คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : สุสาน & น้ำตา & ปลอบโยน
2 วันถัดไป
ฉันตื่นมาทำอาหารแต่เช้าเพราะวันนี้มีเรียนบ่ายเลยมีเวลาทำอะไรอีกเพียบแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่ต้องส่งภาพวาดให้อาจารย์แล้วด้วย แต่ภาพมันอยู่กับโซโลม่อนน่ะสิ อ่า~ วันนี้ไปบ้านหมอนั่นหน่อยดีกว่า
“พี่เมย์ลินวันนี้ทำอะไรกินอ่ะ?”พอตื่นมาก็ถามหาของกินเลยนะยัยนี่
“ข้าวผัดโบโลน่าน่ะ ของโปรดเธอไม่ใช่เหรอ”ฉันพูดแล้วยัยเมอร์ลินตาโตทันที
“เย้! มีของโปรดเราด้วย ^o^”เมอร์ลินพูดอย่างดีใจ
“เดี๋ยวพี่จะต้องออกไปข้างนอกหน่อยเธอก็เตรียมตัวไปเรียนนะ”ฉันพูดแล้วขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
10 นาทีผ่านไป
ฉันออกมาพร้อมกับชุดนักเรียนแล้วออกไปบ้านโซโม่อนทันทีโดยไม่ลืมล็อคประตูบ้าน ฉันจึงเดินไปขึ้นรถเมล์ไปบ้านโซโลม่อน คนในนี้แน่นมากจนตัวฉันเบียดอัดกับคนในนั้นเป็นปลากระป๋องเลยล่ะ
20 นาทีผ่านไป
ฉันเดินต่อมาที่คฤหาสน์ของโซโลม่อน คฤหาสน์เขาดูใหญ่มากและไม่ก็คงกว้างพอให้คนซักสิบสามสิบคนเข้าไปอยู่ได้ แต่แบบนี้มันคงเงียบสงบดีมั้งเขาถึงชอบ
“มีอะไรเหรอค่ะ?”ผู้หญิงใส่ชุดเมดเข้ามาถาม เธอมีผมสีแดงที่ดูเด่นสะดุดตามากดวงตาสีน้ำตาลอมแดงคู่สวยนั่นอีก
“ฉันมาหาโซโลม่อนค่ะ…”ฉันตอบ
“ขอโท ษนะค่ะ ท่านโซโลม่อนออกไปข้างนอกน่ะค่ะ”เธอตอบอย่างเกรงใจ
“งั้นเหรอคะ แล้วเขาไปที่ไหนเหรอค่ะ?”ฉันยังถามต่อไปเหมือนพวกชอบตื้อยังไงไม่รู้สิ
“ที่สุสานค่ะ มีอะไรรึเปล่าค่ะคุณเมอร์ลิน”เธอถาม ฉันส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่เขาจะไปที่สุสานทำไมกันนะ
“ขอบคุณค่ะ…”ฉันพูดแล้วโค้งให้นิดๆแล้วเดินออกไปเพื่อตรงไปที่สุสานทันที
Solomon’s Say
ผมเดินมาถึงที่สุสานพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวในมือก่อนจะมาหยุดที่เสาหินที่สลักชื่อของท่านแม่กับซิลเวียไว้ ผมวางดอกไม้ลงตรงหน้าเสาหิน
“ข้ามาเยี่ยมแล้วนะขอรับท่านแม่ ซิลเวีย”ผมพูดแผ่วเบา มือลูบเสาหินแผ่วเบา
แปะ! แปะ!!
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆน้ำตามันก็ไหลอย่างไม่มีสาเหตุ ผมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบๆ นานแล้วสินะที่ไม่ได้ร้องไห้แบบนี้นานมากซะจนจำไม่ได้ว่าร้องครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แค่เพียงมาที่นี่ที่มีร่างของพวกเขาหลับไหลอยู่มันก็ทำให้ผมร้องไห้ราวกับคนบ้า
ผมมองเสาหินนั้นอย่างเศร้าสร้อยเพราะบนนั้นมีชื่อของคนที่ผมรักสลักอยู่ พวกเขาไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีกแล้วคนๆนั้นจากผมไปแล้วจากไปตลอดกาล…
หมับ!!
อ้อมแขนเรียวเล็กของใครบางคนโอบรอบตัวผมไว้ ผมหันไปมองเมย์ลินที่กอดตัวของผมแน่น ใบหน้าของเธอดูเศร้าแปลกๆ ปกติเธอเป็นคนร่าเริง แต่ตอนนี้กลับดูเศร้ามาก
“นายอย่าร้องไห้สิ…”เธอพึมพำแล้วกอดผมแน่นเหมือนเป็นการปลอบใจ
ผมต้องยอมรับว่าอ้อมกอดของเธออบอุ่นมาก มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองลอยอยู่ในอากาศ ผมกุมมือเธอไว้
“ฉันไม่ได้ร้องซะหน่อย!”ผมตอบกลับไปทั้งที่หลักฐานมันก็เห็นอยู่ทนโท่
“อืม…นายน่ะคงเสียใจสินะ”
“…”ผมไม่ตอบอะไร เธอจึงพูดต่อไป
“ฉันไม่รู้หรอกว่านายจะผ่านอะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่ควรยึดติดกับมันมากซะทำให้ตัวเองต้องมาทุกข์ใจแบบนี้สิ แม่กับน้องนายก็คงไม่อยากให้เป็นแบบนั้นจริงมั้ย”เธอหันมายิ้มให้ผม มันก็จริงอย่างที่เธอพูด ผมเป็นพวกชอบยึดติดกับอดีตมากเกินไปจนต้องทุกข์แบบนี้
“พวกเขาน่ะถึงไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงจะเฝ้ามองนายอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ”เธอพูดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องของตัวเอง ผมเคยได้ยินว่าเธอเสียพ่อกับแม่ไป แต่เธอก็ไม่ได้เศร้าเสียใจอะไร แต่กลับก้าวต่อไปข้างหน้าต่างหาก มันทำให้ตัวเธอเข้มแข็งขึ้น ซึ่งแตกต่างจากตัวผมอย่างสิ้นเชิง
“เธอพูดเหมือนเข้าใจฉันทุกอย่างเลยนะ”ผมพูดหลังจากที่เก็บเงียบมานาน
“มันก็ไม่เชิงรู้หรอก แต่เห็นนายทำหน้าเศร้าแบบนั้นไม่เหมาะกับนายสุดๆ”เธอพูดพลางยิ้มหวานมันทำให้ผมเผลอยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”ผมเดินออกมาอย่างรวดเร็ว เมย์ลินก็วิ่งตามมาติดๆจนหน้าเกือบทิ่มพื้นแล้ว
พวกเราเดินไปมหา’ลัยด้วยกันจนคนอื่นมอง แต่ผมเหรอจะสนเดินต่อไปหน้าตาเฉย มือก็จับมือของเมย์ลินแล้วเดินด้วยกันแบบนี้ ผมรู้สึกมีความสุขจัง J
End Solomon’s Say
ความคิดเห็น