ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MELBOURNE

    ลำดับตอนที่ #3 : มุมมองจากออฟฟิศ

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 49


           

            "เชิญนั่งครับ" เจมส์กล่าวให้พยานคนแรกนั่งอย่างสุภาพที่สุด และเธอคนนั้นก็ทำตามโดยดี

            "ก่อนอื่นผมขอทราบชื่อคุณก่อนครับคุณผู้หญิง ขอประวัติคร่าวๆนะครับ"

            "ค่ะ ดิฉันชื่อว่า ซาแมนธา วอเตอร์แลนด์ค่ะ ฉันทำงานเป็นพนักงานบริษัทของทอย อาร์ อัสค่ะ ฉันก็เป็นคนที่นี่ค่ะ แต่เกิดที่ซิดนีย์แล้วค่อยย้ายมาที่เมลเบิร์น สาเหตุเป็นเพราะว่าฉันต้องมาดูแลครอบครัวที่นี่ค่ะ เป็นป้ากับลุงของฉันเองค่ะ จริงๆแล้วท่านไม่ได้เกิดที่นี่หรอกค่ะ แต่เกิดที่..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ประวัติคุณพอสมควรแล้วครับ ไปตรงประเด็นกันเลยดีกว่า ตอนที่เกิดเหตุครับ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหนครับ" เจมส์ตัดบทสนทนา จนทำให้พยานคนนี้อึ้งนิดๆ เจมส์จึงซักต่อ เพื่อจะไม่ให้บทสนทนาหยุดชะงัก

            "เอ่อ ในตอนนั้นค่ะ ประมาณ5โมงเย็น ฉันนั่งจิบกาแฟและนั่งคุยกับเพื่อนๆเรื่องเจ้านายน่ะค่ะ เจ้านายน่ะเจ้าระเบียบมาก ฉันจึงต้องเมาธ์เรื่องนี้ก่อนอันดับแรก จากนั้นเสียงนาฬิกาฉันก็ดังให้ไปทำงานต่อ ฉันชอบตั้งนาฬิกาให้เตือนค่ะว่าถึงเวลาทำงานต่อแล้ว จากนั้นฉันก็ไปนั่งหน้าจอคอม ทำงานที่เจ้านายสั่ง มันยากมากเลยค่ะ เจ้านายฉันนะ ชอบจู้จี้จุกจิก..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าเจ้านายคุณเป็นคนยังไง แต่ผมขอให้เข้าเรื่องเลยได้มั้ยครับ เอาตอนที่คุณเห็นการเกิดเหตุเลยน่ะครับ" เจมส์จำต้องตัดบทสนทนาลงอีกครั้ง เพื่อกันการยืดเยื้อ เพราะดูจากการคุยกันแล้ว เธอช่างเป็นคนช่างพูดจริงๆ

            "อ๋อในตอนนั้นเหรอคะ ดิฉันไม่เห็นการฆ่ากันหรอกค่ะ"

            "อ้าว! ไหนคุณบอกว่า คุณเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ไง"

            "เปล่าค่ะ" เธอพูดเสียงดังจนเกือบจะเป็นเสียงตะคอก "แต่ฉันเห็นคนที่ทำตัวลับๆล่อๆน่ะค่ะ"

            "หมายความว่า เป็นคนที่ทำตัวน่าสงสัยเหรอครับ" เจมส์ค่อยใจเย็นลงหน่อย หลังจากคำอธิบายของเธอ

            "ใช่ค่ะ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงค่ะ หน้าตาออกจีนๆค่ะ ใส่เสื้อโค้ทสีดำ ส่วนเสื้อตัวข้างในสีเหลือง ใส่หมวกแบบพวกฮิปฮอป กางเกงยีนส์กับรองเท้าคอนเวิร์สของเขาเท่ห์มากเลยค่ะ แล้วหน้าตาเขาช่างหล่อตรงสเป็คฉันมากเลยค่ะ"

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ลักษณะของเขาแล้วล่ะครับ แต่ผมขอให้การสนทนานี้ วกกลับมาอยู่ในประเด็นหน่อยเถอะครับ...ขอร้อง" เจมส์ก็คงต้องตัดบทอีกครั้ง มันเริ่มที่จะทำให้เขาระอามากขึ้นไปทุกที

            "คุณนี่เป็นคนแปลกนะ" เธอถามคำถามแปลกๆขึ้นมากับเจมส์

            "ยังไงเหรอครับ"

            "ก็คุณน่ะ เวลาจะพูดขึ้นมาซักครั้งนึง ก็ชอบพูดแต่เอาล่ะครับๆทุกทีเลย มันดูแปลกนะ...แต่ก็น่ารักดี"

            เจมส์ทำได้แต่ยิ้มแห้งๆ

            "ก็ได้ ฉันจะพยายามเล่าให้ตรงประเด็นนะ" ในที่สุดเธอก็ดึงตัวเองเข้าตรงสู่ประเด็นได้ มันทำให้เจมส์ขยับตัวนั่งตัวตรง พร้อมตั้งใจฟังอย่างเต็มที่

            "ในตอนนั้นน่ะ เป็นเวลาประมาณ2ทุ่ม เพื่อนๆของฉันก็ทยอยกันกลับบ้านไปแล้วบางคน บางคนก็ยังอยู่ต่อ โต๊ะทำงานฉันอยู่ริมหน้าต่าง ฉันก็มักจะมองออกไปยังนอกหน้าต่างบ้าง ในคืนที่แล้วก็เหมือนกัน ฉันก็มองออกไปนอกหน้าต่างตามปกติ จนฉันผู้ชายคนที่เล่าเนี่ยแหละ ยืนอยู่ในสวนข้างๆแม่น้ำยาร่า เขายืนพิงต้นไม้อยู่ตั้งนาน มองซ้ายทีขวาทีตลอดเวลาเลยประมาณ15นาที จากนั้นเขาก็มองนาฬิกา1ที ในตอนนั้นแหละที่น่าสงสัยที่สุด คือว่าพอเขามองปุ๊บ หน้าตาเขาก็ตื่นๆยังไงไม่รู้ เขาลุกลี้ลุกลนรีบล้วงกระเป๋าไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันทีเลย แล้วก็โทรหาใครก็ไม่รู้ แล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย ฉันสงสัยมากจึงชวนเพื่อนอีกคนนึงลงไปดูแถวๆสวนสาธารณะ ฉันก็รีบเดินไปสำรวจแถวๆต้นไม้ใหญ่ ก็ไม่พบอะไร แต่พอฉันหันหัวเลยไปทางข้างแม่น้ำก็เห็นเหมือนมีผู้หญิงอ้วนนอนอยู่ ฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าไปดู เท่านั้นแหละ ฉันร้องกรี๊ดสุดเสียงของฉันเลย เพราะฉันเห็นศพผู้หญิงท้องถูกแทงเป็นรอยทั่วตัวเลย พอฉันได้สติ ฉันก็โทรแจ้งพวกคุณนั่นแหละค่ะ" เธออธิบายเหตุการณ์ได้อย่างละเอียดดีมาก ทำให้เจมส์อดที่จะคล้อยตามไปไม่ได้

            "ผมขอขอบคุณคุณมากเลยครับ คุณเล่าได้ละเอียดดีมาก แต่ผมขอถามคำถามข้อสุดท้ายนะครับ คือว่าคุณจะยินดีหรือไม่ ที่พวกผมจะให้คุณเข้าร่วมโครงการพิทักษ์พยาน"

            "โอ้! ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนชื่อตัวเองตอนนี้หรอก แล้วอีกอย่าง ฉันไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ความจริงน่ะ ฉันได้นิสัยอย่างนี้มาจากแม่น่ะค่ะ แม่ฉันทำงานหนักมาตลอด ซึ่งเธอเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เธอเจอกับลูกค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หรือคนใหญ่คนโตก็ตาม แต่ถ้าเรื่องดาราล่ะก็ ฉันเคยเจอคนนึง เขาชื่อ..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้นิสัยของแม่คุณแล้วล่ะ แต่ขอผมพูดบ้างเถอะครับ" เขาตัดบทอย่างสุภาพ อีกครั้ง

            "เอาอีกแล้วนะคะ คุณพูดคำว่าเอาล่ะครับๆอีกแล้วล่ะ มันทำให้ฉันขำจัง แต่ก็เชิญเลยค่ะ คุณจะพูดอะไรก็เชิญเลยค่ะ" เธออนุญาตเจมส์ให้พูด เจมส์ก็ไม่รอช้า

            "ครับ ผมขออนญาตบอกจากจริงว่า ผมขอขอบคุณคุณเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ที่ช่วยให้ปากคำกับพวกเราในวันนี้ ในเมื่อเราไม่มีอะไรจะสอบถามแล้ว เราก็อนญาตให้คุณกลับได้แล้วล่ะครับ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้านะครับ"

            "ค่ะ สวัสดีค่ะ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้าค่ะ" แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป

            เจมส์มองเธอตามไป จนเธอพ้นออกจากประตู นี่แค่พยานคนแรกยังทำให้เขาเหนื่อยขนาดนี้ แล้วนี่ยังเหลืออีก3คน ยิ่งทำให้เขาไม่อยากคิดอีกต่อไปเลย

    "เรียกคนต่อไปเลยครับ" เจมส์ออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่หนุ่มนายหนึ่ง

            "ครับผม" เขาหันไปทางกลุ่มพยาน "เชิญเลยครับ"

            พยานคนที่2เข้ามานั่งบนเก้าอี้ที่จัดไว้แล้วอย่างดี

            "สวัสดีครับ ในฐานะที่คุณสามารถจะเป็นพยานให้กับคดีนี้ได้นั้น ผมจึงขอให้คุณให้ความร่วมมือกับทางเราด้วยนะครับ" เจมส์กล่าวทักทายก่อนอันดับแรก พร้อมกับขอร้องไปด้วยภายในตัว

            "เอาเหอะน่าคุณตำรวจ ไม่ต้องพูดมาก ผมต้องการจะกลับไปบ้านเร็วๆนะ แล้วนี่มันก็เป็นวันอาทิตย์ด้วยนะ แต่ละสัปดาห์เนี่ย ผมมีวันหยุดแค่วันนี้วันเดียวนะ เพราะฉะนั้นผมต้องการจะพักผ่อน ไม่ใช่มานั่งฟังคุณพูดพร่ำเพรื่อยืดเยื้อนะ" แต่พยานคนนี้กลับตอบกลับอย่างห้วนๆ ยิ่งทำให้เจมส์ยิ่งเสียกำลังใจ

            "ขอโทษครับ" เจมส์จึงต้องจำใจขอโทษ "ผมจะรีบเข้าเรื่องเลย ก่อนอื่นผมขอทราบประวัติคร่าวๆของคุณก่อนครับ" คำถามแรกเริ่มขึ้นจากเจมส์

            "เฮ้อ!...ผมชื่อ เชน ฟีฮีลี ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัท แค่นี้พอใจรึยัง" คำตอบแรกยังคงให้ความร่วมมือเจมส์อยู่

            "ครับ พอแล้วครับ ขอบคุณมากครับ คำถามต่อไปคือ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรครับ ในที่เกิดเหตุ" คำถามที่2ยังคงถามเช่นเดิม

            "เอ้อ! เข้าเรื่องซักที ตอนนั้นน่ะผมนั่งทำงานคอมอยู่ จนเวลา2ทุ่มกว่าๆ เพื่อนผม วอเตอร์แลนด์ เธอมาทักผมให้เดินลงไปสำรวจสวนสาธารณะหน่อย ผมก็ยอมลงไปกับเธอด้วย ผมถามเธอเหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็บอกว่าเห็นผู้ชายแปลกๆ ยืนทำอะไรไม่รู้แถวๆต้นไม้ เธอบอกว่าน่าจะเกิดเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น ซึ่งพอไปถึง ผมก็ไม่เจออะไรที่น่าแปลกแถวๆสวนเลย แต่เธอมุ่งตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างเดียวเลย แล้วเธอก็บอกว่าไม่มีอะไร แล้วผมก็เห็นเธอมองเพ่งเลยต้นไม้ แล้วเธอก็บอกว่าเธอจะไปสำรวจตรงริมแม่น้ำหน่อย พอเธอเดินไปปุ๊บ ตอนนั้นแหละ ผมเหลือบเห็นเงาผู้ชายตะคุ่มๆอยู่หลังรั้ว เขาก็สบตากับผม ผมก็ค่อยๆเดินไป จนมีอยู่จังหวะนึง เขาหันหลังวิ่งหนีไปทันที ผมรีบวิ่งตามเขาไปด้วย ซักพักนึง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของวอเตอร์แลนด์ ผมเลยตัดสินใจหันหลังกลับไปช่วย แล้วเลิกตามไอ้บ้านั่นไป ที่ไหนได้ เธอก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่เจอศพผู้หญิงท้องแทน ผมคิดว่าไอ้บ้านั่นต้องเป็นคนทำแน่ๆ...ก็แค่เนี้ยแหละ เรื่องของผมน่ะ"

            "โอ้โห! ขอบคุณมากครับ คุณให้ข้อมูลที่ถูกใจผมมากเลยครับ มันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของผมจริงๆครับ" เจมส์ดูท่าทางดีใจเป็นพิเศษมาก ทำให้พยานข้างหน้าได้แต่งง

            "เอ่อ ผมขอถามสุดท้าย แล้วจะไม่รบกวนคุณอีกแล้วครับ นั่นคือคุณต้องการจะเข้าสู่โครงการพิทักษ์พยานหรือไม่ครับ" คำถามที่3ตามมาทันที

            "ไม่! ตอนนี้ผมกลับได้รึยัง" คำตอบแทบจะเป็นเสียงตะคอก

            ซึ่งมันทำให้เจมส์ได้แต่อึ้ง!

            "เอ่อ...งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เชิญคุณกลับไปได้ ขอบคุณมากครับ" เจมส์หน้าตาสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด นี่แค่คนที่2 ยิ่งหนักไปกว่าคนแรกเสียอีก แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ไม่รู้

            พยานคนนี้ ฟีฮีลี ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างพรวดพราด มุ่งตรงไปหาประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนหันมามองเจมส์อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ผลักประตูเดินออกไป เขาช่างเป็นคนที่ขี้โมโหเหลือเกินในความคิดของเจมส์ ซึ่งเขาไม่ชอบคนที่มีนิสัยอย่างนี้เลย มันทำให้เขาเริ่มอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น

            เขาเอื้อมมือไปหยิบน้ำร้อนข้างตัวที่เขาพกมา พร้อมกับลุกไปชงกาแฟ แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่า...นี่ไม่ใช่ออฟฟิศเขา ฉะนั้นที่นี่ไม่มีกาแฟ! เร็วเท่าความคิด เขาเดินไปหาเจ้าหน้าที่หนุ่มนายหนึ่ง

            "คุณช่วยหาน้ำให้ผมซักแก้วนะ ที่นี่มีแต่น้ำร้อน" พร้อมกับบุ้ยใบ้ไปยังกระติกในมือซ้าย

            เจ้าหน้าที่หนุ่มพยักหน้า "ครับผม" พร้อมกับขานตอบ ก่อนจะเดินออกไปหาน้ำเปล่ามาให้

            นั่นแปลว่า การแก้สถานการณ์หน้าแตกของเขาสมบูรณ์แบบ มันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น เขากลับมานั่งที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ยกน้ำมาให้

            "ขอบคุณครับ" เขาดื่มจนหมดแก้ว แล้วยื่นส่งกลับให้ "ช่วยเรียกพยานคนต่อไปได้เลยครับ

            "เชิญนั่งครับ" เจมส์กล่าวให้พยานคนแรกนั่งอย่างสุภาพที่สุด และเธอคนนั้นก็ทำตามโดยดี

            "ก่อนอื่นผมขอทราบชื่อคุณก่อนครับคุณผู้หญิง ขอประวัติคร่าวๆนะครับ"

            "ค่ะ ดิฉันชื่อว่า ซาแมนธา วอเตอร์แลนด์ค่ะ ฉันทำงานเป็นพนักงานบริษัทของทอย อาร์ อัสค่ะ ฉันก็เป็นคนที่นี่ค่ะ แต่เกิดที่ซิดนีย์แล้วค่อยย้ายมาที่เมลเบิร์น สาเหตุเป็นเพราะว่าฉันต้องมาดูแลครอบครัวที่นี่ค่ะ เป็นป้ากับลุงของฉันเองค่ะ จริงๆแล้วท่านไม่ได้เกิดที่นี่หรอกค่ะ แต่เกิดที่..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ประวัติคุณพอสมควรแล้วครับ ไปตรงประเด็นกันเลยดีกว่า ตอนที่เกิดเหตุครับ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหนครับ" เจมส์ตัดบทสนทนา จนทำให้พยานคนนี้อึ้งนิดๆ เจมส์จึงซักต่อ เพื่อจะไม่ให้บทสนทนาหยุดชะงัก

            "เอ่อ ในตอนนั้นค่ะ ประมาณ5โมงเย็น ฉันนั่งจิบกาแฟและนั่งคุยกับเพื่อนๆเรื่องเจ้านายน่ะค่ะ เจ้านายน่ะเจ้าระเบียบมาก ฉันจึงต้องเมาธ์เรื่องนี้ก่อนอันดับแรก จากนั้นเสียงนาฬิกาฉันก็ดังให้ไปทำงานต่อ ฉันชอบตั้งนาฬิกาให้เตือนค่ะว่าถึงเวลาทำงานต่อแล้ว จากนั้นฉันก็ไปนั่งหน้าจอคอม ทำงานที่เจ้านายสั่ง มันยากมากเลยค่ะ เจ้านายฉันนะ ชอบจู้จี้จุกจิก..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าเจ้านายคุณเป็นคนยังไง แต่ผมขอให้เข้าเรื่องเลยได้มั้ยครับ เอาตอนที่คุณเห็นการเกิดเหตุเลยน่ะครับ" เจมส์จำต้องตัดบทสนทนาลงอีกครั้ง เพื่อกันการยืดเยื้อ เพราะดูจากการคุยกันแล้ว เธอช่างเป็นคนช่างพูดจริงๆ

            "อ๋อในตอนนั้นเหรอคะ ดิฉันไม่เห็นการฆ่ากันหรอกค่ะ"

            "อ้าว! ไหนคุณบอกว่า คุณเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ไง"

            "เปล่าค่ะ" เธอพูดเสียงดังจนเกือบจะเป็นเสียงตะคอก "แต่ฉันเห็นคนที่ทำตัวลับๆล่อๆน่ะค่ะ"

            "หมายความว่า เป็นคนที่ทำตัวน่าสงสัยเหรอครับ" เจมส์ค่อยใจเย็นลงหน่อย หลังจากคำอธิบายของเธอ

            "ใช่ค่ะ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงค่ะ หน้าตาออกจีนๆค่ะ ใส่เสื้อโค้ทสีดำ ส่วนเสื้อตัวข้างในสีเหลือง ใส่หมวกแบบพวกฮิปฮอป กางเกงยีนส์กับรองเท้าคอนเวิร์สของเขาเท่ห์มากเลยค่ะ แล้วหน้าตาเขาช่างหล่อตรงสเป็คฉันมากเลยค่ะ"

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ลักษณะของเขาแล้วล่ะครับ แต่ผมขอให้การสนทนานี้ วกกลับมาอยู่ในประเด็นหน่อยเถอะครับ...ขอร้อง" เจมส์ก็คงต้องตัดบทอีกครั้ง มันเริ่มที่จะทำให้เขาระอามากขึ้นไปทุกที

            "คุณนี่เป็นคนแปลกนะ" เธอถามคำถามแปลกๆขึ้นมากับเจมส์

            "ยังไงเหรอครับ"

            "ก็คุณน่ะ เวลาจะพูดขึ้นมาซักครั้งนึง ก็ชอบพูดแต่เอาล่ะครับๆทุกทีเลย มันดูแปลกนะ...แต่ก็น่ารักดี"

            เจมส์ทำได้แต่ยิ้มแห้งๆ

            "ก็ได้ ฉันจะพยายามเล่าให้ตรงประเด็นนะ" ในที่สุดเธอก็ดึงตัวเองเข้าตรงสู่ประเด็นได้ มันทำให้เจมส์ขยับตัวนั่งตัวตรง พร้อมตั้งใจฟังอย่างเต็มที่

            "ในตอนนั้นน่ะ เป็นเวลาประมาณ2ทุ่ม เพื่อนๆของฉันก็ทยอยกันกลับบ้านไปแล้วบางคน บางคนก็ยังอยู่ต่อ โต๊ะทำงานฉันอยู่ริมหน้าต่าง ฉันก็มักจะมองออกไปยังนอกหน้าต่างบ้าง ในคืนที่แล้วก็เหมือนกัน ฉันก็มองออกไปนอกหน้าต่างตามปกติ จนฉันผู้ชายคนที่เล่าเนี่ยแหละ ยืนอยู่ในสวนข้างๆแม่น้ำยาร่า เขายืนพิงต้นไม้อยู่ตั้งนาน มองซ้ายทีขวาทีตลอดเวลาเลยประมาณ15นาที จากนั้นเขาก็มองนาฬิกา1ที ในตอนนั้นแหละที่น่าสงสัยที่สุด คือว่าพอเขามองปุ๊บ หน้าตาเขาก็ตื่นๆยังไงไม่รู้ เขาลุกลี้ลุกลนรีบล้วงกระเป๋าไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันทีเลย แล้วก็โทรหาใครก็ไม่รู้ แล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย ฉันสงสัยมากจึงชวนเพื่อนอีกคนนึงลงไปดูแถวๆสวนสาธารณะ ฉันก็รีบเดินไปสำรวจแถวๆต้นไม้ใหญ่ ก็ไม่พบอะไร แต่พอฉันหันหัวเลยไปทางข้างแม่น้ำก็เห็นเหมือนมีผู้หญิงอ้วนนอนอยู่ ฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าไปดู เท่านั้นแหละ ฉันร้องกรี๊ดสุดเสียงของฉันเลย เพราะฉันเห็นศพผู้หญิงท้องถูกแทงเป็นรอยทั่วตัวเลย พอฉันได้สติ ฉันก็โทรแจ้งพวกคุณนั่นแหละค่ะ" เธออธิบายเหตุการณ์ได้อย่างละเอียดดีมาก ทำให้เจมส์อดที่จะคล้อยตามไปไม่ได้

            "ผมขอขอบคุณคุณมากเลยครับ คุณเล่าได้ละเอียดดีมาก แต่ผมขอถามคำถามข้อสุดท้ายนะครับ คือว่าคุณจะยินดีหรือไม่ ที่พวกผมจะให้คุณเข้าร่วมโครงการพิทักษ์พยาน"

            "โอ้! ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนชื่อตัวเองตอนนี้หรอก แล้วอีกอย่าง ฉันไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ความจริงน่ะ ฉันได้นิสัยอย่างนี้มาจากแม่น่ะค่ะ แม่ฉันทำงานหนักมาตลอด ซึ่งเธอเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เธอเจอกับลูกค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หรือคนใหญ่คนโตก็ตาม แต่ถ้าเรื่องดาราล่ะก็ ฉันเคยเจอคนนึง เขาชื่อ..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้นิสัยของแม่คุณแล้วล่ะ แต่ขอผมพูดบ้างเถอะครับ" เขาตัดบทอย่างสุภาพ อีกครั้ง

            "เอาอีกแล้วนะคะ คุณพูดคำว่าเอาล่ะครับๆอีกแล้วล่ะ มันทำให้ฉันขำจัง แต่ก็เชิญเลยค่ะ คุณจะพูดอะไรก็เชิญเลยค่ะ" เธออนุญาตเจมส์ให้พูด เจมส์ก็ไม่รอช้า

            "ครับ ผมขออนญาตบอกจากจริงว่า ผมขอขอบคุณคุณเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ที่ช่วยให้ปากคำกับพวกเราในวันนี้ ในเมื่อเราไม่มีอะไรจะสอบถามแล้ว เราก็อนญาตให้คุณกลับได้แล้วล่ะครับ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้านะครับ"

            "ค่ะ สวัสดีค่ะ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้าค่ะ" แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป

            เจมส์มองเธอตามไป จนเธอพ้นออกจากประตู นี่แค่พยานคนแรกยังทำให้เขาเหนื่อยขนาดนี้ แล้วนี่ยังเหลืออีก3คน ยิ่งทำให้เขาไม่อยากคิดอีกต่อไปเลย

    "เรียกคนต่อไปเลยครับ" เจมส์ออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่หนุ่มนายหนึ่ง

            "ครับผม" เขาหันไปทางกลุ่มพยาน "เชิญเลยครับ"

            พยานคนที่2เข้ามานั่งบนเก้าอี้ที่จัดไว้แล้วอย่างดี

            "สวัสดีครับ ในฐานะที่คุณสามารถจะเป็นพยานให้กับคดีนี้ได้นั้น ผมจึงขอให้คุณให้ความร่วมมือกับทางเราด้วยนะครับ" เจมส์กล่าวทักทายก่อนอันดับแรก พร้อมกับขอร้องไปด้วยภายในตัว

            "เอาเหอะน่าคุณตำรวจ ไม่ต้องพูดมาก ผมต้องการจะกลับไปบ้านเร็วๆนะ แล้วนี่มันก็เป็นวันอาทิตย์ด้วยนะ แต่ละสัปดาห์เนี่ย ผมมีวันหยุดแค่วันนี้วันเดียวนะ เพราะฉะนั้นผมต้องการจะพักผ่อน ไม่ใช่มานั่งฟังคุณพูดพร่ำเพรื่อยืดเยื้อนะ" แต่พยานคนนี้กลับตอบกลับอย่างห้วนๆ ยิ่งทำให้เจมส์ยิ่งเสียกำลังใจ

            "ขอโทษครับ" เจมส์จึงต้องจำใจขอโทษ "ผมจะรีบเข้าเรื่องเลย ก่อนอื่นผมขอทราบประวัติคร่าวๆของคุณก่อนครับ" คำถามแรกเริ่มขึ้นจากเจมส์

            "เฮ้อ!...ผมชื่อ เชน ฟีฮีลี ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัท แค่นี้พอใจรึยัง" คำตอบแรกยังคงให้ความร่วมมือเจมส์อยู่

            "ครับ พอแล้วครับ ขอบคุณมากครับ คำถามต่อไปคือ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรครับ ในที่เกิดเหตุ" คำถามที่2ยังคงถามเช่นเดิม

            "เอ้อ! เข้าเรื่องซักที ตอนนั้นน่ะผมนั่งทำงานคอมอยู่ จนเวลา2ทุ่มกว่าๆ เพื่อนผม วอเตอร์แลนด์ เธอมาทักผมให้เดินลงไปสำรวจสวนสาธารณะหน่อย ผมก็ยอมลงไปกับเธอด้วย ผมถามเธอเหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็บอกว่าเห็นผู้ชายแปลกๆ ยืนทำอะไรไม่รู้แถวๆต้นไม้ เธอบอกว่าน่าจะเกิดเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น ซึ่งพอไปถึง ผมก็ไม่เจออะไรที่น่าแปลกแถวๆสวนเลย แต่เธอมุ่งตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างเดียวเลย แล้วเธอก็บอกว่าไม่มีอะไร แล้วผมก็เห็นเธอมองเพ่งเลยต้นไม้ แล้วเธอก็บอกว่าเธอจะไปสำรวจตรงริมแม่น้ำหน่อย พอเธอเดินไปปุ๊บ ตอนนั้นแหละ ผมเหลือบเห็นเงาผู้ชายตะคุ่มๆอยู่หลังรั้ว เขาก็สบตากับผม ผมก็ค่อยๆเดินไป จนมีอยู่จังหวะนึง เขาหันหลังวิ่งหนีไปทันที ผมรีบวิ่งตามเขาไปด้วย ซักพักนึง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของวอเตอร์แลนด์ ผมเลยตัดสินใจหันหลังกลับไปช่วย แล้วเลิกตามไอ้บ้านั่นไป ที่ไหนได้ เธอก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่เจอศพผู้หญิงท้องแทน ผมคิดว่าไอ้บ้านั่นต้องเป็นคนทำแน่ๆ...ก็แค่เนี้ยแหละ เรื่องของผมน่ะ"

            "โอ้โห! ขอบคุณมากครับ คุณให้ข้อมูลที่ถูกใจผมมากเลยครับ มันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของผมจริงๆครับ" เจมส์ดูท่าทางดีใจเป็นพิเศษมาก ทำให้พยานข้างหน้าได้แต่งง

            "เอ่อ ผมขอถามสุดท้าย แล้วจะไม่รบกวนคุณอีกแล้วครับ นั่นคือคุณต้องการจะเข้าสู่โครงการพิทักษ์พยานหรือไม่ครับ" คำถามที่3ตามมาทันที

            "ไม่! ตอนนี้ผมกลับได้รึยัง" คำตอบแทบจะเป็นเสียงตะคอก

            ซึ่งมันทำให้เจมส์ได้แต่อึ้ง!

            "เอ่อ...งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เชิญคุณกลับไปได้ ขอบคุณมากครับ" เจมส์หน้าตาสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด นี่แค่คนที่2 ยิ่งหนักไปกว่าคนแรกเสียอีก แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ไม่รู้

            พยานคนนี้ ฟีฮีลี ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างพรวดพราด มุ่งตรงไปหาประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนหันมามองเจมส์อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ผลักประตูเดินออกไป เขาช่างเป็นคนที่ขี้โมโหเหลือเกินในความคิดของเจมส์ ซึ่งเขาไม่ชอบคนที่มีนิสัยอย่างนี้เลย มันทำให้เขาเริ่มอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น

            เขาเอื้อมมือไปหยิบน้ำร้อนข้างตัวที่เขาพกมา พร้อมกับลุกไปชงกาแฟ แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่า...นี่ไม่ใช่ออฟฟิศเขา ฉะนั้นที่นี่ไม่มีกาแฟ! เร็วเท่าความคิด เขาเดินไปหาเจ้าหน้าที่หนุ่มนายหนึ่ง

            "คุณช่วยหาน้ำให้ผมซักแก้วนะ ที่นี่มีแต่น้ำร้อน" พร้อมกับบุ้ยใบ้ไปยังกระติกในมือซ้าย

            เจ้าหน้าที่หนุ่มพยักหน้า "ครับผม" พร้อมกับขานตอบ ก่อนจะเดินออกไปหาน้ำเปล่ามาให้

            นั่นแปลว่า การแก้สถานการณ์หน้าแตกของเขาสมบูรณ์แบบ มันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น เขากลับมานั่งที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ยกน้ำมาให้

            "ขอบคุณครับ" เขาดื่มจนหมดแก้ว แล้วยื่นส่งกลับให้ "ช่วยเรียกพยานคนต่อไปได้เลยครับ

            "เชิญนั่งครับ" เจมส์กล่าวให้พยานคนแรกนั่งอย่างสุภาพที่สุด และเธอคนนั้นก็ทำตามโดยดี

            "ก่อนอื่นผมขอทราบชื่อคุณก่อนครับคุณผู้หญิง ขอประวัติคร่าวๆนะครับ"

            "ค่ะ ดิฉันชื่อว่า ซาแมนธา วอเตอร์แลนด์ค่ะ ฉันทำงานเป็นพนักงานบริษัทของทอย อาร์ อัสค่ะ ฉันก็เป็นคนที่นี่ค่ะ แต่เกิดที่ซิดนีย์แล้วค่อยย้ายมาที่เมลเบิร์น สาเหตุเป็นเพราะว่าฉันต้องมาดูแลครอบครัวที่นี่ค่ะ เป็นป้ากับลุงของฉันเองค่ะ จริงๆแล้วท่านไม่ได้เกิดที่นี่หรอกค่ะ แต่เกิดที่..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ประวัติคุณพอสมควรแล้วครับ ไปตรงประเด็นกันเลยดีกว่า ตอนที่เกิดเหตุครับ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหนครับ" เจมส์ตัดบทสนทนา จนทำให้พยานคนนี้อึ้งนิดๆ เจมส์จึงซักต่อ เพื่อจะไม่ให้บทสนทนาหยุดชะงัก

            "เอ่อ ในตอนนั้นค่ะ ประมาณ5โมงเย็น ฉันนั่งจิบกาแฟและนั่งคุยกับเพื่อนๆเรื่องเจ้านายน่ะค่ะ เจ้านายน่ะเจ้าระเบียบมาก ฉันจึงต้องเมาธ์เรื่องนี้ก่อนอันดับแรก จากนั้นเสียงนาฬิกาฉันก็ดังให้ไปทำงานต่อ ฉันชอบตั้งนาฬิกาให้เตือนค่ะว่าถึงเวลาทำงานต่อแล้ว จากนั้นฉันก็ไปนั่งหน้าจอคอม ทำงานที่เจ้านายสั่ง มันยากมากเลยค่ะ เจ้านายฉันนะ ชอบจู้จี้จุกจิก..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าเจ้านายคุณเป็นคนยังไง แต่ผมขอให้เข้าเรื่องเลยได้มั้ยครับ เอาตอนที่คุณเห็นการเกิดเหตุเลยน่ะครับ" เจมส์จำต้องตัดบทสนทนาลงอีกครั้ง เพื่อกันการยืดเยื้อ เพราะดูจากการคุยกันแล้ว เธอช่างเป็นคนช่างพูดจริงๆ

            "อ๋อในตอนนั้นเหรอคะ ดิฉันไม่เห็นการฆ่ากันหรอกค่ะ"

            "อ้าว! ไหนคุณบอกว่า คุณเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ไง"

            "เปล่าค่ะ" เธอพูดเสียงดังจนเกือบจะเป็นเสียงตะคอก "แต่ฉันเห็นคนที่ทำตัวลับๆล่อๆน่ะค่ะ"

            "หมายความว่า เป็นคนที่ทำตัวน่าสงสัยเหรอครับ" เจมส์ค่อยใจเย็นลงหน่อย หลังจากคำอธิบายของเธอ

            "ใช่ค่ะ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงค่ะ หน้าตาออกจีนๆค่ะ ใส่เสื้อโค้ทสีดำ ส่วนเสื้อตัวข้างในสีเหลือง ใส่หมวกแบบพวกฮิปฮอป กางเกงยีนส์กับรองเท้าคอนเวิร์สของเขาเท่ห์มากเลยค่ะ แล้วหน้าตาเขาช่างหล่อตรงสเป็คฉันมากเลยค่ะ"

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ลักษณะของเขาแล้วล่ะครับ แต่ผมขอให้การสนทนานี้ วกกลับมาอยู่ในประเด็นหน่อยเถอะครับ...ขอร้อง" เจมส์ก็คงต้องตัดบทอีกครั้ง มันเริ่มที่จะทำให้เขาระอามากขึ้นไปทุกที

            "คุณนี่เป็นคนแปลกนะ" เธอถามคำถามแปลกๆขึ้นมากับเจมส์

            "ยังไงเหรอครับ"

            "ก็คุณน่ะ เวลาจะพูดขึ้นมาซักครั้งนึง ก็ชอบพูดแต่เอาล่ะครับๆทุกทีเลย มันดูแปลกนะ...แต่ก็น่ารักดี"

            เจมส์ทำได้แต่ยิ้มแห้งๆ

            "ก็ได้ ฉันจะพยายามเล่าให้ตรงประเด็นนะ" ในที่สุดเธอก็ดึงตัวเองเข้าตรงสู่ประเด็นได้ มันทำให้เจมส์ขยับตัวนั่งตัวตรง พร้อมตั้งใจฟังอย่างเต็มที่

            "ในตอนนั้นน่ะ เป็นเวลาประมาณ2ทุ่ม เพื่อนๆของฉันก็ทยอยกันกลับบ้านไปแล้วบางคน บางคนก็ยังอยู่ต่อ โต๊ะทำงานฉันอยู่ริมหน้าต่าง ฉันก็มักจะมองออกไปยังนอกหน้าต่างบ้าง ในคืนที่แล้วก็เหมือนกัน ฉันก็มองออกไปนอกหน้าต่างตามปกติ จนฉันผู้ชายคนที่เล่าเนี่ยแหละ ยืนอยู่ในสวนข้างๆแม่น้ำยาร่า เขายืนพิงต้นไม้อยู่ตั้งนาน มองซ้ายทีขวาทีตลอดเวลาเลยประมาณ15นาที จากนั้นเขาก็มองนาฬิกา1ที ในตอนนั้นแหละที่น่าสงสัยที่สุด คือว่าพอเขามองปุ๊บ หน้าตาเขาก็ตื่นๆยังไงไม่รู้ เขาลุกลี้ลุกลนรีบล้วงกระเป๋าไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันทีเลย แล้วก็โทรหาใครก็ไม่รู้ แล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย ฉันสงสัยมากจึงชวนเพื่อนอีกคนนึงลงไปดูแถวๆสวนสาธารณะ ฉันก็รีบเดินไปสำรวจแถวๆต้นไม้ใหญ่ ก็ไม่พบอะไร แต่พอฉันหันหัวเลยไปทางข้างแม่น้ำก็เห็นเหมือนมีผู้หญิงอ้วนนอนอยู่ ฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าไปดู เท่านั้นแหละ ฉันร้องกรี๊ดสุดเสียงของฉันเลย เพราะฉันเห็นศพผู้หญิงท้องถูกแทงเป็นรอยทั่วตัวเลย พอฉันได้สติ ฉันก็โทรแจ้งพวกคุณนั่นแหละค่ะ" เธออธิบายเหตุการณ์ได้อย่างละเอียดดีมาก ทำให้เจมส์อดที่จะคล้อยตามไปไม่ได้

            "ผมขอขอบคุณคุณมากเลยครับ คุณเล่าได้ละเอียดดีมาก แต่ผมขอถามคำถามข้อสุดท้ายนะครับ คือว่าคุณจะยินดีหรือไม่ ที่พวกผมจะให้คุณเข้าร่วมโครงการพิทักษ์พยาน"

            "โอ้! ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนชื่อตัวเองตอนนี้หรอก แล้วอีกอย่าง ฉันไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ความจริงน่ะ ฉันได้นิสัยอย่างนี้มาจากแม่น่ะค่ะ แม่ฉันทำงานหนักมาตลอด ซึ่งเธอเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เธอเจอกับลูกค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หรือคนใหญ่คนโตก็ตาม แต่ถ้าเรื่องดาราล่ะก็ ฉันเคยเจอคนนึง เขาชื่อ..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้นิสัยของแม่คุณแล้วล่ะ แต่ขอผมพูดบ้างเถอะครับ" เขาตัดบทอย่างสุภาพ อีกครั้ง

            "เอาอีกแล้วนะคะ คุณพูดคำว่าเอาล่ะครับๆอีกแล้วล่ะ มันทำให้ฉันขำจัง แต่ก็เชิญเลยค่ะ คุณจะพูดอะไรก็เชิญเลยค่ะ" เธออนุญาตเจมส์ให้พูด เจมส์ก็ไม่รอช้า

            "ครับ ผมขออนญาตบอกจากจริงว่า ผมขอขอบคุณคุณเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ที่ช่วยให้ปากคำกับพวกเราในวันนี้ ในเมื่อเราไม่มีอะไรจะสอบถามแล้ว เราก็อนญาตให้คุณกลับได้แล้วล่ะครับ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้านะครับ"

            "ค่ะ สวัสดีค่ะ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้าค่ะ" แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป

            เจมส์มองเธอตามไป จนเธอพ้นออกจากประตู นี่แค่พยานคนแรกยังทำให้เขาเหนื่อยขนาดนี้ แล้วนี่ยังเหลืออีก3คน ยิ่งทำให้เขาไม่อยากคิดอีกต่อไปเลย

    "เรียกคนต่อไปเลยครับ" เจมส์ออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่หนุ่มนายหนึ่ง

            "ครับผม" เขาหันไปทางกลุ่มพยาน "เชิญเลยครับ"

            พยานคนที่2เข้ามานั่งบนเก้าอี้ที่จัดไว้แล้วอย่างดี

            "สวัสดีครับ ในฐานะที่คุณสามารถจะเป็นพยานให้กับคดีนี้ได้นั้น ผมจึงขอให้คุณให้ความร่วมมือกับทางเราด้วยนะครับ" เจมส์กล่าวทักทายก่อนอันดับแรก พร้อมกับขอร้องไปด้วยภายในตัว

            "เอาเหอะน่าคุณตำรวจ ไม่ต้องพูดมาก ผมต้องการจะกลับไปบ้านเร็วๆนะ แล้วนี่มันก็เป็นวันอาทิตย์ด้วยนะ แต่ละสัปดาห์เนี่ย ผมมีวันหยุดแค่วันนี้วันเดียวนะ เพราะฉะนั้นผมต้องการจะพักผ่อน ไม่ใช่มานั่งฟังคุณพูดพร่ำเพรื่อยืดเยื้อนะ" แต่พยานคนนี้กลับตอบกลับอย่างห้วนๆ ยิ่งทำให้เจมส์ยิ่งเสียกำลังใจ

            "ขอโทษครับ" เจมส์จึงต้องจำใจขอโทษ "ผมจะรีบเข้าเรื่องเลย ก่อนอื่นผมขอทราบประวัติคร่าวๆของคุณก่อนครับ" คำถามแรกเริ่มขึ้นจากเจมส์

            "เฮ้อ!...ผมชื่อ เชน ฟีฮีลี ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัท แค่นี้พอใจรึยัง" คำตอบแรกยังคงให้ความร่วมมือเจมส์อยู่

            "ครับ พอแล้วครับ ขอบคุณมากครับ คำถามต่อไปคือ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรครับ ในที่เกิดเหตุ" คำถามที่2ยังคงถามเช่นเดิม

            "เอ้อ! เข้าเรื่องซักที ตอนนั้นน่ะผมนั่งทำงานคอมอยู่ จนเวลา2ทุ่มกว่าๆ เพื่อนผม วอเตอร์แลนด์ เธอมาทักผมให้เดินลงไปสำรวจสวนสาธารณะหน่อย ผมก็ยอมลงไปกับเธอด้วย ผมถามเธอเหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็บอกว่าเห็นผู้ชายแปลกๆ ยืนทำอะไรไม่รู้แถวๆต้นไม้ เธอบอกว่าน่าจะเกิดเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น ซึ่งพอไปถึง ผมก็ไม่เจออะไรที่น่าแปลกแถวๆสวนเลย แต่เธอมุ่งตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างเดียวเลย แล้วเธอก็บอกว่าไม่มีอะไร แล้วผมก็เห็นเธอมองเพ่งเลยต้นไม้ แล้วเธอก็บอกว่าเธอจะไปสำรวจตรงริมแม่น้ำหน่อย พอเธอเดินไปปุ๊บ ตอนนั้นแหละ ผมเหลือบเห็นเงาผู้ชายตะคุ่มๆอยู่หลังรั้ว เขาก็สบตากับผม ผมก็ค่อยๆเดินไป จนมีอยู่จังหวะนึง เขาหันหลังวิ่งหนีไปทันที ผมรีบวิ่งตามเขาไปด้วย ซักพักนึง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของวอเตอร์แลนด์ ผมเลยตัดสินใจหันหลังกลับไปช่วย แล้วเลิกตามไอ้บ้านั่นไป ที่ไหนได้ เธอก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่เจอศพผู้หญิงท้องแทน ผมคิดว่าไอ้บ้านั่นต้องเป็นคนทำแน่ๆ...ก็แค่เนี้ยแหละ เรื่องของผมน่ะ"

            "โอ้โห! ขอบคุณมากครับ คุณให้ข้อมูลที่ถูกใจผมมากเลยครับ มันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของผมจริงๆครับ" เจมส์ดูท่าทางดีใจเป็นพิเศษมาก ทำให้พยานข้างหน้าได้แต่งง

            "เอ่อ ผมขอถามสุดท้าย แล้วจะไม่รบกวนคุณอีกแล้วครับ นั่นคือคุณต้องการจะเข้าสู่โครงการพิทักษ์พยานหรือไม่ครับ" คำถามที่3ตามมาทันที

            "ไม่! ตอนนี้ผมกลับได้รึยัง" คำตอบแทบจะเป็นเสียงตะคอก

            ซึ่งมันทำให้เจมส์ได้แต่อึ้ง!

            "เอ่อ...งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เชิญคุณกลับไปได้ ขอบคุณมากครับ" เจมส์หน้าตาสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด นี่แค่คนที่2 ยิ่งหนักไปกว่าคนแรกเสียอีก แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ไม่รู้

            พยานคนนี้ ฟีฮีลี ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างพรวดพราด มุ่งตรงไปหาประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนหันมามองเจมส์อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ผลักประตูเดินออกไป เขาช่างเป็นคนที่ขี้โมโหเหลือเกินในความคิดของเจมส์ ซึ่งเขาไม่ชอบคนที่มีนิสัยอย่างนี้เลย มันทำให้เขาเริ่มอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น

            เขาเอื้อมมือไปหยิบน้ำร้อนข้างตัวที่เขาพกมา พร้อมกับลุกไปชงกาแฟ แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่า...นี่ไม่ใช่ออฟฟิศเขา ฉะนั้นที่นี่ไม่มีกาแฟ! เร็วเท่าความคิด เขาเดินไปหาเจ้าหน้าที่หนุ่มนายหนึ่ง

            "คุณช่วยหาน้ำให้ผมซักแก้วนะ ที่นี่มีแต่น้ำร้อน" พร้อมกับบุ้ยใบ้ไปยังกระติกในมือซ้าย

            เจ้าหน้าที่หนุ่มพยักหน้า "ครับผม" พร้อมกับขานตอบ ก่อนจะเดินออกไปหาน้ำเปล่ามาให้

            นั่นแปลว่า การแก้สถานการณ์หน้าแตกของเขาสมบูรณ์แบบ มันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น เขากลับมานั่งที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ยกน้ำมาให้

            "ขอบคุณครับ" เขาดื่มจนหมดแก้ว แล้วยื่นส่งกลับให้ "ช่วยเรียกพยานคนต่อไปได้เลยครับ

            "เชิญนั่งครับ" เจมส์กล่าวให้พยานคนแรกนั่งอย่างสุภาพที่สุด และเธอคนนั้นก็ทำตามโดยดี

            "ก่อนอื่นผมขอทราบชื่อคุณก่อนครับคุณผู้หญิง ขอประวัติคร่าวๆนะครับ"

            "ค่ะ ดิฉันชื่อว่า ซาแมนธา วอเตอร์แลนด์ค่ะ ฉันทำงานเป็นพนักงานบริษัทของทอย อาร์ อัสค่ะ ฉันก็เป็นคนที่นี่ค่ะ แต่เกิดที่ซิดนีย์แล้วค่อยย้ายมาที่เมลเบิร์น สาเหตุเป็นเพราะว่าฉันต้องมาดูแลครอบครัวที่นี่ค่ะ เป็นป้ากับลุงของฉันเองค่ะ จริงๆแล้วท่านไม่ได้เกิดที่นี่หรอกค่ะ แต่เกิดที่..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ประวัติคุณพอสมควรแล้วครับ ไปตรงประเด็นกันเลยดีกว่า ตอนที่เกิดเหตุครับ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหนครับ" เจมส์ตัดบทสนทนา จนทำให้พยานคนนี้อึ้งนิดๆ เจมส์จึงซักต่อ เพื่อจะไม่ให้บทสนทนาหยุดชะงัก

            "เอ่อ ในตอนนั้นค่ะ ประมาณ5โมงเย็น ฉันนั่งจิบกาแฟและนั่งคุยกับเพื่อนๆเรื่องเจ้านายน่ะค่ะ เจ้านายน่ะเจ้าระเบียบมาก ฉันจึงต้องเมาธ์เรื่องนี้ก่อนอันดับแรก จากนั้นเสียงนาฬิกาฉันก็ดังให้ไปทำงานต่อ ฉันชอบตั้งนาฬิกาให้เตือนค่ะว่าถึงเวลาทำงานต่อแล้ว จากนั้นฉันก็ไปนั่งหน้าจอคอม ทำงานที่เจ้านายสั่ง มันยากมากเลยค่ะ เจ้านายฉันนะ ชอบจู้จี้จุกจิก..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าเจ้านายคุณเป็นคนยังไง แต่ผมขอให้เข้าเรื่องเลยได้มั้ยครับ เอาตอนที่คุณเห็นการเกิดเหตุเลยน่ะครับ" เจมส์จำต้องตัดบทสนทนาลงอีกครั้ง เพื่อกันการยืดเยื้อ เพราะดูจากการคุยกันแล้ว เธอช่างเป็นคนช่างพูดจริงๆ

            "อ๋อในตอนนั้นเหรอคะ ดิฉันไม่เห็นการฆ่ากันหรอกค่ะ"

            "อ้าว! ไหนคุณบอกว่า คุณเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ไง"

            "เปล่าค่ะ" เธอพูดเสียงดังจนเกือบจะเป็นเสียงตะคอก "แต่ฉันเห็นคนที่ทำตัวลับๆล่อๆน่ะค่ะ"

            "หมายความว่า เป็นคนที่ทำตัวน่าสงสัยเหรอครับ" เจมส์ค่อยใจเย็นลงหน่อย หลังจากคำอธิบายของเธอ

            "ใช่ค่ะ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงค่ะ หน้าตาออกจีนๆค่ะ ใส่เสื้อโค้ทสีดำ ส่วนเสื้อตัวข้างในสีเหลือง ใส่หมวกแบบพวกฮิปฮอป กางเกงยีนส์กับรองเท้าคอนเวิร์สของเขาเท่ห์มากเลยค่ะ แล้วหน้าตาเขาช่างหล่อตรงสเป็คฉันมากเลยค่ะ"

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้ลักษณะของเขาแล้วล่ะครับ แต่ผมขอให้การสนทนานี้ วกกลับมาอยู่ในประเด็นหน่อยเถอะครับ...ขอร้อง" เจมส์ก็คงต้องตัดบทอีกครั้ง มันเริ่มที่จะทำให้เขาระอามากขึ้นไปทุกที

            "คุณนี่เป็นคนแปลกนะ" เธอถามคำถามแปลกๆขึ้นมากับเจมส์

            "ยังไงเหรอครับ"

            "ก็คุณน่ะ เวลาจะพูดขึ้นมาซักครั้งนึง ก็ชอบพูดแต่เอาล่ะครับๆทุกทีเลย มันดูแปลกนะ...แต่ก็น่ารักดี"

            เจมส์ทำได้แต่ยิ้มแห้งๆ

            "ก็ได้ ฉันจะพยายามเล่าให้ตรงประเด็นนะ" ในที่สุดเธอก็ดึงตัวเองเข้าตรงสู่ประเด็นได้ มันทำให้เจมส์ขยับตัวนั่งตัวตรง พร้อมตั้งใจฟังอย่างเต็มที่

            "ในตอนนั้นน่ะ เป็นเวลาประมาณ2ทุ่ม เพื่อนๆของฉันก็ทยอยกันกลับบ้านไปแล้วบางคน บางคนก็ยังอยู่ต่อ โต๊ะทำงานฉันอยู่ริมหน้าต่าง ฉันก็มักจะมองออกไปยังนอกหน้าต่างบ้าง ในคืนที่แล้วก็เหมือนกัน ฉันก็มองออกไปนอกหน้าต่างตามปกติ จนฉันผู้ชายคนที่เล่าเนี่ยแหละ ยืนอยู่ในสวนข้างๆแม่น้ำยาร่า เขายืนพิงต้นไม้อยู่ตั้งนาน มองซ้ายทีขวาทีตลอดเวลาเลยประมาณ15นาที จากนั้นเขาก็มองนาฬิกา1ที ในตอนนั้นแหละที่น่าสงสัยที่สุด คือว่าพอเขามองปุ๊บ หน้าตาเขาก็ตื่นๆยังไงไม่รู้ เขาลุกลี้ลุกลนรีบล้วงกระเป๋าไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันทีเลย แล้วก็โทรหาใครก็ไม่รู้ แล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย ฉันสงสัยมากจึงชวนเพื่อนอีกคนนึงลงไปดูแถวๆสวนสาธารณะ ฉันก็รีบเดินไปสำรวจแถวๆต้นไม้ใหญ่ ก็ไม่พบอะไร แต่พอฉันหันหัวเลยไปทางข้างแม่น้ำก็เห็นเหมือนมีผู้หญิงอ้วนนอนอยู่ ฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าไปดู เท่านั้นแหละ ฉันร้องกรี๊ดสุดเสียงของฉันเลย เพราะฉันเห็นศพผู้หญิงท้องถูกแทงเป็นรอยทั่วตัวเลย พอฉันได้สติ ฉันก็โทรแจ้งพวกคุณนั่นแหละค่ะ" เธออธิบายเหตุการณ์ได้อย่างละเอียดดีมาก ทำให้เจมส์อดที่จะคล้อยตามไปไม่ได้

            "ผมขอขอบคุณคุณมากเลยครับ คุณเล่าได้ละเอียดดีมาก แต่ผมขอถามคำถามข้อสุดท้ายนะครับ คือว่าคุณจะยินดีหรือไม่ ที่พวกผมจะให้คุณเข้าร่วมโครงการพิทักษ์พยาน"

            "โอ้! ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนชื่อตัวเองตอนนี้หรอก แล้วอีกอย่าง ฉันไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ความจริงน่ะ ฉันได้นิสัยอย่างนี้มาจากแม่น่ะค่ะ แม่ฉันทำงานหนักมาตลอด ซึ่งเธอเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เธอเจอกับลูกค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หรือคนใหญ่คนโตก็ตาม แต่ถ้าเรื่องดาราล่ะก็ ฉันเคยเจอคนนึง เขาชื่อ..."

            "เอาล่ะครับๆ ผมพอจะรู้นิสัยของแม่คุณแล้วล่ะ แต่ขอผมพูดบ้างเถอะครับ" เขาตัดบทอย่างสุภาพ อีกครั้ง

            "เอาอีกแล้วนะคะ คุณพูดคำว่าเอาล่ะครับๆอีกแล้วล่ะ มันทำให้ฉันขำจัง แต่ก็เชิญเลยค่ะ คุณจะพูดอะไรก็เชิญเลยค่ะ" เธออนุญาตเจมส์ให้พูด เจมส์ก็ไม่รอช้า

            "ครับ ผมขออนญาตบอกจากจริงว่า ผมขอขอบคุณคุณเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ที่ช่วยให้ปากคำกับพวกเราในวันนี้ ในเมื่อเราไม่มีอะไรจะสอบถามแล้ว เราก็อนญาตให้คุณกลับได้แล้วล่ะครับ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้านะครับ"

            "ค่ะ สวัสดีค่ะ เอาไว้เจอกันในโอกาสหน้าค่ะ" แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป

            เจมส์มองเธอตามไป จนเธอพ้นออกจากประตู นี่แค่พยานคนแรกยังทำให้เขาเหนื่อยขนาดนี้ แล้วนี่ยังเหลืออีก3คน ยิ่งทำให้เขาไม่อยากคิดอีกต่อไปเลย

    "เรียกคนต่อไปเลยครับ" เจมส์ออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่หนุ่มนายหนึ่ง

            "ครับผม" เขาหันไปทางกลุ่มพยาน "เชิญเลยครับ"

            พยานคนที่2เข้ามานั่งบนเก้าอี้ที่จัดไว้แล้วอย่างดี

            "สวัสดีครับ ในฐานะที่คุณสามารถจะเป็นพยานให้กับคดีนี้ได้นั้น ผมจึงขอให้คุณให้ความร่วมมือกับทางเราด้วยนะครับ" เจมส์กล่าวทักทายก่อนอันดับแรก พร้อมกับขอร้องไปด้วยภายในตัว

            "เอาเหอะน่าคุณตำรวจ ไม่ต้องพูดมาก ผมต้องการจะกลับไปบ้านเร็วๆนะ แล้วนี่มันก็เป็นวันอาทิตย์ด้วยนะ แต่ละสัปดาห์เนี่ย ผมมีวันหยุดแค่วันนี้วันเดียวนะ เพราะฉะนั้นผมต้องการจะพักผ่อน ไม่ใช่มานั่งฟังคุณพูดพร่ำเพรื่อยืดเยื้อยะ" แต่พยานคนนี้กลับตอบกลับอย่างห้วนๆ ยิ่งทำให้เจมส์ยิ่งเสียกำลังใจ

            "ขอโทษครับ" เจมส์จึงต้องจำใจขอโทษ "ผมจะรีบเข้าเรื่องเลย ก่อนอื่นผมขอทราบประวัติคร่าวๆของคุณก่อนครับ" คำถามแรกเริ่มขึ้นจากเจมส์

            "เฮ้อ!...ผมชื่อ เชน ฟีฮีลี ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัท แค่นี้พอใจรึยัง" คำตอบแรกยังคงให้ความร่วมมือเจมส์อยู่

            "ครับ พอแล้วครับ ขอบคุณมากครับ คำถามต่อไปคือ คุณเห็นใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรครับ ในที่เกิดเหตุ" คำถามที่2ยังคงถามเช่นเดิม

            "เอ้อ! เข้าเรื่องซักที ตอนนั้นน่ะผมนั่งทำงานคอมอยู่ จนเวลา2ทุ่มกว่าๆ เพื่อนผม วอเตอร์แลนด์ เธอมาทักผมให้เดินลงไปสำรวจสวนสาธารณะหน่อย ผมก็ยอมลงไปกับเธอด้วย ผมถามเธอเหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็บอกว่าเห็นผู้ชายแปลกๆ ยืนทำอะไรไม่รู้แถวๆต้นไม้ เธอบอกว่าน่าจะเกิดเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น ซึ่งพอไปถึง ผมก็ไม่เจออะไรที่น่าแปลกแถวๆสวนเลย แต่เธอมุ่งตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างเดียวเลย แล้วเธอก็บอกว่าไม่มีอะไร แล้วผมก็เห็นเธอมองเพ่งเลยต้นไม้ แล้วเธอก็บอกว่าเธอจะไปสำรวจตรงริมแม่น้ำหน่อย พอเธอเดินไปปุ๊บ ตอนนั้นแหละ ผมเหลือบเห็นเงาผู้ชายตะคุ่มๆอยู่หลังรั้ว เขาก็สบตากับผม ผมก็ค่อยๆเดินไป จนมีอยู่จังหวะนึง เขาหันหลังวิ่งหนีไปทันที ผมรีบวิ่งตามเขาไปด้วย ซักพักนึง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของวอเตอร์แลนด์ ผมเลยตัดสินใจหันหลังกลับไปช่วย แล้วเลิกตามไอ้บ้านั่นไป ที่ไหนได้ เธอก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่เจอศพผู้หญิงท้องแทน ผมคิดว่าไอ้บ้านั่นต้องเป็นคนทำแน่ๆ...ก็แค่เนี้ยแหละ เรื่องของผมน่ะ"

            "โอ้โห! ขอบคุณมากครับ คุณให้ข้อมูลที่ถูกใจผมมากเลยครับ มันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของผมจริงๆครับ" เจมส์ดูท่าทางดีใจเป็นพิเศษมาก ทำให้พยานข้างหน้าได้แต่งง

            "เอ่อ ผมขอถามสุดท้าย แล้วจะไม่รบกวนคุณอีกแล้วครับ นั่นคือคุณต้องการจะเข้าสู่โครงการพิทักษ์พยานหรือไม่ครับ" คำถามที่3ตามมาทันที

            "ไม่! ตอนนี้ผมกลับได้รึยัง" คำตอบแทบจะเป็นเสียงตะคอก

            ซึ่งมันทำให้เจมส์ได้แต่อึ้ง!

            "เอ่อ...งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เชิญคุณกลับไปได้ ขอบคุณมากครับ" เจมส์หน้าตาสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด นี่แค่คนที่2 ยิ่งหนักไปกว่าคนแรกเสียอีก แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ไม่รู้

            พยานคนนี้ ฟีฮีลี ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างพรวดพราด มุ่งตรงไปหาประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนหันมามองเจมส์อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ผลักประตูเดินออกไป เขาช่างเป็นคนที่ขี้โมโหเหลือเกินในความคิดของเจมส์ ซึ่งเขาไม่ชอบคนที่มีนิสัยอย่างนี้เลย มันทำให้เขาเริ่มอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×