแอบเคืองอึนฮยอกเล็กน้อย เธอออกตัววิ่งหนีก่อนที่จะหันหลังกลับมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ร่างบางอีกครั้ง
อึนฮยอกยืนหัวเราะชอบใจในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะแกล้งทิฟฟานี่ไป ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนกลับเข้าสู่โหมดเหม่อลอยอีกครั้ง ร่างบางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ เฮ้ออออออออออออออออ ... ฉันควรจะเดินไปตรงนั้น หรืออยู่ตรงนี้ดีนะ ”
“ นี่!!!!!!!!!!!!!! จะเดิน ไม่เดินก็เลือกสักทางได้หมะ นายจะย้ำคิดย้ำทำทำไมเนี้ย เด๋วก็แช่งให้เป็นแมลงสาบซะเลย ............... ชิส์!!!!! ตกลงยังเลือกไม่ได้ใช่หมะ งั้นเดินไปพร้อมกับฉันเลย “
“ ย่าาาาาาาาาา ... นายก็อีกคน จะยืนทื่อเป็นตอไม้ขวางทางชาวบ้านเค้าทำไมเนี้ย ”
ฮีชอลตะโกนใส่หูของอึนฮยอก พร้อมกับหันไปตะโกนใส่อีทึกเช่นกัน ทั้งอีทึกและอึนฮยอกสะดุ้งโหยงสุดตัว ก่อนจะโดนแรงดันของคนหน้าสวยผลักให้ทั้งสองคนเดินไปทางด้านหน้าของเวที
ฮีชอลผลักร่างบางถล้าในชนเข้ากับแผ่นหลังแกร่งของทงเฮพอดีบพอดี ก่อนจะกระชากแขนของอีทึกไปอีกทางหนึ่ง แต่คราวนี้จากแรงกระชากค่อย ๆ ลดระดับลงจนเหลือเพียงสัมผัสบางเบาของคนหน้าสวยที่จับแขนอีทึกไว้ ก่อนจะเริ่มบีบแน่นขึ้นอีกครั้ง จนอีทึกต้องหันมามอง
“ ทึกกี้ .... วันนี้ฉันคงไปรายการวิทยุของนายไม่ได้นะ ” ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่อย่างเห็นได้ชัด
“ อืม ฉันรู้แล้วหละว่านายมีอะไรบางอย่างที่ต้องทำ .... เพราะงั้นตอนนี้เราก็มาสนุกด้วยกันดีไหม ชดเชยกับค่ำคืนนี้ ที่นายจะไม่ไปรายการวิทยุของฉันไง “
น้ำเสียงที่อ่อนโยนของอีทึก สามารถทำให้คนตรงหน้าคลายความกังวลและเผยรอยยิ้มที่ทำให้อีทึกตกหลุมรักออกมาจนได้
“ ขอบใจที่นายเข้าใจฉันนะทึกกี้ งั้น ... เรามาแข่งเต้นกัน ว่าแต่ ... นายจะเต้นเป็นหรอเพลงนี้อะ ”
“ หน่อยยยยยยย ดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ คอยดูฝีมือฉันก็แล้วกัน “
ไม่รอช้า อีทึกพยายามโชว์สเต็ปท่าเต้นที่เค้าแอบเต้นกับอึนฮยอกเวลาจัดรายการวิทยุให้คนหน้าสวยดู แต่เหมือนความแตกต่างจะเกิดขึ้นทันที เมื่อคนหน้าสวยเริ่มโชว์สเต็ปบ้าง สเต็ปที่ฮีชอลไม่จำเป็นต้องซ้อม ไม่จำเป็นต้องฝึกหัดเหมือนกับสเต็ปท่าเต้นในอัลบั้มของวงตัวเอง ฮีชอลหันไปกระตุ๊กยิ้มที่มุมปากให้อีทึก เพื่อเป็นการบอกว่า ฉันชนะนายเห็น ๆ แต่ดูเหมือนอีทึกจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าคงไม่มีทางชนะแน่ เค้าจึงทำเพียงยิ้มให้คนหน้าสวยเท่านั้น
เสียงหัวเราะคิกคักระหว่างคนสองคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง จนทำให้ใครหลาย ๆ คนต้องหันไปมอง ชินดงก็เช่นกัน เค้าหันไปทางต้นเสียงนั้น ภาพที่เค้าเห็น คือ พี่ชายสองคนกำลังเต้นแข่งกัน ดูเหมือนเด็กที่ไม่ยอมกันสักที
“ อีทึกฮยอง ฮีชอลฮยอง ให้ผมเล่นด้วยนะ “ สิ้นเสียงชินดงก็อยู่ระหว่างกลางของทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว
.
.
.
ร่างสูงมองภาพพี่ชายทั้งสองคนที่เค้านับถือกำลังเล่นกันเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เค้าหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะหันกลับไปหาร่างบางที่อยู่ด้านหลังของเค้าในเวลานี้ ทงเฮโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าของอึนฮยอก โดยที่ร่างบางไม่ทันได้ตั้งตัว
“ ทำไมหน้ามุ้ยจัง ยิ้มหน่อยสิครับที่รัก “ ทงเฮพูดพลางยิ้มอย่างอบอุ่น ก่อนจะขโมยหอมแก้มร่างบางไปหนึ่งที
“ ฉันรักนายนะฮยอกกี้ “ ร่างสูงไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานปิดท้าย มือเรียวบางยกขึ้นสัมผัสความอบอุ่นบนพวงแก้มใสอยู่เพียงชั่วครู่
“ ทงเฮ “
“ หือ .. ว่าไงครับ “ ร่างสูงถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างมาก ร่างบางก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองทงเฮด้วยแววตาที่ปวดร้าว
“ คือว่า ........ นายกับ “
พูดยังไม่ทันจบประโยคอึนฮยอกเงียบเสียงลง คนตรงหน้าหายไปแล้ว ร่างบางอึ่งเล็กน้อยก่อนสายตาจะจ้องมองไปยังร่างสูง ที่ตอนนี้ถล่าเดินไปตามแรงดึงของหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวที่เป็นรักแรกของทงเฮ
..
.
“ ทงเฮ ... ฉันยังสำคัญสำหรับนายอยู่หรือเปล่า หรือฉันเป็นเพียงคนเช็ดน้ำตาในเวลาที่นายกำลังเจ็บปวด แต่พอรอยยิ้มของนายกลับมา นายก็จะทิ้งฉันไป ฉันคงหมดประโยชน์แล้วใช่ไหม ..... เนี้ยเหรอ ความรัก ทำไมถึงได้เจ็บปวดอย่างนี้นะ “
อึนฮยอกพึมพำออกมาเบา ๆ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวจนน้ำตาใส ๆ เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง ร่างบางหันหน้าหนีและรีบปาดน้ำตาทันที ก่อนจะเดินออกไปยังลานจอดรถ โดยไม่หันมองร่างสูงอีกเลย
ความคิดเห็น