คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 14
ท่ามกลางความวุ่นวายรีบร้อนของกลุ่มคนในสนามบิน ตริณยังคงใจเย็น มือหนาจับมือของอีกคนไว้มั่นราวกับเธอจะหายไปหากเขาปล่อยมือ รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งไปให้คนตัวเล็กที่ถูกเขาจูงมือให้เดินคู่กันมา พร้อมกับคำถามสั้นๆ แต่แสนจะเอาใจว่า
“หนาวมั้ย เดี๋ยวหาอะไรอุ่นๆ ดื่มก่อนนะ” เขาบอกพร้อมกับพาเธอเดินเข้าไปยังร้านจำหน่ายเครื่องดื่มด้านหน้า
“โธ่พี่ตริณ ปล่อยให้ผมหาซะแย่ นึกแล้วว่าพี่ต้องมาที่นี่จริงๆ ด้วย” เต้ น้องชายคนสุดท้องของตริณ พูดขึ้นพลางเดินพาหน้าหงิกๆ มายังโต๊ะที่ชายหนุ่มและพิมพ์ประภานั่งอยู่ ฉับพลันหน้าหงิกๆ นั้นหายไปจนแทบจะไม่เหลืออยู่เลย ประดับไว้เพียงรอยยิ้มที่แสนจะน่ารักคู่กับประกายตาวิบวับของชายหนุ่มผู้มาใหม่ เต้ จัดการลากเก้าอี้อีกตัวมาให้ตัวเองและนั่งมันลงข้างๆ สาวสวยที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับพี่ชายตัวเอง
“แกเลิกมองเมียฉันแบบนั้นซะทีได้มั้ยไอ้เต้ มองนานๆ เมียฉันสึกหรอหมด” ชายหนุ่มอดที่จะออกปากว่าน้องชายไม่ได้ เพราะตั้งแต่มันเข้ามาในร้านยังไม่เลิกจ้องพิมพ์ประภาเลย
“พี่แต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เขาพูดแสร้งทำหน้าแปลกใจ “พี่ตริณไม่น่ารักหรอก ผมน่ารักกว่าเยอะเลย” เขาหันมาหยอดคำหวานใส่พิมพ์ประภาที่นั่งยิ้มๆ
“ถ้าแกยังไม่เลิกมองแบบนั้นฉันจะจิ้มตาแกทีละข้าง เอาให้มันบอดไปเลย” ตริณบอกเสียงเข้ม ทำให้คนที่คิดจะแกล้งพี่ชายต้องล้มเลิกความคิดทั้งหมด เพราะรู้ว่าถ้าไอ้เสียงแบบนี้มันโผล่มาเมื่อไหร่แสดงว่าพี่เขาเอาจริง โอ๊ะ ๆๆ งานนี้มีเรื่องมันส์ๆ ไว้เผาอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ
“ทำไมต้องบอกด้วยว่าฉันเป็นเมียคุณ” หญิงสาวถามลอดไรฟันออกมาขณะเดินออกมาขึ้นรถ
“ก็มันเป็นเรื่องจริง” เขายักไหล่ เล็กน้อย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องสุดแสนจะธรรมดาเสียเหลือเกิน แต่ต้องมาหน้าเหยเกเพราะมือบางที่เขาจับไว้นั้นจิกเล็บลงบนมือเขาเสียเต็มแรง ไม่รู้ว่ามือเขาทะลุหรือยัง ดุจริงแม่คุณ
เพียงเวลาไม่นานจากสนามบิน รถก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งในกรุงลอนดอน มันเป็นบ้านสองชั้นขนาดกลาง ด้านหน้าบ้านมีสวนหย่อมเล็กที่ปลูกไม้ประดับไว้ทำให้ดูสดชื่นมีชีวิตชีวา ภายในบ้านตกแต่งแบบเรียบง่ายมีกลิ่นอายของความเป็นไทยผสมอยู่ทำให้ผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นคลายความเหงาและความคิดถึงบ้านได้ไม่น้อย ทันทีที่รถจอดก็มีแม่บ้านและชายอีกคนมาจัดการกับสัมภาระที่มีไม่มากของตริณและพิมพ์ประภาทันที
“เอาไว้ในห้องเดียวกันนะ”ตริณหันมาสั่งแม่บ้าน
“มีแม่บ้านเป็นคนไทยด้วยหรือคะ” พิมพ์ประภาถามอย่างแปลกใจ
“อืมแม่บ้านจากที่บ้านครับพี่พิมพ์ แต่ความจริงคุณแม่ตั้งใจส่งมาดูแลความประพฤติพวกเราต่างหาก” เต้เป็นคนบอกยืนยันด้วยใบหน้าเซ็งๆ ของเขา แหงล่ะสิทุกพฤติกรรมถูกรายงานไปยังเมืองหลวงของประเทศไทยอย่างถี่ถ้วนชนิดที่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“แน่ล่ะสิ เรื่องแกควงลูกสาวเจ้าพ่อก็ถึงหูแม่เรียบร้อยแล้วด้วย” ตริณบอกขำๆ
“ของมันแน่อยู่แล้วไอ้ตริณเอ๊ย ขนาดฉันแอบไปหามาเรีย แม่ยังรู้เลย เฉ่งฉันซะยับกว่าจะได้แต่งงาน” ไตร ผู้เป็นพี่ชายคนโตเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง “อ้าวนี่แกจะไม่แนะนำสาวสวยให้ใครๆรู้จักเลยหรือไงกันไอ้ตริณ” ไตรแซวน้องชายที่มีทีท่าหวงสาวสวยข้างกายเสียเหลือเกิน กับพี่กับน้องก็ไม่เว้น
“อ้อพิมพ์ นี่พี่ไตร พี่ชายคนโตของผม นี่มาเรียพี่สะใภ้ เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ส่วนนี่ไอ้เต้ น้องคนเล็ก ส่วนนี่พิมพ์เมียผม” ตริณแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จัก ไม่แปลกใจกับท่าทีตาโตของคนฟังทั้งหลาย
นิ้วมือเรียวยาวของหญิงสาวข้างกายอย่างพิมพ์ประภาหยิกหมับเข้าที่เอวของชายหนุ่มเงียบๆ แต่มันแสนจะเจ็บปวดสำหรับผู้ถูกกระทำ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเจ้าหล่อนยังมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เอาไว้คืนนี้ก่อนเถอะ จะคิดคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย
“เดี๋ยวผมกับพิมพ์ขอตัวก่อนนะครับ เดินทางเหนื่อยน่าดู” ตริณออกปากทันทีที่รับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ
“อะไรกันจะนอนแล้วหรือพี่ตริณ นี่มันยังหัวค่ำอยู่เลยนะ”
“แกลองเป็นฉันมั้ยละ จะได้รู้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน”
“OK ผมจะเป็นพี่เดี๋ยวนี้ แต่พี่พิมพ์ต้องเป็นแฟนผมด้วยนะ” เต้ทำหน้าทะเล้นใส่พี่ชาย ทำให้คนฟังอย่างพิมพ์ประภาขำเล็กๆ ในความขึ้นเล่นของน้องเล็กประจำบ้าน
โป๊ก !!!! มะเหงกจากมือหนาของตริณ มอบให้แก่น้องชายสุดที่รักของตัวเอง
“โอ๊ย!!! แค่นี้ต้องเขกหัวกันด้วยไม่คุยด้วยแล้วไปอ่านหนังสือดีกว่า” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปทันที เรียกความหมั่นไส้จากเหล่าพี่ชายได้เป็นอย่างดี
“พี่ไตรไม่รำคาญมันบ้างหรือ เวลามันมาเกาะแกะคุณมาเรียเมียพี่” ตริณหันมาถามไตรที่กำลังจี๋จ๋ากับภรรยาอยู่ที่โซฟา
“ฉันชินกับมันแล้ว มันเห็นแกหึงไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมแบบนี้น่ะสิ ถึงคิดมุกมาแกล้งแกได้ตลอดเวลา” พูดจบก็หันไปหวานกับภรรยาสุดเลิฟต่อ ปล่อยให้น้องชายคนรองพาพิมพ์ประภาไปพักผ่อน
“เดินทางทั้งวันเหนื่อยมั้ย” ชายหนุ่มโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลังทันทีที่ประตูห้องนอนปิดลง
“เหนื่อยค่ะ อยากนอนพักผ่อนแล้วด้วย” หญิงสาวตอบตามตรง ตอนนี้ตาของเธอแทบจะปิดอยู่แล้ว
“งั้นนอนกันเถอะนอนกอดกันจะได้ไม่หนาว” เขาพาร่างบางให้ล้มตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม และรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างของทั้งสองทันที
“พิมพ์..”
“หืม..”
“อยู่ที่นี่เราไม่ทะเลาะกันได้มั้ย ทิ้งทุกอย่างเริ่มต้นใหม่นะ” ชายหนุ่มพูดเสียงแผ่วเบา ทว่าหนักแน่นชัดเจนยิ่งนัก จนคนที่กำลังจะหลับต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ถ้าคุณไม่กวนประสาทฉัน และไม่ทำร้ายฉัน”
“ได้สิ อยู่ที่นี่ผมจะตามใจคุณทุกอย่าง ผมจะทำตัวดีๆ กับคุณ” ตริณบอกอย่างเอาใจ พร้อมกับก้มลงประทับจุมพิตที่ริมฝีปากบางอวบอิ่มตรงหน้า ทำเอาเจ้าหล่อนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอนะ” ชายหนุ่มบอกเสียงแหบพร่า และก้มหน้าจุมพิตเธอต่อไปไม่รอคำคอบจากคนตัวเล็กกว่า (จะว่าเขาเผด็จการก็ได้แต่มันหยุดไม่ได้แล้ว)
ตริณตื่นแต่เช้าด้วยความสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาในรอบหลายเดือน ชายหนุ่มจัดการตัวเองจนเรียบร้อยเพราะต้องออกไปตรวจงานที่สาขา ทำให้เขาไม่มีเวลาว่างที่จะพาหญิงสาวไปเที่ยวได้ แต่ก็ตั้งใจว่าจะรีบจัดการงานทุกอย่างให้เสร็จก่อนกำหนดจะได้พาหล่อนออกไปเที่ยว
“พี่ไตรเดี๋ยวผมติดรถพี่ไปที่สำนักงานเลยแล้วกันนะ วันนี้คุณมาเรียอยู่บ้านใช่มั้ยครับ” ตริณบอกพี่ชายแล้วหันไปถามพี่สะใภ้
“ค่ะ วันนี้มาเรียตั้งใจว่าจะชวนพิมพ์ไปซื้อของสักหน่อย” มาเรียหันมาหาพิมพ์ยิ้มๆ ความจริงเธอกับพิมพ์ประภาคุยกันไว้ก่อนแล้วตั้งแต่แรก โดยที่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านไม่รู้
“ไว้ไปวันอื่นเถอะอากาศหนาวๆ อย่างนี้” ไตรเป็นคนออกปากคัดค้าน เขาไม่ค่อยอยากจะให้ภรรยาออกไปข้างนอกเพียงลำพังสักเท่าไหร่ ยิ่งคราวนี้มีพิมพ์ประภาไปด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เมียเขาสวยน้อยเสียเมื่อไหร่ ส่วนพิมพ์ประภานั่นก็เสปกฝรั่งเลย “เมียแกน่ะเสปกฝรั่งนะโว้ย จะปล่อยให้ออกไปกับมาเรียสองคนหรอ” ไตรหันมากระซิบกระซาบกับน้องชาย หวังหาแนวร่วมและมันก็ได้ผล
“ไว้วันหลังดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวผมกับพี่ไตรเคลียร์งานเสร็จแล้วจะพาไปเที่ยวทั้งวันเลย” ตริณพูดอย่างเอาใจ แต่ความจริงแล้วต้องการให้ทั้งสองสาวอยู่บ้านมากกว่า ทำไงได้มีเมียสวยก็ต้องระแวงมากหน่อย
สองสาวหันมามองหน้ากันเป็นการปรึกษากันทางสายตา และไม่ต้องเสียเวลานานมาเรียก็เป็นฝ่ายเปิดฉากกับสามีก่อน
“จะวันไหนก็หนาวเหมือนกันนั่นแหละ หรือว่าพรุ่งนี้จะไม่หนาวคุณไตร” มาเรียถามเรียบๆ ไตรเริ่มกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าภรรยาเริ่มอารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว
“วันหลังดีกว่ามั้ย เดี๋ยวผมจะได้ไปช่วยคุณซื้อของไง” ไตรพยายามเอาใจ แต่มันไม่ได้ผลเลย เมื่อได้รับสายตาพิฆาตจากภรรยา เป็นการยืนยันว่าเธอจะไป ต่อให้หิมะตกเธอก็จะออกไปซื้อของ
“ไหนว่าจะตามใจฉันทุกอย่างคุณตริณ” พิมพ์ประภากระซิบกับชายหนุ่ม
“ก็..ตามใจแหละแต่วันนี้อยู่บ้านพักผ่อนแล้วกันเนอะไว้ผมเสร็จงานแล้วจะพาเที่ยว” ตริณพยายามหาเหตุผล ทั้งๆที่มันแสนจะยากเย็น
“ผิดสัญญาหรอ” พิมพ์ประภาถามเสียงเข้ม นัยน์ตาดุดัน เล่นเอาคนฟังถึงกับกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ
ฉับพลันเหมือนเสียงสวรรค์จะดังขึ้น เจ้าโทรศัพท์บ้านที่หลายๆวันจะได้ทำหน้าที่ของมันสักครั้ง ดังขึ้น ชายหนุ่มทั้งหลายต่างโล่งอก สักครู่แม่บ้านเดินเข้ามารายงานว่าคุณหญิงพวงผกาเป็นคนโทรมา มาเรียได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ทันที คุยกันได้สักครู่เธอก็จัดการฟ้องแม่สามีทันทีว่าทั้งไตรและตริณต่างห้ามไม่ให้เธอและพิมพ์ประภาออกไปข้างนอกบ้าน ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจจะพาพิมพ์ประภาออกไปเปิดหูเปิดตาหาซื้อของอร่อยๆ ให้พวกเขากินกันแท้ๆ และมันก็ได้ผล เมื่อคนเป็นแม่สามีที่รักลูกสะใภ้มากๆ (ดูเหมือนจะมากกว่าลูกชายตัวเองด้วยซ้ำ) อย่างคุณหญิงพวงผกาขอคุยกับลูกชายตัวดีทั้งสองคน งานนี้ทั้งพี่ทั้งน้องต่างมองหน้ากันอย่างต้องการประเมินว่าแม่จะ 'ชม'ใครมากกว่ากัน
“ครับแม่” ไตรรับสาย
“ทำไมไม่ให้มาเรียพาพิมพ์ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้างแกสองคนคิดจะให้เค้านั่งเฝ้าบ้านกันรึ”
“เปล่าครับผมเห็นว่าอากาศหนาวเลยไม่อยากให้ออกไปข้างนอกกันกลัวว่าจะไม่สบายเอา” ไตรคิดหาเหตุผล
“ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นหรอกแกสองคนน่ะ ฉันรู้ว่าพวกแกหวงเมียไม่ต้องยกเหตุผลข้างๆ คูๆ ของแกมาอ้างหรอกฟังแล้วมันน่ารำคาญ ไหนขอคุยกับตริณมันหน่อยซิ”
“ครับแม่” ตริณรับสาย รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกัน เมื่อเห็นสีหน้าพี่ชายตอนคุยโทรศัพท์
“หาเสื้อหนาๆ ให้หนูพิมพ์ใส่ด้วยนะ ให้เขาออกไปเที่ยวนอกบ้านกับหนูมาเรียเถอะ ถ้าเดาไม่ผิดแกคงบังคับเขาไปด้วยล่ะซิ ในเมื่อบังคับเขาไปแล้วก็ปล่อยให้เขาได้เปิดหูเปิดตาแก้เบื่อบ้าง ไม่ใช่ให้เขาเฝ้าบ้านทั้งวันรู้มั้ย”
“ครับ”
“อ้ออีกอย่าง ถ้าแกไม่ทำตัวให้ดีๆ น่ารักๆ ล่ะก็ แม่จะยุหนูพิมพ์ให้ฟาดกบาลแกอีกรอบเผื่อต่อมความน่ารักของแกมันจะทำงานบ้าง ไหนขอคุยกับหนูพิมพ์หน่อย”
“ไม่เป็นไรมั้งครับแม่ ผมจะทำตามที่แม่บอก”
“กล้าขัดใจฉันหรอ รู้ใช่มั้ยว่าถ้าขัดใจแล้วฉันไม่ขอหนูพิมพ์ให้พ่อแกก็ทำอะไรไม่ได้ นี่เร็วๆหน่อยได้มั้ยพ่อคุณ ฉันเสียค่าโทรแพงนะยะ”
“โธ่แม่ก็...เงินเดือนแม่ออกจะแพง” ชาหนุ่มแซวขำๆ
“แพงแล้วไงไม่รู้จักคำว่าประหยัดช่วยชาติหรือไง เร็วๆ ฉันจะคุยกับหนูพิมพ์เบื่อแกเต็มทนแล้ว”
“พิมพ์ แม่ผมอยากคุยกับคุณแน่ะ” บอกพร้อมส่งโทรศัพท์ให้หญิงสาวที่ตอนนี้มีสีหน้างงงวยอยู่ ก่อนที่ตัวเขาจะหันไปคุยกับพี่ชายปรึกษาหารือกันเรื่องที่จะให้สาวสวยทั้งสองคนออกไปข้างนอกกันตามลำพังอย่างเคร่งเครียด ครั้นจะไม่ให้ไปก็จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะนอกจากสาวสวยทั้งสองอาจงอนไม่คุยด้วยแล้ว ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในชีวิตของพวกเขายังมีคำสั่งตรงมาจากศูนย์บัญชาการใหญ่อีก งานนี้ถ้าไม่ทำตามมีหวังถูกตัดเงินเดือนแน่ๆ แน่นอนว่าเงินที่ถูกตัดจะไปปรากฏอยู่ที่สมุดบัญชีกองกลางของบ้านที่แม่ของเขาเขียนไว้ว่า 'ค่าปรับจากลูกชายสามตัว' และมันจะถูกนำมาใช้เป็นเงินการกุศลทุกๆ สิ้นปี
“สวัสดีค่ะคุณหญิงพวงผกา” พิมพ์ประภากล่าวทักทายอย่างเก้อกระดากเพราะไม่คุ้นเคยกับมารดาของชายหนุ่ม
“อุ๊ย!!! เรียกแม่ดีกว่าลูก ฟังแล้วน่ารักกว่ากันเยอะเลย แล้ววันนี้ตั้งใจว่าจะไปไหนกันหรือลูก” คุณหญิงพวงผกาพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับที่คุยกับลูกชายลิบลับ
“เห็นคุณมาเรียบอกว่าจะพาไปซื้อชุดสวยๆ ที่ห้างสรรพสินค้าน่ะค่ะ บอกว่าตอนนี้มีโปรโมชั่นเยอะ แล้วก็จะไปทานอาหารอร่อยๆกลางวันกันที่นั่นด้วยค่ะ” หญิงสาวค่อยโล่งใจที่มารดาของชายหนุ่มคุยด้วยอย่างเป็นมิตร
“อืม..ดีแล้วไปกันเถอะลูกถ้าไอ้สองตัวนั่นมันทำอะไรพิเรน ๆ อีกก็บอกแม่เดี๋ยวจะจัดการให้ หรือหนูจะฟาดมันให้หัวแตกก็ตามใจแม่อนุญาต คราวที่แล้วแม่ว่ามันน้อยไปหน่อยเป็นแม่ทีไม่ได้ มันไม่หัวแตกอย่างเดียวแน่”
“คุณรู้หรือคะ” พิมพ์ประภาอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“รู้สิ รู้ด้วยว่าไอ้ตัวดีของแม่มันเป็นยังไง จัดการมันได้ตามสบายลูกแม่อนุญาตขาดเหลืออะไรบอกแม่เดี๋ยวจัดกำลังเสริมให้” ประโยคนี้ทุกคนได้ยินกันครบถ้วนเพราะตริณเดินมากดสปีคโฟนด้วยความอยากรู้ว่าแม่เขาคุยอะไรกับพิมพ์ประภา แต่สิ่งที่ได้ยินเล่นเอาคนฟังอย่างตริณและไตรหน้าเหวอไปทีเดียว ต่างจากมาเรียและพิมพ์ประภาที่มีสีหน้าพอใจสุดๆ โดยเฉพาะมาเรีย
“เอ่อ...แม่ครับแม่รักลูกสะใภ้มากไปมั้ยครับ” ไตรถามขึ้น รู้สึกเย็นวาบๆ ที่สันหลัง
“นี่พวกแกสองคนพี่น้องกดสปีคโฟนฟังฉันคุยกับลูกสะใภ้อีกแล้วใช่มั้ย ไร้มารยาทจริงๆ ไม่สมเป็นลูกฉันเลย” คุณหญิงบ่นลูกชาย ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าบุตรชายทั้งสามของเธอมีนิสัยอย่างไร แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ จะโกรธก็โกรธไม่ลงเพราะนิสัยนี้คงติดไปจากเธอตอนที่เธอจัดการสามีช่วงที่กำลังเจ้าชู้นั่นเอง
“โธ่...แม่ก็...ผมก็แค่อยากรู้บ้างว่าแม่กับพิมพ์คุยอะไรกันเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าแม่จะยุให้พิมพ์กับมาเรียหาอะไรมาฟาดหัวผมกับพี่ไตรอีก แม่ไม่รักพวกผมเลย” ตริณแสร้งตัดพ้อน้อยๆ เพราะรู้ว่าแม่อยากมีลูกสาวสักคน แต่ไม่สมใจดังนั้นจึงรักและเอ็นดูลูกสะใภ้และว่าที่ลูกสะใภ้เป็นพิเศษ เรียกได้ว่าถ้าทะเลาะกันแม่เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้าข้างลูกสะใภ้
“เลิกมารยาได้แล้วเจ้าตริณ รำคาญไปๆ จะไปไหนก็รีบๆไปฉันจะคุยกับลูกสะใภ้อีกสักหน่อย ขอคุยกับมาเรียหน่อยสิ”
“ค่ะคุณแม่” มาเรียรับสายอีกครั้ง
“ไตรนอกลูกนอกทางบ้างรึเปล่ามาเรีย” คุณหญิงพวงผกาถามอย่างเป็นห่วงเพราะไม่รู้ว่าไตรจะทิ้งลายหรือยัง
“โอ๊ยแม่ครับผมถอดเขี้ยวถอดเล็บใส่ลิ้นชักแล้วครับแม่ ไม่นอกลู่นอกทางหรอกเป็นสามีที่ดีตั้งแต่แต่งงานครับ” ไตรรีบสาธยาย
“อืมม์..ดีมาก มาเรียหนูอย่าลืมเอาลิ้นชักที่เจ้าไตรมันใส่เขี้ยวใส่เล็บไว้ไปเผาทิ้งนะลูกมันจะได้เอากลับมาใช้ไม่ได้อีก” คุณหญิงพวงผกา บอกลูกสะใภ้ ทำให้สามสาวต่างวัยหัวเราะกันด้วยความขบขันก่อนที่คุณหญิงพวงผกาจะวางสายไป ส่วนสองหนุ่มนั้น หน้าตูมบอกอารมณ์เซ็งสุดขีดทันที โดยเฉพาะไตร ก็เขาแต่งงานมาเป็นปีแล้วแม่ก็ยังไม่เลิกเผาเขาเสียที
****
อย่าลืมเม้นท์นะจ๊ะ ไม่รู้บทนี้จะถูกใจกันรึเปล่า อย่าลืมบอกกันให้รู้นะคะ
รักคนอ่านมากมาย
ไรเตอร์...
ความคิดเห็น