ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจเดียว (เปลี่ยนจากหนึ่งฤทัยค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 53


    ประวัติรูปหญิงสาวซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนที่ตริณกำลังคบหาและไปมาหาสู่เสมอมาตลอดเวลาหลังจากที่บอกยกเลิกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอนันดาถูกวางลงตรงหน้าหญิงสาวผู้เป็นนายจ้าง หล่อนเพ่งพิจรูปในมืออย่างครุ่นคิด ก่อนจะวางลงและเริ่มอ่านประวัติของหญิงสาวในรูป

    “ทำได้ดีมาก นี่ค่าตอบแทน” หล่อนส่งเงินจำนวนหนึ่งให้แก่นักสืบ เธอลงทุนจ้างนักสืบเพราะไม่ต้องการที่จะแบกหน้าสวยๆ ไปถามประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าตริณได้เขี่ยเธอทิ้งเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ  “เป็นถึงด็อกเตอร์เชียวหรือ หน้าตาก็สวยไม่น่าหน้าหนาขนาดลงทุนแย่งผู้ชายกับฉันเลย” ริมฝีปากบางสวยแสยะยิ้มแววตาเกลียดชังหญิงสาวในรูปเหลือเกิน 'ลองดูกันสักตั้งนะคะด็อกเตอร์'

                    ร่างบางก้าวเท้าลงจากรถยนต์ญี่ปุ่นสีดำใหม่เอี่ยมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะกล่าวขอบคุณผู้เป็นเจ้าของรถอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “ขอบคุณนะคะวันนี้รบกวน พี่ธีซะนานเลย ไว้วันหลังพิมพ์เลี้ยงข้าวตอบแทนนะคะ”

    “ครับ วันไหนดี พรุ่งนี้ดีกว่างั้นผมจองโต๊ะร้านประจำนะ” นทีรีบบอกยิ้มๆ ไม่ใช่ว่าเขาอยากกินของฟรีหรอกแต่เขาอยากกินข้าวกับผู้หญิงตรงหน้ามากกว่า นานๆ ครั้งจะได้มีโอกาสนั่งกินข้าวด้วยกันสองคน

    “แหมรีบเชียวนะกลัวพิมพ์เบียวหรือไงกันเนี่ย” แซวขำๆ

    “เปล่ากลัวเบี้ยวหรอกครับ น้ำขึ้นต้องรีบตัก โอกาสมาต้องรีบคว้า ขืนชักช้าพิมพ์คิวไม่ว่างผมก็อดกินข้าวด้วยน่ะสิ”

    “แหม..พี่ธีก็ว่าไป อ้อ..ว่าแต่นาราจะกลับนิวยอร์คเมื่อไหร่คะ” เธอถามเมื่อนึกขึ้นได้

    “พรุ่งนี้แล้วครับ พิมพ์จะไปส่งนารากับผมมั้ย”

    “ไปสิคะ”

    “งั้นผมมารับนะ  ห้ามปฏิเสธ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับปิดกระจกรถแล้วยกมือบอกลาหญิงสาว เป็นการตัดบทเพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธเขา ส่วนคำถูกมัดมือชกได้แต่ยิ้มขำๆ ในพฤติกรรมของนที

                    ภายหนุ่มสาวสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสถูกเพ่งมองจากดวงตาสองคู่หากแต่คนละมุมของอาคารเท่านั้น ดวงตาคู่หนึ่งเพ่งมองด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านฉุนเฉียวอย่างที่เจ้าตัวก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ส่วนอีกคู่หนึ่งนั้นแน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยความริษยา อาฆาต และคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากอนันดา ซึ่งเธอตั้งใจแล้วว่าจะต้องเป็นคุณนายบ้านปรีดากุลให้ได้ ในเมื่อลงทุนแล้วมันต้องได้ผลตอบแทนคุ้มค่าเสียหน่อย

    “ขอโทษนะคะ ด็อกเตอร์พิมพ์ประภาใช่มั้ยคะ” อนันดาเป็นฝ่ายออกปากทักทายหญิงสาวอีกคนก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คล้อยไปทางเศร้าสร้อย

    “ค่ะ คุณ...” พิมพ์ประภาอดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้ เธอไม่เคยรู้จักหญิงสาวตรงหน้าเป็นการส่วนตัว แต่ก็พอจะทราบมาบ้างว่าเธอคือคู่ขาคนล่าสุดของตริณ และเป็นนางแบบชื่อดัง และพอจะนึกออกว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เธอพบว่าอยู่ในห้องนอนของตริณเมื่อห้าปีก่อน วันที่เขาบอกเลิกเธอ

    “จะเป็นการรบกวนมั้ยคะ คือดิฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องสักหน่อย”

                    ร้านคอฟฟี่ช็อปถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการพูดคุยของหญิงสาวทั้งสองคน

     “คุณพิมพ์คงรู้จักคุณตริณใช่มั้ยคะ ตริณ  ปรีดากุล” นางแบบสาวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

    “ค่ะ เขาเป็นเพื่อนกับเจ้านาย”

    “คุณคงพอทราบบ้างว่าเขากับฉันคบหากัน”

    “พอทราบค่ะ” พิมพ์ประภายังคงมีสีหน้าราบเรียบรอยยิ้มน้อยๆ ประดับไว้บนริมฝีปากบางอิ่มของเธอเช่นทุกครั้ง ไม่ว่าเธอจะอยู่ในอารมณ์ไหน หากคุยกับคนแปลกหน้าเธอจะเป็นเช่นนี้เสมอ

    “ตอนนี้ฉันพอรู้มาว่าเขาเข้ามาพัวพันกับคุณ”

    “..” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถาม

    “ฉันจะขอเขาคืนได้มั้ยคะ ฉันรักเขาเหลือเกิน คุณคงรู้ว่าคุณตริณเป็นผู้ชายเจ้าชู้เขาคงไม่จริงจังกับคุณหรอกค่ะ” เธอบอกพลางบีบเค้นต่อผลิตน้ำตาให้ทำงาน

    “เขาเป็นเพื่อนกับเจ้านายดิฉันค่ะ ส่วนเรื่องส่วนตัวนั้นดิฉันไม่ขอพูดถึงนะคะ”

    “แต่เขาเริ่มตีตัวออกห่างฉัน ตั้งแต่มาพัวพันกับคุณนะคะ ฉันทำใจไม่ได้เลยที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ สงสารฉันเถอะค่ะ ฉันรักเขาจริงๆ” ต่อมน้ำตาของหล่อนเริ่มทำงานแล้ว หลังจากที่พยายามอยู่สักครู่

    “เรื่องนี้คุณคงต้องคุยกับเขาเองนะคะ ฉันคงไม่สามารถที่จะช่วยเหลือคุณได้ ทุกอย่างน่าจะอยู่ที่คุณกับคุณตริณมากกว่าอยู่ที่ฉันนะคะ” น้ำเสียงยังคงเรียบๆ รอยยิ้มน้อยๆ ยังคงประดับไว้ที่เดิม ไม่ได้บ่งบอกว่าพิมพ์ประภา

    “ช่วยได้สิคะ แค่คุณเลิกยุ่งกับเค้า  นะคะสงสารฉันเถอะ”  'ยังยิ้มได้อีกนะยะแม่ด็อกเตอร์ คอยดูเถอะถ้าแกไม่คืนคุณตริณให้ฉัน ฉันจะทำให้แกยิ้มไม่ออกไปตลอดชีวิตเลยล่ะ' อนันดาต่อว่าค่อนขอดในใจ หากแต่น้ำตาเจ้าหล่อนยังคงหลั่งไหลเสียจนผู้พบเห็นรู้สึกสงสารและเริ่มมองว่าปัญหาเมียหลวงเมียน้อย

    “ขอโทษนะคะฉันคงช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” พิมพ์ประภาบอกพร้อมกับลุกขึ้น ไม่ต้องการคุยเรื่องพวกนี้อีก

    “ด็อกเตอร์พิมพ์ประภา คุณเป็นถึงด็อกเตอร์ทำไมถึงกล้าที่จะมาแย่งคนรักของคนอื่นคะ ทั้งๆที่คุณเองก็ทั้งสาวทั้งสวยผู้ชายอีกหลายคนอยากคบหากับคุณอยู่แล้ว  แต่คุณก็ยังมาแย่งเขาไปจากฉัน” อนันดาเจตนาร้องถามเสียงดังพร้อมๆกับบีบน้ำตาอย่างน่าสงสารขณะพิมพ์ประภาหันหลังจะเดินออกจากร้านคอฟฟี่ชอป ในขณะที่ผู้คนในร้านเริ่มเพิ่มขึ้น

    หากแต่ไม่มีการตอบโต้จากหญิงสาวอีกคนพิมพ์ประภาหันกลับมามองหน้าอนันดานิ่งๆ ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆ ผู้คนรอบข้างเริ่มหันมามองด้วยความสนใจ บางคนเริ่มรู้สึกสงสารหญิงสาวผู้ซึ่งกำลังบีบเค้นน้ำตา บางคนเริ่มจับกลุ่มกันพูดคุย หากแต่พิมพ์ประภายังนิ่งเฉย ยืนฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อไป

    “ฉันรักเขาจริงๆ คุณใจร้ายมากนะคะคุณพิมพ์คุณแย่งเขาไปจากฉัน ฉันขอเขาคืนเถอะนะคะ เรากำลังวางแผนจะแต่งงานกัน” อนันดาแสร้งทำเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้เพื่อเรียกคะแนนสงสาร และเพิ่มคะแนนเกลียดชังจากบุคคลรอบข้างให้คู่กรณี

    พิมพ์ประภาใจหายวูบเมื่อได้ยินคำว่าแต่งงาน แต่ความรู้สึกน่ะหรือ มันถูกกดให้ลึกที่สุดจนไม่มีใครรู้ว่าเธอคิดอะไร นอกจากคาดเอาจากสีหน้าเรียบเฉย ประดับรอยยิ้มน้อยๆ นั้น

    “เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แม้ว่าคุณจะรักเขา แต่ฉันกับเขาคบกันมาก่อน อย่าทำร้ายความรู้สึกของลูกผู้หญิงด้วยกันเลยนะคะคุณก็รู้ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน” แววตาวิงวอนฉายชัดบนใบหน้าสวยเปื้อนน้ำตานั้น

    ผู้คนในร้านเริ่มที่จะส่งสายตากัดจิกไปยังหญิงสาวที่มีดีกรีเป็นถึงด็อกเตอร์ เพราะรู้สึกสงสารหญิงสาวอีกคนที่ตอนนี้ร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าเสียจริง

    “คืนเขาให้ฉันเถอะค่ะ คุณพิมพ์ยังไงฉันกับเขาก็คบกันมาก่อน” อนันดาพยายามย้ำ เพื่อที่พิมพ์ประภาจะได้รู้สึกอับอาย แต่ใบหน้าเรียบสวยประดับยิ้มน้อยๆ นั่นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ทำให้หล่อนอยากจะกรีดร้องดังๆ และตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายแม่ด็อกเตอร์ผู้แสนจะนิ่งเงียบเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าต้องทำให้เธออับอายเสียชื่อเสียงล่ะก็....แหลกไปนานแล้ว

    “อย่างที่ฉันบอกนะคะว่าทุกอย่างอยู่ที่คุณกับคุณตริณ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน คุณควรที่จะไปพูดกับเขาเองมันถึงจะถูกนะคะ มาคุยกับฉันมันก็เหมือนกับการแก้ปัญหาที่ปลายทางนั่นแหละค่ะ” พิมพ์ประภายังคงยืนยันเหมือนเดิม เธอไม่ใช่คนเริ่มต้น และไม่ใช่คนเดินเข้าไปหาตริณก่อน ตรงกันข้ามเธอพยายามปฏิเสธเขาเสียด้วยซ้ำ

    “ฉันรู้ว่าคุณต้องการแค่เงินของเขา คืนเขาให้ฉันเถอะค่ะคุณพิมพ์” อนันดายังไม่เลิกเล่นละคร ผู้คนรอบข้างเริ่มที่จะกัดจิกพิมพ์ประภาทางสายตามากขึ้นเพราะสงสารแม่สาวเจ้าน้ำตา แต่ไม่ใช่พิมพ์ประภา เธอมองออกแต่แรกแล้วว่าอนันดาต้องการอะไรแค่อยากรู้ว่าจะมาไม้ไหนเท่านั้นเอง

    “ฉันคงคืนเขาให้คุณไม่ได้หรอกค่ะคุณกี้ เพราะเขาไม่ใช่สิ่งของ อ้อ..แล้วเรื่องแต่งงานเนี่ย ถ้าคุณกับเขาจะแต่งงานกันจริงคงแต่งตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนที่คุณลงทุนเข้ามาหาเขาถึงห้องนอนแล้ว แย่งเขาไปจากฉันต่อหน้าต่อตาโดยไม่มีสีหน้ารู้สึกรู้สาสักนิด ถ้าเขารักคุณคงขอคุณแต่งงานไปแล้วไม่วิ่งโร่กลับมาหาฉันหรอกค่ะ คิดใหม่นะคะว่าใครเป็นคนแย่งใคร แล้วถ้าคุณอยากได้เขาคืน ไปคุยกับเขาเองอย่ามายุ่งกับฉันอีกเพราะฉันไม่ได้ต้องการเขาอีกแล้วนับตั้งแต่วันที่ฉันเห็นเขากับคุณในห้องบนคอนโดนั้น อย่าให้พูดอะไรที่มากกว่านี้เลยถึงฉันจะไม่ใช่คนเสียหายหากพูดถึงแต่ฉันมีจิตสำนึกพอที่จะไม่พูดถึงมัน” พูดจบก็เดินออกจากร้านไป โดยไม่สนใจเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างที่แตกตื่นเพราะข้อมูลจากปากด็อกเตอร์สาวผู้เงียบเฉย เล่นเอาคนที่ลงทุนบีบเค้นน้ำตาถึงกับกรี๊ดออกมาดังๆ เพื่อระบายความอัดอั้น จนคนทั้งร้านต้องยกมือขึ้นอุดหู บางคนยังเผลอคิดว่าอาจต้องไปให้หมอเช็คประสาทหูเพราะเกรงว่าเสียงอันดังของหล่อนอาจทำลายประสาทรับรู้เสียงบางส่วนของเขาไปแล้ว

                    นี่เป็นครั้งแรกที่พิมพ์ประภาเลือกที่จะตอบโต้คนด้วยฝีปากทั้งที่ไม่เคยคิดจะใช้เลย แต่เธอสุดที่จะทนแล้วจริงๆ กับการกระทำของอนันดา หล่อนจงใจใช้ร้านคอฟฟี่ช็อป ในช่วงเวลาที่ผู้คนพลุกพล่าน และจงใจที่จะบีบน้ำตา ให้มองดูน่าสงสารเพื่อที่ตัวเธอจะได้ถูกมองในทางเลวร้าย นับเป็นความคิดที่ฉลาดไม่น้อย ในตอนแรกเธอไม่คิดที่จะตอบโต้อะไรเลยเพียงแต่ต้องการรู้เท่านั้นเองว่าอนันดาจะมาไม้ไหนกันแน่ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าหล่อนเล่นไม่เลิก เธอเองก็รำคาญ หล่อนชักจะเล่นแรงไปสักหน่อย เธอจึงจำต้องงัดวิธีพูดประโยคเดียว แต่กรีดลึกขึ้นมาใช้ เป็นการตอบกลับเพียงครั้งเดียว และได้ผลเกินคาดเพราะทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างถึงบางอ้อ และนางมารร้ายในร่างอนันดาก็แสดงตัวออกมาให้ผู้คนได้รับรู้   แต่อย่างว่านั่นแหละในเมื่ออนันดายังเลือกที่จะใช้นางมารร้ายในตัวเองเพื่อจัดการเธอ เธอก็คงจำเป็นที่จะต้องปลุกนางมารร้ายที่หลับใหลมานานแสนนานให้ตื่นขึ้นมาพร้อมรับต่อสถานการณ์ 

    “มันไม่จบแค่นี้แน่พิมพ์ประภา” อนันดากัดเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในรถยนต์ของตัวเอง ก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็วสูง

     

    “จะให้ผมทำอย่างนั้นหรือครับ แต่มันเสี่ยงมากนะครับ”ชายฉกรรจ์หนึ่งในสองโพล่งขึ้นมาเมื่อได้รับการว่าจ้างให้ทำเรื่องๆ หนึ่ง

    “เงินน่ะอยากได้มั้ย ถ้าทำสำเร็จฉันให้เพิ่มอีกแสนเอาไว้นับเล่น” ผู้ว่าจ้างยังโน้มน้าวจิตใจ

    “ข่มขืนแล้วเอาคลิปไปโพสในอินเตอร์เน็ตเนี่ยนะครับ กฎหมายเดี๋ยวนี้มันร้ายแรงนะครับ ถ้าจับได้ติดคุกหัวโตกันพอดี” ชายหนุ่มอีกคนเริ่มออกความเห็นบ้าง ไม่มีใครอยากเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางหรอก

    “ไม่อยากได้หรือ ตั้งห้าแสนเชียวนะ ฉันเพิ่มให้อีกแสนนึงไว้นับเล่น แถมยังได้สนุกฟรีกับผู้หญิงระดับด็อกเตอร์เชียวนะ สวยเชียวล่ะ” หล่อนเลิกคิ้วถาม อย่างใจเย็นอย่างไรเสียผู้ชายย่อมต้องรักสนุก ยิ่งผู้หญิงสวยๆ ด้วยแล้วยากที่จะปฏิเสธ

    “แต่..”

    ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ผู้เป็นนายจ้างก็โยนรูปผู้หญิงที่เป็นเป้าหมายในการสั่งทำงานครั้งนี้ให้กับชายหนุ่มสองคนที่เธอว่าจ้าง

    “คนนี้หรือครับ ตกลง”หนึ่งในสองคนรีบตอบตกลงทันทีที่เห็นรูปหญิงสาวซึ่งเป็นเป้าหมาย จนชายหนุ่มอีกคนอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ หากแต่ชายหนุ่มผู้ตอบตกลงปรามด้วยนัยน์ตา

    “ดี  งานเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ สำเร็จเมื่อไหร่รับเงินได้ทันที” หญิงสาวโยนเงินก้อนแรกลงบนโต๊ะตรงหน้าชายหนุ่มสองคนก่อนจะหมุนตัวกลับไปขึ้นรถยนต์ของตัวเอง อย่างไรเสีย ผู้ชายก็ชอบของสวยๆ งามๆ 'อยากรู้จังว่าถ้าคลิปเริงสวาทของเธอถูกโพสลงในอินเตอร์เน็ตจะยังยิ้มระรื่นได้อีกรึเปล่า คุณด็อกเตอร์'

    “ทำไมเอ็งถึงรับงานพวกนี้วะ แค่ข่มขืนก็เลวพอแล้วนี่ยังถ่ายคลิปโพสลงอินเตอร์เน็ตอีกเลวคูณสองใครจะกล้าทำ” ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนกับอีกคนซึ่งรับงานพูดขึ้นหลังหญิงสาวผู้เป็นนายจ้างเดินออกไปได้สักพัก

    “รู้ว่างานนี้เลว แต่เงินมันดี” ชายหนุ่มผู้ออกปากรับงานพูดขึ้นแววตาวิบวับ เจ้าเล่ห์

    “หมายความว่า?” อีกคนยังคงสงสัย

    “เถอะน่า เรื่องสนุกรออยู่” เขาบอกเพื่อนยิ้มๆ แค่นั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าชายหนุ่มคนนี้คิดอะไรอยู่และจะทำอย่างไรกับงานที่แสนเสี่ยงชิ้นนี้ รู้เพียงแต่ว่าเขารับงานโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลาทันทีที่เห็นว่าผู้หญิงซึ่งเป็นเป้าหมายคือใคร

    “ฉันขอถอนตัว ถ้าแกจะทำก็ทำคนเดียวเถอะเงินนั่นแกก็เอาไป” ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนออกปากปฏิเสธงานชิ้นนี้อย่างไม่ลังเล แค่เป็นมิจฉาชีพก็เลวร้ายพอแล้ว นี่ยังจะรับงานข่มขืนแล้วถ่ายคลิปอีก ความเลวยังไม่เข้มข้นพอในกระแสเลือดเขางานนี้จึงปฏิเสธไม่ยาก

    “สายไปแล้วเพื่อน ถึงนายไม่ทำ ไม่เอาเงินแต่แกต้องช่วยฉัน รับรองเมื่อถึงเวลาแกจะเต็มใจช่วยฉัน อ่ะส่วนของแก”  ชายหนุ่มอีกคนบอกพลางยื่นเงินส่วนแบ่งให้แล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×