ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[Fic:SJ]] Me a rii : เสียงสะท้อนของสายลม [SimSin]

    ลำดับตอนที่ #1 : ลำดับตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 54


                   


          ในวันที่ฝนตกหนัก อากาศแย่ๆ เด็กผู้ชายตัวเล็กๆตากลมโตกำลังนั่งจ้องมองสายฝนผ่านทางหน้าต่าง

     

    บนเตียงสีขาวสะอาดตาของโรงพยาบาล  น้ำฝนนั่นจะเย็นมากมั้ยนะ? เด็กน้อยคิดพลางล้มตัวลงนอนเพื่อจะ

     

    หลับตาจินตนาการนึกถึงตัวเค้าเองกำลังวิ่งเล่นกลางสายฝน ลมแรงแบบนั้น..

     

     

                    นี่!! นี่!! นายน่ะ นาย  นาย!!”

     

                    เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้ชายดังขึ้น  ทำให้คนที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราตกใจตื่น

     

                    อะไร!!!!!!!!!!”

     

                    เด็กชายตาโตหันมาตะหวาดใส่อีกคนด้วยความหงุดหงิด คนจะนอนไอ้บ้านี่ก็เรียกจัง!!

     

                    เอ่ออ.. คือ..

     

                    มีอะไร!!!!!!!”

     

                    เอ่ออ .. นายน่ะเป็นอะไรหรอ ถึงมาอยู่โรงพยาบาล  ถามด้วยน้ำเสียงที่กล้าๆกล้วๆ

     

                    เกี่ยวอะไรกับนาย  ตอบอย่างไม่ใยดีและพยายามที่จะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

     

                    อืมมม แล้วนายเป็นอะไรหรอ?? ก็ยังคงถามต่อไปอย่างไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของอีกคนเลย

     

                    ก็บอกแล้วไงว่าเกี่ยวไรกับนาย  หนวดหูจริงคนจะนอน!!!!!”  พูดจบก็คว้าผ้าห่มมาคลุมโป่ง  เด็กน้อย

     

    อีกคนมองคนที่นอนหันหลังคลุมโป่งให้กับตัวเองก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

     

                    อ่ออออ งี้นี่เองนายคงอยากให้ฉันบอกนายก่อนใช่มั้ยล่ะ..

     

                    ...

     

                    ฉันน่ะนะแขนหักมาล่ะ  เป็นเพราะเพื่อนในห้องฉันน่ะสิเอารองเท้าฉันไปซ่อนไว้ซะสูงเลย  ฉันก็เลย

     

    ต้องปีนขึ้นไปเก็บ  แต่ดันพลาดตกลงมาซะก่อน  แหะๆแย่จังเลยเนอะ  ><!!”

     

                    ...

     

                    ก็ยังคงไร้ปฎิกิริยาของเด็กชายอีกคนกลับมา  แต่เค้าก็ยังคงพูดด้วยเสียงที่นุ่มนิ่มต่อไปว่า

     

                    แต่ฉันก็ชินแล้วล่ะที่ถูกแกล้งแบบนั้น  ฉันถูกแกล้งบ่อยๆจนชินซะล่ะ  ฮ่าๆๆๆ

     

                    พูดอยู่นั่นหล่ะใครเค้าถามนายกัน  ฉันไม่ได้บอกหรอไงว่าหนวดหูน่ะ

     

                    อ่า..

     

     

                    เมื่อโดนพูดใส่แบบนั้นถึงกับทำให้อีกคนไม่รู้จะพูดอะไรต่อทันที  เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสอง

     

    เด็กชายที่มีลักยิ้มเม้มปากตัวเองเข้าเล็กน้อยเมื่อเค้าพยายามหาเรื่องจะพูดคุย  แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรก็มี

     

    นางพยาบาลสองคนเข้ามาซะก่อน  และพาตัวเด็กน้อยที่นอนคลุมโป่งนั่งรถเข็นออกไป  ด้วยความสงสัยเค้าจึง

     

    ค่อยๆเดินตามไปจนกระทั่งไปถึงห้องๆนึงที่มันไม่แตกต่างจากห้องที่พักเมื่อกี้  แต่แค่มีอุปกรณ์การแพทย์

     

    เยอะแยะมากกว่า ด้วยความสูงที่มีไม่มากนักเค้าพยายามยืดตัวมองผ่านทางช่องหน้าต่างของประตู  แต่ก็ไม่

     

    สามารถมองเห็นภายในได้  เค้าจึงตัดสินใจเดินกลับไปยังห้องพัก..

     

     

                    อื้อออออ~”

     

     

                    เสียงครางเบาๆทำให้เด็กชายที่นอนอยู่เตียงข้างๆรู้สึกตัวตื่น  เค้าลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียและเบนสายตา

     

    ไปทางต้นเสียงก็เห็นเด็กชายอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆที่ไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กำลังครางเบาๆด้วยความทรมาน 

     

    เค้าลุกเดินไปอยู่ข้างๆเตียงของเด็กคนนั้น  และฝ่ามือนุ่มๆอุ่นๆก็สัมผัสลงบนหน้าผากของอีกคนอย่างแผ่วเบา

     

     

                    นายตัวร้อนจี๋เลย.. ไม่สบายรึเปล่าเนี้ยะ!!!”

     

     

                    เด็กชายอุทานขึ้นทำตาโตด้วยความตกใจเมื่อได้รับสัมผัสไอร้อนจากเด็กอีกคน  เด็กน้อยพยายามฝืน

     

    ลืมตาขึ้นเพราะเสียงอุทานที่ดังทำลายความเงียบภายในห้อง

     

     

                    ถ้าฉันสบายดีจะมาอยู่ที่นี่หรอ.. ถามโง่ๆ = =!! “

     

                    ตอบด้วยความลำบากเพราะคอที่แห้งผาดจึงทำให้เสียงที่เคยดังลั่นแสบแก้วหูแหบลง

     

                    ...

     

                    ...

     

                    เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสองอีกครั้ง  เด็กชายจึงเดินกลับเตียงของตัวเองอย่างเงียบๆ แต่ทันทีที่ก้าวขา..

     

                    เดี๋ยวสิ!!”  เด็กชายตาโตที่อยู่บนเตียงตะโกนเรียกอีกคน

     

                    มีอะไรหรอ??  สีหน้าจ๋อยๆหันกลับมาถาม

     

                    ก่อนไป.. ช่วยหยิบน้ำให้ฉันหน่อยสิ  เค้าออกคำสั่งกับเด็กอีกคนทันที  เด็กชายทำหน้างงๆก่อนจะเดิน

     

    ไปหยิบเหยือกน้ำมารินใส่แก้วให้เด็กน้อยที่รออยู่บนเตียง  ก่อนจะเดินกลับไปยังเตียงของตัวเอง..

     

                    ขอบใจ  เสียงแผ่วเบาที่แทบจะไม่ได้ยินแต่มันกลับชัดเจนมากสำหรับอีกคน  เค้าหยุดชะงักและหัน

     

    กลับมามองอีกคนที่ตอนนี้ฟุบนอนคลุมโป่งไปเรียบร้อยแล้ว  รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนหน้าไม่น่าเชื่อว่าคนที่

     

    เกรี้ยวกราดก็มีมุมน่ารักแบบนี้ได้เช่นกัน

     

     

                    วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆทั้งสองเริ่มจะคุ้นเคยกันมากขึ้น  เล่นด้วยกันบ่อยขึ้น  บางทีก็นั่งวาดรูปอยู่ด้วยกัน

     

    แต่ด้วยอารมณ์ใจร้อน  ขี้หงุดหงิดของเด็กอีกคนจึงทำให้ไม่สามารถใช้เวลาอยู่กับที่แบบนั้นได้นานๆ

     

     

                    เฮ้ออออ ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย  ไม่มีอย่างอื่นให้เล่นแล้วหรอไงนะ??

     

                    อ่า.. แล้วนายอยากเล่นอะไรล่ะ??

     

                    ไม่ล่ะ!! ฉันไม่อยากเล่นแล้ว.. นอนดีกว่า

     

                    พูดจบก็เดินกลับเตียงแล้วลงนอนทันที

     

                    อ้าวแล้วฉันจะเล่นกับใครล่ะเนี้ยะ

     

                    เด็กชายทำหน้าผิดหวังจ้องมองเด็กอีกคนอย่างนึกน้อยใจ

     

                    นายก็นั่งวาดรูปเล่นของนายต่อไปสิ  ฉันจะนอน

     

                    แต่..

     

     

                    แต่แล้วเด็กชายก็เหมือนนึกบางอย่างออกเค้าฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง  พร้อมกับ

     

    ถืออุปกรณ์การวาดรูปเดินมาอยู่ด้านหน้าของคนที่นอนหลับตาสนิท  เค้าเริ่มลงมือวาดรูปคนตรงหน้าทันที..

     

     

     

                    …..

     

     

     

                   

     

     

     

     

                    เช้าวันหนึ่งเด็กชายลักยิ้มตื่นขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกว้าง  แต่พอหันไปทางเตียงข้างๆมันกลับว่างเปล่าเด็ก

     

    คนที่เคยนอนอยู่ตรงนี้ได้หายไปเค้ามองไปทั่วทั้งห้องก็ไม่เจอ  เดินไปยังห้องที่เด็กอีกคนมักจะถูกพามาอีกห้องแต่

     

    พอเปิดเข้าไปมันก็ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลยสักคน  เค้าเดินกลับมายังห้องเดิมเพื่อหวังว่าจะเจอคนที่คุ้น

     

    หน้าคุ้นตานอนอยู่ที่เดิมแต่เตียงนั้นมันก็ว่างเปล่าอยู่ดี  ..เค้าหายไปไหนแล้ว.. เด็กชายนึกอยู่ในใจ

     

     

                    เด็กคนนั้นเค้ากลับไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะจ้ะ..

     

     

                    เสียงนางพยาบาลดังขึ้นข้างๆเมื่อเค้าเห็นว่า  เด็กชายเอาแต่จ้องมองเตียงที่ว่างเปล่าอยู่จนไม่ทัน

     

    รู้สึกตัวว่ามีคนเดินเข้ามา  เด็กชายรีบหันกลับมาสนใจต้นเสียงนั้นทันที

     

     

                    เค้ากลับไปแล้วหรอฮะ

     

                    ใช่จ้ะ.. อาการของเด็กคนนั้นน่ะดีขึ้นมากคุณหมอเลยอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว  เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูก็ได้

     

    กลับบ้านแล้วเหมือนกันนะ  แต่ก่อนนั้นต้องรีบกินยานี่ให้หมดซะก่อนโอเคนะ ^^”

     

     

                    เมื่อกินยาจนหมดเด็กชายลักยิ้มเดินไปที่เตียงของเด็กอีกคน  เค้าสังเกตเห็นบางอย่างติดไว้อยู่ข้างๆหัว

     

    นอนที่เตียงซึ่งมันยังไม่ถูกดึงออกไป  เค้าพยายามที่จะสะกดอ่านมันให้ออก

     

     

                    คะ.. คะ.. คิ.. คิม.. ฮะ.. ฮึย.. จอ.. ชอ.. อ่า!!

     

                    เค้าเบิกตาโตกว้างทันทีเมื่อสะกดออกและรีบไปหยิบรูปวาดขึ้นมาเขียนชื่อที่เพิ่งสะกดได้ลงไปในนั้น

     

                    คิม.. ฮี.. ชอล..

     

     

     

                    …….

     

     

     

                    ….

     

     

     

                    ..

     

     

     

                    -  12 ปีต่อมา

     

     

                    ย้ะ!!!  ทำไมถึงมาช้านักล่ะรู้มั้ยว่าฉันรอนานขนาดไหนแล้ว  เห็นมั้ยๆๆๆ ผิวสวยๆของฉันมันจะเปื่อย

     

    หมดแล้ว  นี่ถ้าอีก 30 วินายยังไม่โผล่มานะฉันไม่รอแล้วจริงๆด้วย  ทงแฮ!!!!!!!!!”

     

                    โธ่!! พี่จะบ่นให้มันได้อะไรเล่าฉันก็รีบมาแล้วนี่ไง

     

                    ให้ตายนี่มันก็เกินเวลามาตั้ง 1 นาทีทงแฮนายหัดตรงเวลาซะหน่อยสิฉันจะได้ไม่ต้องบ่น เสียเวลา

     

    จริงๆ

     

                    พี่ฮีชอลแล้ววันนี้พี่จะรีบไปมหาลัยทำไมแต่เช้าอ่ะ??

     

     

                    สิ้นสุดคำถามหน้าสวยหันควับทันที  แววตาเปร่งเป็นประกาย  ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย พร้อมกับ

     

    หัวเราะดั่งผู้กุมชัยชนะ  เล่นเอาทงแฮถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ตรงหน้าเค้า

     

     

                    วันนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์ไงล่ะ..

     

                    แล้วยังไงอ่ะ  ทงแฮเกาหัวอย่างไม่เข้าใจแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการไปมหาลัยแต่เช้า

     

                    โธ่.. ซื้อบื้อจริงเลย.. อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดแต่เช้าได้มั้ยเนี้ยะ  วันนี้ผู้หญิงจะต้องเป็นคนให้ช็อคโกแลค

     

    กับผู้ชายใช่มั้ยล่ะ.. แล้วมินอาจะต้องเอาช็อคโกแลคมาให้ฉันอย่างแน่นอน  แล้วก็นี่...  แอ้นแอ๊นนนน

     

     

                    ฮีชอลหยิบกล่องบางอย่างขึ้นมาโชว์ให้ทงแฮดูทันทีที่เห็นกล่องนั้นคนหน้าหวานถึงกับอ้าปากค้าง

     

     

                    โหววววววว!! ช็อคโกแลคนี่พี่ให้ผมหรอ  ชี้ที่ตัวเองพร้อมกับเอื้อมมือจะไปหยิบแต่ก็โดนมือเรียวพลั่ก

     

    จนกระเด็น

     

                    ย้ะ!!!!!! อย่าได้บังอาจเอามือแกมาแตะต้องโดนกล่องนี้เชียวนะ!!! พูดพร้อมแยกเขี้ยวใส่พยายาม

     

    ไม่ให้ทงแฮเข้าใกล้กล่องนี่ได้  แต่ก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วเมื่อพูดถึงอีกคน

     

     

                    กล่องนี่น่ะมีไว้ให้เฉพาะมินอาเท่านั้น.. มินอา.. มินอาของฉัน  ^[]^ !!!”

     

                    ทงแฮมองคนหน้าสวยด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะแอบนึกในใจ  ..คนอะไรช่างมั่นใจซะจริง..

     

                   

     

                    .

     

                    กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดด  นั่นพี่ฮีชอลกับทงแฮนี่  เค้ามากันแล้วววว!!!

     

                    กริ๊ดดดดดด ไหนแกไหนๆๆ  กริ๊ดดดดดพี่ฮีชอลลลลลล  พี่ฮีชอลลลทางนี่!!!!!!!!!”

     

     

                    เมื่อก้าวเท้าเข้ามหาลัยได้ไม่เท่าไหร่สาวๆในมหาลัยต่างก็กริ๊ดให้กับทั้งคู่ทันที  และพยายามกรูเข้ามา

     

    ให้ถึงตัวพวกเค้าทั้งสอง  ในเวลาแบบนี้ฮีชอลล่ะไม่ชอบสุดๆทั้งความเสียงดัง ความเบียดเสียดที่น่ารำคาญแต่

     

    ก่อนที่ฮีชอลจะระเบิดตับ  ทงแฮก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทัน

     

     

                    เอ่ออออ.. ขอทางให้พวกเราขึ้นห้องเรียนหน่อยนะครับสาวๆ ^^”

     

     

                    ด้วยรอยยิ้มที่แสนหวานเหมือนเทพบุตรนั้นทำให้ผู้หญิงหลายคนถึงกับตกอยู่ในห้วงของความสุข  และ

     

    ความทรมานใจกับรอยยิ้มนั้นมันช่างน่ากลืนกินเข้าไปทั้งตัวเลยจริงๆ  เสียงที่ดังเงียบสนิททันทีและหลีกทางให้

     

    ทั้งสองได้ผ่านไป  แต่ก็ยังคงไม่ละสายตาจากทั้งคู่จนทั้งคู่หายลับตาไป  ฮีชอลหยุดมองทงแฮก่อนจะเดินเข้า

     

    ห้องเรียนของตัวเอง

     

                   

                    อะไร?? ทงแฮเอ่ยถาม

     

                    นายนี่มัน!!”  ฮีชอลไม่รู้จะหาคำไหนมาพูด ได้แต่ทำท่าหมั่นไส้ใส่แล้วเดินเข้าห้องไป

     

                    อะไรของเค้า???  แต่ทงแฮก็ยังไม่เข้าใจท่าทางของฮีชอลอยู่ดี

     

                    ในระหว่างเปลี่ยนคาบเรียน  ฮีชอลกำลังซุ่มแอบดูหญิงสาวน่ารักผิวขาวผมยาวตรงสวยผ่านล็อคเกอร์ 

     

    โดยไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ด้านหลังเค้า

     

     

                    ไงพี่ให้เค้าไปยัง!!!!”  อยู่ๆทงแฮก็โผล่งเข้ามาทำให้ฮีชอลสะดุ้งสุดตัวจนหัวไปกระแทกกับประตูล็อค

     

    เกอร์อย่างแรงด้วยความเสียงดังทำให้หลายๆคนหยุดทำกิจกรรมของตนเองแล้วหันมามองฮีชอลเป็นตาเดียว

     

    รวมถึงหญิงสาวคนนั้นด้วย  เธอหัวเราะคิกคักให้กับท่าทางที่ทำตัวไม่ถูกของฮีชอล  มือเรียวโบกเข้าที่หัวของคน

     

    หน้าหวานเต็มพาวเว่อร

     

     

                    โอ๊ยยยยยย พี่ฮีชอลผมเจ็บนะเนี้ยะ

     

                    ป๊าบบบบบบบบบ

     

                    โอ๊ยยยยยยยยย  ทงแฮถึงกับร้องเสียงหลง

     

                    อันแรกสำหรับที่ทำให้ฉันเจ็บตัว  ส่วนนี้สำหรับที่ทำให้ฉันขายหน้า               อีกครั้งที่ฮีชอลตีหน้าแยกเขี้ยว

     

    ใส่ทงแฮเค้ายืนกอดอกเพื่อสั่งสอนทงแฮ  แต่สายตาก็ไม่วายที่จะคอยเหลือบไปมองที่หญิงสาว  ทงแฮเห็นกล่อง

     

    ช็อคโกแลคเมื่อเช้าอยู่ในล็อคเกอร์ของฮีชอลก็รู้ได้ทันทีเลยว่าฮีชอลนั้นยังไม่ได้มอบให้ไป

     

     

                    มินอา.. จอง มิน อา!!!”

     

     

                    ทงแฮตะโกนเรียกหญิงสาวออกไปโดยที่ฮีชอลยังไม่ทันได้ตั้งตัว  คนหน้าสวยถึงกับเลิ่กลั่กไปมาเมื่อ

     

    หญิงสาวหันมาทางตนเอง

     

     

                    พี่ฮีชอลมีเรื่องจะคุยด้วยแหน่ะ

     

     

                    จบประโยคหญิงสาวทุกคนถึงกับมองมินอาด้วยความอิจฉา..

     

     

      สถานที่แห่งนึงใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาลัยหญิงสาวจ้องมองฮีชอลด้วยความฉงน  ฮีชอลยังคงซ่อน

     

    กล่องช็อคโกแลคไว้ด้านหลังยังไม่กล้าที่จะยื่นให้

     

     

                    พี่มีอะไรรึเปล่าค่ะหนูมีเรียนต่อนะ..

     

     

                    หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าฮีชอลไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรต่อไปเลยนอกจากยืนจ้องหน้าตนเองอยู่อย่าง

     

    นั้น  ฮีชอลตัดสินใจแล้วยื่นกล่องช็อคโกแลคให้แทบกระแทกหน้าหญิงสาว

     

     

                    ช่วยรับมันไปด้วยได้มั้ย..

     

     

                    คำพูดที่กลั่นกลองมาจากสมองแล้วอย่างดิบดี  มันยากที่จะหาคำพูดดีๆได้สักประโยคเมื่อยืนต่อหน้า

     

    คนที่ชอบด้วยแบบนี้   แล้วยิ่งคนอย่างฮีชอลด้วยแล้วยิ่งยากหนักเข้าไปใหญ่ - -

     

     

                    ขอโทษด้วยค่ะ.. ฉันคงรับไว้ไม่ได้

     

                    ทำไมล่ะ  ทำไมถึงรับมันไว้ไม่ได้  ยิ่งนึกก็ยิ่งไม่เข้าใจ นี่ช็อคโกแลคของคิมฮีชอลคนดังของมหาลัย

     

    เชียวนะทำไมถึงรับไว้ไม่ได้!!               

     

                    ก็เพราะว่า  ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วน่ะสิค่ะ  จบประโยคหญิงสาวรีบเดินหนีออกมาจากบรรยากาศที่

     

    เริ่มมาขุที่ก่อตัวขึ้นตรงนั้นทันที  ฮีชอลเมื่อได้ยินประโยคนั้นถึงกับแทบช็อคเค้ายืนนิ่งค้างไปเลย  หญิงสาวที่แอบ

     

    หลงรักมาปีกว่ามลายหายไปในพริบตา ..

     

     

     ในขณะที่ฮีชอลกำลังเดินขึ้นบันไดด้วยความรู้สึกว่างเปล่า  ก็มีหญิงสาวเดินถือขนมเค้กช็อคโกแลค

     

    ตรงมาหาเค้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเขินอาย  ด้านหลังมีเพื่อน 2 3 คนยืนเชียร์เป็นกำลังใจให้หญิงสาวคน

     

    นั้น  แต่เค้าไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเกิดฝันร้ายขึ้นกับตัวเอง

     

     

                    พี่ฮีชอลค่ะ.. คือ.. ฉันทำขนมเค้กมะ..

     

     

                    ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยคฮีชอลพลั่กขนมเค้กใส่หน้าหญิงสาวอย่างไม่ลังเล  เพื่อนๆที่ยืนอยู่

     

    ด้านหลังถึงกับช็อคจนพูดไม่ออก

     

     

                    น่ารำคาญ 

     

     

                    พูดด้วยเสียงที่เย็นชา  และสายตาที่เยือกเย็นไม่แม้แต่จะมองหน้าของหญิงสาวเลยสักนิด  หญิงสาว

     

    ถึงกับหลั่งน้ำตาและวิ่งจากไป  แต่นั่นก้ไม่ได้ทำให้ฮีชอลรับรู้หรือรู้สึกอะไรเลย  เมื่อผ่านถังขยะเค้าโยนกล่องช็อค

     

    โกแลคทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย  ตอนนี้ฮีชอลคนหน้าสวยได้กลายเป็น  “ Devil “  แล้วอย่างสมบูรณ์แบบทุกคนต่าง

     

    หลีกทางและไม่กล้าสบตากับฮีชอลแม้แต่กับทงแฮเองก็เช่นกันยังไม่อยากที่จะเข้าใกล้เลย  ผู้ชายโชคร้ายคนนึง

     

    บังเอิญเดินชนกับฮีชอลจนตนเองล้มลงแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฮีชอลหันมาแยแสเลยแถมเหยียบซ้ำอีกต่างหาก 

     

    ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเข้าใจถึงความคิดของฮีชอลได้ว่าคนหน้าสวยตอนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่..

     

     

                    พี่ฮีชอลรอผมด้วยสิ!!!!”

     

     

                    ทงแฮตะโกนเรียกคนหน้าสวยที่เดินจ้ำเอาๆไม่ได้รอกันเลย  แต่ก็นั่นแหละฮีชอลเหมือนปิดกั้นตัวเองทุก

     

    อย่างจนไม่ได้ยิน  ไม่เห็น  ไม่ได้รับรู้อะไร

     

     

                    พี่ฮีชอลถ้าพี่รีบพี่ก็กลับไปคนเดียวก็แล้วกัน  พี่รู้ตัวเองมั้ยทำตัวน่ารำคาญเกินไปแล้ว!!!”

     

     

                    ประโยคสุดท้ายทงแฮตะโกนออกไปสุดเสียงก่อนจะหันหลังกลับไปอีกทาง  ทิ้งให้ฮีชอลนั้นเดินต่อไปคน

     

    เดียวคนหน้าสวยเดินอย่างไม่รับรู้โลกภายนอกแต่มาได้ไม่เท่าไหร่เค้าก็เดินชนเข้ากับผู้ชายร่างสูงใหญ่จนตัวเอง

     

    ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น  และข้าวของของอีกคนกระจัดกระจายไปทั่ว  ฮีชอลลุกขึ้นยืนปัดๆฝุ่นออกแล้วก็เดินต่อไป

     

    ไม่คิดแม้แต่จะขอโทษสักคำ

     

     

                    เห้ยนี่!!! ไม่คิดจะขอโทษสักหน่อยหรอ  เห้ยอะไรว่ะ..

     

                   

     

     

                    ..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×