ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจเดียว (เปลี่ยนจากหนึ่งฤทัยค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 53


    นาฬิกาบอกเวลา 20.00 น. แสดงให้รู้ว่าล่วงเลยเวลาการทำงานมานานแล้วหากแต่หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของโต๊ะทำงานอย่างพิมพ์ประภายังคงเคร่งเครียดกับงานในมือ เธออยากให้งานชิ้นนี้ออกมาดีอย่างที่ตั้งใจ จึงทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับมัน และในที่สุดมันก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หญิงสาวทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้ทำงานเพื่อผ่อนคลายระหว่ารอเครื่องปริ้นเอกสาร ที่กำลังทำหน้าที่พิมพ์งานหลายสิบหน้าออกมา  เมื่อสมองว่างเว้นจากการทำงานหญิงสาวจึงเริ่มที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน เธอได้พบเขาอีกครั้ง เขายังดูดีเหมือนเดิม แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ตื่นเต้น ไม่ยินดี ไม่โกรธอะไรเขาเลย แต่หากจะถามว่าเพราะอะไรเธอจึงไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้นกับเขา คำตอบที่เธอสามารถหาให้ตัวเองได้ก็คือ เธอเจ็บจนชาเสียแล้ว และหากหัวใจเธอรู้สึกด้านชาแล้วเธอก็จะไม่รู้สึกอะไรอีก นี่คงเป็นผลพลอยได้จากการที่เธอนั่งเสียน้ำตาแรมเดือนเมื่อครั้งถูกเขาบอกเลิกอย่างไม่มีเยื่อใยกระมัง  หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ให้กับตัวเอง 

                    หากจะถามว่ายังรักเขาไหม คำตอบง่ายๆ ที่เธอสามารถตอบตัวเองได้ในทันทีนั่นคือ รัก   แล้วจะกลับไปหาเขาอีกมั้ย คำตอบที่ตามมาคือ ไม่  ไม่มีวันที่เธอจะทำให้มันเกิดขึ้นกับชีวิตเธออีกเป็นครั้งที่สอง  5 ปีที่ผ่านมาเธอยังสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือ เธอประสบความสำเร็จในชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งๆ ที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำไป วันนี้เธอรู้สึกขอบคุณเขา ที่ทำให้เธอรู้จักความทิฐิ พยายามผลักดันตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าไม่จมปลักอยู่กับอดีตที่แสนเลวร้ายในชีวิต วันนั้นเธอเป็นเพียงนักวิจัยตัวเล็กๆ ธรรมดาไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่วันนี้เธอเป็นดอกเตอร์ เป็นที่เคารพของพนักงานทุกคนในบริษัท  และเธอก็รู้สึกพอใจกับสิ่งที่มีในวันนี้

                    ร่างบางก้าวลงจากรถญี่ปุ่นสีขาวราคาหลักล้าน ที่เธอหามันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าอีกข้างหนึ่งยังถือแฟ้มเอกสารที่เธอเอาติดมาด้วยหวังจะนั่งทำงานต่อในวันหยุด เป็นการฆ่าเวลาที่ต้องผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์  หญิงสาวจัดการกดล็อกรถยนต์แสนรักด้วยรีโมท ก่อนจะเดินเข้าไปภายในตัวคอนโดของตัวเอง โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งเพ่งมองเธออยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ตอนเธอเลี้ยวรถเข้ามาจอด  และคนๆ นั่งมองเธออย่างนี้มาเป็นเวลานานนับสัปดาห์แล้ว

                    ภาพหญิงสาวรูปร่างบอบบางทว่าสมส่วนเดินหอบหิ้วทั้งเอกสารและกระเป๋าเข้าไปภายในคอนโด ทำให้คนที่นั่งมองอยู่อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าหล่อนเคยหยุดที่จะพักผ่อนหรือเปล่า เพราะหลายวันที่ผ่านมาเขาจะเห็นเธอหอบหิ้วเอกสารกลับมาทำที่คอนโดทุกครั้ง 

    ประวัติ

    ชื่อ นางสาวพิมพ์ประภา  รุ่งอรุณ        อายุ  27 ปี

    การศึกษา  ปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัย.....

    ปัจจุบัน  เป็นพนักงานบริษัท RC การวิจัยผลิตภัณฑ์และโครงการ  ในตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายอำนวยการและงานวิจัย (เทียบเท่าตำแหน่งผู้จัดการ)

    อัตราเงินเดือน  700,000.- บาท ค่าวิชาชีพ  150,000.- บาท  รวมรายได้  850,000.-บาท/เดือน

    สถานะ โสด  หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ในปัจจุบัน  08x-xxxxxxx

    ที่อยู่ในปัจจุบัน  xxxxxxxx

     

                    มือหนาวางแฟ้มประวัติของบุคคลที่เพ่งอ่านจบลง ด้วยความพอใจในข้อมูลที่ได้รับ หลังจากที่สั่งให้ลูกน้องคนสนิทจัดการสืบค้นประวัติของเธอมาให้เขา

    “มีอะไรเพิ่มเติมจากในรายงานนี้รึเปล่า” เขาเงยหน้าถามลูกน้องคนสนิท

    “ตลอดระยะเวลา 5 ปี  ที่ผ่านมาเธอเคยคบกับ...เอ่อ...” วศิน ลูกน้องคนสนิทมีทีท่าอึกอัก ไม่กล้าที่จะพูดออกไป

    “พูดมาเถอะ ฉันแค่อยากรู้” เธอบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่ติดใจอะไร

    “เธอคบกับเจ้านายครับ แล้วหลังจากที่เลิกกับเจ้านายเธอก็ไม่เคยคบหรือเป็นคู่ขากับใครครับ  แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเธอมีความสนิทสนมกับผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ นที เป็นนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ ของบริษัทxxxx ครับ ”  เขารายงานส่วนที่ไม่ได้แจ้งไว้ในแฟ้มประวัติให้เจ้านายทราบอย่างครบถ้วน

    “อืมม์.... ขอบใจมากนายไปทำงานต่อเถอะ”

     

                    สายตาคมวาวดุจเหยี่ยวของชายหนุ่มกวาดมองข้อมูลอีกครั้งก่อนจะกลับมาเพ่งเล็งที่รูปเจ้าของประวัติ  ใบหน้ารูปไข่ดวงตากลมโต  รับกับริมฝีปากอวบอิ่ม ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเจ้าของ  แต่ครั้งนั้นเขารู้สึกว่าเธอช่างจืดชืดเสียนี่กระไร ไม่มีอะไรดึงดูดใจเขาแม้แต่น้อย  แต่ตอนนี้สิ เพียงแค่รูปใบเล็กๆ ของเธอก็สามารถทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ได้แล้ว เขาอยากจะสัมผัสใบหน้านวลของเธออีกครั้ง  แต่จะทำอย่างไร นี่แหละปัญหา

     

    “คืนนี้คุณพิมพ์ว่างหรือเปล่าครับ” นาธานถามขึ้นหลังจากที่คุยเรื่องงานกับเธอเสร็จเรียบร้อย

    “ว่างค่ะ คุณนาธานมีอะไรหรือคะ” เธอถามกลับเพราะสงสัย ปกติแล้วเขาไม่เคยถามเธอแบบนี้

    “เปล่าหรอกครับผมเห็นคุณพิมพ์ทำงานตลอดก็เลยอยากจะชวนไปสังสรรค์ผ่อนคลายสมองบ้าง” เขาบอกยิ้ม

    “สังสรรค์” หญิงสาวทวนคำ พร้อมกับครุ่นคิด  และนั่นทำให้คนออกปากชวนต้องรีบหาคำอธิบายเกรงว่าคนฟังจะคิดไปไกล

    “พอดีเพื่อนผมเขาฉลองครบรอบ 3 ปี ที่ผับของเขาน่ะครับ ผมก็เลยกะว่าจะชวนคุณพิมพ์ไปเป็นเพื่อน  คุณพิมพ์คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มรีบใช้โอกาสนี้มัดมือชกเธอเสียเลย  อันที่จริงมันก็สมควรแก่เวลาแล้วที่เขาจะมีใครสักคนเคียงข้างกายแทนการควงสาวๆ ไม่ซ้ำหน้าอย่างเมื่อก่อน

    “ค่ะ ก็ดีเหมือนกัน  และผับของเพื่อนคุณนาธานอยู่แถวไหนคะ พิมพ์จะได้ขับรถไปถูก” เธอตัดสินใจรับปาก ก็ดีเหมือนกัน นานเท่าไหร่แล้วเธอก็จำไม่ได้เหมือนกันที่เธอไม่เคยได้ผ่อนคลายสมองเลย

    “ให้ผมไปรับคุณพิมพ์ที่คอนโดดีกว่าครับ”

    “จะดีหรือคะ พิมพ์เกรงใจ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  ถ้าอย่างนั้น ทุ่มครึ่งผมไปรับนะครับ”

    “ค่ะ” หญิงสาวรับคำก่อนจะถือสมุดโน้ตกลับออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่ม ไม่ทันได้เห็นอะไรบางอย่างในสายตาคนออกปากชวนเธอไปเที่ยว

                    ใครได้คุณเป็นคู่ชีวิตคงโชคดีน่าดู และผมก็อยากจะเป็นผู้โชคดีคนนั้นคุณพิมพ์  ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างมุ่งหวัง หลายวันมานี้เขาได้หวนคิดถึงการใช้ชีวิตหนุ่มโสดที่ผ่านมาหลายปีของเขา และตอนนี้อายุของเขาก็สมควรที่จะมีใครสักคนจริงๆจังๆ เสียที และแน่นอนว่าคนแรกที่เขาคิดที่จะจริงจังด้วยไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย นอกเสียจากพิมพ์ประภา  แม้เธอจะไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเงินทอง หรือมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ความสามารถ นิสัยใจคอ บวกกับดีกรีระดับด็อกเตอร์ของเธอนั้น  ก็ไม่มีอะไรให้น้อยหน้าได้เลย และที่สำคัญที่สุดคือทั้งบิดาและมารดาของเขาก็ชอบเธอเอามากๆ เสียด้วย ถึงขนาดตั้งตัวเป็นกองเชียร์ให้เขาจีบเธอมาเป็นสะใภ้ในบ้านตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว  เห็นอย่างนี้แล้วเขาก็ควรจะทำหน้าที่ลูกที่ดีไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง   ชายหนุ่มคิดในใจอย่างอารมณ์ดี

     

                    ความมืดสลัวประกอบกับแสงสีที่สาดส่องสลับกันไปมา ทำให้เหล่านักท่องราตรีต่างขยับโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลงที่เปิดดังกระหึ่มอย่างสนุกสนาน  พิมพ์ประภาเดินตามนาธานผู้เป็นเจ้านายไปติดๆ เพราะเกรงว่าเขาและเธออาจพลัดหลงกันได้ เพราะคลื่นฝูงชนมากมายรอบข้าง  และดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้ดีจึงหันมามองเธอยิ้มน้อยๆให้เป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะคว้าข้อมือของหญิงสาวไปไว้ในอุ้งมือของเขา ก่อนจะพาเธอเดินต่อไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนๆ ของเขารออยู่ก่อนแล้ว   แน่นอนว่าในกลุ่มเพื่อนของนาธานนั้นมีตริณรวมอยู่ด้วย  นาธานทำหน้าที่แนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จักพิมพ์ประภา และแนะนำเธอให้รู้จักเพื่อนๆ ของเขาทุกคน แต่ไม่รวมไปถึงสาวๆ ข้างกายเพื่อนๆ ซึ่งมักจะเปลี่ยนหน้าบ่อยจนเขาจำชื่อไม่ได้ 

                    เมื่อทราบว่าหล่อนเป็นลูกน้องคนเก่งของนาธาน ไม่มีความสัมพันธ์อย่างอื่นนอกเหนือจากนั้น บรรดาหนุ่มๆ ที่นั่งอยู่ต่างให้ความสนใจเธอ แต่ก็ทำได้แค่สนใจเท่านั้นเมื่อนาธานแสดงท่าทีชัดเจนว่าห้ามพวกเขายุ่งกับเธอย่างเด็ดขาด   เขาสั่งน้ำอัดลมให้เธอเท่านั้นแทนที่จะเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างคนอื่นๆ เพราะเหตุผลที่คนอื่นไม่อาจโต้แย้งนั่นคือเธอแพ้แอลกอฮอล์ ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแพ้จริงรึเปล่า แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาเป็นห่วงเธอ หากว่าเขาเกิดดื่มจนเมาไม่สามารถดูแลเธอได้เธอก็จะได้ดูแลตัวเองได้  แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาถึงขนาดนั้นหรอก

    “คุณพิมพ์ครับ  ออกไปแดนซ์กับผมซักเพลงได้มั้ยครับ” พิมาน หนุ่มหล่อเจ้าของธุรกิจอัญมณี  เป็นฝ่ายออกปากชวนหญิงสาวก่อน หลังจากที่เขานั่งมองเธอมานาน บอกตรงๆ ว่าเขาถูกใจเธอเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าเจ้าเพื่อนตัวดีวางท่ากีดกันไปเสียทุกอย่าง

    “นะครับ ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มคะยั้นคะยอ และในที่สุดหญิงสาวก็ตกลง

                    ทั้งสองคนโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั่วด้วยความสนุกสนาน หญิงสาวยอมรับว่าพิมานเต้นเก่งมากเลยทีเดียว ส่วนเธอนั้นเรียกได้ว่าเก้ๆกังๆ ก็ว่าได้ เพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวในที่แบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ถือสากลับเห็นว่าเธอน่ารักเสียอีก จนบางครั้งบางจังหวะเขาเป็นฝ่ายสอนเธอด้วยซ้ำ  หญิงส่งรอยยิ้มสดใสให้เขาเป็นการขอบคุณ และไม่ปฏิเสธเมื่อเขาชวนเธอเต้นต่ออีกเพลง  เรียกทั้งสายตาหมั่นไส้และอิจฉาจากหนุ่มๆ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะได้ไม่น้อยรวมถึงนาธานด้วย   เออ..ม.ค.ป.ด. (มันคาบไปแด-ก.....)  อีกแล้ว  นาธานรู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที ตอนแรกเขากลัวเจ้าตริณตัวดีแต่ที่ไหนได้ เจ้าพิมานต่างหากที่มาแย่งพุงปลาไปต่อหน้าต่อตา เฮ้อ......

                    ภาพหนุ่มสาวสองคนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางนักท่องราตรีนอกจากจะเรียกสายตาอิจฉาจากหนุ่มๆ ทั้งหลายแล้ว มันยังสร้างความหงุดหงิดให้ใครบางคนอีกด้วย ใครบางคนที่แสดงอาการจี๋จ๋ากับสาวข้างกาย ราวกับว่าไม่ได้สนใจใคร หากแต่ใครเลยจะรู้ว่าแทบจะทุกๆ นาทีเขาจะตวัดสายตามองแม่ด็อกเตอร์สาวที่กำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟรอ

    “นาธาน  คนนี้แกคิดจะจริงจังด้วยรึเปล่าวะ” พิมานกระซิบถามเพื่อนเมื่อเห็นว่าพิมพ์ประภาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

    “ถามทำไมวะ” นาธานถามหน้าตึง

    “ถ้าแกไม่จริงจังฉันขอ เพราะคนนี้ฉันคิดจะจริงจังด้วย แต่ถ้าแกคิดจะจริงจังฉันก็จะไม่ยุ่งกับแก”

    “คนนี้ฉันคิดจะให้เป็นแม่ของลูกโว้ย ไม่จริงจังได้ยังไงกัน” นาธานบอกเพื่อนเสียงดัง ไม่อายใคร

    “อย่าบอกนะว่าแกจะถอดเขี้ยวถอดเล็บเก็บใส่ลิ้นชักเพราะเจอด็อกเตอร์สาวแสนสวย” พิสุทธิ์ที่นั่งฟังอยู่พูดขึ้นอย่างรู้ทัน อันที่จริงเขาเองก็ออกจะชอบหล่อนอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าบรรดาเพื่อนทั้งหลายของเขาจะแสดงออกชัดเจนเหลือเกินว่าชอบเธอเขาก็เลยตัดใจไม่ยุ่งกับเธอซะขี้เกียจไปแย่งกับพวกมัน เสียเวลา

    “ถ้าแต่งงานก็ต้องซื่อสัตย์กับเมียสิวะไม่เห็นแปลก” นาธานบอกหน้าตาย 

    “ตกลงแกจริงจังกับคุณพิมพ์ใช่มั้ย”พิมานถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

    “เออ..คนนี้แหละที่ฉันอยากได้เป็นแม่ของลูก” 

    คำตอบของนาธาน เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากบรรดาเพื่อนร่วมโต๊ะได้เป็นอย่างดี ยกเว้นพิมานที่รู้สึกเสียดาย แต่อย่างไรเสียก็ตัดใจแล้วกัน กับอีกคนหนึ่งคือตริณ เพราะเขาเริ่มรู้สึกลำบากใจขึ้นมาแล้ว ทำไงได้ก็เขายังอยากกินน้ำพริกถ้วยเก่านี่นาแต่.....ตราบใดที่หล่อนยังไม่ได้ตกลงปรงใจคบกับนาธาน นั่นก็หมายความว่าเขายังมีโอกาสนี่นา   นัยน์ตาคมกริบฉายแววเจ้าเล่ห์ชัดเจนแต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นไม่มีใครทันสังเกตหรือได้เห็นมัน

     

    “เฮ้ย!!!!  เสียงอุทานดังลั่นของนาธานเรียกให้บรรดาเพื่อนๆ ทั้งหลายของเขาหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน

    “อะไรวะร้องซะลั่น” พิสุทธิ์ถามขึ้น

    “รถฉันยางแบนว่ะ  แล้วจะกลับยังไงวะเนี่ย” เขาบ่นพร้อมมองมายังพิมพ์ประภาที่ไม่รู้ว่าจะไปส่งเธออย่างไรดี

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวพิมพ์กลับแทกซี่ก็ได้ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ” เธอรู้ว่าตอนนี้เขากังวลเรื่องที่จะไปส่งเธอมากกว่าเรื่องอื่นๆ

    “ไม่ดีหรอกครับ กลับคนเดียวมันอันตราย แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”  เขาบอกด้วยน้ำเสียงติดกังวล ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองเพื่อนๆ ของเขาที่ยังยืนรอว่าเขาจะทำอย่างไร

    “ตริณ  ฉันวานแกช่วยไปส่งคุณพิมพ์แทนฉันหน่อยสิ ทางไปบ้านแกผ่านคอนโดคุณพิมพ์พอดี” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจฝากให้ตริณเป็นคนไปส่งพิมพ์ประภา เพราะเห็นว่าเหมาะสมที่สุด  ส่วนตัวเองติดรถไปกับพิสุทธิ์เพราะบ้านอยู่ทางเดียวกัน 

                    คำพูดของนาธานทำให้คนฟังสองคนซึ่งต้องนั่งรถคันเดียวกันรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่อง สมใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนหนึ่งรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูกยิ่งเห็นสายตาของเขาด้วยแล้วมันยิ่งทำให้เธออยากจะหาอะไรสักอย่างมาฟาดหัวเขาสักเปรี้ยงให้หายโมโหเพราะวันนี้เธอไม่ใช่พิมพ์ประภาที่แสนบอบบางเหมือนเมื่อก่อน  แต่ทุกอย่างก็ได้แค่คิดเท่านั้นเพราะอย่างไรเสียหล่อนก็ต้องไปกับเขาเพื่อรักษาน้ำใจนาธานที่อุตส่าห์เป็นห่วงเธอ

    “ไม่คิดจะคุยกับผมสักคำหรอ” ตริณเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อนเมื่อรถแล่นออกสู่ท้องถนน

    “...........” ความเงียบคือคำตอบที่เธอให้เขา  เพราะเธอไม่ต้องการที่จะพูดกับเขาให้เสียน้ำลาย

    “เสน่ห์แรงนี่  เพื่อนๆ ผมมองคุณเป็นตาเดียวกันหมดเลยบริหารเสน่ห์เก่งใช่เล่นนะพิมพ์” ชายหนุ่มเริ่มจิกกัดเธอ เพราะคุยดีๆไม่ได้ผลมันก็ต้องทำอย่างนี้แหละ

    หญิงสาวไม่พูดอะไรตอบกลับ เพียงแต่หันหน้าออกไปยังท้องถนน สีหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ  แต่นั่นมันกลับทำให้คนที่เปิดบทสนทนาเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นเพราะไม่เคยถูกใครทำแบบนี้กับเขา

    “ถ้าเป็นไอ้พิมานเธอคงจะคุยกับมันจ๊ะจ๋าตลอดทางเลยล่ะสิใช่มั้ย”  เสียงเขาเริ่มต่ำลงตามอารมณ์โกรธที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว 

    เอี๊ยด!!! ชายหนุ่มเบรกรถอย่างกะทันหัน ทำให้แขนของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ กระแทกเข้ากับด้านหน้ารถ จนมันเขียวช้ำขึ้นมาทันตา แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนที่ทำให้เธอเป็นอย่างนี้รู้สึกผิดขึ้นมา 

    “ฉันถามว่าใช่มั้ย” เขาถามอีกครั้ง  อารมณ์ของเขาตอนนี้บอกตามตรงว่าถ้าเป็นน้ำก็จะเดือดทะลุเกิน 100 องศาแน่นอน  มือหนาจับตัวหญิงสาวเขย่าอย่างแรง

    “อย่ามายุ่งกับฉัน” หญิงสาวพยายามแกะมือเขาให้หลุดออกจากตัวเธอ  แต่มันไม่เป็นผลเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×