ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดเทอมวันแรก
      เช้าวันนี้อากาศสดใส    ดวงตะวันกำลังจะขึ้นจากขอบฟ้า    ส่องแสงเรืองรองเป็นสีทองสดใส  เป็นสัญลักษณ์ของวันใหม่  ที่คอยปลุกผู้คนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา    มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้โลกใบนี้มีสีสันมากขึ้น    เวลามันทอแสงสีทองบนท้องฟ้า    มันเหมือนกับว่า  มีผ้าสีทองมากางคลุมเอาไว้บนท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
          เช้าวันนี้    หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอน    สะบัดผ้าห่มออกจากตัว  แล้วจึงเก็บพับวางไว้เป็นระเบียบก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ที่ราวแขวนในห้องนอนเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอนนั่นเอง
          หญิงสาวคนนี้    มีรูปร่างแบบบาง  ดู ๆ ไปแล้วก็คือ  หุ่นดี  นั่นเอง    ใบหน้าของเธอนวลผ่องและเกลี้ยงเกลา    ดวงตาของเธอกลมโตและดำขลับ    ผมยาวสลวยของเธอนั้นถูกปล่อยไว้กลางหลัง    ส่วนผมด้านหน้านั้นเป็นปอยผมที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมทำกัน   
          เมื่อเธออาบน้ำเสร็จ    เธอก็คว้ากระโปรงกับเสื้อนักศึกษามาสวมโดยเร็ว  เสร็จแล้วจึงเดินไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง  ใส่ครีมกันแดด  ทาแป้ง  แล้วจึงทาลิปมันที่ริมฝีปากแดง ๆ  ของเธอ  ต่อมาจึงหวีผม  และรวบผมยาวของเธอไว้เป็นหางม้า    ดูความเรียนร้อยเป็นครั้งสุดท้าย    แล้วจึงรีบลงไปทานอาหารเช้า   
        ตัวเธอเองนั้นไม่ค่อยชอบแต่งหน้า    ทั้ง ๆ ที่แม่เธอมักจะคอยเตือนเสมอว่าควรทำตัวให้ดูดี    แต่ว่าสำหรับเธอนั้นแค่ทาครีม  ทางแป้ง  ทาลิปมันนั้น  มันก็เพียงพอแล้ว    แค่นี้ก็ดูดีแล้วล่ะ
“    แม่คะ  กลิ่นอะไรหอมจัง  ”    เธอถามผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังสาละวนกับการเตรียมทำอาหารให้เธอ
“    เช้านี้มีแกงเขียวหวานจ๊ะ  ตักข้าวรอได้เลยนะ    จะเสร็จแล้ว  ”    ผู้เป็นแม่ตอบ
“    โอเคค่ะ  ข้าวอยู่ไหนคะ  ”
“    บนเตาน่ะจ๊ะ    ตักได้เลย  ”
เมื่อเธอตักข้าวเสร็จแล้ว    เธอจึงเดินไปตักแกงที่แม่ของเธอทำเสร็จแล้ว  แล้วนำออกไปทานที่โต๊ะรับประทานอาหาร  ซึ่งอยู่อีกส่วนหนึ่งของห้องครัว   
“    เอ....พ่อยังไม่ลงมาอีกหรือคะ  ”  เธอถามแม่ของเธอขณะที่เธอทานอาหารไปสักพัก
“    เออใช่....พ่อหนูยังไม่ลงมาเลย  หนูไปตามให้แม่หน่อยได้ไหม  ” 
“    ได้ค่ะ  เดี๋ยวหนูไปตามให้  ”  เธอรับคำแล้วจึงรีบขึ้นไปตามพ่อของเธอ  ที่ตอนนี้....ยังหลับไม่รู้เวลาอยู่บนตียงนั่นเอง
เมื่อเธอปีนขึ้นบันไดมาถึงชั้นบนแล้ว  เธอถึงกับหอบ  เพราะบันไดที่บ้านมีหลายขั้น  เธอเดินไปตามทางเดินสั้น ๆ  แล้วจึงหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่  ซึ่งในห้องนั้นมีบุคคลที่ยังหลับไม่ยอมตื่น  และยังส่งเสียงรบกวนผู้ที่หลับนอนกับตนอยู่ภายใน    หญิงสาวเคาะประตูห้องนอนนั้น  แล้วจึงส่งเสียงเรียก
“    พ่อ  !  ตื่นได้แล้ว  รู้ไหมมันกี่โมงแล้วเนี่ย      ถ้าหนูไปเรียนไม่ทันหนูจะโทษพ่อนะ  !  ”
.....เงียบ.....
“    พ่อ  !  เวลานอนมีถมเถไป  แต่ตอนนี้  พ่อต้องตื่นนะเดี๋ยวหนูจะไม่ได้ไปมหา ’ ลัยกันพอดีนะ  พ่อ  ตื่นสิ  ”
....เงียบอีกแล้ว.....
คราวนี้เธอทนไม่ไหว    จึงบิดลูกบิดประตู  แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน    สิ่งที่เธอเห็นคือ    ร่างใหญ่กำลังนอนแน่นิ่ง  ไม่ไหวติงอยู่บนตียง    เธอจึงคลานขึ้นไปบนเตียง    และรีบเขย่าตัวผู้เป็นพ่อโดยแรง
“    พ่อ  !  นี่มัน  6 โมง  45  แล้ว  เดี๋ยวหนูไปมหา’ ลัยสายนะ  พ่อลืมแล้วเหรอ  ว่าวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกน่ะ  แล้วแม่ก็ทำแกงเขียวหวานที่พ่อชอบด้วยนะ  พ่อ !  ”
สิ้นเสียงเรียกของผู้เป็นลูก    ผู้ที่หลับอยู่บนเตียงก็ผุดลุกขึ้นทันที  !
“    เออใช่  วันนี้เป็นวันเปิดเรียน  แถมมีแกงเขียวหวานอีก  ไม่ได้การล่ะ  ”
“    แหม  !    พอแกงเขียวหวานก็ลุกเลยนะ  !  ”    บุตรสาวแซว 
“    เออลูก  เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อน  และจะลงไปกินข้าวนะ  ”  ผู้เป็นพ่อรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที    ส่วนบุตรสาวก็ลงมาทานอาหารต่ออย่างรวดเร็ว    เมื่อทานเสร็จ  จึงเก็บจานชามไปล้างในครัวทันที
“    กาสะลอง    แม่เอากระเป๋าวางไว้ให้แล้วนะลูก  ”    ผู้เป็นแม่บอกหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังล้างจานชามอยู่ในครัว
“    ขอบคุณค่ะแม่  ”  ผู้ถูกขานชื่อกล่าวขอบคุณ  และจึงรีบไปหยิบกระเป๋าที่แม่ของเธอวางไว้บนโต๊ะ
“    พ่อคะ  ทานข้าวเสร็จหรือยัง  หนูพร้อมแล้วนะ  ”  เธอถามผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ทานอาหารจะเสร็จแล้ว
“    จ้า ๆ ๆ  เสร็จแล้วลูก  จะรีบไปไหนล่ะ  มหา ’ ลัยไม่หนีไปไหนหรอกลูก  ”  พ่อของเธอแซว
“    ก็วันนี้หนูต้องลงทะเบียนเรียนนี่คะ  ไปสายแล้วจะได้เรียนหรอ  ”  กาสะลองค้อนกลับ
“    จ้า ๆ  ไปก็ได้  ไปแล้วนะแม่  ”  พ่อกล่าวลาแม่  กาสะลองจึงเข้าไปกอดแม่  พร้อมกับเตือนด้วยความเป็นห่วง
“    แม่อยู่บ้าน  ระวังตัวด้วยนะคะ  ปิดบ้านให้ดีนะคะ  ใครเรียกอย่าเปิดนะ  ”
“    จ้า ๆ  เห็นเตือนมาตั้งแต่เล็กแล้วนะ  มีหรือแม่จะลืม  ”  แม่ของเธอแซว
“    ไปแล้วค่ะ  สวัสดีค่ะ  ”  เธอกล่าวลาพร้อมทั้งโผกอดและหอมอีกฟอดใหญ่
“    ไปได้แล้ว  รักษาตัวด้วยนะ  ”  แม่กล่าวเตือนเธอ  และเธอจึงละวงแขนนั้นออกไปขึ้นรถสีขาวคันกะทัดรัดของพ่อ  และรถก็ออกตัวไป  หญิงสาวได้แต่คิดถึงการเรียนในสถาบันใหม่ของเธออยู่ในใจ......
              เมื่อรถคันสีขาวขนาดกะทัดรัดจอดลงหน้ามหาวิทยาลัยของหญิงสาวแล้ว    เธอจึงพนมมือไหว้ผู้เป็นบิดาเพื่อแสดงความเคารพ
“    หนูไปแล้วนะคะ  สวัสดีค่ะ    ” 
“    เรียนให้สนุกนะ  ตอนเย็นหนูกลับดี ๆ  ระวังพวกคนแปลกหน้านะลูก  ”  พ่อของเธอกล่าวเตือน
“    ค่ะ  หนูไปล่ะค่ะ  ”  เธอรับคำและโบกมือลาผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้บังคับรถออกจากหน้ามหาวิทยาลัย    กาสะลองเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ตามทางที่นัดพบเพื่อนของเธอเอาไว้  เมื่อมาถึงเธอจึงยืนรอหน้าศาลาริมน้ำ
          เมื่อเธอรอได้สักพัก  ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินผ่านมา  เขามีร่างผอมสูง  มีดวงตาราวกับนกอินทรีที่โตและดำขลับ  คิ้วเข้มดำสนิท  ผมของเขามีสีน้ำตาลเข้ม    และเขาก็มาหยุดที่ตรงหน้าเธอ  และถามด้วยคำถามสั้น ๆ
“    ขอโทษนะครับ  ตึกลงทะเบียนไปทางไหนครับ  ”
สิ้นเสียงนั้น  หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าดูนาฬิกาอยู่ก็เงยหน้าขึ้น 
“    อ๋อ  ไปทางซ้ายน่ะค่ะ  จะเห็นตึกใหญ่  แล้วก็เดินไปที่....”  หญิงสาวชะงัก  และทำท่าทางสงสัย
ตอนที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมานั้น  ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง  เขามองที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง  ดวงตาคู่นั้นของเธอช่างน่าหลงใหลใบหน้าอันผุดผ่องของเธอ  ทำให้เขานั้นหัวใจแทบละลาย    เขาจ้องมองเธออยู่นาน    จนเธอต้องถามทันที
“    คุณคะ  เป็นอะไรรึเปล่า  ”
“    เอ่อ....เอ้อ...เปล่าครับ  เมื่อกี้นี้คุณตอบว่ายังไงหรือครับ  ”  เขาถามในขณะที่อาการอึ้งยังไม่หาไป
“    นี่คุณไม่ฟังเลยใช่ไหม    และจะถามฉันทำไม  ”    หญิงสาวตอบอย่างโมโห    ดวงตาของเธอจ้องมองไปทีเขาอย่างโมโห
“    ไม่ใช่นะครับคุณ  ผมแค่ ..  ”  ชายหนุ่มแก้ตัวพัลวัน    แต่เธอไม่สนใจ  และจะเดินหนี    แต่เขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้    เธอตกใจ  จึงหันกลับและใช้หมัดของเธอต่อยเข้าที่ตาเขาเต็มแรง    ดวงตานกอินทรีคู่นั้นจ้องมาที่เธอ  และถามเธอด้วยเสียงอันดัง  ทำให้คนรอบข้างหันมามองเขาและเธอทันที
“    คุณต่อยหน้าผมทำไม    ผมผิดเหรอที่ถามคุณน่ะ    ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้  ผมจะไม่ถามผู้หญิงหมัดหนักอย่างคุณเลย  !  ” 
“    ก็นายมาจับแขนฉันทำไม    ฉันก็ต้องสู้ก่อนสิ  ไม่รู้แหละ  ยังไงนายก็ผิดเต็มประตูนะ  ”    หญิงสาวตอบกลับทันที
“    งั้นผมต้องขอโทษด้วย  ที่ทำให้คุณตกใจ    แต่ผมไม่ตั้งใจจริง  ๆ  ”  เขากล่าวขอโทษเธอ  แต่เธอก็ยังโกรธอยู่นั่นเอง
“    แต่คุณก็ผิดนะ  ที่มาต่อยหน้าผม  คุณหมัดหนัก  ”    เขาล้อเธออย่างเล่น ๆ  แต่เธอไม่เล่นด้วย    จึงทำท่าว่าจะต่อยอีกสักหมัด    และพอเธอเงื้อมือขึ้น  เขาก็คว้ามือเธอไว้  และกล่าวอย่างเย้ย  ๆ  ขึ้นอีก
“    คุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก    เอาไว้เจอกันคราวหน้านะครับ  ”
เขาปล่อยมือเธอลง    และเดินออกไป  ปล่อยให้เธอยืนโกรธต่อไปอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
“  หือ....นายนะนาย    ฉันต้องเอาคืนให้ได้  ฮึ....  ” 
เธอยืนอยู่สักพัก  ก็มองไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินมา  หญิงสาวคนนั้นมีดวงตากลมโตดำขลับ  หุ่นร่างเล็กแบบบาง  ผิวขาวผุดผ่อง  นั่นคือ  แพรว  เพื่อนสาวที่เธอนัดไว้นั่นเอง
“    กาสะลอง  ๆ ๆ    ”  เพื่อนสาวของเธอเรียกมาแต่ไกล  กาสะลองจึงตอบกลับไป 
“    อ้าว  !  แพรว  มาแล้วเหรอ  รอตั้งนานแน่ะ  ทำไมช้าจังเลย    ” 
“    ก็....วันนี้รถติดมากเลยน่ะ    รถเมล์สายที่มามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยมีด้วย  ให้ทำไงได้ล่ะ  ” 
“    เอาล่ะ ๆ  เราไปลงทะเบียนดีกว่านะ  ”  เธอกล่าวชวน  และทั้งสองคนก็เดินไปที่ตึกลงทะเบียน
เมื่อเดินไปถึงหน้าตึก    กาสะลองก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียน  ตอนที่เธอกำลังกรอกใบลงทะเบียนอยู่นั้น  ผู้ชายทางด้านหลังเธอนั้นก็ชะเง้อดูข้อมูลที่เธอกรอกอย่างใคร่รู้    เมื่อเธอกรอกเสร็จ  เธอจึงหันกลับไปต่อว่าทันที
“    นี่  นายทำอะไรน่ะ  เห็นชะเง้อดูตั้งนานแล้วนะ  !  ” 
ผู้ชายคนนั้นที่เธอต่อว่า    พอเธอเห็นหน้าก็รู้ทันทีเลยว่า    เขาคือคนที่เธอต่อกรไปแล้วเมื่อเช้านี้นั่นเองเธอจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก    ดวงตานกอินทรีคู่นั้นจ้องกลับมา    และจึงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“    ก็ผมอยากรู้ว่าต้องดูข้อมูลตรงไหนบ้างนี่ครับ    หรือว่าคุณจะให้ผม.....”
เขากวาดตามองร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  ซึ่งมันบอกเป็นนัย ๆ ได้อย่างชัดเจน  เธอเริ่มโมโหมากขึ้นและเธอจึงใช้หมัดหนักของเธอพุ่งไปด้านหน้าตรงรอยบวมที่เธอต่อยเขาเมื่อเช้าที่ตาทันที
“    โอ้ย  !  คุณ.....โดนรอยเมื่อเช้าเต็ม ๆ  เลยนะ  ”  เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียดังลั่น  ทำให้ผู้คนในบริเวณนั่นจับตามองมาที่เขาและเธอ  รวมทั้งเพื่อนของกาสะลองและเพื่อนของเขาด้วย
“    ดีแล้ว    จะได้ไม่ต้องไปมองดูตรงนั้นตรงนี้ของคนอื่น ๆ เขา    ”  เธอตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน  และจึงตะโกนเรียกผู้คนในบริเวณนั้นด้วยเสียงอันดัง
“    เจ้าข้าเอ๊ย  !    มาดูเร้ว......ดูไว้ว่า  ผู้ชายคนนี้อันตรายนะ    พี่ ๆ น้อง ๆ  โปรดระวังให้ดี    ระวังทั้งตัวคุณและคนรักของคุณด้วย    เพราะผู้ชายคนนี้  ลามก  ที่สุดเลย    โปรดระวังด้วย  !  . ” 
สิ้นเสียงของกาสะลอง    ชายหนุ่มนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ    เขาลุกขึ้น  และโผเข้ากอดเธอทันที    เธอจึงร้องตะโกนอีกครั้ง
“    อ๊า.......ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย  !    เขาจะข่มขื่นฉัน    ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย  !    ”   
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้น    จึงรีบปล่อยมือออกจากตัวเธอทันที      และจึงบอกกับทุกคนออกไป
“    ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ    ไม่ใช่......  ”
ผู้คนที่อยู่นั้นบริเวณนั้น    ทั้งหญิงและชาย  เมื่อเห็นภาพนั้นแล้ว  ก็เชื่อว่าเขาผู้นั้นจะทำร้ายเธอจริง  ๆ  ทุกคนเริ่มมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
จึงเริ่มมาล้อมวงที่เขา  และกล่าวว่าเขาต่าง ๆ  นานา
“    นายนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะ  ทำร้ายผู้หญิงต่อหน้าต่อตาสาธารณชนอย่างพวกเราน่ะ  ”      ผู้ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเคือง ๆ
“    ใช่  ๆ  .........  ”  เสียงของทุกคนเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว      กาสะลองยิ้มอย่างเยาะ ๆ  มาทางเขาและจึงยืนดูเขาโดนรุมต่อว่าอย่างไม่สนใจ    จนกระทั่งมีเสียง ๆ หนึ่งดังมาจากข้างหลัง    และเธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง    เขามีผมตั้งสีน้ำตาลแดง    ร่างนั้นผอมสูง  ดวงตาสีดำยาวรี  เขากำลังเดินเข้ามาห้ามผู้คน
คนวงล้อมนั้น   
“    นี่.....หยุดนะ  พวกเธอจะทำอะไรน้องชายฉันน่ะ  !  ” 
สิ้นเสียงนั้น  ทุกคนก็รีบออกจากวงล้อมนั้น  และยืนนิ่งอย่างสงบ    นายผมตั้งสีน้ำตาลแดงนั้นรีบพยุงร่างของผู้ชายคนนั้นที่เขาเรียกว่า  “  น้องชาย  ”  ขึ้นมาทันที    หน้าตาของเขาคนนั้นดู ๆ  ไปแล้วก็ตลกพอควร    อาจจะเป็นเพราะโดนรุมว่ามากเกินไปจึงตกใจ    แต่ต่อมาเขาก็วางสีหน้าปกติเรียบเฉยได้นายผมตั้งคนนั้นกล่าวต่อว่าพวกที่รุมต่อว่าน้องชายเขาด้วยเสียงอันดัง
“    พวกเธอ  เกิดอะไรขึ้น  ทำไมต้องมารุมน้องชายฉันซะขนาดนั้นด้วย  !!  ”
พอพูดจบ    ผู้ชายคนหนึ่งก็ก้าวออกมา  พร้อมกับคำขอโทษ
“    ขอโทษครับ  ผมไม่ทราบว่าเป็นน้องชายของพี่ประธานนักศึกษา  ”
......ประธานนักศึกษาเหรอ  แย่แล้ว  !  ........  เธอคิด 
“    ก็ผู้หญิงคนนั้นน่ะครับ    เขาบอกว่าน้องชายของพี่  กำลังจะทำมิดีมิร้ายกับเขาน่ะครับ  ”    เขาชี้มาทางเธอ  ซึ่งตอนนี้กำลังยืนพิงเสาอยู่    เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้  และตอบกลับไป
“    ก็......ฉันไม่รู้นี่นา......ว่าจะเป็นน้องชายประธานนักศึกษาน่ะ    ” 
“    เอาล่ะ ๆ  ถือว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุแล้วกัน    ไปกันได้แล้ว    ”    ประธานนักศึกษากล่าว  ผู้คนทั้งหลายในบริเวณนั้นเร่งทยอยกลับไปเรื่อย ๆ  แต่เมื่อเธอกับแพรวจะออกไป    ประธานก็เรียกเธอขึ้น
“    นี่เธอ  มานี่สิ  ”   
เธอรู้สึกว่า  บรรยากาศรอบตัวตอนนี้  มันไม่ดีเอาเสียเลย    เธอจึงค่อย ๆ  เดินมาหาเขา  สีหน้าของเขาดูไปแล้วก็เคร่งขรึม  แต่แววตาของเขานั้นมีแววสนุกสนานและช่างเล่นเหมือนกับน้องชายของเขา  ที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้าง ๆ  เขานั่นเอง  และสายตาของนายนั่นก็มองมาที่เธอด้วย
“    ฉันต้องขอโทษเธอด้วย  ที่น้องชายฉันทำให้เธอเดือดร้อน  ”    เขากล่าวขอโทษเธอ    น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยน  และดูเป็นมิตรมาก  และในตอนนี้สีหน้าที่ดูเคร่งขรึมกลับกลายเป็นสีหน้าและท่าทางที่ดูเป็นมิตร    และอ่อนโยน
“    เอาล่ะ  ๆ  เรายังไม่รู้จักกันเลยนะ  พี่ขอแนะนำตัวก่อน    พี่ชื่อ  วิทย์    เป็นประธานนักศึกษา    พี่เรียนอยู่ปีที่  2  คณะศิลปกรรมศาสตร์    และน้องล่ะครับ  ”    วิทย์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ  และหันไปถามแพรว 
“    ฉันชื่อ  แพรว  ค่ะ  เรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์    ปีที่  1  ค่ะ  ”    แพรวแนะนำตัว
“    อื้อ.....คณะเดียวกันเลย    และน้องล่ะครับ    ชื่ออะไร  ”    วิทย์หันไปทางกาสะลอง
“    ฉันชื่อ  กาสะลอง  ค่ะ    เรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์    ปีที่  1  เหมือนกันค่ะ  ”
“    และนี่น้องชายผมครับ    ชื่อ  วิน    อยู่คณะเดียวกันกับพวกเราเลยครับ    ”    เขาแนะนำน้องชายของตนเองเสร็จสรรพ    จนวินตั้งตัวไม่ทัน
.......นายนี่ชื่อ  วิน  เหรอเนี่ย  ดูท่าทางไม่เป็นผู้ชนะเลยนะ....... กาสะลองคิด
เมื่อคุยกันสักพัก    ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา  ร่างของเขาผอมสูง  ดวงตาหรี่เล็กน้อย    ใบหน้าคล้ำและดูท่าทางแล้ว  เขาดูจะสนุกสนานพอควร  แล้วเขาเป็นใครนะ.........
“    เฮ้ย  !  วิน  มาแล้วเหรอ  ขอโทษทีที่มาสาย  ”  เขากล่าวทักเพื่อนของเขา    และเมื่อมองเหลือบมาเห็นแพรวเข้า  เขาก็นิ่งอึ้งไปทันที      เขาจ้องมองเธอเป็นเวลานาน  แต่เธอคงจะไม่สังเกต    แต่เขาก่อนตื่นขึ้นจากภวังค์    เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนหวานน่าฟังของแพรว
“    เอ่อ......นายเป็นอะไรรึเปล่า  ”
เขาสะดุ้ง    และตอบไปอย่างตะกุกตะกัก    จนกาสะลอง  วิทย์  และวินรู้ทัน  มีแต่แพรวเท่านั้นที่ยังไม่รู้
“    เอ่อ.....เอ้อ.....เปล่า ๆ  ไม่มีอะไร  ”
“    เออนี่    รู้จักกับเพื่อนฉันไว้ซิ    นี่ชื่อ  ไผ่  เรียนคณะเดียวกันกับพวกเรา  ”    วินแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จักอย่างเป็นทางการ
“    ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ”  ไผ่กล่าวกับทุกคน  แต่สายตานั้นส่งไปทางแพรว
“    ฉันชื่อแพรวค่ะ  ”  แพรวแนะนำตนเองกับไผ่
“    ฉันชื่อกาสะลองค่ะ  ”  กาสะลองแนะนำตนเองกับไผ่
“    ยินดีที่ได้รู้จักครับ    ”  ไผ่กล่าวกับกาสะลอง
“    เอาล่ะ  ๆ  เราขึ้นเรียนดีกว่า  เดี๋ยวสายไปกว่านี้  ”  วิทย์กล่าวขึ้น  และพาน้อง ๆ  ไปตึกเรียน
          เช้าวันนี้    หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอน    สะบัดผ้าห่มออกจากตัว  แล้วจึงเก็บพับวางไว้เป็นระเบียบก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ที่ราวแขวนในห้องนอนเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอนนั่นเอง
          หญิงสาวคนนี้    มีรูปร่างแบบบาง  ดู ๆ ไปแล้วก็คือ  หุ่นดี  นั่นเอง    ใบหน้าของเธอนวลผ่องและเกลี้ยงเกลา    ดวงตาของเธอกลมโตและดำขลับ    ผมยาวสลวยของเธอนั้นถูกปล่อยไว้กลางหลัง    ส่วนผมด้านหน้านั้นเป็นปอยผมที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมทำกัน   
          เมื่อเธออาบน้ำเสร็จ    เธอก็คว้ากระโปรงกับเสื้อนักศึกษามาสวมโดยเร็ว  เสร็จแล้วจึงเดินไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง  ใส่ครีมกันแดด  ทาแป้ง  แล้วจึงทาลิปมันที่ริมฝีปากแดง ๆ  ของเธอ  ต่อมาจึงหวีผม  และรวบผมยาวของเธอไว้เป็นหางม้า    ดูความเรียนร้อยเป็นครั้งสุดท้าย    แล้วจึงรีบลงไปทานอาหารเช้า   
        ตัวเธอเองนั้นไม่ค่อยชอบแต่งหน้า    ทั้ง ๆ ที่แม่เธอมักจะคอยเตือนเสมอว่าควรทำตัวให้ดูดี    แต่ว่าสำหรับเธอนั้นแค่ทาครีม  ทางแป้ง  ทาลิปมันนั้น  มันก็เพียงพอแล้ว    แค่นี้ก็ดูดีแล้วล่ะ
“    แม่คะ  กลิ่นอะไรหอมจัง  ”    เธอถามผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังสาละวนกับการเตรียมทำอาหารให้เธอ
“    เช้านี้มีแกงเขียวหวานจ๊ะ  ตักข้าวรอได้เลยนะ    จะเสร็จแล้ว  ”    ผู้เป็นแม่ตอบ
“    โอเคค่ะ  ข้าวอยู่ไหนคะ  ”
“    บนเตาน่ะจ๊ะ    ตักได้เลย  ”
เมื่อเธอตักข้าวเสร็จแล้ว    เธอจึงเดินไปตักแกงที่แม่ของเธอทำเสร็จแล้ว  แล้วนำออกไปทานที่โต๊ะรับประทานอาหาร  ซึ่งอยู่อีกส่วนหนึ่งของห้องครัว   
“    เอ....พ่อยังไม่ลงมาอีกหรือคะ  ”  เธอถามแม่ของเธอขณะที่เธอทานอาหารไปสักพัก
“    เออใช่....พ่อหนูยังไม่ลงมาเลย  หนูไปตามให้แม่หน่อยได้ไหม  ” 
“    ได้ค่ะ  เดี๋ยวหนูไปตามให้  ”  เธอรับคำแล้วจึงรีบขึ้นไปตามพ่อของเธอ  ที่ตอนนี้....ยังหลับไม่รู้เวลาอยู่บนตียงนั่นเอง
เมื่อเธอปีนขึ้นบันไดมาถึงชั้นบนแล้ว  เธอถึงกับหอบ  เพราะบันไดที่บ้านมีหลายขั้น  เธอเดินไปตามทางเดินสั้น ๆ  แล้วจึงหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่  ซึ่งในห้องนั้นมีบุคคลที่ยังหลับไม่ยอมตื่น  และยังส่งเสียงรบกวนผู้ที่หลับนอนกับตนอยู่ภายใน    หญิงสาวเคาะประตูห้องนอนนั้น  แล้วจึงส่งเสียงเรียก
“    พ่อ  !  ตื่นได้แล้ว  รู้ไหมมันกี่โมงแล้วเนี่ย      ถ้าหนูไปเรียนไม่ทันหนูจะโทษพ่อนะ  !  ”
.....เงียบ.....
“    พ่อ  !  เวลานอนมีถมเถไป  แต่ตอนนี้  พ่อต้องตื่นนะเดี๋ยวหนูจะไม่ได้ไปมหา ’ ลัยกันพอดีนะ  พ่อ  ตื่นสิ  ”
....เงียบอีกแล้ว.....
คราวนี้เธอทนไม่ไหว    จึงบิดลูกบิดประตู  แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน    สิ่งที่เธอเห็นคือ    ร่างใหญ่กำลังนอนแน่นิ่ง  ไม่ไหวติงอยู่บนตียง    เธอจึงคลานขึ้นไปบนเตียง    และรีบเขย่าตัวผู้เป็นพ่อโดยแรง
“    พ่อ  !  นี่มัน  6 โมง  45  แล้ว  เดี๋ยวหนูไปมหา’ ลัยสายนะ  พ่อลืมแล้วเหรอ  ว่าวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกน่ะ  แล้วแม่ก็ทำแกงเขียวหวานที่พ่อชอบด้วยนะ  พ่อ !  ”
สิ้นเสียงเรียกของผู้เป็นลูก    ผู้ที่หลับอยู่บนเตียงก็ผุดลุกขึ้นทันที  !
“    เออใช่  วันนี้เป็นวันเปิดเรียน  แถมมีแกงเขียวหวานอีก  ไม่ได้การล่ะ  ”
“    แหม  !    พอแกงเขียวหวานก็ลุกเลยนะ  !  ”    บุตรสาวแซว 
“    เออลูก  เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อน  และจะลงไปกินข้าวนะ  ”  ผู้เป็นพ่อรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที    ส่วนบุตรสาวก็ลงมาทานอาหารต่ออย่างรวดเร็ว    เมื่อทานเสร็จ  จึงเก็บจานชามไปล้างในครัวทันที
“    กาสะลอง    แม่เอากระเป๋าวางไว้ให้แล้วนะลูก  ”    ผู้เป็นแม่บอกหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังล้างจานชามอยู่ในครัว
“    ขอบคุณค่ะแม่  ”  ผู้ถูกขานชื่อกล่าวขอบคุณ  และจึงรีบไปหยิบกระเป๋าที่แม่ของเธอวางไว้บนโต๊ะ
“    พ่อคะ  ทานข้าวเสร็จหรือยัง  หนูพร้อมแล้วนะ  ”  เธอถามผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ทานอาหารจะเสร็จแล้ว
“    จ้า ๆ ๆ  เสร็จแล้วลูก  จะรีบไปไหนล่ะ  มหา ’ ลัยไม่หนีไปไหนหรอกลูก  ”  พ่อของเธอแซว
“    ก็วันนี้หนูต้องลงทะเบียนเรียนนี่คะ  ไปสายแล้วจะได้เรียนหรอ  ”  กาสะลองค้อนกลับ
“    จ้า ๆ  ไปก็ได้  ไปแล้วนะแม่  ”  พ่อกล่าวลาแม่  กาสะลองจึงเข้าไปกอดแม่  พร้อมกับเตือนด้วยความเป็นห่วง
“    แม่อยู่บ้าน  ระวังตัวด้วยนะคะ  ปิดบ้านให้ดีนะคะ  ใครเรียกอย่าเปิดนะ  ”
“    จ้า ๆ  เห็นเตือนมาตั้งแต่เล็กแล้วนะ  มีหรือแม่จะลืม  ”  แม่ของเธอแซว
“    ไปแล้วค่ะ  สวัสดีค่ะ  ”  เธอกล่าวลาพร้อมทั้งโผกอดและหอมอีกฟอดใหญ่
“    ไปได้แล้ว  รักษาตัวด้วยนะ  ”  แม่กล่าวเตือนเธอ  และเธอจึงละวงแขนนั้นออกไปขึ้นรถสีขาวคันกะทัดรัดของพ่อ  และรถก็ออกตัวไป  หญิงสาวได้แต่คิดถึงการเรียนในสถาบันใหม่ของเธออยู่ในใจ......
              เมื่อรถคันสีขาวขนาดกะทัดรัดจอดลงหน้ามหาวิทยาลัยของหญิงสาวแล้ว    เธอจึงพนมมือไหว้ผู้เป็นบิดาเพื่อแสดงความเคารพ
“    หนูไปแล้วนะคะ  สวัสดีค่ะ    ” 
“    เรียนให้สนุกนะ  ตอนเย็นหนูกลับดี ๆ  ระวังพวกคนแปลกหน้านะลูก  ”  พ่อของเธอกล่าวเตือน
“    ค่ะ  หนูไปล่ะค่ะ  ”  เธอรับคำและโบกมือลาผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้บังคับรถออกจากหน้ามหาวิทยาลัย    กาสะลองเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ตามทางที่นัดพบเพื่อนของเธอเอาไว้  เมื่อมาถึงเธอจึงยืนรอหน้าศาลาริมน้ำ
          เมื่อเธอรอได้สักพัก  ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินผ่านมา  เขามีร่างผอมสูง  มีดวงตาราวกับนกอินทรีที่โตและดำขลับ  คิ้วเข้มดำสนิท  ผมของเขามีสีน้ำตาลเข้ม    และเขาก็มาหยุดที่ตรงหน้าเธอ  และถามด้วยคำถามสั้น ๆ
“    ขอโทษนะครับ  ตึกลงทะเบียนไปทางไหนครับ  ”
สิ้นเสียงนั้น  หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าดูนาฬิกาอยู่ก็เงยหน้าขึ้น 
“    อ๋อ  ไปทางซ้ายน่ะค่ะ  จะเห็นตึกใหญ่  แล้วก็เดินไปที่....”  หญิงสาวชะงัก  และทำท่าทางสงสัย
ตอนที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมานั้น  ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง  เขามองที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง  ดวงตาคู่นั้นของเธอช่างน่าหลงใหลใบหน้าอันผุดผ่องของเธอ  ทำให้เขานั้นหัวใจแทบละลาย    เขาจ้องมองเธออยู่นาน    จนเธอต้องถามทันที
“    คุณคะ  เป็นอะไรรึเปล่า  ”
“    เอ่อ....เอ้อ...เปล่าครับ  เมื่อกี้นี้คุณตอบว่ายังไงหรือครับ  ”  เขาถามในขณะที่อาการอึ้งยังไม่หาไป
“    นี่คุณไม่ฟังเลยใช่ไหม    และจะถามฉันทำไม  ”    หญิงสาวตอบอย่างโมโห    ดวงตาของเธอจ้องมองไปทีเขาอย่างโมโห
“    ไม่ใช่นะครับคุณ  ผมแค่ ..  ”  ชายหนุ่มแก้ตัวพัลวัน    แต่เธอไม่สนใจ  และจะเดินหนี    แต่เขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้    เธอตกใจ  จึงหันกลับและใช้หมัดของเธอต่อยเข้าที่ตาเขาเต็มแรง    ดวงตานกอินทรีคู่นั้นจ้องมาที่เธอ  และถามเธอด้วยเสียงอันดัง  ทำให้คนรอบข้างหันมามองเขาและเธอทันที
“    คุณต่อยหน้าผมทำไม    ผมผิดเหรอที่ถามคุณน่ะ    ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้  ผมจะไม่ถามผู้หญิงหมัดหนักอย่างคุณเลย  !  ” 
“    ก็นายมาจับแขนฉันทำไม    ฉันก็ต้องสู้ก่อนสิ  ไม่รู้แหละ  ยังไงนายก็ผิดเต็มประตูนะ  ”    หญิงสาวตอบกลับทันที
“    งั้นผมต้องขอโทษด้วย  ที่ทำให้คุณตกใจ    แต่ผมไม่ตั้งใจจริง  ๆ  ”  เขากล่าวขอโทษเธอ  แต่เธอก็ยังโกรธอยู่นั่นเอง
“    แต่คุณก็ผิดนะ  ที่มาต่อยหน้าผม  คุณหมัดหนัก  ”    เขาล้อเธออย่างเล่น ๆ  แต่เธอไม่เล่นด้วย    จึงทำท่าว่าจะต่อยอีกสักหมัด    และพอเธอเงื้อมือขึ้น  เขาก็คว้ามือเธอไว้  และกล่าวอย่างเย้ย  ๆ  ขึ้นอีก
“    คุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก    เอาไว้เจอกันคราวหน้านะครับ  ”
เขาปล่อยมือเธอลง    และเดินออกไป  ปล่อยให้เธอยืนโกรธต่อไปอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
“  หือ....นายนะนาย    ฉันต้องเอาคืนให้ได้  ฮึ....  ” 
เธอยืนอยู่สักพัก  ก็มองไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินมา  หญิงสาวคนนั้นมีดวงตากลมโตดำขลับ  หุ่นร่างเล็กแบบบาง  ผิวขาวผุดผ่อง  นั่นคือ  แพรว  เพื่อนสาวที่เธอนัดไว้นั่นเอง
“    กาสะลอง  ๆ ๆ    ”  เพื่อนสาวของเธอเรียกมาแต่ไกล  กาสะลองจึงตอบกลับไป 
“    อ้าว  !  แพรว  มาแล้วเหรอ  รอตั้งนานแน่ะ  ทำไมช้าจังเลย    ” 
“    ก็....วันนี้รถติดมากเลยน่ะ    รถเมล์สายที่มามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยมีด้วย  ให้ทำไงได้ล่ะ  ” 
“    เอาล่ะ ๆ  เราไปลงทะเบียนดีกว่านะ  ”  เธอกล่าวชวน  และทั้งสองคนก็เดินไปที่ตึกลงทะเบียน
เมื่อเดินไปถึงหน้าตึก    กาสะลองก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียน  ตอนที่เธอกำลังกรอกใบลงทะเบียนอยู่นั้น  ผู้ชายทางด้านหลังเธอนั้นก็ชะเง้อดูข้อมูลที่เธอกรอกอย่างใคร่รู้    เมื่อเธอกรอกเสร็จ  เธอจึงหันกลับไปต่อว่าทันที
“    นี่  นายทำอะไรน่ะ  เห็นชะเง้อดูตั้งนานแล้วนะ  !  ” 
ผู้ชายคนนั้นที่เธอต่อว่า    พอเธอเห็นหน้าก็รู้ทันทีเลยว่า    เขาคือคนที่เธอต่อกรไปแล้วเมื่อเช้านี้นั่นเองเธอจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก    ดวงตานกอินทรีคู่นั้นจ้องกลับมา    และจึงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“    ก็ผมอยากรู้ว่าต้องดูข้อมูลตรงไหนบ้างนี่ครับ    หรือว่าคุณจะให้ผม.....”
เขากวาดตามองร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  ซึ่งมันบอกเป็นนัย ๆ ได้อย่างชัดเจน  เธอเริ่มโมโหมากขึ้นและเธอจึงใช้หมัดหนักของเธอพุ่งไปด้านหน้าตรงรอยบวมที่เธอต่อยเขาเมื่อเช้าที่ตาทันที
“    โอ้ย  !  คุณ.....โดนรอยเมื่อเช้าเต็ม ๆ  เลยนะ  ”  เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียดังลั่น  ทำให้ผู้คนในบริเวณนั่นจับตามองมาที่เขาและเธอ  รวมทั้งเพื่อนของกาสะลองและเพื่อนของเขาด้วย
“    ดีแล้ว    จะได้ไม่ต้องไปมองดูตรงนั้นตรงนี้ของคนอื่น ๆ เขา    ”  เธอตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน  และจึงตะโกนเรียกผู้คนในบริเวณนั้นด้วยเสียงอันดัง
“    เจ้าข้าเอ๊ย  !    มาดูเร้ว......ดูไว้ว่า  ผู้ชายคนนี้อันตรายนะ    พี่ ๆ น้อง ๆ  โปรดระวังให้ดี    ระวังทั้งตัวคุณและคนรักของคุณด้วย    เพราะผู้ชายคนนี้  ลามก  ที่สุดเลย    โปรดระวังด้วย  !  . ” 
สิ้นเสียงของกาสะลอง    ชายหนุ่มนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ    เขาลุกขึ้น  และโผเข้ากอดเธอทันที    เธอจึงร้องตะโกนอีกครั้ง
“    อ๊า.......ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย  !    เขาจะข่มขื่นฉัน    ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย  !    ”   
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้น    จึงรีบปล่อยมือออกจากตัวเธอทันที      และจึงบอกกับทุกคนออกไป
“    ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ    ไม่ใช่......  ”
ผู้คนที่อยู่นั้นบริเวณนั้น    ทั้งหญิงและชาย  เมื่อเห็นภาพนั้นแล้ว  ก็เชื่อว่าเขาผู้นั้นจะทำร้ายเธอจริง  ๆ  ทุกคนเริ่มมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
จึงเริ่มมาล้อมวงที่เขา  และกล่าวว่าเขาต่าง ๆ  นานา
“    นายนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะ  ทำร้ายผู้หญิงต่อหน้าต่อตาสาธารณชนอย่างพวกเราน่ะ  ”      ผู้ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเคือง ๆ
“    ใช่  ๆ  .........  ”  เสียงของทุกคนเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว      กาสะลองยิ้มอย่างเยาะ ๆ  มาทางเขาและจึงยืนดูเขาโดนรุมต่อว่าอย่างไม่สนใจ    จนกระทั่งมีเสียง ๆ หนึ่งดังมาจากข้างหลัง    และเธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง    เขามีผมตั้งสีน้ำตาลแดง    ร่างนั้นผอมสูง  ดวงตาสีดำยาวรี  เขากำลังเดินเข้ามาห้ามผู้คน
คนวงล้อมนั้น   
“    นี่.....หยุดนะ  พวกเธอจะทำอะไรน้องชายฉันน่ะ  !  ” 
สิ้นเสียงนั้น  ทุกคนก็รีบออกจากวงล้อมนั้น  และยืนนิ่งอย่างสงบ    นายผมตั้งสีน้ำตาลแดงนั้นรีบพยุงร่างของผู้ชายคนนั้นที่เขาเรียกว่า  “  น้องชาย  ”  ขึ้นมาทันที    หน้าตาของเขาคนนั้นดู ๆ  ไปแล้วก็ตลกพอควร    อาจจะเป็นเพราะโดนรุมว่ามากเกินไปจึงตกใจ    แต่ต่อมาเขาก็วางสีหน้าปกติเรียบเฉยได้นายผมตั้งคนนั้นกล่าวต่อว่าพวกที่รุมต่อว่าน้องชายเขาด้วยเสียงอันดัง
“    พวกเธอ  เกิดอะไรขึ้น  ทำไมต้องมารุมน้องชายฉันซะขนาดนั้นด้วย  !!  ”
พอพูดจบ    ผู้ชายคนหนึ่งก็ก้าวออกมา  พร้อมกับคำขอโทษ
“    ขอโทษครับ  ผมไม่ทราบว่าเป็นน้องชายของพี่ประธานนักศึกษา  ”
......ประธานนักศึกษาเหรอ  แย่แล้ว  !  ........  เธอคิด 
“    ก็ผู้หญิงคนนั้นน่ะครับ    เขาบอกว่าน้องชายของพี่  กำลังจะทำมิดีมิร้ายกับเขาน่ะครับ  ”    เขาชี้มาทางเธอ  ซึ่งตอนนี้กำลังยืนพิงเสาอยู่    เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้  และตอบกลับไป
“    ก็......ฉันไม่รู้นี่นา......ว่าจะเป็นน้องชายประธานนักศึกษาน่ะ    ” 
“    เอาล่ะ ๆ  ถือว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุแล้วกัน    ไปกันได้แล้ว    ”    ประธานนักศึกษากล่าว  ผู้คนทั้งหลายในบริเวณนั้นเร่งทยอยกลับไปเรื่อย ๆ  แต่เมื่อเธอกับแพรวจะออกไป    ประธานก็เรียกเธอขึ้น
“    นี่เธอ  มานี่สิ  ”   
เธอรู้สึกว่า  บรรยากาศรอบตัวตอนนี้  มันไม่ดีเอาเสียเลย    เธอจึงค่อย ๆ  เดินมาหาเขา  สีหน้าของเขาดูไปแล้วก็เคร่งขรึม  แต่แววตาของเขานั้นมีแววสนุกสนานและช่างเล่นเหมือนกับน้องชายของเขา  ที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้าง ๆ  เขานั่นเอง  และสายตาของนายนั่นก็มองมาที่เธอด้วย
“    ฉันต้องขอโทษเธอด้วย  ที่น้องชายฉันทำให้เธอเดือดร้อน  ”    เขากล่าวขอโทษเธอ    น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยน  และดูเป็นมิตรมาก  และในตอนนี้สีหน้าที่ดูเคร่งขรึมกลับกลายเป็นสีหน้าและท่าทางที่ดูเป็นมิตร    และอ่อนโยน
“    เอาล่ะ  ๆ  เรายังไม่รู้จักกันเลยนะ  พี่ขอแนะนำตัวก่อน    พี่ชื่อ  วิทย์    เป็นประธานนักศึกษา    พี่เรียนอยู่ปีที่  2  คณะศิลปกรรมศาสตร์    และน้องล่ะครับ  ”    วิทย์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ  และหันไปถามแพรว 
“    ฉันชื่อ  แพรว  ค่ะ  เรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์    ปีที่  1  ค่ะ  ”    แพรวแนะนำตัว
“    อื้อ.....คณะเดียวกันเลย    และน้องล่ะครับ    ชื่ออะไร  ”    วิทย์หันไปทางกาสะลอง
“    ฉันชื่อ  กาสะลอง  ค่ะ    เรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์    ปีที่  1  เหมือนกันค่ะ  ”
“    และนี่น้องชายผมครับ    ชื่อ  วิน    อยู่คณะเดียวกันกับพวกเราเลยครับ    ”    เขาแนะนำน้องชายของตนเองเสร็จสรรพ    จนวินตั้งตัวไม่ทัน
.......นายนี่ชื่อ  วิน  เหรอเนี่ย  ดูท่าทางไม่เป็นผู้ชนะเลยนะ....... กาสะลองคิด
เมื่อคุยกันสักพัก    ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา  ร่างของเขาผอมสูง  ดวงตาหรี่เล็กน้อย    ใบหน้าคล้ำและดูท่าทางแล้ว  เขาดูจะสนุกสนานพอควร  แล้วเขาเป็นใครนะ.........
“    เฮ้ย  !  วิน  มาแล้วเหรอ  ขอโทษทีที่มาสาย  ”  เขากล่าวทักเพื่อนของเขา    และเมื่อมองเหลือบมาเห็นแพรวเข้า  เขาก็นิ่งอึ้งไปทันที      เขาจ้องมองเธอเป็นเวลานาน  แต่เธอคงจะไม่สังเกต    แต่เขาก่อนตื่นขึ้นจากภวังค์    เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนหวานน่าฟังของแพรว
“    เอ่อ......นายเป็นอะไรรึเปล่า  ”
เขาสะดุ้ง    และตอบไปอย่างตะกุกตะกัก    จนกาสะลอง  วิทย์  และวินรู้ทัน  มีแต่แพรวเท่านั้นที่ยังไม่รู้
“    เอ่อ.....เอ้อ.....เปล่า ๆ  ไม่มีอะไร  ”
“    เออนี่    รู้จักกับเพื่อนฉันไว้ซิ    นี่ชื่อ  ไผ่  เรียนคณะเดียวกันกับพวกเรา  ”    วินแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จักอย่างเป็นทางการ
“    ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ”  ไผ่กล่าวกับทุกคน  แต่สายตานั้นส่งไปทางแพรว
“    ฉันชื่อแพรวค่ะ  ”  แพรวแนะนำตนเองกับไผ่
“    ฉันชื่อกาสะลองค่ะ  ”  กาสะลองแนะนำตนเองกับไผ่
“    ยินดีที่ได้รู้จักครับ    ”  ไผ่กล่าวกับกาสะลอง
“    เอาล่ะ  ๆ  เราขึ้นเรียนดีกว่า  เดี๋ยวสายไปกว่านี้  ”  วิทย์กล่าวขึ้น  และพาน้อง ๆ  ไปตึกเรียน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น