ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจเดียว (เปลี่ยนจากหนึ่งฤทัยค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 53


    ในชีวิตของการทำงาน ไม่ว่าใครก็อยากจะสัมผัสกับคำว่า “สำเร็จ” กันทุกคน ถึงแม้ว่ามันจะได้มาด้วยความเหนื่อยยากแต่ผลของมันก็ให้ความหอมหวานสุขใจสำหรับคนที่ทุ่มเทจนได้พบกับมัน  พิมพ์ประภาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่ถูกเรียกขานว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งของชีวิต  และวันนี้เป็นวันที่เธอจะได้รับการประกาศให้เลื่อนตำแหน่งภายในงานเลี้ยงฉลองประจำปีของบริษัทที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ หากแต่ในใจส่วนลึกของหญิงสาวกลับรู้สึกอ้างว้างเดียวดายมากกว่าที่จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจ  'หากวันนี้เธอมีคนที่เธอรักและเขาก็รักเธอยืนเคียงข้างกันมันคงจะดีไม่น้อย เธอคงยิ้มได้อย่างมีความสุข'  เก้าอี้ไม้ซึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมสระน้ำในสวนสาธารณะให้ความรู้สึกร่มรื่น เย็นสบายสำหรับทุกคนที่ต้องการพักผ่อนทั้งทางกายและจิตใจ  แต่ความร่มรื่นของมันก็ชวนให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ได้หวนนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ในชีวิต เรื่องราวที่มีทั้งเศษเสี้ยวของความสุข และเรื่องราวที่เคยทำร้ายจิตใจเธอจนไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีก แต่ก็นั่นแหละหากไม่มีเรื่องที่เลวร้ายเรื่องนั้นเธอคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เช่นกัน

    ผู้ชายคนนั้น คนที่เธอรักและคิดที่จะฝากชีวิตไว้กับเขาเป็นคนทำเรื่องเลวร้ายกับเธอแม้มันจะดูเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของคนหลายๆ คนที่มองว่า การคบหากันของหนุ่มสาวหากไม่สามารถเข้ากันได้ก็จะแยกทางกันเมื่อถึงเวลา  แต่สำหรับเธอแล้วการแยกทางกันระหว่างเธอกับเขามันไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่คนอื่นๆเข้าใจเลย  เธอจำได้ว่าในวันนั้น เธอไปหาเขาที่คอนโด ตั้งใจว่าจะชวนเขาไปดูหนังในวันหยุด แต่สิ่งที่เธอได้พบนั่นคือ หญิงสาวรูปร่างปราดเปรียวคนหนึ่ง นั่งอยู่กับเขาในลักษณะที่สนิทสนมกันเกินกว่าคำว่าเพื่อน  แต่นั่นมันยังไม่ทำร้ายจิตใจเธอเท่ากับสภาพของทั้งสองคนที่เธอเห็นเพราะทั้งเขาและผู้หญิงคนนั้นบ่งบอกว่าผ่านกิจกรรมอะไรมาบ้างก่อนที่เธอจะไปถึงคอนโด 

    “ทำไมทำแบบนี้คะ” ประโยคแรกที่เธอถามเขาหลังจากนิ่งเงียบกับภาพที่เห็นเบื้องหน้าไปหลายนาที แต่คำตอบที่เธอได้รับกลับมานี่สิมันช่างกรีดลึกในความรู้สึกเสียนี่กระไร

    “ก็เพราะฉันเบื่อเธอไง  ผู้หญิงที่จืดชืดอย่างเธอจะมีอะไรให้ค้นหากว่านี้หรอ ดูสิแม้แต่หน้าตายังเทียบกับแฟนฉันไม่ได้เลย” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วหันไปหอมแก้มผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เขาให้เธอเห็นราวกับว่าต้องการจะเยาะเย้ย

    “แค่นี้เองหรอ แล้วฉันทำผิดอะไรถ้าคุณอยากเลิกกับฉันก็บอกกันดีๆ ก็ได้ไม่ต้องทำกันขนาดนี้หรอก” เธอบอกกับเขาน้ำตาร่วงรินเพราะไม่เคยคิดว่าจะได้ยินถ้อยคำเหล่านี้จากปากผู้ชายที่เธอรักและคิดว่าเขาก็รักเธอ

    “งั้นก็บอกเลยแล้วกันนะ  ผมกับคุณ เราจบกันนับแต่นี้ อ้อ..แล้วอีกอย่างที่ผมจะบอกคุณคือนอกจากคุณจะจืดชืดแล้วเรายังไม่มีอะไรที่เหมาะสมกันเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฐานะ ชาติตระกูล หน้าตาในสังคมที่ตระกูลของผมมี แต่คุณไม่มีอะไรเลย” เขาบอก มืออีกข้างยังลูบสีข้างของหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เป็นการไล่เธอด้วยกริยาที่เธอก็รู้ดีว่าเขาจะทำอะไรหลังจากที่เธอก้าวพ้นประตูคอนโดแห่งนี้ไปแล้ว  หญิงสาวไม่รอให้เขาเป็นฝ่ายให้เขาออกปากไล่เธอสาวเท้าออกจากที่นั่นในทันที

                    ความเจ็บปวดแทรกซึมลึกอยู่ในหัวใจของเธอไม่เคยจางหายไปแม้แต่น้อยแม้วันเวลาจะผันผ่านไปสักกี่ปี ความเจ็บปวดนั้นยังคงยังอยู่ แม้ใครๆ จะพยายามบอกให้เธอลืมมันไปเสีย แต่เธอกลับทำไม่ได้เลย ทั้งที่เคยพยายามอยู่หลายครั้ง จนบางครั้งเธออดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่า ความจริงก็ดีเหมือนกันที่ยังเก็บเรื่องราวที่แสนร้ายกาจในชีวิตไว้ อย่างน้อยมันก็เป็นบทเรียนราคาแพงให้เธอได้เรียนรู้ ว่าอย่าง่ายอีก คนเราเจ็บแล้วควรที่จะจำ และนับแต่วันนั้นเธอไม่เคยมองผู้ชายคนไหนอีกเลย   หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้ข่าวว่าเขาบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เรื่องนี้กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างกันตัวเอง  เธอสมัครเรียนต่อปริญญาโททันที ที่รู้ว่าเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และเรียนต่อจนกระทั่งจบปริญญาเอก ด้วยทุนการศึกษาจากสำนักวิจัยแห่งหนึ่งโดยมีข้อแม้ว่าเธอจะทำงานให้กับที่นั่นเป็นเวลา 3 ปี และเธอจะทำงานได้ต่อหากสนุกกับการทำงานและรักที่จะทำงานที่นั่น  เธอเปลี่ยนตัวเองทั้งหมดจากเดิมที่เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดากลายเป็นผู้หญิงที่มีความมาดมั่น  ผมที่เคยยาวสลวย เธอก็หั่นมันเสียสั้น จนทำให้หลายๆ คนที่อยู่รอบข้างถึงกับตกใจ ต่อว่าเธอกันยกใหญ่ แต่เธอให้เหตุผลสั้นๆ ว่า  เปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างเผื่อจะสวยขึ้น  และเธอก็สวยขึ้นจริงๆ

                    ในงานเลี้ยงฉลองประจำปี ทุกคนภายในงานต่างร่าเริงสนุกสนาน พิมพ์ประภาเองก็เช่นกัน  เธอทำงานกับที่นี่มา 5 ปีแล้ว และไม่คิดที่จะเปลี่ยนหรือย้ายที่ทำงานด้วย เพราะเหตุผลง่ายๆ ที่ใครๆ ก็รู้นั่นคือที่นี่นอกจากจะให้ทุนเธอเรียนต่อปริญญาโทและเอกแล้ว ยังเป็นที่ที่เธอรักและสนุกกับการทำงานอย่างเป็นที่สุด หญิงสาวโยนทิ้งความเศร้าหมองภายในจิตใจชั่วคราว สนุกสนานกับงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นปีละครั้ง 

    กว่างานเลี้ยงจะเลิกราก็ล่วงเลยเข้าช่วงเวลาของวันใหม่แล้ว  หญิงสาวล้มตัวลงบนเตียงนอนที่แสนนุ่มสบายในเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง และมันก็เป็นเวลาที่ใครคนหนึ่งเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยพอดีเหมือนกัน  ตริณ  ปรีดากุล

                                                                        

    “คิดถึงคุณจังกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ยไม่เห็นบอกกันมั่งเลย” อนันดาหรือกี้ นางแบบสาวโอบต้นคอชายหนุ่มไว้ แล้วไม่ลืมที่จะจุ๊บปากเขาไปหนึ่งทีอย่างที่เคยทำ

    “ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้วล่ะ ไม่ดีหรอที่ผมอยากให้คุณเซอร์ไพรซ์ น่ะ” เขาถาม นัยน์ตายั่วยวน สื่อความหมายที่รู้กันดี

    กิจกรรมบางอย่างผ่านพ้นไปพร้อมๆ กับความสุขสมของชายหนุ่มหญิงสาว ที่กำลังนอนกอดก่ายกันบนเตียงกว้าง

    “คราวนี้คุณจะกลับมารับตำแหน่งผู้บริหารที่เมืองไทยอย่างถาวรใช่มั้ยคะ” อนันดา เป็นฝ่ายออกปากถามเขาก่อนเพราะความอยากรู้

    “อืม.....สาขาอื่นมีคนที่ไว้ใจได้ดูแลหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงอีก” เขาบอกเธอพลางกกกอดร่างบางให้กระชับแน่นกว่าเดิม

    “แน๊..อย่างนี้กี้ก็หายใจไม่ออกกันพอดี อย่างแกล้งกันสิคะ” เธอบอกเขา มือเรียวบางบีบจมูกคมสันอย่างหมั่นเขี้ยว “อยู่เมืองนอกเจอแต่แหม่มจนชินอย่างนี้กี้จะสู้ได้หรอคะ” เธอแสร้งถามเขา

    “ไม่หรอก กี้ของผมน่ะสู้ได้สบายเลย  ที่โน่นอยู่กับใครก็ไม่เหมือนอยู่กับกี้หรอก” เขาหยอดคำหวาน ก้มลงประกบปากเขาและเธอ “เพราะกี้น่ะรู้ดีที่สุดว่าผมชอบอะไร  ไม่ชอบอะไร  จริงมั้ย” ประโยคสุดท้ายเขาถามด้วยเสียงแหบพร่า ก่อนจะซุกหน้าสูดกลิ่นหอมสดชื่นที่ซอกคอคู่ขาสาวสวย

    “ลมอะไรหอบ ท่านตริณ  ปรีดากุล ผู้ยิ่งใหญ่มาถึงบริษัทฉันได้วะเนี่ย” คำกล่าวทักทายดังขึ้นจาก นาธาน เจ้าของห้องที่กำลังทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานราคาหลักแสน

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมาหาเพื่อนบ้างก็เท่านั้น” ชายหนุ่มผู้มาเยือนทิ้งกายลงที่เก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นเจ้าของห้อง “ว่าแต่เย็นนี้แกว่างรึเปล่าล่ะฉันว่าจะชวนแกไปดื่มซักหน่อย”

    “ว่าง ไปสิ ว่าแต่แกจะพาสาวๆ ในสังกัดไปด้วยรึเปล่าวะ ฉันจะได้ชวนสาวๆ ของฉันไปมั่ง ไม่อยากน้อยหน้าแก”  นาธานถามเพราะปกติตริณมักพาคู่ขาคนใดคนหนึ่งไปด้วยเสมอ และมันก็มักจะทำให้เขาต้องลำบากหาสาวๆ มาไว้ข้างกายดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นในตัว

    “ฉันว่าจะชวนกี้ไปด้วยน่ะ วันนี้เขาว่างพอดี” ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี

                    การสนทนาระหว่างชายหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างคนที่ไม่เคยพบกันนานเป็นเวลาเกือบปี นับแต่วันที่ตริณต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ และทำงานที่สาขาของตัวเอง ทั้งสองก็มักจะได้พบกันเพียงชั่วเวลาสั้นๆ ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันมากนัก ด้วยหน้าที่และเวลาเป็นกรอบกำหนด  การได้มีโอกาสพบกันในวันนี้จึงนับเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งสองจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือไม่เว้นแม้แต่เรื่องสาวๆ

    “คุณริน  ช่วยตามคุณพิมพ์มาพบผมด้วยนะ” นาธานเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงสั่งเลขาหน้าห้องให้ตามพิมพ์ประภา ขึ้นมาพบเขา

    พิมพ์ ? คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอก ผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างนั้นคงไม่มีปัญญามาทำงานในบริษัทของเพื่อนเขาหรอก ตริณครุ่นคิด เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่แสนจะจืดชืดอดีตของเล่นของเขาคงไม่มีปัญญามาทำงานในบริษัทวิจัยแห่งนี้ได้หรอก

                    เพียงเวลาไม่นานหลังจากนั้นหญิงสาวผู้ถูกเจ้าของบริษัทเรียกมาพบก็ปรากฏตัวขึ้น เธออยู่ในชุดสูทสำหรับทำงานสีดำ ดูทะมัดทะแมง ใบหน้าใสแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ขับเน้นโครงหน้าให้โดดเด่นชวนมอง เข้ากับทรงผมสั้นแค่คอของเธอ มือข้างหนึ่งถือสมุดโน้ตเล่มหนาไว้พร้อมเครื่องเขียน  เตรียมพร้อมสำหรับการจดรายละเอียดงานหากผู้เป็นเจ้านายออกคำสั่ง  นัยน์ตาคู่สวยมองตรงมายังสองหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน คนหนึ่งคือเจ้านายที่เธอเคารพรักอีกคนหนึ่งคือ....คนที่ทำให้เธอเจ็บเจียนตาย เธอจำได้ แต่พิมพ์ประภาไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะโวยวาย และไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น เพียงแต่เจ็บแล้วจำและจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองในชีวิต ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างในชีวิต และเหตุการณ์ตรงหน้านี้สัญชาตญาณบอกให้เธอรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร

                    นัยน์ตาสองคู่ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่นั้นมองหญิงสาวให้ความรู้สึกต่างกัน สำหรับนาธานเขามองเธอด้วยสายตาอบอุ่น ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้แม้ว่าพิมพ์ประภาจะสวยถูกใจเขาสักเพียงไหน แต่เหตุผลต้องมาก่อนอารมณ์เสมอ เขาไม่อยากเสียลูกน้องที่เก่งกาจอย่างหล่อนไป หากว่าเขาและหล่อนเลิกคบค้ากัน อีกอย่างผู้หญิงดีๆ อย่างหล่อนควรที่จะได้ใช้ชีวิตคู่กับคนที่รักหล่อนจริง ดังนั้นสิ่งที่เขาเลือกที่จะทำคือคิดกับเธอเพียงแค่น้องสาวเท่านั้น และเขาเองก็มั่นใจว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขามากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้องอย่างแน่นอน  หากแต่สายตาอีกคู่หนึ่งนั้นมองเธอในอีกความหมาย ตริณยังคงคลางแคลงใจว่า พิมพ์ประภา ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ ใช่คน ๆ เดียวกันกับคนที่เขาเคยบอกเลิกเธออย่างไม่ใยดีหรือไม่ ชายหนุ่มเพ่งพิศใบหน้ารูปไข่นั้นอย่างครุ่นคิด เหมือนกันมากทีเดียวความรู้สึกบอกเขาอย่างนั้น  หากแต่พิมพ์ประภาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันกับพิมพ์ประภาเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างเด่นชัด เพราะพิมพ์ประภาคนนั้นไม่มีเสน่ห์อะไรที่ดึงดูดใจเขาเลย  ผิดกับผู้หญิงคนนี้อย่างชัดเจนเพราะหล่อนมีแรงดึงดูดและเสน่ห์อย่างร้ายกาจ นัยน์ตาสุกใสของเธอบ่งบอกความเฉลียวฉลาดของเจ้าตัว ใบหน้าเนียนสวยและรูปร่างสมส่วน เรียกสายตาคมของเขาให้มองไปที่เธออย่างหลงใหลได้ไม่ยาก แม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตามที

                    หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานอีกตัวที่ยังว่างอยู่ด้วยท่าทีเรียบเฉย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนทุกครั้ง ไม่ได้สนใจสาวตาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ เลย แม้จะรู้ว่าเขาเพ่งมองเธอจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ราวกับว่าเธอไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน เธอยิ้มน้อยๆ ให้นาธานผู้เป็นเจ้านาย และเปิดสมุดบันทึกไปยังหน้าที่ยังว่างเตรียมจดรายละเอียดงาน 

    เธอนั่งจดคำสั่งงานจากนาธานด้วยความตั้งใจอย่างเช่นทุกครั้ง จนกระทั่งทุกอย่างเรียบร้อยและกล่าวลาเจ้านายเพื่อกลับไปทำงานต่อ

    “คุณพิมพ์ครับ ผมจะแนะนำให้คุณพิมพ์รู้จักนะครับ นี่นายตริณ  ตริณ  ปรีดากุล  เพื่อนผมครับ” นาธานแนะนำให้เธอรู้จักเพื่อนของเขา

    “และนี่คุณพิมพ์  ดร.พิมพ์ประภา  ลูกน้องคนเก่งของฉัน หัวหน้าฝ่ายอำนวยการและทดลองวิจัย” นาธานยังคงแนะนำหญิงสาวให้เพื่อนรักรู้จัก ด้วยความภูมิใจ  ใช่เขาภูมิใจในตัวเธออย่างยิ่ง เพราะฝีมือในการทำงานของพิมพ์ประภาถือว่าหาตัวจับได้ยากยิ่งทีเดียว ทุกวันนี้เขายังคิดไม่ออกเลยว่าหากบริษัทของเขาขาดพิมพ์ประภาไปจะเหงาหงอยหรือวุ่นวายเพียงใด

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ตรินยื่นมือไปตรงหน้าหญิงสาว หากแต่เธอเลือกที่จะยกมือไหว้เสียมากกว่า

    “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” เธอทักทายเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ เหมือนปกติทุกครั้งที่เจ้านายเรียกเธอมาสั่งงาน

    “อย่าบอกนะว่าคนนี้น่ะคู่ขาแก ไม่กลัวโดนว่าเป็นสมภารกินไก่วัดหรือ” ตริณแกล้งแซวเพื่อน เวลานี้เขาแน่ใจแล้วว่าพิมพ์ประภาคนนี้กับพิมพ์ประภาเมื่อ 5 ปีก่อน คือคนๆ เดียวกันแน่นอน  แต่อะไรทำให้หล่อนดูเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมากอย่างเห็นได้ชัด หล่อนสวยขึ้นจนเขาแทบจะจำไม่ได้เลยทีเดียว ผมยาวสลวยที่หล่อนหวงนักหวงหนา หล่อนก็ตัดมันเสียสั้น เขายอมรับว่าถูกใจหล่อนเอามากๆ

    “แกหยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย  ผู้หญิงดีๆ อย่างคุณพิมพ์ ฉันไม่กล้าทำให้เธอเสียใจหรอก เธอควรจะได้เจอกับคนที่รักเธอจริง  แต่ถ้าวันไหนฉันเลิกเสียดายชีวิตโสดเหมือนแกเมื่อไหร่ และหากว่าวันนั้นคุณพิมพ์ยังไม่มีใครเหมือนตอนนี้ เขาจะเป็นคนแรกที่ฉันคิดจะให้เป็นแม่ของลูก”

    คำบอกของนาธานเรียกสายตางงงวยจากเพื่อนได้เป็นอย่างดี  ชายหนุ่มมองเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    “แค่มองก็รู้ว่าแม่ลูกน้องสาวคนเก่งของแกก็ไม่ได้สดซิงอะไร ทำไมถึงคิดจะให้เป็นแม่ของลูกได้วะ ถามหน่อย  แล้วแกแน่ใจได้ไงวะว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่มีคู่ขาที่ไหนน่ะ”  เขายังแสร้งถามเพื่อน หากแต่อันที่จริงเขาเริ่มอยากรู้เสียแล้วว่านับจากวันที่เขาบอกเลิกเธอนั้น เธอมีใครบ้าง และถ้ามีโอกาสเขาเองก็อยากจะลองชิมน้ำพริกถ้วยเก่าสักครั้งว่ามันจะอร่อยกว่าเดิมรึเปล่า

    “เอออันนั้นฉันรู้ ฉันก็ผู้ชายเหมือนแกนั่นแหละ แต่ทำไมวะฉันไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหนเลย ว่าคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกจะต้องสด ต้องซิง ฉันว่าถ้าเขาเป็นคนดีมันก็น่าที่จะโอเคนะ แล้วที่สำคัญก็คือเขาไม่ได้มีคู่ขาที่ไหนอย่างที่แกคิดด้วย”  นาธานบอกเพื่อนเพราะรำคาญกับความคิดของเพื่อน

    “หึไม่มีคู่ขา แต่ก็ไม่สดอย่างนี้หรอวะผู้หญิงที่ดีของแก” ตริณ ยังไม่ลดละ นัยตาฉายแววเจ้าเล่ห์

    “ก็เพราะฉันรู้ว่าเคยมีไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่ง หลอกคบกับเค้าพอเบื่อก็ทิ้งเขาไป  ไม่รู้ว่ามันโง่ธรรมดาหรือว่ามันโคตรโง่กันแน่ที่ทิ้งผู้หญิงดีๆ ไป ไม่รู้ว่าป่านนี้ไอ้โง่นั่นมันจะรู้ตัวรึยังว่าทิ้งเพชรเม็ดใหญ่ไป” นาธานบอกพร้อมกับก้มเซ็นต์เอกสารในแฟ้มหน้าหน้าต่อ ไม่ได้สนใจสีหน้าเพื่อนที่ถูกเขาด่า(อย่างไม่รู้ตัว)ว่าตอนนี้เป็นเช่นไร

                    ตริณนั่งเงียบตลอดเวลาระหว่างรอเพื่อนเคลียร์งาน ในใจเขายังคงครุ่นคิดถึงหญิงสาวที่เดินออกจากห้องไป  เธอทำราวกับว่าไม่รู้จักเขา ทั้งสีหน้าและแววตานิ่งเฉย ไม่มีแววตาสั่นระริกอย่างคนที่วิตกหรืออย่างอื่นเลย ถ้าหากทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่นาธานเพื่อนเขาพูดล่ะก็ นั่นต้องหมายความว่าเธอไม่เคยมีใครเลยนับแต่เลิกกับเขาวันนั้นเมื่อ 5 ปีก่อน เธออยู่ได้อย่างไรกันโดยไม่มีใคร เป็นไปได้หรือว่าผู้หญิงที่เคยมีชายหนุ่มเคียงคู่หากร้างราแล้วจะไม่หาใครมาเคียงคู่หรือคบหา คำตอบคือยากมาก   ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากรู้เสียแล้ว ชายหนุ่มนึกสนุกขึ้นมา เขาคงมีอะไรสนุกๆ ทำคลายเครียดแล้วล่ะ ริมฝีปากหยักหนา ยกขึ้นน้อยๆ ตามอารมณ์ ผสานแววตากึ่งเล่นกึ่งจริงจัง ของชายหนุ่ม  

                                                                                            ****************************** 

    บทที่ 1 ค่ะ อ่านแล้วอย่าลืมเม้นท์กันนะจ๊ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×