คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 12
แสงสียามราตรีมักเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าฝีเสื้อราตรีเสมอ เสียงเพลงดังกระหึ่มรัวยิ่งปลุกอารมณ์สนุกสนานแก่เหล่านักท่องราตรี หลายๆ คนโยกย้ายตัวเองตามจังหวะดนตรีอย่างถูกใจ เครื่องดื่มรสฝาดเฝื่อนสีอำพัน ต่างถูกวางไว้ตรงหน้าเพื่อคลายความกระหายและสร้างบรรยากาศ ไม่รวมเครื่องดื่มสีสวยที่ผ่านการผสมจนรสชาติเป็นที่ถูกปากเหล่าผีเสื้อราตรีที่ตอนนี้ถูกเสิร์ฟไปทั่วด้วยชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามดีกรีความร้อนแรงของมัน
ร่างบอบบางสูงระหงของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่ตอนนี้เป็นจุดสนใจของบรรดาหนุ่มๆ ไม่ใช่เพียงเพราะพวกเธอวาดลวดลายการโยกย้ายร่างกายตามจังหวะเพลงได้สนุกสนานเร้าใจเท่านั้น หากแต่ดีกรีความสวยของแต่ละคนนั้นการันตีด้วยอาชีพนางแบบค่าตัวเฉียดแสนกันทั้งนั้น ยิ่งค่ำคืนนี้พวกเธอมานั่งรวมกลุ่มกันอยู่ที่โต๊ะเดียวกันโดยไม่มีชายหนุ่มร่วมวงสักคน อย่างนี้จะไม่ให้เป็นจุดสนใจได้อย่างไรกัน ใบหน้าโฉบเฉี่ยวสวยเปรี้ยวมีเสน่ห์ชวนมองของอนันดาโดดเด่นเตะตาใครๆ มากกว่าเพื่อน คงไม่แปลกอะไรที่เธอจะมีหนุ่มๆ เข้ามาขอคุยด้วย และเธอเองก็คุยด้วยอย่างเป็นมิตร จะแปลกอะไรในเมื่อมีเพื่อนเที่ยวก็ต้องมีเพื่อนนอนไว้แก้เหงาคลายเครียด ต่างคนต่างมีความสุข ต่างไม่คิดที่จะผูกมัดตัวเองไว้ที่คนเพียงคนเดียว ให้อิสระแก่กันย่อมที่จะมีความสุขกว่า และทันทีที่เธอพบคนที่คิดว่าถูกใจที่สุด 'สำหรับคืนนี้' จึงไม่ยากเลยที่เธอจะตอบรับคำเชิญชวนของเขาด้วยกริยาง่ายๆคือ การส่งสายตาเชิญชวนแก่เขา เพียงเท่านี้ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาก็ยิ้มออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบังอะไรอีกต่อไป
บทรักอันร้อนแรงระหว่างหนุ่มสาวเริ่มขึ้นและจบลงบนเตียงนุ่มๆ ในห้องสวยแอร์เย็นฉ่ำ ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าต่างฝ่ายต่างต้องการตักตวงความสุขให้เต็มอิ่ม ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองยังคงกอดก่ายกันนอนหลับอย่างสบายใจไม่ได้ใส่ใจกาลเวลาว่าจะหมุนไปนานเท่าไหร่ ร่างหนาเป็นฝ่ายตื่นเช้ารับอรุณก่อน สายตายังคงเพ่งพิศใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวที่ยังหลับใหลเหนื่อยอ่อนจากบทรัก พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่มันก็หายวับไปทันทีที่อีกคนเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาส่งยิ้มเจ้าเสน่ห์ให้เธออย่างไม่คิดจะเสียดาย
“ตื่นแล้วหรือครับคนสวยของผม” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายทักทายเธอพร้อมกับมือที่เริ่มอยู่ไม่สุข
“อืม..คุณตื่นนานแล้วหรือ” เธอเริ่มรู้สึกวาบหวามเมื่อรู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาช่างไม่รู้จักความอิ่มหนำเอาเสียเลย หากแต่ร่างบางก็ไม่ได้คัดค้านเพียงแต่อิดออดพอเป็นพิธี
“ไม่เอาน่าเช้าแล้วนะ” เธอบอกเขาเสียงพร่า
“ไม่เห็นเป็นไรเลย นะผมทนไม่ไหวจริงๆ” เขาบอกพร้อมกับก้มหน้าลงจุมพิตเธออย่างกระหาย ก่อนจะเริ่มบทรักอันแสนถูกใจทั้งเขาและเธออีกครั้งและดูเหมือนว่าเธอเองก็พร้อมที่จะร่วมมือกับเขาเต็มที่เหมือนกัน
ในที่สุดการจากลาก็มาถึง หากแต่ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลายังคงมีสีหน้าท่าทางอิดออด และส่งเธอออกจากห้องก่อนโดยให้เหตุผลว่าเขาอยากจะเก็บความรู้สึกประทับใจในตัวเธออีกสักหน่อย หล่อนยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินจากไป โดยไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เธอเพิ่งจากลาออกมานั้น เขากำลังทำอะไรอยู่
วัตถุชิ้นเล็กๆ ซึ่งตั้งไว้ในมุมอับของโต๊ะวางโทรทัศน์ปลายเตียงถูกหยิบขึ้นมาและเปิดดูเพื่อตรวจสอบการทำงานของมัน และใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจในประสิทธิภาพของมัน ก่อนจะจัดการเก็บมันลงในกระเป๋าและเดินออกไปจากห้องทันที แค่นึกก็สนุกแล้ว
“เรื่องที่ฉันสั่งให้ทำไปถึงไหนแล้ว ฉันต้องการเห็นผลงานพวกแกเร็วๆ” เสียงๆ หวานๆ ของอนันดากรอกลงไปในโทรศัพท์ราคาแพงของเธออย่างหงุดหงิด
“ใจเย็นๆ สิครับคุณผู้หญิง ไอ้งานที่คุณจ้างผมน่ะมันไม่ใชงานจำพวกขนย้ายแบกหามนะครับจะได้ทำกันได้ทันทีทันใด พวกผมก็ต้องตามเหยื่อแล้วก็เก็บข้อมูลก่อนสิครับ อยู่ๆลงมือเลย ตำรวจก็ดมกลิ่นเจอกันพอดี ผมยังไม่อยากไปนอนเล่นเป็นสิบปีในคุกหรอกนะ” ปลายสายตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี หากเธอสังเกตสักนิดก็จะต้องเฉลียวใจว่าคนรับงานอาจเตรียมคำตอบไว้นานแล้วหากเธอถาม
“และจะลงมือได้เมื่อไหร่ นี่มันหลายวันแล้วนะ”
“ใจเย็นๆ คุณผู้หญิง มีข้อมูลใช่ว่าจะพอ มันต้องมีโอกาสด้วย ผมคิดว่าเร็วๆ นี้แหละไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าผมทำงานเสร็จแล้วผมจะส่งต้นฉบับให้คุณทันทีเลย” ปลายสายยังคงพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะอารมณ์ดีจนถึงที่สุด
“ก็ได้แต่อย่าให้รอนนานล่ะ ไม่อย่างนั้นไอ้อีกแสนที่จะให้ฟรีๆ คงไม่ได้” เธอไม่วายขู่ปลายสายก่อนจะกดวางมัน แววตาคับแค้นปรากฏขึ้นชัดเจน เธออยากเห็นวันที่แม่ด็อกเตอร์นั่นถูกพูดถึงในเรื่องนั้น อยากรู้ว่าจะเชิดหน้ายิ้มได้อยู่อีกรึเปล่า อีกไม่นานแล้วนะคะคุณด็อกเตอร์ เราจะได้เห็นดีกัน
“เอ็งนึกยังไงวะถึงทำแบบนี้ มันเสี่ยงนะเว้ย” ชายหนุ่มหนึ่งในสองคนเป็นฝ่ายออกปากถามอย่างไม่เข้าใจ
“เอาน่า สนุกๆ ไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมากเลย เพราะยังไงเราก็อยู่เหนือกว่าอยู่ดี” ชายหนุ่มผู้เป็นคนรับงานบอกเพื่อนอย่างอารมณ์ดี
“แล้วเอ็งจะจัดการเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้า”
แสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันหยุดช่างให้ความรู้สึกที่แสนสบายเหลือเกิน ร่างบางลุกจากที่นอนของตัวเองอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะบิดขึ้เกียจ แล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ตั้งใจว่าเช้านี้จะออกไปหาซื้ออาหารอร่อยๆ กินเสียหน่อยหลังจากที่เคร่งเครียดกับงานมาเสียหลายวัน หากแต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้เดินไปหยิบกุญแจรถเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน
“สวัสดีครับ” เสียงทักดังขึ้นจากแขกผู้มาเยือน
“อ้าว .... คุณพิมานนึกยังไงคะวันนี้ถึงมาที่นี่ หรือว่ามาหาเพื่อนเหมือนเมื่อวันก่อนคะ” เธอถามเขาสีหน้ายิ้มแย้ม
“เปล่าครับ ตั้งใจแวะมาทักทายคุณพิมพ์ ผมซื้อของอร่อยๆมาฝากด้วยนะ จะเป็นไรไหมถ้าผมจะขอเข้าไปข้างในบ้าง” ชายหนุ่มพูดออกไม่อย่างไม่แน่ใจนัก เพราะไม่เคยที่จะต้องขออนุญาตใครเข้าห้อง ยิ่งสาวๆด้วยแล้วแทบจะกระชากคอเขาเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ แต่กับเธอคนนี้..ไม่เหมือนกัน
“ได้สิคะ” เธอบอกเขาพลางเปิดประตูให้กว้างกว่าเดิมเพื่อให้เขาเข้ามาได้ “รอสักครู่นะคะ” เธอเดินหายเข้าไปในห้องครัวและกลับออกมาพร้อมด้วยน้ำเย็นหนึ่งแก้วในมือแล้ววางลงตรงหน้าเขา ก่อนจะขอตัวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยกว่านี้
ดวงตาคมเข้มของพิมานกวาดมองห้องพักของเธอที่กว้างเท่ากับห้องพักของตริณซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน เขาสังเกตเห็นว่าหลายอย่างในห้องนี้มักจะเป็นสีขาวหรือสีครีม ให้ความรู้สึกสะอาดและสบายตามากกว่าการมองห้องพักที่มีสีสันมากเกินไป ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ กับมุมน่ารักๆ ของห้องนี้ นั่นคือชั้นวางหนังสือสองอันที่ตั้งอยู่คู่กันอันหนึ่งเต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับวิชาการล้วนๆ แค่เห็นก็ชวนปวดหัวแล้ว ส่วนอีกอันนี่สิมันช่างตรงกันข้ามเสียนี่กระไร เพราะมันเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูน บางเล่มนั้นเก่าแสนเก่ามีร่องรอยการซ่อมแซมหลายจุดแม้จะไม่ได้หยิบขึ้นมาดูแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของคงจะหวงแหนพอสมควร มือหนาหยิบหนึ่งในหนังสือการ์ตูนขึ้นมาเปิดอ่าน นึกย้อนถึงสมัยวัยรุ่นเขาเองก็ชอบอ่านหนังสือพวกนี้แต่พอโตขึ้นก็โละทิ้งไม่ได้สนใจมันอีก ต่างกับเจ้าของหนังสือพวกนี้ที่ยังรักษามันไว้ แม้ว่าบางเล่มนั้นจะขาดชำรุดอยู่หลายจุดก็ตาม
“รอนานมั้ยคะ”พิมพ์ประภาถามขึ้นอย่างประหม่า เพราะเกรงใจที่ต้องให้เขารอ หากแต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าน้อยๆ ยิ้มให้เธออย่างอารมณ์ดี วันนี้เธอใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนสีชมพูอ่อน และกางเกงขาสั้นแค่เขาสีครีม ดูแล้วเรียบร้อยน่ารัก ไม่เหมือนด็อกเตอร์สักนิด เหมือนสาวน้อยที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยใหม่ๆ
“ไม่หรอกครับ คุณพิมพ์คงไม่หวงใช่มั้ยครับหากผมจะอ่านหนังสือพวกนี้บ้าง” เขาถามยิ้มๆ ในมือยังถือหนังสือการ์ตูนไว้
“ไม่หรอกค่ะ หนังสือพวกนี้พิมพ์เก็บไว้ตั้งนานแล้ว ไม่ค่อยได้อ่านเหมือนเมื่อก่อนหรอกค่ะ ไม่มีเวลาเลยแต่ก็พยายามรักษาไว้เพราะเดี๋ยวนี้หาซื้อยากเวลาอยากอ่านขึ้นมามักหาไม่ค่อยได้” เธอบอกเขาพลางหยิบถุงใส่อาหารขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวและจัดการอาหารเหล่านั้นให้ลงมาอยู่ในจาน
กล่องกระดาษเล็กๆซึ่งติดอยู่กับชั้นวางหนังสือเรียกความสนใจจากคนที่ยืนอยู่เขาไม่รอช้าที่จะชะโงกมองข้างในของมัน และพบว่ามันคือกล่องใส่ที่คั่นหนังสือ ซึ่งมีอยู่หลายอันแต่ละอันล้วนมีลวดลายสีสันสวยงาม บางอันมีรูปการ์ตูน บางอันนั้นมีรูปเจ้าของติดอยู่บอกให้รู้ว่าเป็นที่คั่นหนังสือที่ทำขึ้นมาเอง ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูทีละอัน ๆ และต้องขมวดคิ้วจนมันแทบจะชนกันเพราะมีรูปของเธอคู่กับชายหนุ่มอีกคน และไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากเพื่อนของเขา ตริณนั่นเอง แม้ว่ามันจะเป็นรูปเล็ก แต่เขาก็จำได้ดีว่าเป็นรูปของตริณเพื่อนของเขา เมื่อสังเกตดูจนละเอียดเขาจึงลงความเห็นอย่างเงียบๆว่ารูปนี้น่าจะถ่ายไว้นานแล้วประมาณสี่ถึงห้าปี ชายหนุ่มรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อรู้ว่าหล่อนเคยคบหากับเพื่อนของเขา แล้วความสัมพันธ์ของเธอกับตริณตอนนี้ล่ะ เป็นอย่างไร
'ฉันเลิกกับยัยจืดนั่นนานแล้วเพื่อน ผู้หญิงอะไรไม่มีอะไรให้สนใจเลย เป็นแค่นักวิจัยธรรมดาๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจซักนิด เซ็กซี่ร้อนแรงสักหน่อยก็ไม่มี”
ถ้อยคำที่ตริณเคยบอกเขาและเพื่อนๆ เมื่อครั้งเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศใหม่ๆ ตอนนั้นพวกเขาต่างถามหาหญิงสาวนิรนามซึ่งตริณกำลังคบหาและไม่เคยคิดที่จะพามาเปิดตัวกับเพื่อนๆ เมื่อได้คำตอบจากตริณว่าเลิกคบกับเธอแล้วพวกเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะซักไซ้ไล่เรียงอีกต่อไป เพราะพวกเขาต่างใช้ผู้หญิงเปลืองกันทั้งนั้น จึงไม่ชื่นชอบการพูดถึงเรื่องเก่าๆ สักเท่าไหร่
'เห็นว่าคุณพิมพ์เธอก็เคยมีคนรักนะ แต่ได้ข่าวว่าเลิกกันไปหลายปีแล้วแล้วก็ไม่เคยมีแฟนใหม่อีกเลย ไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมันบ้าหรือมันโง่กันแน่ถึงทิ้งผู้หญิงดีๆ อย่างคุณพิมพ์'
ประโยคหนึ่งจากปากนาธานเขาจำได้ดี หากจะให้เขาคาดเดา เขาคิดว่าพิมพ์ประภาน่าจะเป็นหญิงสาวนิรนามที่ตริณเคยคบหากัน เพราะดูจากรูปแล้ว ทุกรูปนอกจากจะไม่แต่งหน้าแล้วยังสวมใส่เพียงเสื้อผ้าธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น ต่างจากตอนนี้สิ้นเชิง เพราะเธอช่างสวย โดดเด่นเหลือเกิน ในสายตาของใครหลายๆ คน ชายหนุ่มจัดการเก็บที่คั่นหนังสือไว้ที่เดิมเมื่อได้ยินเสียงจานกระทบกับโต๊ะอาหาร แล้วหันไปช่วยหญิงสาวจัดโต๊ะ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เอง” เธอบอกเขา
“ผมอยากช่วย”
“คุณพิมพ์ครับผมมีเรื่องอยากจะถามสักเรื่องไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนคุณพิมพ์ไปหรือเปล่า” เขาลังเลเหมือนกันที่จะถาม
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากที่จะรู้ความจริง
“คะ ถามได้ค่ะ แต่จะตอบไม่ตอบอีกเรื่องหนึ่ง” เธอบอกเขาขำๆ
“คุณพิมพ์กำลังคบหากับใครอยู่รึเปล่าครับ” เขาตัดสินใจถามออกไปเพื่อความสบายใจ
“เปล่าค่ะ พิมพ์ยังอยู่คนเดียว และมีความสุขดี” เธอบอกเขา และคิดว่าชายหนุ่มเองก็คงเข้าใจความหมาย
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ เธอบอกเขาเป็นนัยๆ ว่าตอนนี้เธอยังไม่มีใคร และไม่คิดที่จะมีใครด้วย
อดีตเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วและไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขให้มันดีได้ดังใจคิด แต่อนาคตนั้นเป็นเรื่องที่เราทำให้มันเกิดสิ่งที่ดีได้ ในตอนแรกเขาก็ไม่คิดที่จะจีบเธอหรอกเพราะเห็นนาธานเพื่อนของเขามันหวงก้างเสียเหลือเกิน แต่ในที่สุดนาธานก็เริ่มบ่นเพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็เหมือนรู้ทันไปเสียหมดและหลีกเลี่ยงมันทุกทาง แสดงออกให้รู้ว่าเธอไม่พร้อมที่จะรับใครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ในเมื่อนาธานเริ่มที่จะใส่เกียร์ถอยหลังเขาก็จะเดินหน้าเพื่อทำคะแนนบ้าง (เผื่อเธอจะใจอ่อน) ในเมื่อเธอกับตริณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้วเขาก็มีสิทธิเต็มที่ ที่จะทำคะแนนหัวใจจากเธอ เขาไม่สนใจหรอกว่าในอดีตเธอจะเป็นของใคร แต่ถ้าเธอคบกับเขาเขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจ
“วันนี้คุณพิมพ์ว่างทั้งวันรึเปล่าครับ”ชายหนุ่มหาเรื่องคุย
“อ๋อ..ค่ะ วันนี้พิมพ์ว่าง ก็วันหยุดนี่คะ”
“งั้นช่วยอะไรผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“อะไรหรือคะ” เธอเลิกคิ้วถามเขานึกอยากรู้
“ผมอยากรบกวนคุณพิมพ์ไปช่วยผมเลือกของขวัญวันเกิดให้น้องสาวหน่อยน่ะครับ ปีนี้เขาจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเลยไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรให้น้องดี คุณพิมพ์เป็นผู้หญิงด้วยกันน่าจะเลือกของได้ถูกใจกว่าผม” เขาบอก
“ได้สิคะ แค่นี้เอง อย่างนั้นคุณพิมานรอสักครู่นะคะขอพิมพ์จัดการตัวเองแป๊บเดียวค่ะ” เธอบอกเขาและเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนชุด
ร่างบางกลับออกมาอีกครั้งในชุดเดรสสีชมพูอ่อน มีเสื้อคลุมตัวเล็ก ๆ สวมทับ ดูน่ารักสดใส ผมสั้นของเธอถูกหวีและติดกิ๊บน่ารัก ทำให้เธอดูเหมือนหญิงสาวแสนหวานเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมากกว่าผู้อำนวยการสาวระดับด็อกเตอร์ที่มีมันสมองใกล้เคียงระดับอัจฉริยะ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ อย่างพอใจ เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นเธอยิ้มแย้มอย่างนี้แล้วยิ่งอยากจะทำให้เธอตอบรับเขาเป็นแฟนเร็วๆ เสียจริง พ่อกับแม่ที่บ้าน คงอยากได้ลูกสะใภ้แบบนี้ ซึ่งเขาก็ชอบ
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวงเป็นสถานที่ซึ่งพิมานและพิมพ์ใช้เป็นสถานที่ในการเลือกซื้อของขวัญ ทั้งสองต่างเลือกดูของไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่พบของที่คิดว่าน่าจะถูกใจน้องสาวของชายหนุ่มสักอย่าง จนในที่สุดก็เดินผ่านร้านเพชรซึ่งมีเครื่องประดับมากมายให้เลือก หญิงสาวจึงหันมาขอความเห็นจากเขาและตัดสินใจเข้าไปเลือกดูพร้อมๆกัน
“เส้นนี้สวยนะคะน่ารักสมวัยดีด้วย” เธอบอกพร้อมกับชี้นิ้วลงไปที่สร้อยข้อมือที่มีจี้เล็กๆ รูปปลาโลมาติดอยู่
“น่ารักจริงๆด้วยครับ งั้นผมเอาเส้นนี้เลยแล้วกัน” เขาหันไปบอกผู้จัดการร้านซึ่งทำหน้าตาแตกตื่นอยู่ ก่อนจะทำหน้าดุใส่ นั่นแหละจึงได้มีสีหน้าเป็นปกติ แต่ก็ไม่วายเหลือบตามองชายหนุ่มหญิงสาวเป็นระยะๆ
สร้อยข้อมือเส้นสวยถูกนำใส่กล่องเล็กสวยงาม และส่งให้กับผู้ซื้อซึ่งก็ส่งบัตรเครดิตสีทองให้ผู้จัดการร้านด้วยสีหน้าเรียบเฉยหากแต่นัยน์ตานั้นดุดันน่ากลัว จนคนมองต้องหลบตา จนเมื่อเขาและเธอก้าวเท้าออกจากร้านไปนั่นแหละผู้จัดการร้านและพนักงานจึงได้หันหน้ามามองกันอย่างงุนงง และเริ่มบทสนทนาอันเกิดจากความสงสัย (เต็มอัตรา)ขึ้น
“ผู้จัดการคะ ทำไมคุณพิมานถึงต้องซื้อสร้อยเพชรจากร้านตัวเองด้วยล่ะค่ะ” พนักงานสาวคนหนึ่งถามขึ้นทันทีที่เห็นว่าผู้เป็นเจ้านายเดินออกไปไกลแล้วและคงไม่ได้ยินอะไร
“เธอถามฉันแล้วฉันจะถามใครกันแม่คุณ ก็เห็นอยู่ด้วยกันที่นี่ อยากรู้นักก็ไปถามคุณพิมานสิ เขาคงมีคำตอบดีๆให้” ผู้จัดการร้านบอกอย่างหัวเสีย จะถามอะไรก็ถาม แต่อย่าถามในเรื่องที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันตอบไม่ได้
“เอ่อ..คุณผู้จัดการคะคนที่มากับคุณพิมานใครหรือคะ สวยมากๆเลย” พนักงานอีกคนถามขึ้นบ้าง คิดว่าน่าจะเป็นคนรักของเจ้านาย แต่เอ๊ะ..ทำไมไม่เคยได้ยินข่าว ปกติพวกเธอจะหูตาไวยิ่งกว่าจรวดเรื่องข่าวคราวของเจ้านายสุดหล่อ
“ไม่รู้ แฟนเขามั้ง เลิกถามได้แล้วฉันตอบไม่ได้หรอกงงเหมือนกัน” ผู้จัดการสาวบอกปัดทันทีก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านในเพื่อจัดการงานของตัวเองต่อ จะว่าไปก็สงสัยเหมือนกันแหละ แต่ถามไปก็มีแต่จะตกงานเท่านั้นไว้เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ
ประตูบ้านหลังใหญ่ถูกเปิดออกด้วยคำสั่งจากรีโมทในมือหนาของพิมาน ชายหนุ่มรู้สึกกำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้จะรู้ว่าเมื่อเข้าไปในบ้านแล้วจะพบกับคำถามมากมายทางสายตาของคนในบ้าน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขากังวลเพราะตอนนี้เขาอยากให้ทุกคนมีคำถามต่างหาก ใบหน้าสวยๆ ของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ คนขับเรียกคำถามและความอยากรู้ของผู้คนในบ้านตั้งแต่คนสวนจนกระทั่งถึงคนรับใช้ในบ้านเลยทีเดียว
พิมพ์ประภารู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ตัวเองรู้สึกแปลกที่แปลกทาง ความจริงเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะมาที่บ้านของพิมานเลยแต่เขาต่างหากที่ขอร้องให้เธอมาซึ่งเธอเองก็ปฏิเสธได้ยากเต็มที อะไรน่ะหรือ ก็เมื่อตอนเช้าเธอเล่นบอกเขาไปว่าวันนี้ว่างทั้งวัน โดยไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น ที่ไหนได้เขาใช้เวลาของเธอเสียคุ้มค่าเลย แล้วอย่างนี้เธอจะมาในฐานะอะไรจึงจะเหมาะสมและไม่ดูน่าเกลียดในสายตาของคนบ้านนี้ บางทีฐานะเพื่อนน่าจะดีที่สุด อย่างน้อยมันก็ดีกว่าฐานะลูกน้องของเพื่อนสนิทของชายหนุ่ม ซึ่งอย่างหลังฟังดูแล้วมันออกจะแปลกๆ พิกล
ภายในห้องรับแขกของบ้านที่ตอนนี้มีชายสูงวัยและหญิงที่มีอายุลดหลั่นจากชายคนดังกล่าวนั่งอยู่ ทั้งสองกำลังสนทนากันด้วยท่าทีสบายๆ หัวเราะมีความสุข กับหนังสือในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทักทายจากชายหนุ่มผู้เป็นบุตรชาย
“พ่อครับ แม่ครับ วันนี้เรามีแขกเพิ่มอีกคนนะครับ” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายออกปาก พร้อมส่งยิ้มกว้างไปยังผู้สูงวัยทั้งสอง
หัวคิ้วของผู้สูงวัยทั้งสองขมวดเข้าหากันชั่วเวลาหนึ่งก่อนจะคลายออกในเวลาอันรวดเร็วแล้วหันไปสบตากันด้วยนัยน์ตาที่เรียกว่าแปลกใจระคนขบขัน กับพฤติกรรมของบุตรชายคนโตของครอบครัว ที่ตอนนี้ดูเกร็งๆ ยามยืนอยู่ข้างกายหญิงสาวร่างบอบบางที่เจ้าตัวเป็นคนพามา
“คุณพิมพ์ครับนี่พ่อกับแม่ผม” เขาหันมาบอกหล่อน และหญิงสาวก็ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมตามอุปนิสัย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้รับไว้ได้มากทีเดียว 'อืม...นับว่าหายากสำหรับผู้หญิงสมัยนี้' คำชมดังขึ้นภายในใจของคุณหญิงแสงอรุณผู้เป็นแม่
สายตาเปล่งประกายคำถามถูกส่งมาจากชายสูงวัยผู้เป็นบิดาซึ่งนั่งนิ่งๆ ใบหน้าค่อนไปทางยิ้มเล็กน้อย ทำให้ชายหนุ่มต้องยิ้มแหยๆ ให้กับเจ้าของคำถามพร้อมกับใช้มือเกาศีรษะแก้เก้อไม่รู้จะบอกกับผู้เป็นบิดาอย่างไรดี
“ยัยมิ้นอยู่ไหนหรือครับคุณพ่อตั้งแต่เดินเข้ามายังไม่เห็นเลย” ชายหนุ่มถามออกไปแก้ไขอาการขัดเขิน
“อยู่บนบ้านเห็นบอกว่าวันนี้ต้องแต่งตัวสวยๆ เลยขึ้นไปเตรียมตัวบนบ้าน อีกเดี๋ยวก็คงจะลงมา” คุณหญิงแสงอรุณตอบกลับหากแต่สายตายังคงเพ่งมองหญิงสาวผู้เป็นแขกด้วยความใคร่รู้ และเหมือนชายหนุ่มจะเข้าใจในความรู้สึกของคนมอง
“อ้อ..ผมลืมบอกพ่อกับแม่เลย นี่คุณพิมพ์ประภา ด็อกเตอร์พิมพ์ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นคนดูแลโครงการวิจัยของเราไงครับพ่อ” เขาบอกออกไป หน้าตาแจ่มใส พร้อมกับชวนหญิงสาวไปนั่งที่โซฟาตรงหน้า
“อ้าวหรอ ฉันเคยได้ยินแต่ชื่อเพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้นี่เอง เห็นพิมานมันเล่าให้ฟังว่านาธานมันหวงนักหวงหนากลัวใครจะมาซื้อตัวหนูไป” ผู้สูงวัยซึ่งเป็นประมุขของบ้านพูดขึ้น สีหน้าแจ่มใส รู้สึกพอใจกับหญิงสาวตรงหน้า จะว่าไปผู้หญิงคนนี้ก็ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย มิน่าเล่าลูกชายตัวดีของเขาจึงถึงขั้นพามาที่บ้าน
การสนทนาของผู้สูงวัยทั้งสองและแขกผู้มาเยือนดูเหมือนจะเป็นเรื่องสนุกเพราะทั้งสามคนต่างยิ้มและหัวเราะกันแทบไม่ได้หยุดหย่อน พิมานซึ่งเป็นคนพาหญิงสาวมาเสียอีกที่ต้องเป็นฝ่ายนั่งฟังเงียบๆ เพราะเขาไม่รู้จะคุยอะไร แล้วที่สำคัญคือดูเหมือนว่าทั้งพ่อและแม่ของเขานั้นจะชอบพิมพ์ประภาเอาเสียมากๆ หญิงสาวพูดคุยด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติเรื่องไหนที่ไม่มีความรู้หรือไม่เข้าใจเธอก็จะเป็นฝ่ายนั่งฟัง ถามนั่นถามนี่อยากยากรู้เรียกได้ว่าทำให้ทั้งพ่อและแม่ของเขาแทบจะแย่งกันตอบเลยทีเดียว ทำไมน่ะหรือ ก็พวกเขาน่ะเรียนจบและทำงานกันหมดแล้ว ทั้งพ่อและแม่ต่างก็ปลดเกษียรตัวเองอยู่กับบ้านไม่ค่อยได้มีโอกาสเล่าเรื่องราวต่างๆ หรือชี้แนะอะไรให้ใครสักเท่าไหร่ พอมีคนมาให้ความสนใจถามนั่นถามนี่มีหรือที่ท่านทั้งสองจะไม่ถูกใจ ตรงกันข้ามพวกท่านกลับทำราวกับว่าตัวเองยังเป็นบุคคลวัยทำงาน ดูจากแววตาแล้วบอกว่ามีความสุขมากๆ เมื่อถูกให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ชายหนุ่มเริ่มที่จะหัวเราะเบาๆ เมื่อมารดาเขาถึงขนาดดึงตัวพิมพ์ประภาให้ไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันเพราะจะได้คุยกันได้อย่างถนัด ต่างฝ่ายต่างผลัดกันเล่า จากเรื่องงานกลายเป็นเรื่องท่องเที่ยว จากท่องเที่ยวกลายเป็นเรื่องเครื่องประดับ จากเครื่องประดับกลายเป็นเรื่องความสวยความงาม ตามมาด้วยเรื่องเล่าย้อนรอยวัยหนุ่มสาวของสองผู้สูงวัยที่ทำเอาคนฟังตาโตบ้าง ขมวดคิ้วบ้าง แทรกด้วยเสียงหัวเราะลั่นบ้านบ้าง ทำเอาคนที่นั่งฟังอย่างเดียวอย่างพิมานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินอย่างไรไม่รู้ จึงได้แต่แยกตัวออกมาเงียบๆ
“อ้าวพี่มานทำไมเดินทำหน้าเซ็งๆ จ๋อยๆ มาอย่างนั้นล่ะ แล้วเสียงใครหัวเราะหรอดังลั่นบ้านเชียว” มิ้ม น้องสาวคนสุดท้องของพิมานถามขึ้นขณะเดินลงมาจากบันไดบ้าน
“โน่นๆ ดูเอาเองว่าเสียงใคร” ชายหนุ่มบอกพลางทำปากยื่น โบ้ยใบ้ให้น้องสาวหันไปมอง
“พี่มาน คนนี้สวยจัง ตัวจริงหรอ” เธอหันมาถามทันที ไม่ได้สนใจเสียหัวเราะของทั้งพ่อและแม่ที่ดังลั่นบ้านอีกต่อไป
“ก็คิดว่าอย่างนั้นนะ แต่...”
“แต่เขาจะเอาพี่รึเปล่านี่สิ” หนูมิ้มต่อให้อย่างรู้คำตอบ ก็แน่อยู่หรอกพี่ชายเขาออกจะเลื่องชื่อเรื่องกิตติศัพท์ความเจ้าชู้
พิมานเพียงแต่ยิ้มๆ รู้กันเฉพาะพี่กับน้องที่ช่างเข้าขากันดีเหลือเกิน
การเลี้ยงฉลองวันเกิดของทุกคนในบ้านมักจะจัดให้มีการรับประทานอาหารค่ำร่วมกันในหมู่พี่น้องและเป่าเทียนวันเกิดธรรมดาๆ ไม่นิยมให้มีการจัดปาร์ตี้อย่างคนอื่นๆ เพราะทุกคนถูกสอนมาในเรื่องของความเหมาะสม ไม่เน้นให้หรูหราและการให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง จะแปลกแตกต่างกันไปก็ตรงที่งานวันเกิดของหนูมิ้มซึ่งเป็นน้องเล็กสุดของพิมานมีแขกสาวสวยร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยอีกคน และดูเหมือนว่าทั้งพ่อและแม่เขาจะถูกใจเสียจริง ไม่เว้นแม้แต่น้องๆ ที่กลับมาร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน
“พี่มานเตรียมตัวเป็นหมาหัวเน่าไว้ได้เลย โมว่าไม่นานนี้พี่ต้องได้ตำแหน่งนี้แน่ๆ” หนูโมกระซิบบอกพี่ชายอย่างอารมณ์ดี เพราะเห็นทั้งพ่อทั้งแม่ชวนแต่หญิงสาวผู้เป็นแขกคุย ไม่สนใจพิมานซึ่งเป็นบุตรชายคนโตผู้สืบทอดกิจการในปัจจุบัน
“ไว้แกมีแฟนเมื่อไหร่ก็หัวเน่าเหมือนกันนั่นแหละ” พิมานแยกเขี้ยวใส่
“เขายอมรับพี่เป็นแฟนแล้วหรอ ไหนว่ามาในฐานะเพื่อนไงขี้ตู่นี่หว่า คุณพิมพ์อายุไล่เลี่ยกับผมอันที่จริงก็น่าสนนะความจริงผมก็อยากขายขนมจีบอยู่เหมือนกัน น่าไม่ต้องซีเรียสหรอกพี่ จะแฟนพี่หรือแฟนน้องก็สะใภ้บ้านนี้เหมือนกันนั่นแหละ” นายโมอดที่จะแกล้งพี่ชายไม่ได้
“ถ้านายกล้าฉันจะยึดรถประจำตำแหน่งแกแถมด้วยการลดเงินเดือนแกลงสัก 5%” พิมานขู่ แม้จะรู้ว่าน้องพูดเล่น
แม้ว่าเขาจะยังไม่แสดงออกชัดว่าพิมพ์ประภาคือคนที่เขาถูกใจ และยิ่งไปกว่านั้น คนทั้งบ้านของเขาต่างชอบพอเธอกันทั้งหมด ทีนี้ก็คงจะเหลือแต่ตัวเขาเท่านั้นที่จะพาตัวเองเข้าไปนั่งในหัวใจเธอได้รึเปล่า เอาวะงานนี้ลองสักตั้งก็แล้วกัน...
ความคิดเห็น