ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [HaeEun fiction] .. ●~A Moment of Remember ~●

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 : บรรยากาศสุดอึมครึม

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 52


    A Moment of Remember.

    Chapter 10 : บรรยากาศสุดอึมครึม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                              หอพัก  STAR CITY…..

     

     

                                    ชายหนุ่มร่างผอมบางก้าวเดินอย่างโซซัดโซเซ เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่อาคารที่พัก  แต่เพราะอากาศที่เย็นจัดในเวลากลางคืน บวกกับสภาพร่างกายที่แสนอ่อนล้าทั้งเรื่องงานและเรื่องของหัวใจ.....  จึงส่งผลให้ร่างของชายหนุ่มเริ่มหนาวสั่น อาการมึนหัวค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิด...  อึนฮยอกพยายามสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะพาร่างของตัวเองก้าวเข้าไป    ภายในลิฟท์.... อึนฮยอกค่อย ๆ เอียงหัวพิงบานประตูที่เย็นเฉียบพร้อมหลับตาลงอย่างอ่อนล้า......  แต่เพียงไม่นานนัก ..... 

     

     

     

     

     

     

    ตึ๊ง!! 

    เสียงลิฟท์ดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก  เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งเปิดออกอย่างช้า ๆ เช่นกัน  หากแต่ภาพที่ฉายอยู่เบื้องหน้ากับพร่ามัวจนไม่สามารถมองออกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้คืออะไร  มือเรียวบางทาบเข้าที่กำแพงห้องข้างทาง  ก่อนจะพยายามพาร่างของตัวเองไปให้ถึงยังห้องพัก.....  เพียงแค่เวลาสั้น ๆ แต่กลับทำให้รู้สึกยาวนานจนแทบทนไม่ไหว 

     

     

     

    ร่างผอมบางที่ไร้เรี่ยวแรงของอึนฮยอก  ยืนโงนเงนอยู่หน้าประตูห้องพักของตัวเอง  ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือข้างหนึ่งไปจับเข้าที่ลูกบิดประตูแน่น  แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดประตู....  ร่างกายของอึนฮยอกก็ร่วงหล่นนอนราบไปกับทางเท้าหน้าห้องพักทันที......

     

     

     

     

    -   -   -   -   -   -   -

     

     

    -   -   -   -   -

     

     

    -   -   -

     

     

    -

     

     

     

     

     

    ความเย็นจากผ้าขุนหนูสีขาวผึนบางค่อย ๆ  ซับลงบนใบหน้าสีขาวซีดของอึนฮยอกอย่างอ่อนโยน  ถึงแม้เวลานี้อึนฮยอกจะรู้สึกสบายตัว  แต่อาการหนาวเหน็บก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่  แม้จะไม่หนักหนาเท่าตอนแรกแล้วก็ตาม... 

     

      นายอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับทงเฮ ได้มั้ย.... เยซอง    เด๋ว.... ฉันจะคุยกับเจ้าตัวปัญหาเอง 

    เสียงของลีดเดอร์ดังแว่วเข้ามาภายในโสตประสาทหูของคนที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง  อึนฮยอกไม่เข้าใจในสิ่งที่อีทึกกำลังพูด  แต่นั่นก็คือเสียงสุดท้ายในค่ำคืนนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไปอีกครั้ง

     

     

     

     

    -   -   -   -   -   -

     

    -   -   -   -

     

    -   -

     

     

     

     

     

    เช้าวันใหม่.....

     

     

       อึนฮยอกจัง!!!   ตื่นได้แล้ว...... 

    มืออวบอิ่มเขย่าร่างของคนที่กำลังนอนอุตุอยู่บนเตียงนอนนุ่ม ๆ  อึนฮยอกลืมตาขึ้นช้า ๆ  มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้ดวงตาเรียวเล็กนั้น  ก่อนจะเพ่งมองไปยังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

     

     

       ขออีกสิบนาทีนะ....ซองมิน 

    อึนฮยอกเอ่ยอย่างแผ่วเบา พลางพลิกตัวคลุมโปงพร้อมหันหน้าหนีทันที

     

     

     

      ไม่ได้นะอึนฮยอก ....  ถ้านายขืนนอนต่อ  นายจะต้องสายเป็นคนสุดท้ายแน่ ๆ  ....  เช้านี้เราต้องไปซ้อมเต้นที่บริษัทด้วยนะ  นายลืมไปแล้วหรอ!!!    --   ซองมินพยายามคิดหาเหตุผลทุกวิถีทาง เผื่อให้เพื่อนรักของเขาลุกขึ้นมาจากเตียง

     

     

     

      รู้แล้วน่ะ...  งั้นขออีกห้านาทีแล้วกัน  ห้านาทีตื่นเลยยยยยย 

    อึนฮยอกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง  ในขณะที่ใบหน้ายังคงทาบติดแน่นกับหมอนใบใหญ่ที่แสนนุ่ม  ซองมินเริ่มรู้สึกได้ว่าเพื่อนรักจะต้องไม่ยอมตื่นง่าย ๆ แน่...  มืออวบอิ่มทั้งสองข้างของซองมินกำแน่นเข้าที่ผ้านวมผืนใหญ่ ก่อนจะกระตุกดึงอย่างแรงให้ผ้าผืนใหญ่นั้น หลุดจากการปกคลุมร่างของอึนฮยอก

     

     

     

     

     

      ตอนนี้ผู้จัดการซึงกำลังปลุกอีทึกฮยองอยู่..... นายอยากให้เขาลงมาปลุกนายด้วยมั้ยล่ะ 

    ซองมินพูดพลางเอื้อมมือดึงแขนผอมบางของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น  คราวนี้อึนฮยอกยอมลุกขึ้นแต่โดยดี เมื่อนึกถึงการปลุกอันแสนโหดร้ายของผู้จัดการซึงฮวาน..... 

     

     

     

     

     

     

    -   -   -   -   -   -

     

     

     

    -   -   -   -   -

     

     

     

    -   -   -

     

     

     

    -

     

     

     

     

     

     

     

      อันยองฮาเซโย!!!! 

    เสียงทักทายจากชายหนุ่มทั้ง 12 คนดังขึ้นพร้อมกับการโค้งให้ทุกคนที่เดินผ่านไปมา ก่อนที่ทุกคนจะพากันเดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องซ้อมของบริษัท SMTOWN...... ภายในห้องซ้อมทุกคนต่างทยอยวางกระเป๋าของตัวเองกองไว้ด้านในสุดของห้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงพูดคุยที่ดังโหวกเหวกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั้น 

     

     

     

     

     

      ฮยอกกี้!!! 

    เสียงหวานเจ้าของใบหน้าสวย ตะโกนเรียกน้องชายที่ยืนเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่างมุมห้องคนเดียว  เจ้าของชื่อหันมองด้วยสายตาสงสัยและแปลกใจ ก่อนจะ.....

     

     

     

     

      โอ๋!!  ..... สวัสดีครับ ฮีชอลฮยอง 

    อึนฮยอกเดินเข้ามาหาพี่ชายหน้าสวยด้วยท่าทางหวาดทันที 

     

     

      นายเป็นยังไงบ้าง... ฉันได้ข่าวจากเจ้าหมาทึก* ว่านายไม่ค่อยสบาย แถมยังต้องมามีปัญหากับเจ้าทงเฮอีก    --   ฮีชอลถามขึ้นอย่างอ่อนโยน เพราะถึงแม้จริง ๆ แล้ว เขาจะไม่สนิทกับเจ้าไก่น้อยคนนี้มากเท่าสมาชิกคนอื่นในวง  แต่ถึงยังไง....อึนฮยอกก็คือน้องชายคนนึงของเขา 

     

     

     

      หน้านายดูเหนื่อยมากเลยนะอึนฮยอก.... จนฉันแทบจำไม่ได้ว่า ฉันเคยเห็นรอยยิ้มของนายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่    --   ฮีชอลพูดทีเล่นทีจริงกับน้องชายที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่อยู่ตอนนี้ เพื่อหวังให้อึนฮยอกหัวเราะขึ้นมาได้บ้าง...  มือเรียวสวยดุจดั่งมือของเจ้าหญิงยกขึ้นสัมผัสอย่างนุ่มนวลบนเส้นผมสีดำเงางามของน้องชายเบา ๆ   ก่อนจะรับรู้ได้ถึงแรงสั่นเล็กน้อยจากคนตรงหน้า

     

     

     

     

     

     

      ขอบคุณที่ฮยองเป็นห่วงผมนะครับ.... แต่ผมไม่เป็นอะไรหรอก  ฮีชอลฮยองสบายใจได้  

    อึนฮยอกเอ่ยเสียงสั่นพลางก้มหน้า  เพราะถึงแม้ฮีชอลจะไม่พูดออกไปตรง ๆ ว่าเขาเป็นห่วงน้องชายคนนี้มากเพียงใด  แต่อึนฮยอกก็สัมผัสความรักและห่วงใยนั้นได้.....

     

     

     

      นี่!!   นายอย่าร้องไห้สิ  เด๋วคนอื่นก็คิดว่าฉันเป็นคนทำให้นายเป็นแบบนี้อีกหรอก 

    คนหน้าสวยพูดน้ำเสียงติดตลกนิด ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ดันปลายคางของน้องชายขึ้นมา  มือเรียวสวยอีกข้างหยิกเข้าที่แก้มสีแดงระเรื่อในเวลานี้  ก่อนจะตบซ้ำที่เดิมเบา ๆ อีกทีนึง....  ฮีชอลอดไม่ได้ที่จะเผลอแกล้งอึนฮยอกด้วยความเอ็นดู

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อีกด้านหนึ่ง.....   ทงเฮที่กำลังเดินฝ่าฝูงผู้คนมากกว่าสิบคนภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นี้ เพื่อเข้าไปหาอึนฮยอกที่กำลังยืนอยู่กับฮีชอล....  หากแต่อยู่ดี ๆ ก็มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูห้อง ก่อนจะเดินตรงเข้ามายังร่างของทงเฮพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสจนน่าหมั่นไส้

     

     

     

      มีอะไรหรือเปล่า... ทิฟฟานี่    --   ทงเฮเอ่ยถาม  หญิงสาวพูดคุยอยู่ไม่นาน  ทงเฮก็เดินตามอีกฝ่ายออกไป โดยไม่ลืมที่จะหันมามองยังร่างที่กำลังจ้องมาทางเขาแวบนึง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฮีชอลสัมผัสได้ในสิ่งที่อึนฮยอกกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้...... เพราะน้องชายของเขาเงียบเสียงและหยุดทุกการกระทำทันที  ตั้งแต่หันไปเห็นว่าเพื่อนสนิทของใครกำลังเดินเข้าห้องมา  ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาบางอย่างของทงเฮ ก่อนที่จะเดินตามอีกฝ่ายออกไป......   

     

     

     

    แม้ใจจริงแล้ว.....ฮีชอลจะอยากแก้ปัญหาของเรื่องนี้มากแค่ไหน แต่เพราะเคยสัญญากับอีทึกไว้.... ว่าจะปล่อยให้อีทึกพูดเรื่องนี้กับเจ้าทงเฮเอง เวลานี้ฮีชอลจึงทำได้เพียงยืนเคียงข้างแล้วโอบแขนของอึนฮยอกไว้แน่น  พลางหันไปกระซิบคำบางคำที่ข้างหูของอึนฮยอก

     

     

      ถ้าวันไหนที่นายทนไม่ไหว มาหาฉันนะ  แล้วฉันจะจัดการให้นายเอง .. พี่รักนายนะอึนฮยอก    --   จบประโยค ริมฝีปากเรียวสวยเหมือนใบหน้าของฮีชอลก็สัมผัสลงเบา ๆ ที่กอผมหนาของน้องชาย ก่อนจะเดินจากออกมา เพื่อตรงไปยังร่างของอีทึกที่กำลังนั่งอยู่มุมห้องอีกด้านหนึ่งในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น      

     

     

     

     

     

     

    ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ทั้งห้องเงียบเสียงไปได้พักใหญ่แล้วตั้งแต่ประตูห้องถูกปิดลง  สมาชิกทุกคนหันมองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งก้มหน้าอยู่คนเดียวเป็นตาเดียวกัน  พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้สถานการณ์เลวร้ายนี้  เพื่อให้คลายความตึงเครียดลงมาได้

     

     

     

     

    จนในที่สุด....  ใครคนหนึ่งที่แทบไม่เคยรับรู้ ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยในช่วงหลังมานี้ ... เดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาร่างของชายหนุ่มที่ยืนก้มหน้าอยู่ พร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งให้ไป....  ดวงตาเรียวเล็กของอึนฮยอกมองกระดาษแผ่นนั้น  ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นข้อความหนึ่งที่บอกว่า ... เขากับทงเฮจะต้องเต้น Battle ร่วมกันในช่วงหนึ่งของ Sorry Sorry Vol.Remix “  อึนฮยอกเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าทันที

     

     

     

     

     

     

     

    ทุกคนในห้องเวลานี้ มีสีหน้าไม่ต่างไปจากร่างของชายหนุ่มที่ยืนโงนเงนอยู่เลย หลายคนยกมือตบเข้าที่หน้าผากของตัวเอง บางคนถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น เพราะแทบไม่เชื่อว่า.....   ฮันเกิง  จะทำให้เหตุการณ์นี้ย่ำแย่ลงไปอีก...  ฮีชอลที่รู้สึกเหลืออดกับสมองที่บ่องตื้นของเพื่อนคนจีนของเขา  ร่างเพรียวบางที่นั่งอยู่ข้างอีทึกลุกขึ้นแทบจะทันที  เพราะต้องการจะตบกระโหลกคนจีน เพื่อสั่งสอนให้หายซื่อบื่อสักที.......  แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร  มือหนาของอีทึกคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กนั้นได้ก่อนที่ฮีชอลจะก้าวเดินไป...  คนหน้าสวยหันควบมาที่คนรักอย่างเคือง ๆ โดยที่อีทึกเพียงแค่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้น

     

     

     

     

    -   -   -   -   -   -   -   -

     

     

     

    -   -   -   -   -   -

     

     

     

    -   -   -   -

     

     

     

    -   -

     

     

     

    -     

     

     

     

     

     

    ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง ก่อนจะปรากฎร่างของผู้จัดการซึงฮวานพร้อมชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เดินตามหลังเข้ามาติด ๆ  ด้วยท่าทางหอบเล็กน้อย.... ทงเฮเดินเข้ามาหาร่างของคนตัวเล็กที่อยู่ในห้องพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลง พลางใช้หัวซบเข้าที่หัวของอีกฝ่ายอย่างลืมตัว... ก่อนจะหลับตาลง เพื่อขอพักเหนื่อย.....

     

     

    อึนฮยอกยังคงนั่งนิ่ง ไม่พูดอะไรสักคำ...  จนทงเฮเริ่มนึกขึ้นได้ว่าเขาทั้งสองยังมีเรื่องกันอยู่ แต่เพราะทงเฮไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องเป็นแบบนี้  เขาจึงพยายามเบี่ยงเบนเหตุการณ์ เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น.... 

     

     

     

     

     

     

    ดวงตากลมโตลืมตาพลางหันมองมาที่ใบหน้าสีขาวใส  ก่อนจะสังเกตได้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังเอาแต่เหม่อมองสตอรี่บอร์ดมากกว่าจะจดจำท่าเต้นพวกนั้น

     

     

     

      ตาลอยขนาดนั้น  แล้วจะจำได้มั้ยเนี้ย   

    ทงเฮพูดขำ ๆ เพื่อหวังจะให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมามอง  แต่กับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  คิ้วเรียวหนาของทงเฮขมวดขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ 

     

     

     

      นายเป็นอะไร  ยังโกรธเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ ? ?    --   คนตัวเล็กไม่ตอบเช่นเดิม ใบหน้าเรียวบางหันมองไปทางอื่น  ทงเฮลุกขึ้น ก่อนจะเพื่อนั่งลงอีกครั้งในด้านที่อึนฮยอกกำลังหันไป

     

     

     

     

     

      นายยังโกรธอยู่จริง ๆ หรอ 

    ทงเฮยังคงไม่หมดความพยายาม เขายังคงถามเหมือนเดิม  แต่คราวนี้คนตัวเล็กกว่ากลับใช้โอกาสที่ครูฝึกหันมาเรียกให้เขาทั้งสองลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวซ้อม....  อึนฮยอกเดินนำหน้าไปยืนอยู่ตรงลายของตัวเอง  โดยทิ้งให้ทงเฮยืนมองอยู่แบบนั้น  ก่อนจะถูกผู้จัดการซึงฮวานตะคอกเรียกอีกครั้ง....  ทงเฮรีบวิ่งเข้ามาหยุดอยู่ที่ลายของตัวเองเช่นเดียวกับคนตัวเล็ก

     

     

     

     

      

     

                                    เสียงเพลง Sorry Sorry ดังขึ้น... ก่อนที่ครูฝึกจะสั่งให้สมาชิกทุกคนลองเต้นให้ดูคราว ๆ ก่อนรอบนึง  เพื่อดูความพร้อมและข้อผิดพลาด....  อึนฮยอก ทงเฮ รวมทั้งคนอื่น ๆ ยกเว้น  คิบอม  ที่ไม่ได้อยู่ร่วมโปรโมตในอัลบั้มนี้ ต่างตั้งใจเต้นกันอย่างเต็มที่

     

     

                                      โอเคดีมาก....  คราวนี้จะเปิดเวอร์ชั่น Remix แล้วนะ พวกนายจะต้องพยายามจำลายที่อาจจะเปลี่ยนไปบางของตัวเองให้ได้รู้ไหม...  ต้องทำให้ดีที่สุด  เข้าใจนะทุกคน 

    ครูฝึก โปรดิวเซอร์  รวมทั้งผู้จัดการและลีดเดอร์ของวงต่างบอกรายละเอียดและพูดให้กำลังใจสมาชิกทุกคน ก่อนการฝึกที่แสนหนักหน่วงจะเริ่มขึ้น

     

     

     

     

     

     

    หมาทึก*  =   ต้องขอโทษสำหรับเอลฟ์ทุกคนด้วยจริง ๆ ที่ไรเตอร์ใช้คำนี้  แต่เพราะต้องการแสดงออกให้เห็นภาพจริง ๆ ระหว่างอีทึกและฮีชอล....  ไรเตอร์จึงต้องเลือกคำนี้ขึ้นมาใช้ หวังว่าคนอ่านทุกคนจะเข้าใจนะค่ะ

     

    ฟิคตอนนี้...  อาจจะไม่ถูกใจคนอ่านบางคนก็ได้ ...  ไรเตอร์ยอมรับจากใจเลยว่า ตอนที่ 10 นี้  ถูกเขียนขึ้นมาด้วยความยากลำบากจริง ๆ เนื่องจากอากาศที่ร้อน รวมทั้งไรเตอร์คิดพร๊อตไม่ออกด้วย 555555+ ..... 

                       

    หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะไม่หนี  ไรเตอร์ ไปไหน....

    คอยติดตามความสุขและความโศกเศร้าที่เกิดเริ่มเกิดขึ้นหลังจาก ฟิคตอนนี้ด้วยนะ 

    อยู่เป็นกำลังใจให้กันและกันด้วยนะ ...

    ขอบคุณมากค่ะ

     

     

     

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×