ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอฝากรัก...ไว้ที่เธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : เปิดเทอมวันแรก

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 48


          เช้าวันนี้อากาศสดใส    ดวงตะวันกำลังจะขึ้นจากขอบฟ้า    ส่องแสงเรืองรองเป็นสีทองสดใส   เป็นสัญลักษณ์ของวันใหม่   ที่คอยปลุกผู้คนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา    มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้โลกใบนี้มีสีสันมากขึ้น    เวลามันทอแสงสีทองบนท้องฟ้า    มันเหมือนกับว่า   มีผ้าสีทองมากางคลุมเอาไว้บนท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้น

               เช้าวันนี้    หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอน    สะบัดผ้าห่มออกจากตัว   แล้วจึงเก็บพับวางไว้เป็นระเบียบก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ที่ราวแขวนในห้องนอนเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอนนั่นเอง

               หญิงสาวคนนี้    มีรูปร่างแบบบาง   ดู ๆ ไปแล้วก็คือ  หุ่นดี  นั่นเอง    ใบหน้าของเธอนวลผ่องและเกลี้ยงเกลา    ดวงตาของเธอกลมโตและดำขลับ    ผมยาวสลวยของเธอนั้นถูกปล่อยไว้กลางหลัง    ส่วนผมด้านหน้านั้นเป็นปอยผมที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมทำกัน    

               เมื่อเธออาบน้ำเสร็จ    เธอก็คว้ากระโปรงกับเสื้อนักศึกษามาสวมโดยเร็ว   เสร็จแล้วจึงเดินไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง   ใส่ครีมกันแดด   ทาแป้ง   แล้วจึงทาลิปมันที่ริมฝีปากแดง ๆ  ของเธอ   ต่อมาจึงหวีผม   และรวบผมยาวของเธอไว้เป็นหางม้า     ดูความเรียนร้อยเป็นครั้งสุดท้าย    แล้วจึงรีบลงไปทานอาหารเช้า    

            ตัวเธอเองนั้นไม่ค่อยชอบแต่งหน้า    ทั้ง ๆ ที่แม่เธอมักจะคอยเตือนเสมอว่าควรทำตัวให้ดูดี     แต่ว่าสำหรับเธอนั้นแค่ทาครีม  ทางแป้ง  ทาลิปมันนั้น   มันก็เพียงพอแล้ว    แค่นี้ก็ดูดีแล้วล่ะ



    “    แม่คะ  กลิ่นอะไรหอมจัง   ”    เธอถามผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังสาละวนกับการเตรียมทำอาหารให้เธอ

    “    เช้านี้มีแกงเขียวหวานจ๊ะ   ตักข้าวรอได้เลยนะ    จะเสร็จแล้ว   ”    ผู้เป็นแม่ตอบ

    “    โอเคค่ะ   ข้าวอยู่ไหนคะ  ”

    “    บนเตาน่ะจ๊ะ    ตักได้เลย   ”

    เมื่อเธอตักข้าวเสร็จแล้ว    เธอจึงเดินไปตักแกงที่แม่ของเธอทำเสร็จแล้ว  แล้วนำออกไปทานที่โต๊ะรับประทานอาหาร   ซึ่งอยู่อีกส่วนหนึ่งของห้องครัว    

    “    เอ....พ่อยังไม่ลงมาอีกหรือคะ  ”   เธอถามแม่ของเธอขณะที่เธอทานอาหารไปสักพัก

    “    เออใช่....พ่อหนูยังไม่ลงมาเลย  หนูไปตามให้แม่หน่อยได้ไหม   ”  

    “    ได้ค่ะ  เดี๋ยวหนูไปตามให้   ”   เธอรับคำแล้วจึงรีบขึ้นไปตามพ่อของเธอ   ที่ตอนนี้....ยังหลับไม่รู้เวลาอยู่บนตียงนั่นเอง

    เมื่อเธอปีนขึ้นบันไดมาถึงชั้นบนแล้ว   เธอถึงกับหอบ   เพราะบันไดที่บ้านมีหลายขั้น  เธอเดินไปตามทางเดินสั้น ๆ   แล้วจึงหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่   ซึ่งในห้องนั้นมีบุคคลที่ยังหลับไม่ยอมตื่น  และยังส่งเสียงรบกวนผู้ที่หลับนอนกับตนอยู่ภายใน    หญิงสาวเคาะประตูห้องนอนนั้น   แล้วจึงส่งเสียงเรียก

    “    พ่อ  !  ตื่นได้แล้ว  รู้ไหมมันกี่โมงแล้วเนี่ย      ถ้าหนูไปเรียนไม่ทันหนูจะโทษพ่อนะ  !   ”

    .....เงียบ.....

    “    พ่อ  !   เวลานอนมีถมเถไป   แต่ตอนนี้  พ่อต้องตื่นนะเดี๋ยวหนูจะไม่ได้ไปมหา ’ ลัยกันพอดีนะ  พ่อ   ตื่นสิ   ”

    ....เงียบอีกแล้ว.....

    คราวนี้เธอทนไม่ไหว    จึงบิดลูกบิดประตู   แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน    สิ่งที่เธอเห็นคือ    ร่างใหญ่กำลังนอนแน่นิ่ง  ไม่ไหวติงอยู่บนตียง    เธอจึงคลานขึ้นไปบนเตียง    และรีบเขย่าตัวผู้เป็นพ่อโดยแรง

    “    พ่อ  !  นี่มัน  6 โมง  45  แล้ว  เดี๋ยวหนูไปมหา’ ลัยสายนะ   พ่อลืมแล้วเหรอ  ว่าวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกน่ะ   แล้วแม่ก็ทำแกงเขียวหวานที่พ่อชอบด้วยนะ   พ่อ !   ”

    สิ้นเสียงเรียกของผู้เป็นลูก    ผู้ที่หลับอยู่บนเตียงก็ผุดลุกขึ้นทันที   !

    “    เออใช่   วันนี้เป็นวันเปิดเรียน  แถมมีแกงเขียวหวานอีก   ไม่ได้การล่ะ   ”

    “    แหม   !    พอแกงเขียวหวานก็ลุกเลยนะ  !   ”    บุตรสาวแซว  

    “    เออลูก  เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อน   และจะลงไปกินข้าวนะ   ”   ผู้เป็นพ่อรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที     ส่วนบุตรสาวก็ลงมาทานอาหารต่ออย่างรวดเร็ว    เมื่อทานเสร็จ  จึงเก็บจานชามไปล้างในครัวทันที

    “    กาสะลอง    แม่เอากระเป๋าวางไว้ให้แล้วนะลูก   ”    ผู้เป็นแม่บอกหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังล้างจานชามอยู่ในครัว

    “    ขอบคุณค่ะแม่   ”   ผู้ถูกขานชื่อกล่าวขอบคุณ   และจึงรีบไปหยิบกระเป๋าที่แม่ของเธอวางไว้บนโต๊ะ

    “    พ่อคะ   ทานข้าวเสร็จหรือยัง  หนูพร้อมแล้วนะ   ”   เธอถามผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ทานอาหารจะเสร็จแล้ว

    “    จ้า ๆ ๆ  เสร็จแล้วลูก   จะรีบไปไหนล่ะ   มหา ’ ลัยไม่หนีไปไหนหรอกลูก   ”  พ่อของเธอแซว

    “    ก็วันนี้หนูต้องลงทะเบียนเรียนนี่คะ   ไปสายแล้วจะได้เรียนหรอ   ”   กาสะลองค้อนกลับ

    “    จ้า ๆ  ไปก็ได้   ไปแล้วนะแม่   ”   พ่อกล่าวลาแม่   กาสะลองจึงเข้าไปกอดแม่   พร้อมกับเตือนด้วยความเป็นห่วง

    “    แม่อยู่บ้าน   ระวังตัวด้วยนะคะ   ปิดบ้านให้ดีนะคะ   ใครเรียกอย่าเปิดนะ   ”

    “    จ้า ๆ  เห็นเตือนมาตั้งแต่เล็กแล้วนะ   มีหรือแม่จะลืม   ”   แม่ของเธอแซว

    “    ไปแล้วค่ะ   สวัสดีค่ะ   ”  เธอกล่าวลาพร้อมทั้งโผกอดและหอมอีกฟอดใหญ่

    “    ไปได้แล้ว   รักษาตัวด้วยนะ   ”   แม่กล่าวเตือนเธอ   และเธอจึงละวงแขนนั้นออกไปขึ้นรถสีขาวคันกะทัดรัดของพ่อ   และรถก็ออกตัวไป   หญิงสาวได้แต่คิดถึงการเรียนในสถาบันใหม่ของเธออยู่ในใจ......

                  เมื่อรถคันสีขาวขนาดกะทัดรัดจอดลงหน้ามหาวิทยาลัยของหญิงสาวแล้ว     เธอจึงพนมมือไหว้ผู้เป็นบิดาเพื่อแสดงความเคารพ

    “    หนูไปแล้วนะคะ   สวัสดีค่ะ    ”  

    “    เรียนให้สนุกนะ   ตอนเย็นหนูกลับดี ๆ  ระวังพวกคนแปลกหน้านะลูก   ”  พ่อของเธอกล่าวเตือน

    “    ค่ะ  หนูไปล่ะค่ะ   ”   เธอรับคำและโบกมือลาผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้บังคับรถออกจากหน้ามหาวิทยาลัย     กาสะลองเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ตามทางที่นัดพบเพื่อนของเธอเอาไว้   เมื่อมาถึงเธอจึงยืนรอหน้าศาลาริมน้ำ



              เมื่อเธอรอได้สักพัก   ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินผ่านมา   เขามีร่างผอมสูง   มีดวงตาราวกับนกอินทรีที่โตและดำขลับ   คิ้วเข้มดำสนิท   ผมของเขามีสีน้ำตาลเข้ม    และเขาก็มาหยุดที่ตรงหน้าเธอ   และถามด้วยคำถามสั้น ๆ

    “    ขอโทษนะครับ   ตึกลงทะเบียนไปทางไหนครับ   ”

    สิ้นเสียงนั้น   หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าดูนาฬิกาอยู่ก็เงยหน้าขึ้น  

    “    อ๋อ   ไปทางซ้ายน่ะค่ะ   จะเห็นตึกใหญ่   แล้วก็เดินไปที่....”   หญิงสาวชะงัก   และทำท่าทางสงสัย

    ตอนที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมานั้น   ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง   เขามองที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง   ดวงตาคู่นั้นของเธอช่างน่าหลงใหลใบหน้าอันผุดผ่องของเธอ   ทำให้เขานั้นหัวใจแทบละลาย    เขาจ้องมองเธออยู่นาน    จนเธอต้องถามทันที

    “    คุณคะ  เป็นอะไรรึเปล่า   ”

    “    เอ่อ....เอ้อ...เปล่าครับ   เมื่อกี้นี้คุณตอบว่ายังไงหรือครับ   ”   เขาถามในขณะที่อาการอึ้งยังไม่หาไป

    “    นี่คุณไม่ฟังเลยใช่ไหม    และจะถามฉันทำไม   ”    หญิงสาวตอบอย่างโมโห    ดวงตาของเธอจ้องมองไปทีเขาอย่างโมโห

    “    ไม่ใช่นะครับคุณ   ผมแค่…..  ”   ชายหนุ่มแก้ตัวพัลวัน    แต่เธอไม่สนใจ   และจะเดินหนี    แต่เขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้    เธอตกใจ   จึงหันกลับและใช้หมัดของเธอต่อยเข้าที่ตาเขาเต็มแรง    ดวงตานกอินทรีคู่นั้นจ้องมาที่เธอ   และถามเธอด้วยเสียงอันดัง   ทำให้คนรอบข้างหันมามองเขาและเธอทันที

    “    คุณต่อยหน้าผมทำไม    ผมผิดเหรอที่ถามคุณน่ะ    ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้   ผมจะไม่ถามผู้หญิงหมัดหนักอย่างคุณเลย  !   ”  

    “    ก็นายมาจับแขนฉันทำไม    ฉันก็ต้องสู้ก่อนสิ   ไม่รู้แหละ   ยังไงนายก็ผิดเต็มประตูนะ   ”    หญิงสาวตอบกลับทันที

    “    งั้นผมต้องขอโทษด้วย  ที่ทำให้คุณตกใจ    แต่ผมไม่ตั้งใจจริง  ๆ   ”   เขากล่าวขอโทษเธอ   แต่เธอก็ยังโกรธอยู่นั่นเอง

    “    แต่คุณก็ผิดนะ  ที่มาต่อยหน้าผม   คุณหมัดหนัก   ”    เขาล้อเธออย่างเล่น ๆ   แต่เธอไม่เล่นด้วย    จึงทำท่าว่าจะต่อยอีกสักหมัด    และพอเธอเงื้อมือขึ้น  เขาก็คว้ามือเธอไว้   และกล่าวอย่างเย้ย  ๆ  ขึ้นอีก

    “    คุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก    เอาไว้เจอกันคราวหน้านะครับ   ”

    เขาปล่อยมือเธอลง    และเดินออกไป   ปล่อยให้เธอยืนโกรธต่อไปอยู่ตรงนั้นนั่นเอง

    “   หือ....นายนะนาย    ฉันต้องเอาคืนให้ได้   ฮึ....  ”  

    เธอยืนอยู่สักพัก   ก็มองไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินมา   หญิงสาวคนนั้นมีดวงตากลมโตดำขลับ   หุ่นร่างเล็กแบบบาง   ผิวขาวผุดผ่อง  นั่นคือ   แพรว   เพื่อนสาวที่เธอนัดไว้นั่นเอง

    “    กาสะลอง  ๆ ๆ    ”   เพื่อนสาวของเธอเรียกมาแต่ไกล   กาสะลองจึงตอบกลับไป  

    “    อ้าว  !   แพรว  มาแล้วเหรอ  รอตั้งนานแน่ะ   ทำไมช้าจังเลย    ”  

    “    ก็....วันนี้รถติดมากเลยน่ะ    รถเมล์สายที่มามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยมีด้วย   ให้ทำไงได้ล่ะ   ”  

    “    เอาล่ะ ๆ   เราไปลงทะเบียนดีกว่านะ   ”   เธอกล่าวชวน  และทั้งสองคนก็เดินไปที่ตึกลงทะเบียน

    เมื่อเดินไปถึงหน้าตึก    กาสะลองก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียน   ตอนที่เธอกำลังกรอกใบลงทะเบียนอยู่นั้น   ผู้ชายทางด้านหลังเธอนั้นก็ชะเง้อดูข้อมูลที่เธอกรอกอย่างใคร่รู้    เมื่อเธอกรอกเสร็จ   เธอจึงหันกลับไปต่อว่าทันที

    “    นี่  นายทำอะไรน่ะ   เห็นชะเง้อดูตั้งนานแล้วนะ   !   ”  

    ผู้ชายคนนั้นที่เธอต่อว่า    พอเธอเห็นหน้าก็รู้ทันทีเลยว่า    เขาคือคนที่เธอต่อกรไปแล้วเมื่อเช้านี้นั่นเองเธอจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก    ดวงตานกอินทรีคู่นั้นจ้องกลับมา     และจึงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

    “    ก็ผมอยากรู้ว่าต้องดูข้อมูลตรงไหนบ้างนี่ครับ    หรือว่าคุณจะให้ผม.....”

    เขากวาดตามองร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  ซึ่งมันบอกเป็นนัย ๆ ได้อย่างชัดเจน   เธอเริ่มโมโหมากขึ้นและเธอจึงใช้หมัดหนักของเธอพุ่งไปด้านหน้าตรงรอยบวมที่เธอต่อยเขาเมื่อเช้าที่ตาทันที

    “    โอ้ย  !   คุณ.....โดนรอยเมื่อเช้าเต็ม ๆ  เลยนะ   ”   เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียดังลั่น  ทำให้ผู้คนในบริเวณนั่นจับตามองมาที่เขาและเธอ   รวมทั้งเพื่อนของกาสะลองและเพื่อนของเขาด้วย

    “    ดีแล้ว    จะได้ไม่ต้องไปมองดูตรงนั้นตรงนี้ของคนอื่น ๆ เขา    ”   เธอตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน  และจึงตะโกนเรียกผู้คนในบริเวณนั้นด้วยเสียงอันดัง

    “    เจ้าข้าเอ๊ย   !    มาดูเร้ว......ดูไว้ว่า  ผู้ชายคนนี้อันตรายนะ    พี่ ๆ น้อง ๆ   โปรดระวังให้ดี    ระวังทั้งตัวคุณและคนรักของคุณด้วย    เพราะผู้ชายคนนี้  ลามก   ที่สุดเลย    โปรดระวังด้วย   !  …. ”  

    สิ้นเสียงของกาสะลอง     ชายหนุ่มนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ    เขาลุกขึ้น  และโผเข้ากอดเธอทันที    เธอจึงร้องตะโกนอีกครั้ง

    “    อ๊า.......ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย   !    เขาจะข่มขื่นฉัน    ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย   !    ”    

    เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้น    จึงรีบปล่อยมือออกจากตัวเธอทันที      และจึงบอกกับทุกคนออกไป

    “    ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ    ไม่ใช่......  ”

    ผู้คนที่อยู่นั้นบริเวณนั้น    ทั้งหญิงและชาย  เมื่อเห็นภาพนั้นแล้ว  ก็เชื่อว่าเขาผู้นั้นจะทำร้ายเธอจริง  ๆ  ทุกคนเริ่มมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

    จึงเริ่มมาล้อมวงที่เขา   และกล่าวว่าเขาต่าง ๆ  นานา

    “    นายนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะ   ทำร้ายผู้หญิงต่อหน้าต่อตาสาธารณชนอย่างพวกเราน่ะ   ”      ผู้ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเคือง ๆ

    “    ใช่  ๆ   .........  ”   เสียงของทุกคนเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว      กาสะลองยิ้มอย่างเยาะ ๆ   มาทางเขาและจึงยืนดูเขาโดนรุมต่อว่าอย่างไม่สนใจ    จนกระทั่งมีเสียง ๆ หนึ่งดังมาจากข้างหลัง     และเธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง     เขามีผมตั้งสีน้ำตาลแดง    ร่างนั้นผอมสูง  ดวงตาสีดำยาวรี   เขากำลังเดินเข้ามาห้ามผู้คน

    คนวงล้อมนั้น    

    “    นี่.....หยุดนะ   พวกเธอจะทำอะไรน้องชายฉันน่ะ   !   ”  

    สิ้นเสียงนั้น  ทุกคนก็รีบออกจากวงล้อมนั้น  และยืนนิ่งอย่างสงบ    นายผมตั้งสีน้ำตาลแดงนั้นรีบพยุงร่างของผู้ชายคนนั้นที่เขาเรียกว่า   “   น้องชาย  ”   ขึ้นมาทันที    หน้าตาของเขาคนนั้นดู ๆ  ไปแล้วก็ตลกพอควร    อาจจะเป็นเพราะโดนรุมว่ามากเกินไปจึงตกใจ    แต่ต่อมาเขาก็วางสีหน้าปกติเรียบเฉยได้นายผมตั้งคนนั้นกล่าวต่อว่าพวกที่รุมต่อว่าน้องชายเขาด้วยเสียงอันดัง

    “    พวกเธอ   เกิดอะไรขึ้น   ทำไมต้องมารุมน้องชายฉันซะขนาดนั้นด้วย   !!   ”

    พอพูดจบ    ผู้ชายคนหนึ่งก็ก้าวออกมา  พร้อมกับคำขอโทษ

    “    ขอโทษครับ   ผมไม่ทราบว่าเป็นน้องชายของพี่ประธานนักศึกษา   ”

    ......ประธานนักศึกษาเหรอ   แย่แล้ว   !   ........  เธอคิด  

    “     ก็ผู้หญิงคนนั้นน่ะครับ    เขาบอกว่าน้องชายของพี่   กำลังจะทำมิดีมิร้ายกับเขาน่ะครับ   ”     เขาชี้มาทางเธอ   ซึ่งตอนนี้กำลังยืนพิงเสาอยู่    เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้   และตอบกลับไป

    “    ก็......ฉันไม่รู้นี่นา......ว่าจะเป็นน้องชายประธานนักศึกษาน่ะ    ”  

    “    เอาล่ะ ๆ   ถือว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุแล้วกัน    ไปกันได้แล้ว    ”    ประธานนักศึกษากล่าว   ผู้คนทั้งหลายในบริเวณนั้นเร่งทยอยกลับไปเรื่อย ๆ   แต่เมื่อเธอกับแพรวจะออกไป    ประธานก็เรียกเธอขึ้น

    “    นี่เธอ  มานี่สิ   ”    

    เธอรู้สึกว่า   บรรยากาศรอบตัวตอนนี้   มันไม่ดีเอาเสียเลย    เธอจึงค่อย ๆ   เดินมาหาเขา   สีหน้าของเขาดูไปแล้วก็เคร่งขรึม   แต่แววตาของเขานั้นมีแววสนุกสนานและช่างเล่นเหมือนกับน้องชายของเขา   ที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้าง ๆ  เขานั่นเอง   และสายตาของนายนั่นก็มองมาที่เธอด้วย

    “    ฉันต้องขอโทษเธอด้วย  ที่น้องชายฉันทำให้เธอเดือดร้อน   ”    เขากล่าวขอโทษเธอ    น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยน  และดูเป็นมิตรมาก   และในตอนนี้สีหน้าที่ดูเคร่งขรึมกลับกลายเป็นสีหน้าและท่าทางที่ดูเป็นมิตร    และอ่อนโยน

    “    เอาล่ะ  ๆ   เรายังไม่รู้จักกันเลยนะ   พี่ขอแนะนำตัวก่อน    พี่ชื่อ   วิทย์    เป็นประธานนักศึกษา    พี่เรียนอยู่ปีที่  2   คณะศิลปกรรมศาสตร์    และน้องล่ะครับ   ”    วิทย์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ   และหันไปถามแพรว  

    “    ฉันชื่อ   แพรว   ค่ะ   เรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์    ปีที่  1   ค่ะ   ”    แพรวแนะนำตัว

    “    อื้อ.....คณะเดียวกันเลย    และน้องล่ะครับ    ชื่ออะไร   ”    วิทย์หันไปทางกาสะลอง

    “    ฉันชื่อ  กาสะลอง   ค่ะ    เรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์    ปีที่  1   เหมือนกันค่ะ   ”

    “    และนี่น้องชายผมครับ    ชื่อ  วิน    อยู่คณะเดียวกันกับพวกเราเลยครับ    ”    เขาแนะนำน้องชายของตนเองเสร็จสรรพ    จนวินตั้งตัวไม่ทัน

    .......นายนี่ชื่อ  วิน  เหรอเนี่ย   ดูท่าทางไม่เป็นผู้ชนะเลยนะ....... กาสะลองคิด

    เมื่อคุยกันสักพัก    ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา  ร่างของเขาผอมสูง   ดวงตาหรี่เล็กน้อย    ใบหน้าคล้ำและดูท่าทางแล้ว  เขาดูจะสนุกสนานพอควร  แล้วเขาเป็นใครนะ.........

    “    เฮ้ย  !   วิน  มาแล้วเหรอ   ขอโทษทีที่มาสาย   ”   เขากล่าวทักเพื่อนของเขา    และเมื่อมองเหลือบมาเห็นแพรวเข้า  เขาก็นิ่งอึ้งไปทันที      เขาจ้องมองเธอเป็นเวลานาน  แต่เธอคงจะไม่สังเกต    แต่เขาก่อนตื่นขึ้นจากภวังค์    เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนหวานน่าฟังของแพรว

    “    เอ่อ......นายเป็นอะไรรึเปล่า   ”

    เขาสะดุ้ง    และตอบไปอย่างตะกุกตะกัก    จนกาสะลอง   วิทย์   และวินรู้ทัน   มีแต่แพรวเท่านั้นที่ยังไม่รู้

    “    เอ่อ.....เอ้อ.....เปล่า ๆ  ไม่มีอะไร   ”

    “    เออนี่    รู้จักกับเพื่อนฉันไว้ซิ    นี่ชื่อ   ไผ่   เรียนคณะเดียวกันกับพวกเรา   ”    วินแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จักอย่างเป็นทางการ

    “    ยินดีที่ได้รู้จักครับ   ”   ไผ่กล่าวกับทุกคน  แต่สายตานั้นส่งไปทางแพรว

    “    ฉันชื่อแพรวค่ะ   ”   แพรวแนะนำตนเองกับไผ่

    “    ฉันชื่อกาสะลองค่ะ   ”   กาสะลองแนะนำตนเองกับไผ่

    “    ยินดีที่ได้รู้จักครับ    ”   ไผ่กล่าวกับกาสะลอง

    “    เอาล่ะ  ๆ   เราขึ้นเรียนดีกว่า   เดี๋ยวสายไปกว่านี้   ”   วิทย์กล่าวขึ้น   และพาน้อง ๆ  ไปตึกเรียน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×