ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~!+de Blanc cube+!~

    ลำดับตอนที่ #6 : [The Kaelyus Saga] - ตอนที่ 2 ขึ้นเขียง!?

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 55


    - 2 -
    ขึ้นเขียง!?
     
     
              "รู้ใช่ไหมว่าเราสองคนกำลังเดือดร้อน" หญิงสาวผมสีนิลเอ่ยกับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ดวงตาสีแดงหม่นที่จ้องตรงไปยังกำแพงว่างเปล่าฝั่งตรงข้ามฉายแววไม่พอใจ
     
              "รู้" ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
     
              "รู้ใช่ไหมว่าสถาณการณ์ตอนนี้มันแย่สุดๆ" หญิงสาวถามซ้ำอีกครั้ง คิ้วเรียวที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดหนักขึ้นไปอีก
     
              "รู้สิ" ชายหนุ่มตอบด้วยคำเดิมพร้อมรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
     
              "แล้วรู้ใช่ไหมว่าเรากำลังจะตาย" คราวนี้เธอแทบจะกัดฟันพูดเลยทีเดียว 
     
              "อืมม.." ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแล้วตอบออกมา "นั่นก็รู้เหมือนกัน"
     
              "รู้แล้วนายจะนั่งยิ้มอย่างนี้ไปถึงไหนห๊ะ ราเอล ตายน่ะตาย เข้าใจไหม ตาย บ๊ายบาย ลาก่อน ไปแล้วไปลับ เข้าใจบ้างไหมเนี่ย" เธอทนไม่ไหวลุกขึ้นมาตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มผู้ที่ยังคงนั่งยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน ดวงตาฉายแววหงุดหงิดอย่างมาก อันที่จริงเธอไม่ได้หงุดหงิดเรื่องจะตายไม่ตายนี่เท่าไหร่หรอก แต่สิ่งที่สะกิดต่อมอารมณ์เธอก็คือคนที่นั่งข้างๆนี่แหละ ทำไมถึงได้ทำหน้ามีความสุขอย่างกับมาเที่ยวตากอากาศอย่างนั้นแหละ แล้วพอเธอถามว่าจะทำยังไงกับสัตว์ประหลาดข้างนอกนั่น เขาก็ดันตอบกลับมาว่า จะคิดมากไปทำไม เจอหน้าเดี๋ยวก็รู้เองว่าต้องทำไง ซะนี่
     
              "ใจเย็นสิเนร์ เธออารมณ์เสียไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อย ตายไม่ตายเดี๋ยวก็รู้เอง นั่งทำใจสบายๆดีกว่า" ราเอลพูดอย่างไม่ได้สนใจคนที่กำลังส่งสายตาเขียวปั้ดมาให้เขาแม้แต่น้อย ก่อนจะหลับตา เอนตัวพิงกำแพง ทำท่าจะนอนหลับไปจริงๆ ไม่เหลือเค้าจริงจังอย่างเมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนเลยสักนิด
     
    -------------------------------------------------------------------------------
     
              ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน
              เธอเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำคำนั้น ก่อนจะหรี่ลงอย่างไม่พอใจ"เฮอะ เวทย์มนต์งั้นหรอ ของเล่นของพวกคนรวยสินะ" 
     
              ราเอลนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จ้องชายในชุดทหารหลวงทั้งสามอย่างระแวดระวัง
     
              "ชื่อ" หนึ่งในทหารหลวงที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้าถามห้วนๆ
     
              "เอลรีเน่ ไซเดล" เธอตอบอย่างว่าง่าย เธอไม่ต้องการจะมีเรื่องตอนนี้ 
     
              "ฟาราเอล เพนเลีย" ราเอลก็ตอบเสียงเรียบๆไปเช่นกัน
     
              เมื่อทหารอีกนายพยักหน้าให้ว่าจดชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทหารก็หันมาที่พวกเธอ
     
              "ตามมา นักโทษ" เขาสั่งเสียงดัง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดสูงชันนำไป ทหารอีกสองนายยืนรั้งรอปิดท้าย ทั้งเนร์และราเอลไม่ชอบสรรพนามนั้นเท่าไหร่ แต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี
     
              พ้นจากบันไดไปก็เป็นทางเดินแคบๆระดับพื้นดิน ที่รู้เพราะผนังสองข้างมีหน้าต่างเล็กๆให้แสงเข้าเต็มไปหมด ทหารพาพวกเขาเลี้ยวเข้าไปในห้องเล็กๆ ภายในห้องเต็มไปด้วยอาวุธมากมาย หลากหลายชนิด ตั้งแต่มีดสั้นอันเล็กๆไปจนถึงปืนเลเซอร์ขนาดยักษ์ที่น่าสงสัยว่าใครจะมีปัญญาแบกมันขึ้นมา เพียงแต่ว่าอาวุธทุกชิ้นช่างอยู่ในสภาพดีเยี่ยม เยี่ยมถึงขนาดที่ทั้งสองคิดว่ามือเปล่าๆยังจะมีประโยชน์กว่ารึเปล่า บ้างก็สนิมเกาะ บ้างก็บิ่น ยิ่งพวกปืนนี่ยิ่งน่ากลัวว่ามันจะระเบิดซะก่อน 
     
                "เลือกซะ หยิบมาสักอัน เร็วๆด้วย แต่อย่าได้คิดตุกติก ไม่งั้นพวกเจ้าได้ตายตรงนี้แน่" หัวหน้าทหารพูดพร้อมทั้งชูอุปกรณ์กล่องสีดำขึ้นมา ทั้งสองไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไรแต่ก็พอคาดเดาได้ว่าทหารเหล่านี้น่าจะมีเวทย์มนต์ เพราะงั้นอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่า 
     
              ทั้งสองเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี ถ้าได้รับอาวุธก็หมายถึงต้องสู้ เพียงแต่สู้กับใครหรือสู้กับอะไร เนร์หยิบหอกยาวที่ดูพอไปได้ที่สุด ส่่วนราเอลเลือกดาบคู่บาง และทั้งสองก็หยิบมีดสั้นกันมาอีกคนละหลายอัน 
     
              จากนั้นเนร์และราเอลก็เดินตามทหารหลวงไปตามทางเดินเงียบสงัด แต่พอเดินเลี้ยวโค้งสุดท้ายเท่านั้น เสียงเชียร์ดั่งกระหรึ่มก็ดังก้องไปทั่ว มองตรงไปสุดทางเดินเป็นทางออกสู่ลานกว้าง และไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือจงใจ ทั้งสองเห็นร่างมหึมาของราชสีห์ขนสีทองอร่าม ตัวใหญ่กว่าสิงโตปกติสักเท่าตัวได้ ร่างกว่าสองเมตรนั้นตวัดอุ้งเท้าปัดร่างกำยำของชายฉกรรจ์ปลิวกระเด็นราวกับปัดแมลงวัน ซ้ำยังกระโจนตามไปขบหัวชายคนนั้นอย่างว่องไว เหยื่อนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องสักแอะ ของเหลวสีแดงสดไหลย้อยมาตามเขี้ยวแหลมคมสร้างความหวาดหวั่นให้เพื่อนร่วมชะตากรรมที่สีหน้าซืดเผือดอีก 2 คนในลาน เสียงโห่ร้องตะโกนเชียร์ดังลั่นเมื่อร่างไร้หัวของชายผู้โชคร้ายล้มลงกับพื้น
     
              หัวหน้าทหารหันมายิ้มเหี้ยมเกรียมกับทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ 
     
              "ยินดีต้อนรับสู่สนามประลองแห่งชีวิต โคลอสซัส"
     
    ----------------------------------------------------------------------
     
              หลังจากนั้นทั้งสองก็ถูกนำมาขังไว้ในห้องเล็กๆ รอเวลาขึ้นสนามประลอง
     
              'แบบนี้มันเรียกสนามประลองที่ไหนกัน' เนร์คิดในใจ เมื่อโวยวายเอากับคนแถวนี้ไม่ได้ เธอก็เลยต้องยอมจำนนกลับมานั่งเหมือนเดิม 
     
              ถึงจะชื่อว่าสนามประลอง ที่แห่งนี้ก็เป็นลานประหารนักโทษดีๆนี่เอง แม้กฎจะบอกว่าถ้าสู้ชนะก็จะมีชีวิตรอดและประวัติการทำผิดทั้งหมดจะถูกลบ แต่อาวุธที่ให้มานั้น อย่าว่าแต่ไปสู้กับใครเลย แค่จับแรงหน่อยก็ทำท่าจะหักซะแล้ว แล้วยังไอ้ตัวข้างนอกนั่นอีก สัตว์เวท - สัตว์ป่าที่ถูกนำมาดัดแปลงด้วยเวทย์มนต์และเทคโนโลยี  ที่ขนาดคนอาวุธครบมือยังไม่ได้สู้กันได้ง่ายๆเลย ด้วยเหตุนี้ ตลอดเวลายาวนานที่สถานที่แห่งนี้ตั้งมา ไม่เคยมีนักโทษคนใดที่ก้าวเข้ามาแล้ว จะได้กลับออกไปอีกเลย
     
              จู่ๆกำแพงหินด้านที่ติดกับสนามประลองก็ค่อยๆสลายไป เหมือนกับตอนนี้พวกเธออยู่ในห้องใต้ดิน เผยให้เห็นลานกว้างใหญ่ เหนือขึ้นไปมีที่นั่งนับพันที่มีฝูงชนนั่งอยู่เต็ม ส่งเสียงเชียร์ร้องตะโกน ร่างของผู้โชคร้ายชุดก่อนไม่มีแล้ว แต่ร่องรอยของของเหลวสีแดงสดนั้นมีอยู่ทั่วทั้งสนาม ส่วนราชสีห์ขนทองตัวเดิมนั้น ตอนนี้ถูกล่ามโซ่อยู่อีกฝากสนามและคงจะถูกปล่อยในไม่ช้า เนร์หันไปมองชายหนุ่ม นัยน์ตาสีเทาเข้มที่ดูจริงจังนั้นทำให้เธอพอใจชื้นขึ้นมาบ้าง ทั้งสองพยักหน้าให้กัน ก่อนจะก้าวเข้าสู่สนามประลอง
     
              'ถึงเวลาแล้ว'
     
              เมื่อพวกเขาก้าวออกไป พิธีกรก็ประกาศทันที เสียงจากเครื่องกระจายเสียงดังก้องไปทั่วสนาม
     
              "นักโทษรายต่อไป เอลรีเน่ ไซเดล และ ฟาราเอล เพนเลีย กบฏชั่วใจหยาบที่คอยปล้้นสะดมทรัพย์สินชาวบ้าน"
     
              เนร์ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสรรเสริญบรรพบุรุษของพิธีกรคนนั้นที่ช่วยอัพเกรดยศเธอซะเลิศหรู
     
              "แค่ปล้นของไม่กี่ชิ้นจากไอ้พวกเสนาเลวๆนั่นไปแจกจ่ายคนจนมันทำให้ฉันเป็นกบฏใจหยาบเลยหรือไง" เธอบ่นอย่างหงุดหงิด แต่ต่อให้เธอตะโกนอีกสักล้านรอบก็ไม่มีใครคิดจะฟังอยู่ดี
     
              "และงานนี้ยังต้อง" เสียงพิธีกรยังดังต่อไป "ขอขอบคุณท่านเสนาบดีวัสส์ที่กรุณานำตัวนักโทษมาส่งด้วยตัวเอง"
     
              เมื่อได้ยินชื่อนั้น เนร์ก็เงยหน้าขึ้นมองฝั่งที่นั่งพิเศษทันที และไม่ผิดคาด ใบหน้าของเสนาวัสส์ที่กำลังแสยะยิ้มลอยเด่นอยู่ท่ามกลางชนชั้นสูงพวกนั้น
     
              "หันมาสนใจเจ้าตัวตรงหน้าก่อนดีกว่านะ" เสียงราเอลดึงสติให้เธอหันมามองราชสีห์อีกครั้ง ตอนนี้มันพยายามจะสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อจะหลุดจากโซ่ที่รั้งตัวมันไม่ให้เข้าไปขย้ำเหยื่อได้
     
              "กฎง่ายๆ ถ้าล้มเจ้าตัวนี้ได้ ก็รอด แต่ถ้าไม่ ก็คือว่าเจ้าเหมียวน้อยไลก้าของเราอิ่มไปอีกมื้อ" เสียงหัวเราะดังจากฝูงชน ราชสีห์ขนทองที่เธอไม่เห็นว่าเหมาะกับชื่อเจ้าเหมียวน้อยไลก้าเลยสักนิดใกล้จะคลั่งเต็มทีแล้ว
     
              "เริ่มการประลองได้!!!"
     
              สิ้นเสียงโซ่ที่ตรึงราชสีห์ไว้ก็หลุดออกทันที มันกระโจนทีเดียวถึงตัวทั้งสอง ทำให้ทั้งสองต้องกระโดดหลบไปคนละทาง ระยะห่างเกือบ 10 เมตรหายไปในพริบตา
     
              "เฮ้ย!" เนร์ร้องอย่างตกใจ เพิ่งลุกขึ้นได้ก็ต้องรีบกระโดดกลิ้งตัวอีกครั้งหลบอุ้งเท้าที่หมายจะตะปบหัวเธอ
     
              'ฉัวะ!'
     
              ราเอลอาศัยจังหวะที่ราชสีห์ไม่สนใจฟันดาบเข้าที่ขาหลังอย่างแรง ฝากรอยแผลที่แม้ไม่ลึกมาก แต่ก็ทำให้มันไม่สามารถกระโจนไกลๆได้อีก ดาบสนิมผุหักครึ่งทันที เหมือนจะเป็นข้อดีอย่างเดียวของดาบเก่าๆนี่เมื่อเศษดาบจมอยู่ในบาดแผล ทำให้มันยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีก
     
              'โฮกก'
     
              ราชสีห์เบนความสนใจไปยังคนที่ทำร้ายมันทันที ราเอลขยับดาบที่เหลืออีกเล่มมาจับสองมือ กรงเล็บแหลมคมหมายชีกกระชากศีีรษะศัตรูตัวจ้อย แต่ราเอลแทงดาบสวนขึ้นไปสร้างอีกบาดแผล ราชสีห์คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว สะบัดทั้งดาบทั้งตัวราเอลลอยไปคนละทิศละทาง ก่อนจะตามไปหวังเผด็จศึก
     
              'กรรร'
     
              ราชสีห์คำรามอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะกำจัดศัตรูได้ แต่เป็นเพราะร่างบางแทงหอกลงไปที่สะโพกมัน ดูเหมือนหอกของเธอจะทนทานกว่าดาบเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยก็ไม่หักตั้งแต่โจมตีครั้งแรก แต่ว่ามันก็ทู่ซะจนแทงหนังหนาๆแทบไม่เข้า
     
              ราชสีห์เกรี้ยวกราด มันตวัดอุ้งเล็บเข้าใส่ร่างบางที่แม้จะตั้งหอกรับก็ยังกระเด็นตามแรงไปไกลไม่ใช่น้อย ส่วนหอกเธอตอนนี้ก็หักสมใจ
     
              ฝูงคนดูส่งเสียงโห่เชียร์อย่างสนุกสนาน ไม่เคยมีใครสู้ราชสีห์ขนทองได้นานเท่านี้มาก่อน ฝ่ายราชสีห์ก็เช่นกัน มันคุ้นชินกับศัตรูที่แข้งขาอ่อนตั้งแต่แรกเห็น สามารถบดขยี้ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เนร์กับราเอลต่างออกไป ทั้งสองไม่มีอาการหวาดกลัวเลยสักนิดทั้งยังคล่องแคล่วว่องไว เมื่อเทียบขนาดกันแล้ว การที่ทั้งสองวิ่งไปวิ่งมาก็ทำให้ราชสีห์หัวหมุนไม่ใช่เล่น
     
              "ไอ้เหมียว!" ราเอลตะโกนเรียกความสนใจพร้อมทั้งเขวี้ยงมีดสั้นออกไป มีดนั้นพุ่งใส่หัวราชสีห์อย่างแม่นยำ เสียแต่มันไร้ซึ่งความคมจนเหมือนปาหินใส่มันซะมากกว่า
     
              ราชสีห์หันมาทางต้นเสียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปจะพบว่าเหยื่อร่างบางของมันหายไปเสียแล้ว เนร์รีบฉวยโอกาสหนีออกไปแต่ดูเหมือนวันนี้เธอจะโชคไม่ดี ราชสีห์ที่หันซ้ายหันขวาหาเหยื่อของมันนั้น สะบัดหางใส่เธอเข้าเต็มรัก ส่งเธอลอยละลิวไปตกบน...หลังของมัน
     
              ฝูงชนส่งเสียงฮือฮา การสู้ครั้งนี้คงน่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว แน่นอนคนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงไม่พ้นหญิงสาวที่ตอนนี้พยายามจะเกาะขนสีทองบนตัวราชสีห์ให้แน่ที่สุด ขืนตกลงไปตอนนี้เธอไม่โดนมันกระทืบแบนก็โดนงับหัวหายแน่ๆ
     
              "ระ..ราเอล ช่วยที เหวอ!"
     
              ราชสีห์ขนทองที่ตอนนี้ใกล้จะกลายเป็นม้าพยศขนทองไปทุกที มันทั้งสะบัดทั้งเหวี่ยงราวกับรำคาญตัวเห็บที่อยู่บนตัวมันนักหนา ฝ่ายราเอลได้แต่ยืืนอึ้งไม่รู้จะสงสารหรือหัวเราะดี ทั้งตอนนี้ตัวเขาก็ไม่มีอาวุธเหลือแล้วมีดสั้นที่ปาไปไม่ได้ต่างจากก้อนกรวดสะกิดเลยสักนิด เขาหาทางโจมตีร่างสีทองอยู่ชั่วครู่ ก็มีดาบเล่มดาบหล่นตุบลงมาตรงหน้าเขา

              ดูเหมือนฟ้าจะยังเข้าข้างพวกเขาอยู่บ้างเมื่อฝูงชนดูจะชอบพวกเขาเป็นพิเศษแล้วพากันโยนสารพัดอาวุธลงมาให้ แม้ว่าบางชิ้นจะตกลงมาเฉียดหน้าเขาไปนิดเดียวก็ตาม
     
              'ฉึก!'
     
              'โฮกก'
     
              มีดสั้นจากมือราเอลถูกปาเข้าที่ขาหน้าอย่างแม่นยำ ราชสีห์สะบัดตัวอย่างเจ็บปวด แล้วหญิงสาวก็ได้บินเป็นรอบที่สองของวัน ก่อนจะไปตกตุบห่างไปไกลเกือบสามเมตร
     
              "โอย" เนร์ปวดระบมไปทั้งตัว ไม่วายบ่นถึงชายหนุ่ม "ถ้านั่นเรียกว่าช่วยนะ ราเอล"
     
              ส่วนคนที่ถูกพาดพิงตอนนี้กำลังยืนประจันหน้ากับราชสีห์ขนทองอยู่ มือขวาถือดาบเรียวบาง มือซ้ายเหน็บมีดสั้นไว้สี่อัน
     
              'ฟ้าว! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!'
     
              ด้วยเป้าที่ใหญ่ขนาดนี้ ราเอลแทบไม่ต้องเล็งด้วยซ้ำ มีดสั้นทั้งสี่ปักอยู่ที่ขาทั้งสี่ข้างของราชสีห์ ใบมีดที่จมมิดด้ามสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้มัน มันแทบขยับขาไม่ได้ ทำให้ร่างที่ใหญ่อยู่แล้วกลายเป็นเป้านิ่งไปโดยปริยาย
     
              'ฉัวะ!'
     
              หอกยาวถูกแทงเข้าที่สีข้างราชสีห์อย่างไม่ปราณี นัยน์ตาสีแดงหม่นดูหม่นลงไปอีก เมื่อเนร์ระดมแทงไม่ยั้ง 
     
              "ไอ้แมวบ้า! คนนะไม่ใช่นก ดีดลอยไปลอยมาอยู่ได้ มันเจ็บนะรู้ไหม แมวบ้า! แมวเลว!"
     
               'กับสิงโตก็ยังด่า เอากับเขาสิ' ราเอลคิดอย่างขำๆ ดูท่าว่าเขาจะไม่ต้องทำอะไรแล้ว เมื่อราชสีห์คงจะสิ้นลมเพราะเสียเลือดในไม่ช้า
     
              'โฮกกก! กรรรร!'
     
              จู่ๆราชสีห์ที่หายใจรวยรินก็ผงาดขึ้นมา ทำให้ทั้งสองรีบถอยห่าง บาดแผลตามร่างกายทั้งหมดค่อยๆรักษาตัวเอง ดวงตาสีอำพันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานอย่างเลือด
     
              'โฮกก!'
     
           ราชสีห์ตวัดกรงเล็บเข้าใส่ราเอลทันที เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น ร่างของชายหนุ่มปลิวตามแรงตบแล้วแน่นิ่งไป ดวงตาสีเลือดหันมาทางเนร์ ก่อนร่างสีทองจะกระโจนเข้าหาเธอทันที ความเร็วนั้นแทบจะมองไม่เห็น เธอยังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำเมื่อเขี้ยวคมกริบมาอยู่ห่างจากหน้าถึงไม่ถึงเมตร ชั่ววินาทีนั้นช่างยาวนาน เธอเห็นร่างสีทองพุ่งเข้ามาหาเธอช้าๆ ในสมองสั่งให้เธอวิ่ง แต่ขากลับไม่ขยับตาม ในชั่ววินาทีที่เธอคิดว่าทุกอย่างกำลังจะจบนั้น... 
     
              สายลมกระโชกแรงกรีดทะลุผ่านร่างสีทองนั้นตรงเข้าที่หัวใจแล้วพัดให้เธอกระเด็นออกไป
     
              ร่างสีทองร่วงหล่นเบื้องหน้าเธอ สิ้นใจทันที เมื่อมองไปข้างหน้านั้น เธอเห็นราเอลยืนหอบ เลือดจากแผลที่หน้าท้องไหลทะลักเป็นทางยาว เขาใช้ดาบค้ำตัวไว้ มือขวายื่นมาข้างหน้า สายลมที่หมุนวนรอบตัวค่อยๆสลายไป
     
              ทั่วทั้งสนามต่างเงียบสงัด ราวกับทุกคนต่างลืมวิธีหายใจกับภาพตรงหน้า
     
              ราชสีห์ขนทองตายแล้ว!!

              กับ

              ราเอลใช้เวทย์มนต์ได้!?!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×