ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [The Kaelyus Saga] - ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นที่ไม่สวยงาม
- 1 -
จุดเริ่มต้นที่ไม่สวยงาม
"หยุดเดี๋ยวนี้ นังขโมยชั่ว!!! ทหารจับมันไว้!!" เสียงตวาดลั่นดังจากปากเสนาบดีใหญ่ ตามด้วยเสียงฝีเท้าของทหารหลายสิบนายที่กรูเข้ามาตามคำสั่งผู้เป็นนาย ร่างบางในชุดหนังเก่าๆกระโดดออกจากหน้าต่างคฤหาสน์อย่างคล่องแคล่ว ผมสีนิลยาวถึงกลางหลังปลิวสยายพริ้วโบกตามจังหวะฝีเท้าของเธอ นัยน์ตาสีแดงหม่นจับจ้องไปยังประตูคฤหาสน์ที่เห็นอยู่ไม่ไกล
"บ้าชะมัด" เธอสบถเบาๆเมื่อพบว่าทหารส่วนหนึ่งได้ล้อมมาปิดทางข้างหน้า เธอกวาดตามองศัตรูก่อนจะประเมินสถาณการณ์อย่างรวดเร็ว
'ประตูหน้าอยู่ห่างอีกแค่ 100 เมตร แต่ศัตรูด้านหน้ามีตั้งเกือบ 20 คน แถมมีแต่ชายฉกรรจ์ทั้งนั้น'
"ชิ" เธอบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะดูแล้วโอกาสที่เธอจะรอดออกไปจากที่นี่ได้นั้นช่างน้อยนิดจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
"หมดท่าแล้วสินะ นังโจรชั้นต่ำ" เสียงเหยียดหยามของเสนาบดีดึงความสนใจให้เธอหันไปมองชายร่างใหญ่ ดวงตาหยีเล็ก หนวดโค้งงอน แต่เส้นผมบนหัวนั้นแทบไม่มีเหลือ แทรกตัวผ่านกองทหารมา ชุดผ้าแพรอย่างดีที่หรูหราฟู่ฟ่านั้นอย่างสร้างลำบากในการเดินไม่น้อย ร่างท้วมหอบหายใจเล็กน้อย เห็นได้ว่าเพิ่งวิ่งออกจากตัวคฤหาสน์มาถึงตรงนี้ เธอมองเขาด้วยสายตารังเกียจ พร้อมทั้งชักมีดสั้นที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาตั้งท่าเตรียมสู้
"อย่าดูถูกกันไปหน่อยเลย ท่านเสนาวัสส์"
เมื่อเห็นเธอชักอาวุธออกมา เสนาบดีวัสส์ก็แทบจะกระชากตัวทหารนายที่ใกล้ตัวที่สุดมาเป็นโล่กำบัง
"แกไม่มีทางหนีรอดอยู่แล้ว มีดแค่นั้นจะสู้อะไรทหารอาวุธครบมือเกือบครึ่งร้อยนี่ได้" แม้จะกล่าวถ้อยคำข่มขู่อย่างมั่นใจเช่นนั้น แต่แววตาของเสนาบดีก็ยังฉายแววหวาดกลัว พร้อมทั้งใช้ทหารเป็นโล่เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองจะไม่ได้รับอันตรายอย่างแน่นอน
'เหอะ ไอ้หมูตอนขี้ขลาดจอมโลภเอ้ย' เธอค่อนขอดในใจ และกวาดสายตาหาทางออกให้ตัวเองอีกคร้ั้ง เพราะถึงเธอจะปากดีไปอย่างนั้น แต่่เสนาบดีก็พูดถูกที่ว่าเธอสู้ทหารพวกนี้ไม่ได้ พลันสายตาเห็นรูปปั้นเสนาบดีก็เกิดความคิดดีๆ
เธอปามีดสั้นไปทางเสนาบดีซึ่งตกใจร้องตะโกนโวยวายแม้ว่าวิถีมีดนั้นไม่ได้ใกล้ตัวแม้แต่น้อยและถูกหนึ่งในทหารปัดทิ้งได้ง่ายๆ ก่อนจะหมุนตัวกระโดดเหยียบไหล่นายทหารที่ถูกดึงความสนใจด้วยมีด ถีบตัวเองขึ้นไปยืนบนหัวรูปปั้นเสนาบดี ก่อนจะโผตัวไปทางประตูหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ไม่รู้ว่ารูปปั้นนั้นมันอยู่มานานแล้วหรือเพราะเสนาบดีผู้ร่ำรวยนั้นงกจนไม่ยอมใช้อุปกรณ์ดีๆ จังหวะที่เธอยันตัวออกมา หัวรูปปั้นก็หลุดกระเด็นออกไปด้วย
"โอ๊ะ ขอโทษด้วยแล้วกัน คิกๆ" หญิงสาวหัวเราะเบาๆ แววตาส่องประกายยินดี อีกแค่เอื้อมมือเดียวเท่านั้นเธอก็เป็นอิสระ ทว่่าเธอคงจะคิดเร็วไป
วินาทีที่เธอจับบานประตูเพื่อโหนตัวข้ามไป แท่งดินใหญ่ก็พุ่งขึ้นจากพื้นกระแทกเข้าที่ท้องน้อยเธอพอดิบพอดี ทำเอาเธอทั้งจุกทั้งมึนจนพูดไม่ออก ร่างบางทรุดลงกับพื้น ก่อนจะพยายามลุกยืนอีกครั้ง แต่กระทั่งเรี่ยวแรงจะยันตัวขึ้นยังไม่มี ร่างบางได้แต่ปล่อยให้ตัวเองล้มลงกับพื้นโดยไม่เต็มใจ มองลอดใต้ประตูไปเห็นตลาดที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ อิสรภาพที่แม้จะอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีทางจะเดินไปถึง
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนจะหมดสติไปคือทหารมากมายที่เข้ามาล้อมตัวเธอและรอยยิ้มที่เธอเห็นว่าน่าขยะแขยงที่สุดของเสนาบดีวัสส์
--------------------------------------------------------------------
เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ ประสาทสัมผัสแรกที่รับได้คือภาพเพดานหินในห้องมืดสลัว อย่่างต่อมาคืออาการปวดที่ท้องน้อยทั้งยังรู้สึกจุกอยู่ไม่น้อย เธอนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักพลางนึกทบทวนว่าเธอมาอยู่ในที่ไม่คุ้นเคยนี่ได้ยังไง
'จริงสิ เราสลบไปนี่ ตอนนี้ก็จะอยู่ในคุกล่ะมั้ง'
เธอค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วกวาดตามองไปรอบๆ จุดที่เธอฟื้นขึ้นมาเป็นที่เดียวที่มีแท่นคบเพลิงให้แสงสว่าง นอกจากนั้นบริเวณอื่นของห้องก็มืดสนิท ไม่มีแม้แต่ช่องทางให้แสงลอด แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าห้องนี้กว้างพอสมควรจนน่าจะเรียกห้องใต้ดินมากกว่าห้องขัง
เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ถึงเธอจะไม่เคยเข้าคุกมาก่อน แต่เธอก็มั่นใจว่าไม่มีคุกที่ไหนมีห้องขังประหลาดแบบนี้แน่นอน
"ไม่น่าเชื่อว่าจอมโจรป่วนเมืองเอลรีเน่แห่งฟูแลมจะมีวันถูกจับกับเขาเหมือนกัน ฮ่าๆๆ" เสียงที่ดังขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เธอตกใจแล้วหันไปทางต้นเสียงทันที มือเรียวขยับจะคว้ามีดสั้นที่ต้นขาแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า มันคงถูกยึดไปแล้วตอนเธอโดนจับ ซึ่งนั่นทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเพราะเท่ากับเธอไม่เหลืออาวุธป้องกันตัวเลย
คนพูดค่อยๆเดินเข้ามาหาแสงไฟ เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสมส่วนในแจ็คเก็ตแขนกุดขาวกับกางเกงหนังขาดๆ ตามร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่บ่งบอกประวัติการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ผมสีแดงสดใสสั้นระต้นคอชี้ไม่เป็นทรง นัยน์ตาสีเทาเข้มส่อประกายขี้เล่น
"รู้ไหมเนร์ หน้าเธอตลกเป็นบ้าเวลาเธอทำหน้าเครียดอย่างนั้น ฮะๆ" ชายหนุ่มเอ่ยคำหยอกล้อหญิงสาวที่มีนามว่าเอลรีเน่ หรือ เนร์ อีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จักเนร์ก็ลดท่าทางเป็นศัตรูลง ผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมอาชีพที่เคยพบหน้ากันสองสามครั้ง
"ราเอล มาทำอะไรที่นี่"
"มาเที่ยว" ราเอลตอบพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ "ก็ถูกจับน่ะสิถามได้ ฉันยังสติดีพออยากให้ตัวเองเห็นเดือนเห็นตะวันวันพรุ่งนี้อยู่นะ"
"นายสำรวจห้องรึยัง มีทางออกรึเปล่า" เธอไม่สนใจคำกวนนั้นแล้วถามชายหนุ่มต่อ
"ฉันเพิ่งฟื้นก่อนเธอได้ไม่ถึง 5 นาทีดีเลยนะ แล้วถ้าฉันเจอทางออก คิดว่าฉันจะยังมายืนคุยกับเธออยู่ตรงนี้เรอะ" นัยน์ตาสีเทาเข้มของราเอลยังส่อแววขี้เล่น ไม่ได้สำนึกตัวสักนิดว่าตัวเองถูกขังอยู่ในที่แปลกประหลาด ไม่รู้ชะตาชีวิตว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง
เนร์ชักรู้สึกโชคร้ายมากกว่าโชคดีที่ได้เพื่อนร่วมชะตากรรมเป็นชายหนุ่มจอมกวนประสาทคนนี้ เธอละสายตาจากใบหน้าเขาแล้วเริ่มเดินสำรวจห้อง เช่นเดียวกับราเอล
สิ่งที่พบมีเพียงกำแพงหินเรียบสนิท ไม่มีร่องรอยใดๆที่บ่งบอกถึงประตูหรือช่องอากาศ ทั้งๆที่อากาศในห้องก็ไม่ได้อับเลยสักนิด
"ที่นี่มันไม่มีทางออกได้ยังไง แล้วเขาพาเราเข้ามาทางไหน หรือว่าเราถูกฝังทั้งเป็น" เนร์บ่นพร้อมกับพยายามหาทางออกต่อไป ห้องที่เกือบมืดสนิทและการไร้อุปกรณ์ช่วยทำให้การกระทำนั้นยิ่งยากขึ้นไปอีก
"นายถูกจับได้ยังไง" เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไป เธอก็ชวนอีกฝ่ายคุยเพื่อทำลายความเงียบ
"ก็ฉันกำลัง 'เลือกของขวัญ' อยู่ในบ้านเสนาบดีอยู่" ราเอลใช้ศัพท์ที่รู้กันดีในหมู่อาชีพเดียวกันว่าหมายถึงการปล้นของเหล่าคนรวยเพื่อนำไปแจกจ่ายให้คนยากไร้ที่ถูกสังคมละเลย "ทุกอย่างก็ดูปกติดี ปกติเกินไปด้วยซ้ำ คนเฝ้ายามแทบไม่มี แต่พอออกจะปีนรั้วออกไปเท่านั้นแหละ สายฟ้าที่ไหนไม่รู้ผ่าเปรี้ยงเข้ากลางหัวนี่เลย ตื่นมาก็มาอยู่นี่แล้ว" เขาหยุดเดินเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆบนกำแพงหินบริเวณนั้น "ใครจะไปรู้ว่าเสนาบ้านั่นจะมีระบบป้องกันขโมยดีขนาดนั้น แต่ก็ไม่รู้ใครไปเปิดระบบมัน ตอนเข้าไปยังเข้าไปง่ายๆอยู่เลย" ปากก็พูดไป ส่วนตานั้นจ้องไปที่กำแพงที่เขามั่นใจว่าเป็นประตูอย่างพิจารณา พยายามคิดว่ากลไกมันคืออะไร
"เดี๋ยวนะ นายคงไม่ได้ปล้นบ้านเสนาวัสส์อยู่ใช่ไหม" ฝ่ายเนร์ที่รู้สึกว่าเรื่องราวมันคุ้นๆก็ถามอย่างสงสัย ถ้าเกิดว่าใช่ล่ะก็...
"ใช่ เธอรู้ได้ไง อย่าบอกนะว่า เธอ!!" ราเอลละสายตาจากกำแพงแล้วหันมาชี้หน้าเธอ ซึ่งพยายามทำหน้าสำนึกผิดอย่างถึงที่สุด
"แหะๆ คงเป็นฉันเนี่ยแหละที่ทำให้ระบบป้องกันอะไรนั่นทำงาน"
"ให้ตายเหอะ เพราะเธอแท้ๆฉันถึงโดนจับเนี่ย เธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย เธอต้องเลี้ยงข้าวฉัน 3 อาทิตย์, ซื้อเสื้อผ้าให้ใหม่, แล้วก็พาฉันไปเที่ยวน้ำตกด้วย ฉันอยากไปมานานแล้ว นอกจากนั้น.." เธอยืนเงียบๆฟังราเอลร่ายรายการชดใช้ความผิดยาวเหยียด แต่เมื่อมันชักจะยาวขึ้นเรื่อยๆ แถมประหลาดขึ้นเรื่อยๆด้วยบวกกับหน้าราเอลที่ทำท่าอยากหัวเราะเต็มแก่ ทำให้เธอชักจะทนไม่ไหว
"นี่ตกลงนายเสียใจจริงๆใช่ไหมเนี่ยที่โดนจับมาเนี่ย!!" ในที่สุดเนร์ก็แว้ดออกมาอย่างเหลืออดเมื่อราเอลบอกให้เธอไปขโมยกางเกงในลุงเมสเจ้าของร้านขายผัก
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ฉันไม่เคยเห็นใครทำหน้าได้ตลกเท่านี้มาก่อนเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ" ราเอลหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้น เธอสาบานได้ว่าเขาหัวเราะ 5 นาทีเต็มๆโดยไม่หยุดพักหายใจ โดยที่เธอยืนอดกลั้นห้ามตัวเองไม่ให้บีบคอคนตรงหน้า
"ราเอ.." ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบคำ จู่ๆชายหนุ่มตรงหน้าก็หยุดหัวเราะ ทำหน้าจริงจังใส่เธอ นัยน์ตาคู่นั้นไม่มีแววขี้แกล้งอีกแล้ว
"ฉันรู้แล้วว่าทำไมเราถึงหาทางออกไม่เจอ" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"หืม? ทำไมล่ะ" เธอรับคำอย่างงงๆ ให้ตายสิ ชาวคาเซนอารมณ์แปรปรวนอย่างนี้ทุกคนรึเปล่า
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะตอบ กำแพงด้านหน้าท้ังสองก็ค่อยๆสลายไป หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน แสงจ้าที่ส่องเข้ามาทำให้สายตาเธอพร่ามัว เมื่อปรับสายตาเข้ากับแสงสว่างได้แล้ว เธอก็เห็นว่าทางข้างหน้าเป็นบันไดสูงชัน มีชายสามคนในชุดทหารหลวงยืนอยู่ไม่ไกล
"เวทย์มนต์..."
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น