คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 15
ท่ามกลางอากาศหนาวจัดของใจกลางเมืองหลวงของอังกฤษ ฝูงชนมากมายโดยเฉพาะเหล่าสุภาพสตรีทั้งหลายที่ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกหรือสะทกสะท้านกับมันสักเท่าไหร่ เพราะนาทีนี้พวกเธอเหล่านั้นกำลังสนุกสนานกับการซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังจัดรายการโปรโมชั่นด้วยการลดราคาสินค้ามากมาย ชนิดที่เรียกว่าทั้งปีมีครั้งเดียวก็ว่าได้ มาเรียและพิมพ์ประภาเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน สองสาวต่างสนุกสนานกับการเลือกซื้อสินค้ากันชนิดที่เรียกได้ว่าเมามันเลยทีเดียว เพียงเวลาไม่นานมืออันว่างเปล่าของหญิงสาวทั้งสองก็เต็มไปด้วยถุงกระดาษที่ใส่สารพัดอย่างแล้วแต่พวกเธอจะซื้อ ซึ่งแน่นอนว่ามันหนักใช่ย่อยเลย ในที่สุดจึงตัดสินใจที่จะหาที่นั่งพัก ทั้งๆที่ในใจอยากจะเดินเลือกซื้อของต่อ แต่ด้วยน้ำหนักของสิ่งของทั้งหลายที่พวกเธอขนซื้อมานั่นแหละทำให้ต้องหาที่พักเพราะหากดันทุรังมากไปกว่านี้สังขารของพวกเธอคงจะแย่แน่ๆ
“เฮ้อ...สุดยอดไปเลยเนอะพิมพ์ เนี่ยพิมพ์โชคดีมากเลยรู้มั้ยเพราะมาถูกเวลาที่ห้างนี้นะนานๆทีจะลดราคาขนาดนี้”มาเรียหันมาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหลังจากหาที่นั่งได้พลางสะบัดมือคลายเมื่อยเพราะถือของหนัก
“จริงๆ หรอ มิน่าล่ะมาเรียถึงยืนยันจะมาให้ได้” นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอชอปกระจายขนาดนี้
“จริงสิ ขืนมาพรุ่งนี้หรือวันอื่นนะ ไม่เหลืออะไรไว้ให้ซื้อหรอก ส่วนใหญ่จะหมดตั้งแต่วันแรกๆ พิมพ์ก็ดูคนสิ แทบจะเดินชนกันตาย” มาเรียบอกเสียงใจ
ในขณะที่สองสาวกำลังสนุกสนานกับการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่กระหน่ำลดราคาภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง สองหนุ่มหล่อที่วันนี้ต้องทำงานตามหน้าที่ตัวเองต่างก้มหน้าก้มตาเอาเป็นเอาตายกับงานทุกอย่างตรงหน้า เพื่อที่มันจะได้เสร็จเร็วๆ พวกเขาจะได้ไปรับบรรดาภรรยาที่ห้างสรรพสินค้าเสียที และในที่สุดพวกเขาก็ยิ้มออกหลังจากที่จัดการงานทุกอย่างจนครบทุกอย่างสำหรับวันนี้ และดูเหมือนว่าจะสำเร็จก่อนเวลาที่คาดการณ์ไว้เสียด้วยสิ
ร่างสูงของชายหนุ่มทั้งสองรีบเร่งไปยังยานพาหนะคู่ใจทันที ด้วยความรีบร้อน คนหนึ่งไม่อยากให้ใครมองภรรยาของตัวเองเพราะ 'เมีย' เขาขึ้นชื่อเรื่องความสวย จึงต้องหวงกัน (มาก) หน่อย ส่วนอีกคนนั้นรีบร้อนกว่าเสียอีก อะไรน่ะหรือ คำพูดของพี่ชายได้พิสูจน์แล้วว่าพิมพ์ประภาเป็นผู้หญิงที่เป็นเสปคของฝรั่งตาน้ำข้าวจริงๆ ดูได้จากสายตาหนุ่มๆ ที่มองมายังหล่อนตอนที่เขาและพี่ชายขับรถตามไปส่งหล่อนและมาเรียยังห้างสรรพสินค้า สายตาเจ้าฝรั่งตาน้ำข้าวที่มองมายังหล่อนงี้เยิ้มเชียว เฮอะ! มองให้น้ำลายยืดแล้วยืดอีกก็ไม่ได้แอ้มเมียเขาหรอก
เพียงเวลาไม่นานสองหนุ่มก็มาถึงยังจุดหมายปลายทาง และรีบสาวเท้าไปยังจุดที่ทั้งสองสาวนั่งคอยอยู่ แต่ด้วยความแน่นขนัดของผู้คนที่มีมากกว่าปกติหลายเท่าตัวทำให้การไปถึงจุดหมายช้ากว่าปกติ แต่ในที่สุดก็ถึงเสียที ทั้งไตรและตริณต่างยิ้มแย้มให้คนรักของตัวเองต่างจากตอนอยู่ในห้องทำงานลิบลับ แต่รอยยิ้มนั้นอยู่ได้ไม่เกินห้าวินาที เมื่อสายตาคมทั้งสองคู่มองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างๆ ตัวพวกเธอ ให้ตายสิ !!! แม่ทูนหัวของพวกเขาขนซื้อมันหมดทุกอย่างเลยหรือนี่ โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มคนใดคนหนึ่งออกปากถาม ทั้งมาเรียและพิมพ์ประภาต่างหันมายิ้มให้กัน และหยิบบรรดาถุงกระดาษทั้งหลายของตนเองส่งให้หนุ่มๆ ที่กำลังอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก มาเรียยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายตรงหน้าไตร เป็นเชิงบอกว่าห้ามพูดอะไรทั้งนั้น และนั่นทำให้ไตรหุบปากลงฉับพลัน ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับถุงกระดาษที่แม่ทูนหัวส่งมาให้โดยที่ไม่สามารถปริปากบ่นอะไรได้ ส่วนอีกคนหรือ ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก เพราะถึงแม้พิมพ์ประภาจะไม่ได้แสดงอาการอะไรให้เห็น แต่สายตาเจ้าหล่อนที่ส่งมายังเขานั้นมันทวงสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธอ นั่นคือจะตามใจเธอทุกอย่าง แค่มองตาก็รู้แล้วว่าหล่อนหมายถึงอะไร ฉะนั้นสิ่งที่ไตรทำได้คือยื่นมือไปรับถุงกระดาษที่ใส่สิ่งของสารพัดอย่างไว้ด้วยความ(ไม่ค่อย)เต็มใจ อดที่จะโอดครวญในใจไม่ได้ว่า โธ่ !! เขาไม่น่าพลั้งปากบอกหล่อนอย่างนั้นเลย .... แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อมันสายไปเสียแล้ว และสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ทั้งสองต้องช็อกพร้อมๆ กันนั่นคือคำพูดของสองสาวที่บอกกับพนักงานถือของประจำตัวเองว่า 'เดี๋ยวขอพวกเราเดินดูอะไรเพิ่มอีกสักหน่อยนะกำลังเพลิน' โธ่แม่คุณ ยังไม่หายเพลินอีกหรือไงกัน นี่คือเสียงโอดครวญที่ดังอยู่ภายในใจของหนุ่มหล่อทั้งสองคน แต่มันก็ได้แต่ดังในใจเท่านั้น เพราะไม่มีสิทธิที่จะพูดออกมา ทำไงได้ก็พวกเขาเป็นหมาหัวเน่าแล้วนี่ ลองเถียงหรือออกปากสิ ได้โดนด่าข้ามประเทศจากท่านผู้บัญชาการใหญ่ประจำบ้านแน่ๆ
กว่าที่ทั้งสองสาวจะยอมรามือจากการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่แข่งกันลดราคาก็ทำเอาหนุ่มๆ แย่ไปตามๆ กัน ก็ไอ้ถุงทั้งหลายที่พวกเขาหิ้วกันเนี่ยมันเบาเสียเมื่อไหร่กัน เมื่อถึงลานจอดรถทั้งสี่จึงแยกจากกันเพราะมีรถสองคัน มาเรียไปกับไตรส่วนตริณเป็นคนลากพิมพ์ประภาให้มาขึ้นรถอีกคันของมาเรียที่ขับพาเธอมาตอนเช้า แต่ตอนนี้เขาทำหน้าที่เป็นสารถี นัยน์ตาคมปลาบเหลือบมองคนข้างๆ แวบหนึ่งอย่างไม่ต้องการให้เจ้าตัวรู้สึกว่าถูกแอบมอง
ใบหน้าเนียนสวยที่มักเคร่งเครียดตลอดเวลา ผ่อนคลายมีรอยยิ้มบางๆ ประดับไว้ และมันไม่เหมือนรอยยิ้มที่มีประดับไว้ทุกครั้ง ครั้งนี้เป็นรอยยิ้มที่เจ้าตัวยิ้มด้วยความไม่รู้ตัว บ่งบอกให้คนที่แอบมองรู้ว่าหล่อนกำลังมีความสุขจริงๆ ริมฝีปากหนากระดกยิ้มน้อยๆ อย่างพอใจ
“พิมพ์..” เสียงเรียกเบาๆ ที่เต็มไปด้วยความออดอ้อน ซึ่งเจ้าตัวใส่มันลงไปเต็มที่เพื่อเรียกร้องความสนใจ
“อะไรคะ” หล่อนเลิกคิ้วขึ้น นึกฉงนใจ เพราะไม่เคยเห็นคนตัวโตเจ้าอารมณ์มาออดอ้อนแบบนี้
“ผมอยากได้ค่าตอบแทน” เขาบอกเป็นนัยๆ แต่คนฟังกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินผ่านหน้าชายหนุ่มไปยังห้องน้ำทันที
เมื่อเห็นว่าลูกอ้อนใช้ไม่ได้ผลร่างหนาจึงทิ้งตัวเองลงบนเตียงนอนหนานุ่มทันที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ต้องหิ้วของหนักๆ หลายชั่วโมงติดต่อกัน
นัยน์ตาคมปลาบเพ่งมองเพดานที่ว่างเปล่า พลันสมองส่วนความจำและประเมินผลของเขาก็เริ่มทำงาน เขาจำได้ว่าก่อนที่จะออกเดินทางมาที่นี่เขาเอาสิ่งของสองอย่างออกจากกระเป๋าของพิมพ์ประภาอย่างแรกคือโทรศัพท์อย่างที่สองคือ....ยาคุม แต่ทำไมหล่อนไม่เห็นถามถึงเรื่องนี้กันนะหรือว่าหล่อนไม่คิดที่จะกินยาแล้ว เป็นไปได้หรือ?.. คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีด้วยความสงสัย แล้วถ้าหล่อนกินแล้วไม่เห็นแผงยาคุมหล่อนทำไมไม่อาละวาดกับเขา ? คำถามนี้น่าสนใจกว่าอีก..
ในที่สุดร่างหนาก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองสงสัยว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น และสิ่งแรกที่เขาทำคือ การค้นกระเป๋าสะพายใบโปรดของหล่อนนั่นเอง มือหนาจัดการรื้อค้นทุกสิ่งทุกอย่างออกมา และเมื่อเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เขาพยายามค้นหาในใจภาวนาให้ไม่เจอ กลับปรากฏต่อสายตาเขา มือหนาหยิบแผงยาคุมขึ้นมามองมันด้วยสีหน้าที่มีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด สภาพของมันบอกว่าถูกแกะออกมากินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่ามันไม่ใช่แผงที่เขาจัดการโยนทิ้งถังขยะแน่ แต่ปัญหาและคำถามที่เขาอยากรู้คือ หล่อนไปเอามาจากไหน ในเมื่อเขาเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง และแน่ใจว่ามันไม่ได้มีติดมาด้วยแน่นอน เขารื้อและค้นมันทุกซอกทุกมุม
“อย่าโยนของพิมพ์ทิ้งอีกรอบนะคะ มิเช่นนั้นเราจะเห็นดีกัน” น้ำเสียงหวานๆ ดังมาจากประตูห้องน้ำ ซึ่งเจ้าหล่อนกำลังเดินออกมา มองหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับว่าขำขันกับอาการของเขา แต่นัยน์ตานั้นไม่ค่อยขำสักเท่าไหร่
“คุณรู้หรือ? “ ชายหนุ่มอดที่จะรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้ ภาพแจกันลอยมาสวัสดีเขายังไม่เลือนหายไป
ไม่มีคำตอบจากร่างบางที่เยื้องกรายออกจากห้องน้ำมีเพียงรอยยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่เหมือนเดิมเท่านั้น ยากต่อการคาดเดาสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยชายหนุ่มจึง...
“ไปกินข้าวกันเถอะป่านนี้มาเรียกับพี่ไตรแล้วก็ไอ้เต้รอกันแย่แล้ว เห็นว่าวันนี้มันจะพาแฟนมาแนะนำให้เรารู้จักกันด้วย”
“เปลี่ยนเรื่องไวเหมือนกันเนอะ”หล่อนถามเขายิ้มๆ เหมือนเดิม หากแต่คนมีความผิดเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก
“ผมขอโทษ นะนะ อย่าโกรธผมเลย ผมแค่อยากมีลูกเท่านั้นเอง ลองคิดดูสิ ถ้าผมทำให้คุณป่องก่อนพี่ไตรได้มันจะดีขนาดไหนนำโด่งเลยเชียวแหละรับรองพี่ไตรตามไม่ทันแน่อีกอย่างแม่ผมก็อยากจะอุ้มหลานผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ดีแม่ชอบเด็กผู้หญิง” เขาสวมกอดเธอจากด้านหลัง ทำยังไงได้ล่ะก็ตัวเองน่ะผิดเต็มๆ ในเมื่อมีแม่เป็นแบ็คกราวอยู่ก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์หน่อย กันไม่ให้หัวแตกก็ยังดี
“อ๋อ...หรอคะ”หญิงสาวลากเสียงยาว ราวกับว่าเพิ่งเข้าใจอะไรสักอย่าง แต่แท้จริงแล้วไอ้กิริยาแบบนี้มันคือการออดอ้อนเพื่อเอาตัวรอดชัดๆ แต่ช่างเถอะ ตราบใดที่เธอยังอ่านเกมส์เขาออกก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
“ครับ...ไปทานข้าวกันเถอะนะนะผมหิวแล้ว” บอกกึ่งลากกึ่งจูงภรรยาลงไปชั้นล่าง ในใจยังมีคำถามที่อยากรู้คำตอบคือ ไอ้ยาคุมบ้านั่นมาจากไหนกัน?
“เมื่อไหร่จะลงมือไหนพวกแกบอกฉันว่าจะลงมืออาทิตย์นี้หา!!” น้ำเสียงตวาดอย่างคนอารมณ์เสียดังลั่นโกดังร้างอันเป็นจุดนัดหมาย
“ความจริงผมก็อยากลงมืออาทิตย์นี้ แต่คุณไม่รู้หรือว่าเขาไปต่างประเทศแล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับคุณผู้หญิงรอให้เขากลับมาก่อนสิ สวยๆ อย่างนี้ผมไม่พลาดหรอก” ชายหนุ่มผู้เป็นคนรับงานตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“ก็ดี แต่ถ้านานเกินรอฉันก็ไม่รับประกันว่าจะใช้บริการพวกนายรึเปล่านะ บางทีฉันอาจเปลี่ยนใจกะทันหัน จ้างคนอื่นที่มันไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลอะไรก็ได้”
“แต่ทีมของผมมีการวางแผน แน่นอนว่าทุกอย่างที่วางแผนย่อมรัดกุมรวมถึงการทำลายหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ ความเสี่ยงย่อมน้อยกว่าพวกที่ไม่มีการวางแผนอะไร คุณว่าจริงมั้ยครับ” ชายหนุ่มถามกลับยิ้มๆ เขามีวิธีการร้อยแปดพันเก้าที่จะทำให้เจ้าหล่อนต้องใช้บริการทีมของเขาในงานนี้ เพราะเหตุผลหลักคือผู้หญิงซึ่งเป็นเหยื่อในรูปที่เขากำลังถืออยู่
“มันก็อาจจะจริง แต่อย่าลืมว่ามันไม่ได้มีแต่พวกนายหรอกนะที่มีการวางแผนน่ะ” หญิงสาวบอกก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปขึ้นรถยุโรปคันหรูของตัวเอง อย่างอารมณ์ไม่ดีนัก นึกขัดใจเพราะงานที่สั่งช่างล่าช้าเสียเหลือเกิน
“ไม่นานเกินรอหรอกครับผมเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่ทำให้คุณอึ้ง ทึ่ง เท่านั้นเอง” เสียงบอกดังไล่หลังหญิงสาวผู้เป็นนายจ้างที่กำลังขับรถออกไป ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนไม่ได้ยินประโยคหลังเลยสักนิด
“แกแน่ใจหรือที่ทำแบบนี้ มันเล่นกับไฟชัดๆ” หนึ่งในทีมถามชายหนุ่มผู้เป็นคนรับงานเสียงเครียด
“แล้วเรามีทางเลือกอื่นหรือ หากเราไม่รับงานนี้ หล่อนต้องเล่นงานเราแน่ๆ หรือพวกแกไม่รู้จักนิสัยของผู้หญิงคนนี้?” เขาถามกลับอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนสักเท่าไหร่ ตรงกันข้าม สายตาที่เพ่งมองไปข้างหน้านั้น ยากแก่การคาดเดาเสียด้วยซ้ำ
“แล้วคิดหรือยังว่าจะรับมือเธออย่างไร” หนึ่งในทีมอดที่จะถามไม่ได้เพราะหากพลาดงานนี้พวกเขาแหลกแน่ๆ
“ฮึ!! เที่ยวให้สนุกนะคะด็อกเตอร์ ก่อนที่จะไม่ได้เที่ยวอีกเพราะไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” น้ำเสียงเหี้ยมดังขึ้นมาจากริมฝีปากสีสวยอันเกิดจากการเคลือบของลิปสติกชั้นดี ดวงตาสวยเพ่งมองรูปภาพหญิงสาวในมือด้วยความโกรธแค้น หากสายตาของเธอสามารถจุดประกายไฟได้แล้วล่ะก็รูปภาพในมือคงมอดไหม้เป็นจุลอยู่ตรงหน้า
แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีดีกรีเป็นด็อกเตอร์เหมือนแม่นั่น แต่ก็ใช่ว่าจะต่ำต้อยหรือไร้การศึกษาเสียเมื่อไหร่ ในเมื่อเธอเรียนจบปริญญาตรีจากต่างประเทศ และก็เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังเสียด้วย มันแตกต่างกันตรงไหน ตรงกันข้ามเธอต่างหากที่เป็นคนมีชื่อเสียง มีคนรู้จักอยากร่วมงานด้วย ไม่ใช่แม่ด็อกเตอร์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งล่ะว่าแม่ด็อกเตอร์นั่นปากคอเราะร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เร็วๆ นี้ก็จะร้ายไม่ออกแล้ว.. ริมฝีปากหญิงสาวยกมุมขึ้นด้วยความพอใจ อยากให้ถึงวันนั้นจริงๆ วันที่มีคลิปของแม่ด็อกเตอร์กระฉ่อนไปทั่วบนโลกไซเบอร์ แล้วทีนี้ล่ะ จะได้รู้กันว่าใครกันแน่ที่เป็นของจริง และใครกันแน่ที่ไม่สมควรเผยอหน้ามายืนเคียงข้างหนุ่มหล่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างตริณ คิดจะฟาดฟันกับอนันดา คิดใหม่ก็แล้วกันฉันให้เวลาเธอคิดใหม่ถึงชาติหน้าเลยแล้วกันแม่ด็อกเตอร์!!
ความคิดเห็น