คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตายทั้งเป็น
บทที่ 11
ตายทั้งเป็น
(พัดลม)
“ก็...ก็ไม่ยากเท่าไหร่...เอ่อ...”ฉันมีคำถามอยากถามนายหน่อย
“มีอะไรเหรอพัดลม?”นายข้าวเจ้าทำคิ้วขมวด เอ่อ...แล้วทำไมฉันต้องพูดไม่ออกด้วย
“ผู้หญิงคนนั้นน่ะ คู่หมั้นนายใช่มั้ย?”ฉันหลับตา และพูดออกไป
“เอ่อ...ใช่ เธอชื่อน้ำใจน่ะ เป็นคู่หมั้นที่พ่อเลือกให้ฉัน”นายข้าวเจ้าพูด...ใช่ ฉันเคยได้ยินชื่อนี้’น้ำใจ’
“สวยดีนะ”ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มให้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงต้องยอม หรือเพราะว่านายอาจจะมีใจให้กับเธอคนนั้น
“ใช่...สวยมากกก สวยกว่าเธอเยอะเลย....”นายข้าวเจ้า นายพูดแบบนี้รู้มั้ยว่าฉันเจ็บมากแค่ไหน
“...แต่ฉันเลือกเธอ” นายยิ่งพูดแบบนี้ ฉันยิ่งอยากอยู่กับนาย อยากเป็นเจ้าของหัวใจของนาย ทำไมต้องเป็นคนนั้น...
“แต่พ่อนาย.....ไม่ได้เลือกฉัน”ฉันพูดเสียงสั่น ตอนนี้ฉันอ่อนแอมาก ไหนจะเรื่องของพี่จอร์จ แล้วคู่หมั้นของนายข้าวเจ้าอีก ทำไมอุปสรรคต้องมากมายขนาดนี้ด้วย มันผิดมากเหรอที่ฉันจะรักคนๆนี้ คนที่เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว
“ฉันรักเธอนะ ฉันรักเธอคนเดียว...แล้วเธอล่ะ รักฉันรึเปล่า?ถ้าตอบว่ารัก ฉันจะไปคุยกับพ่อวันนี้...ฉันจะไม่ยอมแต่งกับคนที่พ่อเลือกให้ เพราะฉันจะแต่งกับคนที่ฉันรัก!!!”ข้าวเจ้าพูดเสียงจริงจัง...ฉันอยากบอกนายเหลือเกินว่าฉันรักนาย แต่ถ้าพูดออกไปฉันมันก็คนเห็นแก่ตัวคนนึง ....ทั้งพี่จอร์จ น้ำใจ และใครต่อใครที่ชอบนายอีก ฉันเลือกที่จะเจ็บคนเดียวดีกว่านายต้องมาโดนสายตาและคำพูดรังเกียจจากคนรอบข้างด้วย ฉันไม่มีวันให้นายต้องเสียใจ....ฉันจะไม่เป็นรักที่เห็นแก่ตัว!!
“ฉันไม่บอก”ฉันพูดออกไป เพราะฉันรู้ว่า ถ้าฉันตอบ ใช่ หรือว่า ไม่ มันจะต้องทำร้ายใครสักคนนึงแน่...อย่างน้อยก็ตัวฉันเอง...ถ้าฉันบอกนายว่าใช่ แล้วบอกว่าอย่าไปทำล่ะ?นายไม่เชื่อฉันแน่....ฉันจะเจ็บคนเดียว นายก็ต้องเจ็บตอนนี้ แล้วหายในที่สุด...ฉันรักนาย...ข้าวเจ้า!!! ฉันตะโกนในใจ
“บอกมาเลยๆ^^”เขายิ้มให้ฉัน มันอ่อนโยนจนฉันใจวูบหม่นทันที เพราะคำที่ฉันจะพูดต่อจากนี้ มันจะทำให้รอยยิ้มนี้หายไป....
“ไม่...”ฉันพูดเสียงติดสะอื้น ฉันร้องไห้ออกมาแล้ว...ในความมืดมีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ทำให้ฉันและนายข้าวเจ้ามองเห็นหน้ากัน
“เธอโกหก...ใช่มั้ย?”นายข้าวเจ้าเสียงสั่น มันทำให้ฉันอยากเข้าไปกอดปลอบใจเขา แต่ฉันไม่กล้าพอ ไม่กล้าที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัว
“ไม่ใช่...ฉันไม่เคยรักนาย ได้โปรดอย่าถามอะไรอีกเลย ฉันไม่อยากเสียเพื่อน!!”ฉันพูดพร้อมวิ่งออกมา ตลอดทางที่ฉันวิ่งน้ำตาที่ไหลรินก็อาบแก้มไปด้วย แขนขาของฉันหมดแรง มันเหมือนคนหัวใจแตกสลาย...ทำไมฉันรักนายขนาดนี้
ฉันวิ่งกลับมาที่ร้าน เพื่อมารอรถกลับบ้านและพยายามถึงที่สุดเพื่อไม่ให้คนที่รู้จักเห็นโดยเฉพาะ พี่จอร์จ
“แอบใครอยู่เหรอคะ?”เสียงหวานพูดขึ้นมา
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”ฉันตอบสาวสวยคนนั้น เธอสวยกว่าฉันมากจริงๆด้วย เส้นผมสีดำเงางาม ดวงตาสีดำมันวาวดูมีเสน่ห์ ปากอมชมพูที่เคลือบด้วยลิปกลอส เธอเหมาะกับข้าวเจ้าจริงๆ
“เหรอคะ?”เธอถาม แล้วแสยะยิ้มชั่วร้าย แล้วพูดกับฉันเสียงแผ่วเบา....
“พี่ข้าวเจ้าเป็นของฉัน อย่าคิดจะมายุ่ง!!”
“เธอ...เธอ เธอมันร้ายกว่าที่ฉันคิด!!!”ฉันเผลอตะคอกยัยสวยสยองตรงหน้า
“อ๊าย~อย่าทำฉันเลยนะคะ พี่พัดลมคะ อย่าค่ะ น้ำใจกลัวแล้ว~”ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ
“พัดลม!!!”เสียงพูดแข็งกร้าว ดังมาจากข้างหลังฉัน
“ข้าวเจ้า...”ฉันครางชื่อนายนั่นแผ่วเบา อื้อหือ รู้แล้วๆยัยสตรอว์ ไม่สิ ยัยสะตอ!!!สตรอว์เบอร์รี่มันแพงเกินไป อย่างแกต้องเอาไปจิ้มน้ำพริกเท่านั้น
“เธอจะทำอะไร?!”ข้าวเจ้าถามกึ่งตะคอกฉัน ก่อนที่จะพยุงยัยน้ำใจเน่าขึ้นมา บาดตาบาดใจอะไรอย่างนี้!!!
ฉันไม่ได้เป็นนางเอกอ่อนโยนเหมือนในหนังนะยะ แกต้องเจอดีแน่!!คิดว่าฉันมันโง่รึไง!!!
“เปล่านะ”ฉันรีบเอามือไขว้หลังแล้วหยิกแขนตัวเองให้ช้ำมากที่สุด โอ๊ยยยย เจ็บเฟ้ย!!ยัยนั่นมันแผนสตรอว์เบอร์รี่ขนาดนั้นก็ต้องเจอสตรอว์ขั้นเทพกันหน่อยล่ะ
“ก็เห็นอยู่ว่าเธอไปตะคอกน้ำใจ”นายจะฟังบ้างไม่ได้เหรอไง
“นายเห็นตั้งแต่ตอนไหน?นายเห็นตอนที่ฉันตะคอกน้องน้ำใจ แล้วทำไมตอนฉันโดนคู่หมั้นนายทำร้าย ทำไมไม่รู้จักเห็นบ้างล่ะ!”ฉันแกล้งพูด พร้อมเอาแขนขึ้นมาดู เยสสสส ได้ผลสีแดงๆเขียวๆ เนียนมากกก
“เธอไม่น่าถูกทำร้ายง่ายๆนี่นา”คิดว่าฉันเป็นควายหรือไง ถึงต้องทนแดดทนฝนน่ะ!!
“ถ้ามาต่อหน้า ฉันสู้ได้...แต่ลับหลังฉันก็เคยโดนแทงมาแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งตัวน้องเขาก็ตบๆๆ ตีๆๆ นายดูสิ!”ฉันทำท่าทางประกอบ(ตบหน้าตัวเอง)เพื่อให้เห็นบาดแผล เห็นมั้ยล่ะ ว่าฉันสตรอว์เก่งกว่าเธอเยอะ!!
ข้าวเจ้าดูแผลฉัน แล้วหันไปมองหน้ายัยน้ำใจ แล้วทำหน้าผิดหวังสุดๆ ยัยนั่นมองหน้าฉันเจื่อนๆ ฉันแสยะยิ้มมุมปากให้ เป็นเชิงว่าฉันถือไพ่เหนือกว่าเธอ
“ฉะ...ฉัน. ไม่ได้...ทำนะคะ!!”พูดไปเถอะ เธอพูดไปสิ คิดเหรอว่าข้าวเจ้าจะเชื่อ เหอะๆ
“ครับ พี่เชื่อกลับบ้านกันเถอะ^^ ฉันขอโทษแทนคู่หมั้นของฉันด้วยนะ”นายข้าวเจ้าหันไปพ๔ดกับยัยน้าใจเน่าพร้อมรอยยิ้ม แล้วก็มาพูดเย็นชากับฉัน...ไอ้เจ้าใจร้ายยยยย
บ้าน
ฉันกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ฮู่ววว โล่งอกหน่อยที่กลับมาอย่างปลอดภัย ไม่โดนพวกโรคจิตมาทำร้าย
“เป็นไง...อร่อยมั้ย?ไปกินของฟรีเนี่ย^^”พี่แอร์พูดแซวฉันเหมือนทุกวัน ปกติฉันคงเถียงพี่แอร์ไปแล้ว แต่ว่าวันนี้ฉันเศร้าสุดๆเลย ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นคนดีขนาดนี้(เข้าโหมดหลงตัวเองอีกครั้ง)หรือว่าฉันมันโง่กันแน่ที่พูดแบบนั้น(นี่เรื่องจริง)
“อืมมม”ฉันตอบสั้นๆวันนี้มีเรื่องเยอะแยะไปหมด ทุกอย่างมันถาโถมมาในวันเดียวกัน ไอ้ปัญหาบ้า ออกไปนะ!!!
“เล่าให้พี่ฟังเดี๋ยวนี้เลย...”พี่แอร์พูดด้วยความเป็นห่วง และก็ไม่รู้ทำไมว่าฉันถึงได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่แอร์ฟัง ฉันคงเหลือแค่ครอบครัวเท่านั้น ที่ทำให้ฉันมีความสุขอย่างแท้จริง...จากเมื่อก่อนที่ฉันเคยน้อยใจพ่อแม่ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าท่านรักฉันมากแค่ไหน....ฉันเองก็รักท่านมากเหมือนกัน
“โถ่เอ๊ยยัยพัดลม...แกคิดว่าแกเป็นนางเอก เป็นนักสังคมสงเคราะห์ หรือว่าเป็นซูเปอร์วูแมน กันยะ!!!เธอรักนายนั่นก็บอกไปสิ...ไม่พูดแล้วเขาจะรู้ แล้วเขาจะเป็นอย่างที่แกอยากให้เป็นหรือไง ยัยบ๊องเอ๊ย!!”เป็นชุดครับท่านผู้อ่าน
“ก็...พัดสงสารพ่อของข้าวเจ้านี่นา”ฉันพูดด้วยเสียงหวาน แต่ทำสีหน้าไม่สบายใจ
“เหรออออ แกสงสารนายคนอื่นตลอดๆ จนลืมสงสารคนที่เขารักแกอย่างนายข้าวเจ้าแล้วก็ลืมสงสารตัวเองด้วย!!”พี่แอร์อารมณ์เสียสุดๆไปเลย ตอนนี้ฉันต้องมาคอยปลอบอารมณ์พี่สาวตัวเอง ทั้งๆที่ฉันเป็นคนเจอเรื่องเลวร้ายมานะเนี่ย!!!
เช้าวันต่อมาที่โรงเรียน
เฮ้อ~วันนี้ใครต่อใครก็บ่นว่าอากาศดี๊ดี...คงมีแต่ฉันล่ะมั้งที่คิดว่าอากาศไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย....
“หวัดดีจ้ะ ข้าวหอม”วันนี้ฉันเดินเข้าไปทักทายข้าวหอม ซึ่งปกติคนที่เริ่มต้องเป็นข้าวหอม แต่วันนี้ ถ้าไม่คิดไปเองฉันคงคิดว่าข้าวหอมกำลังหลบหน้าฉันอยู่...
“จ้ะ”พูดแค่เนี้ย???พิรุธๆๆๆๆมาพรึ่บเลยนะนั่น!!!
“ข้าวหอม!!!!!”ฉันตะโกนชื่อข้าวหอมออกมา เจ้าของชื่อก็ตกใจสุดขีดเผลอร้องกรี๊ดออกมา
“กรี๊ดดด ตกใจหมดเลยพัดลม เธอทำอะไรของเธอเนี่ย???ถ้าฉันหัวใจวายขึ้นมาจะทำยังไง หา!!!”ใส่ไม่ยั้ง นี่แหละตัวจริง
“เฮ้อ...กลับมาเป็นคนเดิมซะทีนะ ไปโดนใคร ปั่นหัวไม่ให้พูดกับฉันเหรออออ”ฉันพูดกระแทกเสียง เน้นย้ำอย่างชัดเจน แล้วส่งสายตาไปทางนายข้าวเจ้า ฉันรู้หรอกนะว่านายบอกให้ข้าวหอมไม่มายุ่งกับฉัน หลังจากที่ฉันส่งสายตาพิฆาตไปทางนายข้าวเจ้า ฉันก็หันกลับมาดูยัยข้าวหอม เฮ้ย!ร้องไห้ทำไม???
“ข้าวหอมเป็นอะไร?”ฉันถามข้าวหอมพร้อมทำตาสีน้ำตาลเข้มให้โต เพื่อแสดงอาการตกใจ OoO
“แงๆๆๆพัดลมรู้เรื่องหมดแล้วอ่า...แง....พี่เจ้าพัดขอโทษนะคะTT”เอ่อ...ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยนะว่านายข้าวเจ้าเป็นคนทำ เธอนี่ร้อนตัวจริงๆเลยนะยัยข้าวหอม
“ข้าวหอม!!!”พี่ชายตัวแสบเรียกชื่อน้องสาว พลางทำสีหน้าดุดัน
“ข้าวหอมขอโทษนะคะ ฮือๆๆ”
“เธอไม่ได้ผิดซะหน่อยข้าวหอม คนที่ผิดก็คือคนที่แก้ปัญหาแบบโง่ๆเท่านั้นแหละ”เฮอะๆๆๆ สะใจมากเลย
“ใคร!!เธอว่าใครฮะ ยัยลมตด!!”กรี๊ดดด คำว่า ‘พัด’ หายไปไหน????
“ไอ้เน่า!!!แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันเป็นลมตด ห๊า!!!”ฮึ่มมม โกรธๆๆๆๆ(แบบไร้เหตุผล)
“................”เงียบกริบ วอนซะแล้ววว
“ป๊อดรึไง?ถึงไม่กล้าพูดกับฉันน่ะ”ฉันแหย่พร้อมทำหน้ายียวน
“.................”เงียบอีกแล้ว เดี๋ยวปั๊ดเลย
“เป็นใบ้รึไง!!!”ฉันตะคอกใส่ ข้ามหัวเพื่อนๆกันเลยทีเดียว…
“ฉันไม่อยากคุยกับเธอ อย่ามายุ่งกับฉัน อย่าเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของฉัน...เอ้อ!เพื่อนๆวันอาทิตย์นี้ ฉันขอชวนทุกคนไปที่บ้านของฉันนะ ไปร่วมพิธีหมั้นของฉันกัน... มีของกินเพียบ!!!”นะ..นาย พิธี...หมั้น นายจะแก้แค้นฉันหรอ?นายจะฆ่าฉันทั้งเป็นเลยหรือไง?จะมีใครเข้าใจความรู้สึกฉันบ้างไหมว่าคนที่ฉันรักกำลังจะไปหมั้นกับคนร้ายกาจอย่างยัยน้ำใจนั่น!แต่...ฉันจะมีสิทธิ์อะไร ฉันกลายเป็นคนที่ถูกทำเย็นชาใส่ แม้แต่รอยยิ้ม คำพูด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันเคยมี ฉันไม่ได้อะไรเลย ฉันเสียทุกอย่าง...
ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัวของตัวเอง ฉันจะร้องไห้แล้ว ดวงตาของฉันร้อนผ่าว ฉันเจ็บ เจ็บจนไม่ไหวแล้ว...ตอนนี้นายข้าวเจ้ากำลังนั่งคุยกับนายไฟฟ้า ส่วนนายไฟฟ้าก็มองมาที่ข้าวหอมแล้วส่งสายตาถามเหมือนว่า ‘ฉันเป็นอะไรมากรึเปล่า?’เพื่อนๆในห้องบางกลุ่มซุบซิบกัน บางคนก็ทำสายตาสงสารฉัน บางคนก็ทำสายตาสมเพชฉัน ส่วนบางคนก็หัวเราะฉัน ทุกคนในห้องรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะนาย....ข้าวเจ้า
“พัดลม...เธอโอเคมั้ย?”คิดว่าโอเคมั้ยล่ะ ข้าวหอม???
“อือ โอเค^^”ฉันพูดแล้วแสร้งยิ้มออกไปจากนั้นไม่นานฉันก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่ไหลรินลงอาบแก้ม
“พัดลม...”โชคดีที่ข้าวหอมไม่ตะโกนเรียกชื่อฉัน
“ฉันน่ะ...ฉันทำอะไรผิด เพราะฉันบอกรักนายข้าวเจ้าไม่ได้ เพราะฉันรู้ว่าฉันพูดไปหลายๆคนต้องเสียใจ ฉันอยากให้ทุกคนไม่...ไม่เจ็บ แล้วฉันก็ไม่อยากให้ข้าวเจ้าเจ็บเหมือนกัน ฉันโง่มากใช่มั้ยข้าวหอม”ฉันพูดเสียงแผ่วเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน ฉันพูดพร้อมเอาหนังสือขึ้นมาทำทีเป็นอ่านหนังสือ ทั้งที่ฉันกำลังร้องไห้...น้ำตาหยดลงบนโต๊ะเรียนสีน้ำตาล ทำให้มันมีรอยด่างอยู่เต็มไปหมด...ข้าวหอมกำลังจะเอามือมาลูบหลังฉัน เพื่อปลอบโยน ฉันจึงรีบพูดขึ้น...
“ข้าวหอม....อย่าปลอบฉันนะ ฉันไม่อยากดูน่าสมเพชไปมากกว่านี้”ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“จ้ะ”ข้าวหอมรีบเอามือที่จะมาปลอบฉัน ไปทำทีเป็นเกาหัวแกรกๆ
วันนี้วันศุกร์ อีกสองวันพิธีหมั้นก็จะเริ่มแล้ว...ฉันนั่งคิดกับตัวเองคนเดียวบนเตียงนุ่มลายมิคกี้เม้าส์สีชมพู ฉันนอนเตียงนี้ตั้งแต่ ป.3 ตอนนี้ ม.5แล้ว ฉันผูกพันธ์กับมันสุดๆ ฉันมักจะนอนกลิ้งไปมา แล้วคอยพูดกับเตียงของฉัน(เหมือนคนบ้า) เวลาที่พี่แอร์ยังไม่กลับมา มันเหงามาก ฉันจึงต้องหาเพื่อน...ฉันมีกีต้าร์ตัวน้อย หรือที่เรียกกันว่า ‘อูคูเลเล่’มันเป็นกีต้าร์ที่น่ารักมากกก ฉันเล่นมันไม่เป็นหรอก แต่ฉันก็เอามันมาดีดๆไปมั่วๆ นี่คือวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุดของฉัน...และสิ่งของในห้องนี้ก็คือเพื่อนอีกคนของฉัน...
ฉันสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า พรุ่งนี้นายข้าวเจ้าจะมาจัดรายการรึเปล่า?แล้วถ้าจัด...ฉันจะทำตัวยังไงดี???วันนี้ฉันร้องไห้บ่อยมาก ยิ่งนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมากับนายข้าวเจ้า น้ำตาฉันก็ยิ่งไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด
แอ๊ด....เสียงประตูไม้ บานเก่าเปิดออก ฉันรีบปาดคราบน้ำตาทันที เดี๋ยวพี่แอร์ก็มาว่าฉันเป็นคนอ่อนแออีก
“ยัยพัด!!!ร้องไห้อีกแล้วเหรอ???”อะจ๊ายยย ขนาดรีบเช็ดแล้วนะเนี่ย
“โอเค พร้อมแล้ว”ฉันพูด
“พร้อมไร?”พี่แอร์ถาม พร้อมทำหน้างง
“ก็พร้อมที่จะฟังการตักเตือนของพี่สาวจนหูชาไปเลยไง”ฮ่าๆๆๆประชดซะเลยยย
“บ้าเหรอ...ฉันไม่ได้เป็นพี่ที่แย่ขนาดนั้นนะยะ ไปห้างฯกัน”อารมณ์ไหนเนี่ย???
“ไม่อาววว”ฉันพูดเสียงเนือย แกล้งหลับตาแล้วล้มตัวลงนอน
“ลุก!!!”อะจ๊าก ตกใจหมดเลย ไปก็ไป ชิ!!!
ห้างสรรพสินค้า
“จะซื้ออะไร?”ฉันถามพี่สาว ที่แต่งตัวมาห้างอย่างกะจะเดินแคทวอล์ก ทั้งเสื้อกล้ามสีขาวตัวใน แจ็กเก็ตขนสัตว์สีดำ กางเกงขาสั้นหนัง กับรองเท้าบู๊ท....เมืองไทยน่ะ เมืองร้อนนะ ขอบอกกกก
“ซื้อเสื้อผ้าให้แกใส่ไปงานหมั้นนายข้าวเจ้า”อะไรนะ!!!
“ไม่!!!ไม่เด็ดขาด!!!”ฉันรีบคว้าข้อมือพี่สาวเอาไว้ แล้วรีบลากทันที เพื่อจะพากลับไปที่รถ
“แกต้องทำ!!!ปล่อย!!”คิดว่าฉันจะปล่อยเหรอ? ไม่มีทาง มวยไทย คาราเต้ ซูโม่ การต่อสู้ทุกรูปแบบฉันเรียนมาหมดแหละ ได้เหรียญเงินตลอดเลยด้วย
“ไม่!”ฉันลากพี่แอร์ต่อไป พี่แอร์ขัดขืน จากนั้นก็พลิกจับข้อมือฉันไว้แล้วก็เอากุญแจมือมาล็อคเอาไว้(ไปเอามาจากไหน???)
“พี่แอร์ ไปเอามาจากไหนเนี่ย???”ฉันถาม พร้อมร้องโอดโอย เจ็บมืออ่า...
“ซื้อไว้ ป้องกันตัว”ฉันลืมบอกไปว่าพี่แอร์ก็เรียนมากับฉัน คนนี้แหละที่แย่งเหรียญทองฉันไป อุโหมะ!
ร้านขายเสื้อผ้า
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะรับเป็นสไตล์ไหนคะ?”พนักงานขายถาม
“เอ่อ..เอาให้เข้ากับสไตล์คนนี้อ่ะค่ะ”พี่แอร์พูด แล้วชี้นิ้วมาที่ฉัน
จากนั้นไม่นานพนักงานขายเอาชุดที่มีเสื้อเชิ้ต กางเกงบุรุษและเนกไทสีชมพู กรี๊ดดด ยัยคนขาย ฉันเป็นผู้หญิงนะ!!!
“เอ่อ..ดิฉันเลือกเองดีกว่าค่ะ คิคิ”พี่แอร์บอกคนขายแล้วหลุดหัวเราะออกมา
“พี่แอร์ เอาชุดอะไรก็ได้ ไม่เว่อร์ ไม่สีหวาน ไม่ใช่กระโปรง”ฉันย้ำพี่สาว
“แกมีหน้าที่ใส่ อย่าบ่น”ชิ!เหนือกว่าแล้วเอาเชียวนะ (ตอนนี้พี่แอร์ยังไม่เอากุญแจมืออกเลย)
จากนั้นพี่แอร์ก็หยิบมาสามชุด ชุดแรกสีแดงกระโปรงพลิ้ว ลายลูกไม้ อี๋...ไม่เอาๆๆ ชุดที่สอง สีชมพูขาสั้น โนเวย์ ส่วนชุดสุดท้าย สีขาว เกาะอก ฝันเหอะ โป๊ซะ!!
“ไม่เอาอ่ะ...ขอยาวกว่านี้หน่อยนะ”ฉันพูดพร้อมทำหน้ามุ่ย
“เออๆ”พี่แอร์พูด แล้วทำหน้าอารมณ์เสีย
จากนั้นไม่นานก็ออกมาพร้อมชุดแซ็กกางเกงขายาวหุ้มข้อเท้า สีขาวสวย โอ้โห...ก็โอเคนะ ไม่เว่อร์เกินไปด้วย แล้วทำไมฉันต้องเอาใจใส่กับชุดที่ต้องใส่ไปงานที่บาดตาบาดใจด้วย
“ไปลองให้ดูหน่อยดิ”
“ไม่เอา...เอาชุดนี้แหละ วัดตัวแล้วก็ซื้อเลย”ฉันพูดเพื่อตัดรำคาญ ครั้งนี้พี่แอร์ก็ยอมแต่โดยดี
เมื่อได้ของเสร็จแล้วฉันก็พูดกับพี่แอร์
“ปล่อยฉันได้แล้ว...เจ็บ แล้วก็กลับบ้านด้วย”พี่แอร์ปล่อยฉันจากกุญแจมืออันป็นต้นเหตุของรอยช้ำที่ข้อมือ
“อ่ะ...แต่ต้องไปที่นึงก่อน”พี่แอร์ลากฉันไป(ด้วยแรงอันมหาศาล)แล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านรองเท้า
“มาทำไม?”ฉันถามคำถามโง่ๆออกไป
“มาหาอะไรยัดปากแกมั้ง...ตามมา”น่าน เล่นกันซะแล้ว
“เอ...เอาคู่ไหนดีนะ?”พี่แอร์บอกให้ฉันรออยู่ที่เก้าอี้วัดเท้าสีแดง จากนั้นคุณพี่ก็เดินรอบร้าน ไม้เว้นแต่ฝั่งรองเท้าผู้ชาย
“โอ๊ย!”เสียงพี่แอร์ เป็นอะไรอ่ะ???
“เดินภาษาอะไรของคุณเนี่ย?”เสียงผู้ชายย หน็อยจะมารังแกพี่สาวฉันเหรอ??
“คุณน่ะสิ บ้ารึเปล่า?ขอโทษสักคำก็ไม่มี ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย”ว้าววว ปลื้มใจในตัวพี่สาวคนนี้จัง ขอไปดูหน้าหน่อยซิว่าไอ้ผู้ชายหน้าไหนมันมารังแกพี่ฉัน
“นี่เธอ!!อุ๊!”เสียงนั้น ทำให้ฉันหยุดเดิน ตกใจอะไร???รอก่อนๆๆ รอพี่แอร์เริ่มก่อน แล้วเราค่อยสมทบดีกว่า
“อะไรของ นะ..”เสียงพี่แอร์ขาดไป เป็นอะไรรึเปล่า?
“ไอ้โรคจิต!!!”
ปุ่ก! เอาล่ะ เมื่อพี่แอร์เริ่มแล้ว ฉันก็สมทบเลย ย้ากกกก แต่ภาพที่ฉันเห็นทำให้เท้าหยุดโดยไม่รู้ตัว
“พี่ใจเดียว...”ฉันครางชื่อออกมาแผ่วเบา เมื่อเห็นเจ้าของชื่อกำลังนั่งเอามือจับกล่องดวงใจของตัวเองอยู่...
“รู้จักนายนี่ด้วยเหรอ พัดลม?”พี่แอร์ถามขึ้นมา
“ใช่...รุ่นพี่ที่โรงเรียน”ฉันตอบ แต่ตาก็ยังจ้องพี่ใจเดียวไม่หยุด
“อย่าไปยุ่ง อย่าเข้าใกล้เชียวนะ มันน่ะโรคจิตสุดๆ”พี่แอร์พูดอะไร???
“โรคจิต??”ฉันทวนคำพูดพี่แอร์
“ใช่...มันมองหน้าอกพี่!!”
“หา...อย่างนี้มันต้องโดนอีกครั้งล่ะมั้ง!”ฉันรีบเงื้อหมัด เตรียมพุ่ง พี่แอร์ก็ไม่ห้ามสักคำ
“หยุด!!!อย่ามาทำร้ายร่างกายฉันนะ...อูยยย พี่เธอน่ะเข้าใจผิด คิดว่าของตัวเองใหญ่มากรึไง?มันมีแมลงวันหัวเขียวตอมหน่มน๊มพี่เธออยู่...แล้วฉันน่ะเกลียดแมลงวันที่สุดเลยย”ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“ไอ้บ้า!!หน้าอกฉันน่ะ บิ๊กไซส์นะยะ นายมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้ยะ!!!อย่ามาหาเรื่องแก้ตัว ไอ้บ้า!!ไป...กลับบ้าน เอ้อ!จำไว้นะ ถ้าเจอกันคราวหน้า นายยังทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ แล้วก็ พูดจาน่าเกลียดๆไม่ให้เกียรติเพศแม่อีกล่ะก็...น้องชายนาย ไม่ได้เอาไว้สืบสกุลแน่!!!”โอ้วโนววว โหดกว่าฉันอีกอ่ะ
“เอื๊อก!!”เสียงกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความหวาดกลัว
“พี่แอร์ๆๆๆ”ฉันรั้งพี่สาว
“อะไร!!”ฉันโดนตะคอกอ่า
“เอ่อ...โทษที แกมีอะไร?”เปลี่ยนเสียงไวเชียวนะ พี่แอร์...
“แล้วไม่ซื้อรองเท้าแล้วเหรอ?”
“เออ..ลืมเลย งั้นเดี๋ยวแวะตลาดหน้าบ้านแล้วกัน คู่ละ199 ถูกดี...ไปกลับ!!อารมณ์เสีย!!!!”
เมื่อฉันได้แวะซื้อรองเท้าคู่ละ199บาทเรียบร้อย ชุดพร้อม รองเท้าพร้อม หน้าพร้อม(เพราะพี่แอร์จะจัดให้)แต่ใจฉันไม่เห็นพร้อมเลย....ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำตามพี่แอร์ เชื่อพี่แอร์ ไปกระตือรือร้นกับงานหมั้นของนายข้าวเจ้าทำไม???
วันต่อมา
โอ๊ย...จะบ้าตาย เย็นนี้ฉันต้องไปนั่งจัดรายการแล้ว...ไปคิดทำไมๆๆๆ ไปคิดถึงคนที่เขาจะหมั้นกันอยู่แล้วทำไม???แง....แล้วนายนั่น เขาจะมารึเปล่า?ฉันอยากเจอนายนะ รู้มั้ย!!TT
วันนี้ทั้งวันไม่มีใครอยู่บ้านเลย มีฉันคนเดียวนี่แหละ...เพราะพ่อกับแม่ไปช้อปปิ้งกัน(วันหยุดพ่อนี่นา...แม่ก็เลยอ้อนซะเลย)พี่แอร์ก็ไปติวหนังสือที่มหาวิทยาลัย กลับมาก็บ่ายโมงนู่น....ทิ้งกันไปหมดเลยTT
จ๊อกกกก
เสียงกระเพาะในท้องของฉันมันร่าร้องเรียกหาของกิน ประมาณมาว่า ‘ยัยพัดลม!เอาข้าวมาให้ฉันกินเดี๋ยวนี้!!!’ ดูดิ ขนาดท้องของฉัน มันยังโหดกับฉันเลย อุแว้!!!(เริ่มคลั่ง)
ฉันจึงลงมาจากห้องนอนมายังชั้นล่างของตัวบ้าน จากนั้นก็ไปดูในตู้เย็นว่ามีอะไรพอให้รับประทานได้บ้างมั้ย? เปิดไปเปิดมา ดูทั่วตู้เย็นก็ยังไม่เห็นมีอะไร นอกจากไข่ไก่ฟองเดียว...(สงสัยที่แม่ชวนพ่อไปช้อปเพราะกับข้าวหมดแน่ๆ)โอเค!ไข่ฟองเดียว ฉันทำไข่เจียวกินก็ได้!!! จากนั้นฉันก็เริ่มบบรจงตอกไข่ใส่ถ้วยเซรามิกสีขาว ใส่เครื่องปรุงรส แล้วก็ตีๆๆๆๆๆ (ขอบอก ตอนตีไข่ฉันนึกถึงหน้านายข้าวเจ้าด้วยแหละ)จากนั้นก็ไปเอากระทะใบน้อยมาตั้งไว้บนเตาไฟ อ๊ากก ควันเริ่มมาแล้ว...น้ำมันๆๆฉันเทน้ำมันลงไปได้ทันท่วงที ก่อนที่กระทะใบน้อยอันนั้นจะถูกเปลี่ยนสีจากขาวเป็นดำ!! พอน้ำมันเริ่มร้อน ฉันก็จัดการเทไข่ที่ถูกตีไว้ลงไป....เฮ้อ....ไข่เจียว...ไข่...เจ้า...ข้าวเจ้า!!!(มาจนได้เนอะ!)โอ๊ยๆๆๆคิดถึงนายอีกแล้ว ออกไป!!!ให้พ้นจากหัว(ใจ)ฉันสักที ฟืดๆๆ ฉันสูดลมหายใจ เมื่อมีกลิ่นแปลกๆ กรี๊ดดด ไข่เจียวของช้านนนน ไหม้หมดเลย!!!
ต่อจากนั้น ฉันก็ต้องมานั่งกินข้าวเปล่าที่แม่หุงไว้เมื่อเช้ามากินกับไข่เจียวไหม้ๆ เมื่อไหร่พ่อกับแม่จะกลับมาซะทีคะ...อี๋..ไข่ขม!!!
“เฮ้ออออ”ฉันถอนหายใจยาว รู้สึกหิวอีกแล้วอ่า...แต่ขอสัญญากับตัวเองว่าฉันจะไม่กินของทอดอีกเด็ดขาด!!!!เอ๋..ในลิ้นชักในครัวจะมีอะไรให้เรากิน รึเปล่า? ฉันเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง ผ่านจุดเกิดเหตุทีไรก็อยากจะฆ่านายข้าวเจ้าทุกที(เขาไปทำอะไรเธอตอนไหน?)ฉันเปิดลิ้นชักออกมา...กรี๊ดดดดดดด พ่อขา..ช่วยด้วย!!! จิ้งจกมันจะกัดนิ้วลูกแล้ววว(จิ้งจกกัดได้?)
“ชิ่วๆๆๆๆ ไปซะ ชิ่ว!”ฉันทำเสียงไล่เจ้าลูกจิ้งจก น่ารักตายล่ะ อ๊ากกกกก
เจ้าลูกจิ้งจกเกาะผนังลิ้นชักแน่นิ่ง ไปสิ...ให้โอกาสแล้วนะ จากนั้นฉันก็เหลือบเข้าไปเห็นซองบะหมี่สำเร็จรูปอยู่ รสต้มยำกุ้งด้วย>< ฉันมองจิ้งจกที ซองบะหมี่ที เอาล่ะ!ฉันกลั้นใจยื่นมือเข้าไปในลิ้นชักแล้วดึงซองบะหมี่ออกมา....เย้ๆๆๆๆ ได้แล้ววว^O^
จากนั้นฉันก็เริ่มทำเมนูที่สอง...ฉันจัดการต้มเส้นในน้ำเดือดแล้วใส่เครื่องปรุงรอไว้ในชามใบโต จากนั้นก็ตักเส้นไปไว้ในชาม คลุกๆๆให้เครื่องปรุงเข้าไปในเส้น แล้วก็เทน้ำร้อนลงไป แต่แดแด๊!ได้เป็นบะหมี่ต้มหอมฉุย
จุ๊ๆๆๆๆ เสียงจิ้งจก!!!อ๊ากกก ไปแล้วจ้า ฉันรีบปิดวาวล์แก๊ส แล้วถือชามบะหมี่ออกมาจากห้องครัวสยองขวัญแห่งนี้....
ซวบ...ซวบ..ซูดดดด ฉันกินบะหมี่จนหมดชาม เอิ๊ก!อิ่มจัง^^(น่าเกลียดเป็นที่สุด) หลายๆอย่างทำให้ฉันคิดถึงนายโดยเฉพาะบะหมี่นี่...บะหมี่?....สร้อย? ใช่!ฉันจะใส่สร้อยที่นายให้ฉันตอนที่เราเป็นแฟนกัน...นายไม่รู้หรอกว่าสิ่งดีๆที่นายทำให้ฉันทั้งหมด มันกลับมาย้อนทิ่มแทงหัวใจฉันให้เจ็บปวด เหมือนคนที่กำลังตายทั้งเป็น....ฉันเข้าใจแล้ว ข้าวเจ้า...ว่านายเจ็บปวดแค่ไหน? ว่านายรู้สึกยังไง? แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่ที่จะได้เข้าไปปลอบโยน...นี่แหละที่ทำให้ฉันเจ็บที่สุด!!!
ความคิดเห็น