คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4
แม้ว่าจะเป็นเวลานานนับชั่วโมงแล้วที่หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้องออกไปทำงานแล้ว หากแต่ชายหนุ่มผู้เป็นอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญ ยังคงทิ้งตัวนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงกว้างนุ่มสบาย รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากหยักหนายกขึ้นน้อยๆ อย่างคนอารมณ์ดี เริ่มคิดถึงวันวานระหว่างเขาและพิมพ์ประภาเมื่อ 5 ปีก่อน เมื่อครั้งนั้นเธอเป็นเพียงนักวิจัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง หน้าตานั้นไม่ต้องพูดถึง เธอแทบจะไม่เคยแต่งหน้าหรือแต่งตัวให้สะดุดตาเลย นิสัยก็เรียบๆ เขาจึงไม่คิดที่จะใส่ใจในรายละเอียดของเธอมากนัก เพียงแต่คิดว่าการมีเธอไว้เป็นของเล่นแก้ขัด เอาใจเธอบ้างเป็นบางครั้งก็พอแล้วและการที่เขาจะมีผู้หญิงหลายๆคนพร้อมกันคงไม่ใช่เรื่องแปลก สำหรับเขา ในที่สุดเมื่อความเบื่อหน่ายในตัวเธอเดินทางมาถึง เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะสลัดเธอทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี แต่ในวันนี้หล่อนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด อย่างแรกที่เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนคือเธอสวยขึ้นกว่าเดิมจนเขาจำแทบไม่ได้ มีเสน่ห์เย้ายวนมากมายในตัวเธอทำหน้าที่สะกดทั้งสายตาและความรู้สึกของบุรุษทั้งหลายให้หันเหมาสนใจเธอโดยที่ตัวเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย บุคลิกที่เปลี่ยนจากสาวเรียบร้อยอ่อนหวานกลายเป็นสาวมั่น แล้วความรู้สึกเล่าเธอยังคงเหลืออยู่บ้างไหมความอาลัยอาวรณ์ แต่ความสงสัยนี้ก็ต้องถูกลบทิ้งเพราะสิ่งที่เขาสามารถสัมผัสได้จากตัวเธอนั่นคือความเย็นชาที่เธอมีต่อเขา มาในวันนี้ความรู้สึกอย่างหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวใจชายผู้มากไปด้วยความรักสำหรับหญิงสาวทุกคนที่พบพาน หากจะถามว่ามันคืออะไร ตอบได้เลยว่า 'เสียดาย' บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาเริ่มเสียดายเธอ แม้ว่าเขาจะได้ร่างกายเธอกลับมา แต่หัวใจและความรู้สึกเล่ามันจะเหมือนเดิมหรือไม่ นี่แหละคือสิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุด
'ผู้หญิงดีๆ อย่างคุณพิมพ์ ฉันไม่กล้าทำให้เธอเสียใจหรอก เธอควรจะได้เจอกับคนที่รักเธอจริง'
จู่ๆ คำพูดของนาธานผู้เป็นเพื่อนก็วิ่งแล่นเข้ามาในสมอง สมองอันชาญฉลาดเริ่มที่จะครุ่นคิดอีกครั้งหนึ่ง คำถามบางประโยคถูกนำมาถามตัวเอง แล้วเขาจะรักเธอจริงๆ รึเปล่า นี่คือคำถามแรก ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะหาคำตอบให้ตัวเองเจอ คำถามที่สองก็วิ่งเข้ามาติดๆ เขาจะทำให้เธอเสียใจแค่ไหน หากทุกอย่างเป็นเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว ยิ่งคิดคิ้วเข้มยิ่งขมวดเข้าหากัน หลายๆ คำถามที่วิ่งเข้ามาหาคำตอบแต่นั่นไม่สำคัญเท่าคำถามล่าสุดที่เพิ่งปรากฏขึ้นในสมอง แล้วเธอจะทำอย่างไรกับเขา หลังจากนี้ไป นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องรู้ในวันนี้
ร่างสูงดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนหวังจะเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ทว่ามันไม่มีผ้าเช็ดตัวที่ตั้งไว้สำหรับเขาเลย ชายหนุ่มยักไหล่ไม่สนใจ เขาเดินกลับมาที่ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ของเธอเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัว พลันสายตาเหลือบไปเห็นกล่องกระดาษลวดลายสวยงามใบหนึ่ง ชายหนุ่มไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะเปิดมันออกมา ข้างในไม่ใช่สิ่งของสลักสำคัญอะไร มันเป็นเพียงแค่ไหมพรมธรรมดาสีเดียวกับผ้าพันคอที่ยังถักไม่เสร็จ ที่ก้นกล่องมีหนังสือสอนถักโครเช ใส่ไว้ทำให้รู้ว่าเจ้าของที่ซื้อมันมาไม่เคยถักผ้าพันคอมาก่อนแต่ก็พยายามเหลือเกินที่จะทำให้มันสวยเหมือนในตัวอย่าง ดูจากสภาพของมันแล้วเจ้าของคงไม่ได้แตะต้องมานานแต่ยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
'ไว้พิมพ์จะถักผ้าพันคอส่งไปให้นะคะเห็นว่าที่นั่นอากาศเริ่มหนาวแล้ว' เธอเคยบอกเขาเมื่อครั้งที่เขาบอกเธอว่ากำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ก่อนที่เขาและเธอจะแยกทางกันเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาจำได้
ดวงตาคมเข้มก้มมองผ้าพันคอที่ยังถักไม่เสร็จในมือ รู้สึกแปลกๆ แต่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ก่อนจะตัดสินใจสลัดความคิดทุกอย่างทิ้ง แล้วนำกล่องกระดาษใบนั้นออกมาตั้งไว้แล้วเข้าไปอาบน้ำ
งาน เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับพิมพ์ประภาเสมอ เธอมีมันเป็นเพื่อนมานาน และมันก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง ทุกครั้งที่ต้องการลบเรื่องยุ่งยากใจออกไปหญิงสาวจะหันเหความสนใจทุกอย่างมาไว้ที่งานอย่างเดียว บางครั้งเธอทำงานจนกระทั่งลืมเวลาที่จะกลับบ้านหรือกินข้าว วันนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวไม่ต้องการคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมา ไม่อยากนึกถึงหน้าเขา ไม่อยากรับรู้อะไรเลย
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกใบหน้ารูปไข่ให้ละจากแฟ้มรายงานผลการวิจัย ขึ้นมา ก็พบกับรอยยิ้มเอ็นดูของเจ้านายโดยตรงของเธอ นาธานนั่นเอง
“บ่ายสองแล้วนะ ไม่หิวหรือพิมพ์” นาธานถามสีหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นว่าหล่อนหันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะเครื่องเล็กน่ารักของเธอขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันมาตอบชายหนุ่ม
“พิมพ์ยังไม่หิวเลยค่ะ แล้วก็อยากทำงานให้เสร็จด้วย”
“ไม่เอาน่าเลยเวลาทานข้าวมาแล้ว กินข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเอา ไม่คุ้มกันนะ”
รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่ลานจอดรถอย่างนิ่มนวลสมราคา ก่อนที่ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มผู้เป็นนักธุรกิจไฟแรงจะก้าวตามลงมา ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวขาออกไปไกลกว่านี้ก็ได้ยินเสียงแตรรถดังลั่นข้างหลังเสียก่อน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
“นายมีธุระด่วนอะไรรึเปล่าตริณ” นาธานนั่นเองที่เป็นคนบีบแตรรถ เขาชะโงกหน้าออกมาถามเพื่อน
“มีเรื่องงานนิดหน่อย นายมีธุระจะออกไปข้างนอกหรือ” เขาถามทั้งๆที่รู้ เพราะสายตาเหลือบไปเห็นคนที่นั่งอยู่ในรถอีกคนนั่นเอง จึงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้
“ไปกินข้าวน่ะ ฉันกับคุณพิมพ์ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยก็เลยจะออกไปหาอะไรกินกันเสียหน่อยไม่ไหวแล้วหิวแย่ นายจะไปด้วยกันกับฉันรึเปล่าล่ะ” นาธานออกปากชวนเพื่อน
“ไปสิ ฉันกำลังอยากหาอะไรใส่ท้องอยู่เหมือนกัน” พูดเสร็จก็เปิดประตูรถเข้ามานั่ง สายตาคมดุจเหยี่ยวมักจะเหลือบมองใบหน้าสวยของผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าอยู่บ่อยครั้ง
นาธานทำหน้าที่สุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้พิมพ์ประภาหญิงสาวเพียงคนเดียวนั่งก่อนที่ตัวเองจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อกันท่าตริณ เพื่อนตัวดี แต่ที่ไหนได้ ตริณกลับเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆ หญิงสาว ทำเอานาธานอ้าปากค้าง จะพูดออกมาก็ไม่ได้เพราะเขากับพิมพ์ไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำได้เพียงแต่แซว เจ้าเพื่อนตัวดีเท่านั้นเอง
“นี่ๆ แกนั่งผิดที่รึเปล่า ที่ของแกน่ะมันอยู่ตรงนี้นะ ไม่ใช่ตรงนั้น” นาธานพูดพลางชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ข้างๆ ตัวเขา
“ฉันอยากนั่งตรงนี้เพราะตรงนี้บรรยากาศดีกว่าตรงนั้นเยอะเลย” เขาลอยหน้าลอยตาบอกเพื่อน ไม่รู้สึกรู้สากับสายตาหมั่นไส้ของเพื่อนที่ส่งมาให้ หรือแม้กระทั่ง ท่าทีเย็นชาเฉยเมยของผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆ เขา ที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนในตอนนี้
อาหารมื้อกลางวัน วันนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องลำบากใจเหลือเกินสำหรับพิมพ์ประภา เธอไม่อยากนั่งกินข้าวกับตริณ ที่สำคัญเธอไม่อยากนั่งอยู่ใกล้ๆเขา ไม่ต้องการอยู่ใกล้เขาแม้แต่นาทีเดียวด้วยซ้ำไป แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเธอ และเธอก็คงจะหลีกหนีได้ยาก
“ไม่อร่อยหรือครับพิมพ์ งั้นลองกินนี่นะ” นาธานตักกับข้าวใส่จานหญิงสาวอย่างเอาใจ เธอยิ้มให้เขาเป็นการของคุณ
“อร่อยจังค่ะ” เธอออกปากชมอาหารที่เขาตักให้เพราะรสชาติดีถูกปากเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปตักใส่จานตัวเองเพิ่ม พลางสนทนากับนาธานอย่างออกรส
ตริณผู้เป็นแขกร่วมโต๊ะเริ่มรู้สึกเซ็งกับการสนทนาของทั้งสองคนเต็มที เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ยิ่งได้สัมผัสกับความเฉยเมยของเจ้าหล่อนด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มขึ้น อึดอัดเรื่องอะไรน่ะหรือ ก็เขาเป็นสามี(รีเทิร์น) ของหล่อนนะ ทำไมหล่อนถึงไม่สนใจเขาเลย แม้แต่มองยังไม่เลย เขาถอนหายใจแรงๆ ออกมาจนคนที่นั่งกินข้าวอยู่อย่างนาธานต้องหันมาถาม
“แกมีอะไรลำบากใจนักหนาหรือถึงต้องถอนหายใจยาวขนาดนั้น”
“เปล่าฉันแค่เซ็งนิดหน่อยน่ะ”
“เอองั้นก็เซ็งต่อไปก่อนแล้วกันเพราะฉันกับคุณพิมพ์ต้องคุยเรื่องงานกันก่อน” พูดเสร็จนาธานก็หันไปคุยกับพิมพ์ประภาต่อทันทีทิ้งให้ตริณกรอกตาขึ้นฟ้าอยู่คนเดียว
แต่ดูเหมือนเขาจะหาอะไรสนุกๆ ทำได้แล้ว ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์คู่ใจออกมา จัดการนั่งพิมพ์ข้อความลงไป ริมฝีปากหยักหนายกขึ้นอย่างอารมณ์ดี เมื่อข้อความแรกถูกส่งออกไป เมื่อเห็นว่าคนที่เขาส่งข้อความให้ไม่ได้สนใจมัน จึงลงมือพิมพ์ข้อความอีกครั้งและส่งมันออกไป แต่หญิงสาวที่นั่งข้างกายก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเจ้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองสักเท่าไหร่ เธอยังคงคุยเรื่องงานกับนาธานอยู่เหมือนเดิม เพิ่มความหมั่นไส้ให้คนที่นั่งเป็นส่วนเกินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว มือหนาขมักเขม้นพิมพ์ข้อความครั้งแล้วครั้งเล่าจัดการส่งไปยังหมายเลขปลายทางซึ่งอยู่ใกล้ๆกันแค่นี้ แน่นอนว่าทางทางเอาจริงเอาจังของเขาทำให้นาธานต้องหันมาถามเมื่อคุยเรื่องงานกับพิมพ์ประภาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“แกทำอะไรน่ะ ท่าทางเอาเป็นเอาตายกับโทรศัพท์ซะเหลือเกิน” นาธานถาม
“เล่นเกม” คำตอบสั้นๆ ออกมาจากริมฝีปากหยักของชายหนุ่ม มันเป็นคำตอบที่ทำให้คนฟังอย่างพิมพ์ประภารู้สึกหมั่นไส้เสียเหลือเกิน เธอรู้ว่าเขาไม่ได้เล่นเกมแต่เขาเล่นส่งข้อความเข้ามาก่อกวนเธอตลอดเวลาที่เธอคุยกับนาธาน
พิมพ์ประภานั่งเปิดข้อความในโทรศัพท์ตัวเอง ไล่ไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ หลังจากกลับเข้ามาทำงานได้สักพัก
'ไม่สนใจสามีตัวเองเลยนะคุณด็อกเตอร์' ข้อความที่ 1
'ผมไม่ใช่ส่วนเกินนะถึงได้ไม่สนใจผม ผมเป็นสามีคุณนะ' ข้อความที่ 2
'คุยกับไอ้นาธานมันสนุกมากนักรึไง ไหนว่าคุยเรื่องงานทำไมต้องมีหัวเราะสนุกสนานกันด้วย ผมนั่งอยู่ด้วยทั้งคนนะ' ข้อความที่ 3
'อยากให้ผมพูดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้ามั้ย' ข้อความที่ 4
ข้อความกว่าสิบฉบับที่ถูกส่งโดยคนๆ เดียวกัน ถูกเปิดออกอ่านจนหมด ทว่ามันไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนหรือหนาวได้เลย ถ้าไม่พบข้อความล่าสุดที่ถูกส่งเข้ามาหลังจากที่เธออ่านข้อความอื่นๆ จนหมด
'แล้วคืนนี้เจอกัน'
นี่แหละปัญหาใหญ่ เธอไม่อยากเจอเขาสักเท่าไหร่เลย ถ้าจะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าไม่อยากเจอเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งถอนหายใจยาวไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน นาฬิกาบอกเวลา 20.00 น. หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรได้ อย่างไรเสียเธอก็จะต้องกลับบ้านอยู่ดี 'คงไม่มีอะไรหรอก เขาก็แค่แกล้งเราเล่นสนุกๆ เท่านั้น' หล่อนปลอบใจตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเดินออกไปที่รถของตัวเองและขับมันออกไปด้วยความเร็วปกติอย่างทุกวัน ทำทุกอย่างให้เป็นปกติธรรมดาอย่างที่เคยทำ
ร่างสูงยืนอยู่หน้าลิฟต์อย่างอารมณ์ดี เพราะไม่ว่าพิมพ์ประภาจะเปิดอ่านข้อความที่เขาส่งไปให้หรือไม่นั้น เขาก็จะทำตามที่เขาต้องการนั่นคือมาหาเธอ แต่ทางคงไม่สะดวกสักเท่าไหร่เพราะ...........
“ว้าว! คุณตริณมาหากี้หรือคะ” เสียงทักทายดังมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม
ให้ตายสิ!! เขาลืมนึกไปได้อย่างไรกันว่าทั้งพิมพ์ประภา และอนันดาหรือกี้ อยู่คอนโดเดียวกัน เพียงแต่คนละชั้นเท่านั้นเองชายหนุ่มใช้มือเสยผมตัวเองพลางนึกหาทางออก เพราะตอนนี้เขายังไม่อยากเจออนันดา เขาอยากพบพิมพ์ประภาเสียมากกว่า
“เซอร์ไพรซ์ มั้ย” เขาถามยิ้มๆ นัยน์ตาเจ้าชู้ส่องประกายวิบวับ
“ที่สุดเลยล่ะค่ะ กี้กำลังคิดถึงคุณพอดี งั้นเราไปข้างบนกันนะคะ” พูดพลางหญิงสาวก็ใช้แขนตัวเองเกี่ยวแขนชายหนุ่มควงกันขึ้นไปยังชั้นบนซึ่งเป็นห้องพักของหล่อน
“วันนี้ว่างหรือคะถึงมาหากี้ได้” หล่อนถามด้วยน้ำเสียงเอาใจ
“ไม่เท่าไหร่หรอกแค่คิดถึงใครบางคนน่ะ” เขาตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“ใครบางคนที่ว่าเนี่ยใครหรือคะ” หล่อนส่งสายตาหวานเยิ้มยั่วยวนให้เขา
“แล้วกี้คิดว่าใครกันล่ะที่ผมจะมาหา” คำถามของเขาเรียกรอยยิ้มกว้างของเจ้าหล่อนได้ในทันที มือบางเรียวสวยโอบรอบคอชายหนุ่มเป็นการเชื้อเชิญ และชายหนุ่มเองก็ไม่ใช่คนโง่งมจึงไม่รู้ว่าหล่อนหมายถึงอะไร ที่สำคัญเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน จึงจะไม่รู้สึกรู้สากับการเชิญชวนของสาวสวยตรงหน้า
***
ใบหน้าคมคายโน้มลงใกล้ชิดริมฝีปากบางสวยของอนันดา ที่ตอนนี้เผยอรอคอยสัมผัสจากเขาเต็มที่ แต่ทุกอย่างก็ต้องยุติลงเมื่อเขาหันไปกดรับสายโทรศัพท์ ที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ราวกับจงใจ
“ว่าไง OK ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละคุณรอผมอยู่ที่นั่นแล้วกัน” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดีก่อนจะหันกลับมามองคู่ขาสาวแล้วบอกเธอกับประโยคที่เธอคาดไม่ถึง
“กี้ผมมีงานด่วนนะ ไว้วันหลังผมจะมาหาใหม่นะ” เขาบอกพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ ทำเอาหล่อนหน้ามุ่ย เพราะไม่สบอารมณ์
“ด่วนมากเลยหรือคะ อยู่กับกี้ก่อนไม่ได้หรือคะ แล้วนี่ก็ดึกแล้วด้วย” เธอยังคิดหาเหตุผลให้เขาอยู่กับเธอ
“เอเชียกับยุโรป น่ะ เวลาต่างกันมากนะ แล้วที่ติดต่อมาก็ลูกค้าผม วศินเพิ่งโทรมาบอกผมต้องรีบไปครับ” ชายหนุ่มหยิบเสื้อสูทมาถือไว้ในมือแล้วก้าวเท้าออกจากห้องหล่อนในทันที
มือหนากดโทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิททันทีอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณมากวศินที่ช่วยผม”
“อะ..อะไรครับ” ปลายสายยังรู้สึกงง กับคำพูดเจ้านาย ตั้งแต่รอบแรกที่โทร.ไปแล้ว จู่ๆ เจ้านายก็บอกว่าจะรีบไป ให้เขาคอยที่นั่น แล้วนี่ยังโทร.มาขอบคุณเขาอีก อะไรกันเขางงไปหมดแล้ว
“ก็ขอบคุณที่นายโทรมาช่วยฉันพอดี ถ้านายไม่โทรกลับมีหวังวันนี้ฉันต้องค้างที่คอนโดกี้แน่” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี
“ยังไงครับผมงงไปหมดแล้ว” วศินยังคงไม่เข้าใจ ก็เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแต่รับไม่ทัน ปรากฏว่าเป็น ตริณ เจ้านายของเขาโทร.มา เมื่อรับสายไม่ทันจึงโทร.กลับ แล้วจากนั้นเขาก็...งง
“เออ เอาน่า ไว้จะเล่าให้ฟัง แค่นี้นะ ขอบใจมาก” เขาตัดสายโทรศัพท์ แล้วก้าวเท้าเข้าสู่ลิฟต์ เพื่อไปยังอีกชั้นหนึ่งของคอนโด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้คนที่ยังไม่หลับอดแปลกใจไม่ได้ว่าใครกันช่างไม่รู้เวลาเอาเสียเลย ร่างบางเพ่งมองผู้มาเยือนผ่านช่องตาแมวบนประตู และก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขามาจริงๆ เสียด้วย ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา มือบางจัดการล็อกประตูห้องในทันทีแล้วรีบวิ่งเข้าไปยังห้องนอนและล็อกมันไว้อีกครั้ง เพราะไม่ต้องการต้อนรับเขา
มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบอะไรบางอย่างออกมา มันคือลวดเสียบกระดาษนั่นเอง 'นึกแล้วเชียวว่าจะต้องได้ใช้มัน' ชายหนุ่มจัดการดัดลวดเสียบกระดาษแล้วใช้มันทำหน้าที่ไขลูกบิดประตู กริ๊ก! เสียงลูกบิดประตูถูกปลดล็อกจากด้านนอก ร่างหนาก้าวเท้าเข้ามายังภายในที่มืดสนิท เดินตรงไปยังประตูห้องนอนของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้อง ประตูห้องนอนถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ราวกับผู้มาเยือนถือกุญแจมาด้วย ห้องนอนสีครีมสว่างไสวขึ้นเพราะชายหนุ่มผู้มาเยือนกดสวิทซ์เปิดไฟ ใบหน้าเนียนสวยไร้เครื่องสำอางเย็นชาพอๆ กับสายตาของเธอที่มองมายังเขา ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่นอกเหนือจากการคาดการณ์ไว้เลย
“ยังไม่หลับแล้วทำไมถึงปิดไฟซะมืดเลยล่ะพิมพ์” ชายหนุ่มถามอย่างอารมณ์ดี ร่างหนาทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มอย่างสบายใจ ไม่สนใจสายตาเย็นชาของผู้เป็นเจ้าของห้องที่มองมาเลยสักนิด
“ฮัลโหล ได้สิ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะ จ้า บาย”
เสียงการสนทนาผ่านโทรศัพท์ของหญิงสาวเรียกความสนใจจากคนที่นอนบนเตียง ดวงตาคมกล้าวาววามด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดหากแต่คนถูกมองกลับไม่คิดที่จะใส่ใจมันเลย เขามองตามร่างบางที่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดสวยออกมา แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ใบหน้าเนียนสวยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นถนัดตา ชายหนุ่มยังคงนอนมองหญิงสาวผู้แสนเย็นชาแต่งหน้าต่อไป ไม่ออกปากถามอย่างที่คิดไว้แต่ทีแรก หลังจากนั้นไม่นานหล่อนก็คว้ากระเป๋าและกุญแจรถยนต์คันเก่งออกไปโดยไม่สนใจที่จะบอกให้เขารับรู้เลย หล่อนทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ ไม่มีตัวตน
รถญี่ปุ่นคันสวยแล่นออกไปจากลานจอดรถช้าๆ ตามนิสัยของผู้เป็นเจ้าของที่ไม่นิยมขับรถเร็วจนน่าหวาดเสียว ตามหลังด้วยรถยุโรปราคาหลักสิบล้านที่แล่นตามหลังไป
แม้จะรู้ว่ามีรถยนต์คันหนึ่งแล่นตามหลังมาตั้งแต่ลานจอดรถ แต่มันก็ไม่ทำให้พิมพ์ประภารู้สึกอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียเขาก็จะต้องตามมา หล่อนรู้นิสัยของเขาดี เขาเป็นผู้ชายประเภทไม่ยอมเสียเหลี่ยมให้ใคร และเธอก็รู้ด้วยว่าเขาตามมาเพราะอยากรู้ว่าคนที่เธอออกมาพบเป็นใคร อยากรู้จริงว่าเขาจะทำหน้าอย่างไร ริมฝีปากอวบอิ่มกระดกยิ้มน้อยๆ อย่างถูกใจ
ความมืดสลัวของพื้นที่ภายในผับชื่อดังถูกแสงไฟหลากสีสาดส่องจนทั่ว ตามจังหวะดนตรี เหล่านักท่องราตรีต่างสนุกสนานกันเต็มที่ มือบางโบกขึ้นทักทายผู้มารออยู่ก่อนแล้ว พลางส่งยิ้มหวานให้
“คอยนานมั้ยพี่ธี” พิมพ์ประภาเป็นฝ่ายออกปากถามนที ซึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมด้วยสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มอีกหนึ่งคน
“ไม่หรอกเพิ่งมาเหมือนกัน พอดีน้องสาวเพิ่งกลับมาจากนิวยอร์ค ก็เลยพามาเที่ยว” นทีบอกพลางแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน
“ใช่นารา ที่พี่ธีเคยเล่าให้ฟังมั้ยจ๊ะ” หญิงสาวถามยิ้มๆ
“ใช่ค่ะ พี่พิมพ์สวยกว่าที่พี่ธีเคยเล่าให้ฟังอีกนะเนี่ย” สาวน้อยนามว่านารา บอกพลางจ้องมองใบหน้าเนียนสวยของพิมพ์ประภาเขม็ง ไม่อยากจะเชื่อว่าด็อกเตอร์สาวที่พี่ชายเคยเล่าให้ฟังจะสวยขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าเป็นป้าแก่ใส่แว่นหนาเตอะเสียอีก ที่ไหนได้ สวยเช้งกระเด๊ะไปเลย มิน่าล่ะ พี่ชายตัวดีของเธอถึงปลื้มนักปลื้มหนา
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้า แล้วนี่นาราจะอยู่เมืองไทยกี่วันคะ”
“ก็...ประมาณอาทิตย์หนึ่งน่ะค่ะ เพราะว่าต้องกลับไปเตรียมตัวทำวิทยานิพนธ์ ใกล้จะจบแล้วอีกไม่นานอาจารย์คงให้ทำวิทยานิพน”
นทีนั่งดูสองสาวคุยกันอย่างสนุกสนาน คนหนึ่งเป็นนักวิจัย อีกคนหนึ่งเป็นแม่สาวนักศึกษา ว่าที่ด็อกเตอร์ จึงคุยกันถูกคอ จนกระทั่งเวลาผ่านไป นาราจึงเป็นฝ่ายออกปากชวนพิมพ์ประภาออกไปยืดเส้นยืดสายตามจังหวะเพลง ทิ้งให้ชายหนุ่มคนเดียวของกลุ่มนั่งเฝ้าโต๊ะ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว จึงลุกจากโต๊ะไปสนุกกับสองสาว เรียกสายตาคนรอบข้างได้ดีทีเดียว จะไม่ให้คนอื่นสนใจได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขากับเขาเต้นอยู่กับสาวสวยถึงสองคนเชียวนะ นทียิ้มให้กับตัวเอง
อีกฝั่งหนึ่งของผับหรู ตริณยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ สายตาคมกล้าเพ่งมองสองสาวหนึ่งหนุ่มที่โยกย้ายร่างกายตามจังหวะดนตรีอย่างสนุกสนาน รู้สึกหงุดหงิดใจบอกไม่ถูก ที่เห็นไอ้หมอนั่นถูกเนื้อต้องตัวพิมพ์ประภา เป็นบางครั้งบอกตามตรงว่าไม่ชอบเลย อยากจะเข้าไปตั๊นหน้าเจ้าหมอนั่นให้หายโมโหสักหน่อยก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่เพียงนั่งหงุดหงิดอยู่ที่โต๊ะเท่านั้นเอง 'ไว้กลับห้องก่อนพิมพ์ ผมจะทำให้คุณรู้ว่าคุณเป็นของผมคนเดียว ไม่มีสิทธิปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้คนอื่นจับต้องแบบนี้' ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวอยู่คนเดียว ดวงตาคมกล้าส่องประกายตาวับวาวน่ากลัว รังสีอำมหิตแผ่กระจายจนคนที่อยู่รอบข้างรู้สึกหวั่นๆ แม้แต่สาวๆ โต๊ะข้างๆ ยังไม่กล้าที่จะเข้ามาทำความรู้จัก
“ทำไมต้องให้ไอ้หมอนั่นมันถูกเนื้อต้องตัวด้วยพิมพ์” ชายหนุ่มตะโกนถามเสียงดัง เมื่อทั้งเขาและเธอกลับมาถึงห้องพัก แต่หล่อนยังคงเงียบ ร่างบางหยิบผ้าเช็ดตัวหมายจะเข้าไปอาบน้ำเพื่อพักผ่อน แต่มือหนากลับกระชากแขนกลมกลึงของหล่อนอย่างแรง ให้หล่อนหันหน้ามาหาเขา พูดกับเขา
“บอกผมมาว่าทำไมต้องให้มันถูกเนื้อต้องตัวคุณด้วย” ความโมโหเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็นทบทวีเมื่อเห็นร่างบางตรงหน้ายังคงเย็นชา ราวกับไม่รู้สึกถึงความโกรธของเขา
“เขาเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนกันถูกเนื้อต้องตัวกันก็เป็นเรื่องธรรมดา” เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ถ้าคุณโสดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ผมเป็นสามีคุณ จะไม่ให้เกียรติผมหน่อยหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ อย่างคนโมโหจัด
“ฉันโสด” หล่อนจ้องตาเขานิ่ง นัยน์ตาของหล่อนยังนิ่งไม่บอกความรู้สึกใดๆ ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้นัยน์ตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟ เผาผลาญเธอให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา
“พูดมาได้อย่างไรกัน ถ้าคุณโสดแล้วผมคืออะไรกัน ห๊า เพื่อนกันเขานอนเตียงเดียวกัน ทำกิจกรรมเดียวกันบนเตียงงั้นหรือ” เขาขบกรามแน่น
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ ฉันโสด มีอิสระที่จะคบกับใครหรือตัดสินใจไปไหนมาไหนกับใครก็ได้ คุณไม่ได้มีสิทธิที่จะมาบังคับฉัน อย่าลืมคำว่าสิทธิส่วนบุคคลเสียสิคะ” เธอยังคงตอบโต้เขากลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบดังเช่นใบหน้า ไม่มีความตระหนกตกใจเลย คงเพราะการพบเจอเรื่องราวที่เลวร้ายทำให้เธอเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้กระมัง
“งั้นหรือ โสดงั้นหรือ ดี งั้นคืนนี้ก็จะเป็นคืนสุดท้ายที่คุณจะได้ใช้ชีวิตโสด” เขาบอกพร้อมกับเหวี่ยงร่างบางลงบนเตียงนอนหนานุ่ม แล้วตามลงไปทาบทับทันที
“พรุ่งนี้วันหยุดสงสัยคงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าหน่อยแล้ว” เขาบอกพร้อมกับซุกใบหน้าหล่อเหลาที่สากระคายด้วยไรหนวดตามคางเข้าที่ซอกคอหอมกรุ่นของเธอ
“ปล่อยฉัน” ริมฝีปากอวบอิ่มตะโกนใส่หูเขาทำเอาชายหนุ่มหยุดชะงัก เพราะเสียงที่เธอตะโกนใส่เขามันทำให้เขาหูอื้อขึ้นมาในทันที แต่ใช่ว่าเขาจะปล่อยมือจากเธอ
ร่างหนายังคงใช้สิทธิที่ตัวเองมั่นใจเต็มเปี่ยมว่ามี นั่นคือสิทธิความเป็นสามีในตัวเธอกอบโกยความสุขจากร่างบางไม่หยุดหย่อน เขาไม่ต้องการให้เธอมีเรี่ยวแรงไปไหนต่อไหนได้ในวันพรุ่งนี้ เขาต้องการให้เธออยู่กับเขาทั้งวันในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เธอก็จะต้องอยู่กับเขา ชายหนุ่มจัดการแกะยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินที่พกติดกระเป๋าไว้เป็นประจำออกจากแผงทิ้งมันลงไปในถังขยะ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพิมพ์ประภาจะต้องค้นหามันจากกระเป๋าสตางค์ของเขาทันทีที่ตื่นขึ้นมา
“ถึงจะตื่นขึ้นมามันก็ไม่ทันแล้วล่ะพิมพ์ เพราะยาพวกนี้มันต้องรีบกินภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมมั่นใจว่าคุณจะไม่ได้ใช้มันแน่นอน ต่อให้คุณมีแรงลุกขึ้นผมก็จะทำให้คุณหมดแรงไปไหนไม่ได้ อยากรู้จริงว่าถ้าไอ้พวกนั้นมันรู้ว่าคุณท้องกับผม มันจะยังอยากได้คุณเป็นเมียอยู่อีกรึเปล่า” ริมฝีปากหยักยกขึ้น อย่างพอใจนัยน์ตาเพ่งมองยาคุมกำเนิดที่ถูกทิ้งอยู่ในถึงขยะ
ร่างหนารีบเดินกลับมายังโต๊ะซึ่งวางกระเป๋าสะพายของหญิงสาวไว้ อย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ แน่นอนว่าพิมพ์ประภาเป็นคนฉลาดและรอบคอบเสมอ หล่อนจะต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ตั้งท้องอย่างแน่นอน ในเมื่อยาคุมกำเนิดในกระเป๋าเขาถูกทิ้งไปแล้วใช่ว่าเธอจะหามันมาใหม่ไม่ได้หากต้องการ กระเป๋าสะพายถูกรื้อค้นทุกซอกทุกมุม และในที่สุดมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เสียด้วย พิมพ์ประภาซื้อยาคุมกำเนิดเก็บไว้ในกระเป๋า หล่อนคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว ชายหนุ่มจัดการแกะมันออกจากแผงทีละเม็ด ๆ อย่างใจเย็น ริมฝีปากยกขึ้นพอใจเมื่อยาทั้งหมดจากแผงอยู่ในมือเขาเรียบร้อย เขาจัดการโยนมันลงไปในถังขยะ แล้วเดินกลับมาล้มตัวลงนอนบนที่นอนตามเดิม ปิดเปลือกตาลงรอดูอาการสติแตกของเธอในวันพรุ่งนี้ เขาต้องได้เห็นมันแน่ คิดว่านะ
ความคิดเห็น