ตอนที่ 17 : ไฟรักร้อยเล่ห์ :: บทที่ 4 (3)
อัครวินทร์เดินออกมาจากห้องทำงานเพื่อแอบดูคนขี้งอนเป็นระยะ เห็นหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะสาวเท้าเอื่อยๆ เข้าไปหาแล้วก้มลงหอมแก้มใสของคนที่นอนกอดหมอนขดตัวหลับอยู่บนโซฟาเบาๆ จังหวะที่ขยับตัวขึ้นดวงตาก็ไปสะดุดเข้ากับหน้าเจอแล็ปท็อปที่เปิดใช้งานค้างอยู่ จึงขยับเข้าไปหมายจะปิดหน้าจอให้พักการใช้งานเอาไว้ ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นกลับทำให้เพลิงโทสะปะทุขึ้นมาในอกทันที กรามแกร่งที่ครึ้มด้วยไรเคราบดเบียดเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูนอย่างน่าเกรงขาม ปิดพับหน้าเจอแล็ปท็อปลงอย่างไม่เบามือนักแล้วหันมองคนที่นอนอยู่บนโซฟาด้วยแววตาวาวโรจน์
ปริณดากำลังหางานทำ…
ใช่สินะ เธอเรียนจบแล้ว คงถึงเวลาที่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองเสียที!
เขาปรนเปรอเธอด้วยความสุขสบายมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่อัครวินทร์จะต้องถอนทุนคืน รับรองได้ว่าเขาจะต้องเรียกเก็บผลประโยชน์ให้คุ้มค่ากับเวลาสามปีที่ทุ่มเปย์เธอ…
ชายหนุ่มมาดหมายแล้วหุนหันกลับไปยังห้องทำงานอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเครื่องมือสื่อสารกำลังสั่นเพราะมีสายเข้าพอดี มือหนาหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะกดรับสายแล้วยกขึ้นแนบใบหู
“มีอะไร” กรอกเสียงเข้มห้วนถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดวงตาคมเต็มไปด้วยความขุ่นขวาง
“ไปโกรธใครมาวะ ถึงต้องมาลงกับน้อง” อชิรวัฒน์ที่รู้สึกเหมือนเป็นที่รองรับอารมณ์หัวเสียของพี่ชายว่าสวนขึ้น
“นายมีอะไรก็พูดมาชิน”
“วันนั้นนายหนีกลับกรุงเทพฯ ทั้งที่บอกจะค้างที่บ้านกับแม่”
วันนั้นอชิรวัฒน์ไปที่บ้านอคินทร์ พอกลับมาถึงบ้านใหญ่มารดาก็บอกว่าอัครวินทร์กลับไปแล้วทั้งที่อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ แถมมาดามแพทบ่นใหญ่เลยว่าลูกชายผิดสัญญา เขาเลยต้องทำหน้าที่ลูกที่ดี อยู่ที่บ้านให้แม่ชื่นใจแทนเผื่อจะได้สมบัติเพิ่มขึ้น
“ฉันมีธุระด่วน”
แถมเป็นธุระที่ทำให้เขาควันออกหูจนควบคุมตัวเองไม่อยู่เชียวล่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าความหึงหวงมันจะทำให้ใจลุกเป็นไฟขนาดนั้น นับวันมันยิ่งรุนแรงขึ้นจนกลัวว่าจะควบคุมไม่ได้
“ฉันอุตส่าห์ว่าจะชวนนายกินเหล้าซะหน่อย”
“แล้วตอนนี้นายอยู่ไหน”
พอน้องชายพูดถึงเครื่องดื่มมึนเมาขึ้นมาอัครวินทร์ก็นึกอยากจะสาดมันลงคอให้หายเครียดซะหน่อย เผื่อมันจะช่วยดับความร้อนรุ่มในใจลงไปบ้าง
“อยู่กรุงเทพฯ สิ”
ชายหนุ่มไม่ได้กลับเขาใหญ่เพราะอาทิตย์ที่แล้วเพิ่งกลับไป อาทิตย์นี้เลยอยู่หาความสำราญในเมืองกรุง ตอนนี้พี่ชายแต่งงานมีครอบครัวไปสามคนแล้ว ก็เหลือแค่อัครวินทร์นี่แหละที่ให้เขาเกาะติดได้ ไม่มีเพื่อนกินเหล้าก็หาทางลากพี่ชายออกไปกินด้วย
“งั้นเจอกันที่ร้านเดิม”
อชิรวัฒน์แปลกใจไม่น้อยที่อัครวินทร์เป็นฝ่ายชวนกินเหล้า กระนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยสักนิด
“ดีล” รีบตอบรับอย่างไม่ลังเลสักนิด ก่อนจะวางสายไปในทันที ที่โทรศัพท์หาพี่ชายก็เพราะจะชวนไปดื่มนั่นล่ะ
อัครวินทร์ลดเครื่องมือสื่อสารลงจากหูแล้ววางมันลงบนโต๊ะอย่างไม่เบามือนัก ก่อนจะสาวเท้าไปยืนกอดอกมองออกไปนอกกระจกบานสูงเพื่อให้วิวเบื้องหน้าชะล้างความขุ่นมัวออกไปจากใจ ให้ตายเถอะ! เขาหงุดหงิดและหัวเสียแทบบ้าเพราะสิ่งที่ปริณดากำลังทำอยู่ แม้รู้ว่าไม่มีทางจะปล่อยหญิงสาวไป แต่การที่เธอพยายามอย่างมากที่จะออกไปจากชีวิตของเขานั้นทำให้อัครวินทร์ไม่พอใจอย่างหนัก
การพยายามข่มตาให้หลับในยามที่ต้องนอนเพียงลำพังนั้นเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกินสำหรับปริณดา เธอไม่รู้ว่าอัครวินทร์ไปไหน ดึกป่านนี้แล้วถึงยังไม่กลับมา ครั้นจะโทรศัพท์ถามก็ไม่กล้า เลยได้แต่นอนพลิกตัวไปมาในความมืดแบบนี้ ทว่าเสียงกุกกักที่ประตูทำให้ปริณดาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงแล้วแสร้งทำเป็นหลับตาเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับแสงสว่างจากด้านนอก
เธอผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเพื่อให้ดูเหมือนกำลังหลับอยู่ แต่ความจริงแล้วเฝ้าฟังความเคลื่อนไหวของอัครวินทร์ กระทั่งชายหนุ่มหายเข้าไปในห้องแต่งตัวถึงค่อยๆ เอี้ยวมองตามไปอย่างเงียบๆ แค่เห็นเขากลับมาเธอก็ใจชื้นขึ้นมา ลืมตัวไปว่ายังงอนเขาอยู่
เกือบสิบห้านาทีต่อมาอัครวินทร์เดินออกมาจากห้องแต่งตัวหลังอาบน้ำเสร็จ มีเพียงกางเกงนอนสีเข้มติดกาย เปลือยแผ่นอกกำยำ แล้วก้าวขึ้นเตียงโดยอาศัยแสงสลัวจากภายนอก ล้มตัวลงนอนแล้วคว้าปริณดามากอดไว้แนบกาย ซุกใบหน้าคมคล้ามกับกลุ่มผมหอมกรุ่นของเธอแล้วหลับตานอนนิ่ง
กลิ่นแอลกอฮอลล์จางๆ จากคนข้างกายทำให้ปริณดาย่นจมูกเข้าหากันเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าที่หายไปจนดึกดื่นเพราะไปดื่มมาหรอกหรือ เธอไม่น่าเป็นห่วงเขาเลยจริงๆ คิดแล้วความน้อยใจมันก็ตีตื้นขึ้นมาในอก
“ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีก” น้ำเสียงที่ถามนั้นติดจะดุดันพอสมควร
“หนูหลับไปแล้ว แต่สะดุ้งตื่นเพราะคุณนั่นแหละ”
แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เมื่อโดนจับได้ แม้โกรธแม้งอน แต่เธอก็ยังต้องการอ้อมกอดของอัครวินทร์จึงยอมให้กอดอย่างไม่มีแง่งอน แค่คิดว่าวันหนึ่งจะไม่มีเขาคอยกอดใจก็วูบโหวงทุกครา จากคนแปลกหน้าที่เธอกล้าไว้ใจตั้งแต่แรกเจอ นานวันก็ยิ่งเริ่มมีความพันผูกมากขึ้นเรื่อยๆ อัครวินทร์แทรกซึมเข้ามาในชีวิต ทำให้การดำเนินชีวิตของเธอเปลี่ยนไปพอสมควร เพราะแทบทุกอย่างต้องมีเขาอยู่ด้วย
อัครวินทร์ไม่เชื่อว่าปริณดาหลับไปแล้ว หากแต่ไม่ได้แย้งอะไรขึ้นมา นอนกอดร่างนุ่มอยู่นิ่งๆ แล้วสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าปอดด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ความกรุ่นโกรธนั้นถูกชะล้างออกไปเพราะแอลกอฮอล์
“คุณไปไหนมาคะ”
ปริณดาตัดสินใจถาม ไม่ถือทิฐิ ปากหนักอยากรู้แล้วไม่ยอมถาม ก่อนขยับตัวเล็กน้อยเพื่อปรับเปลี่ยนท่านอนให้สบายขึ้น ซุกตัวเข้าหาไออุ่นที่เคยได้รับทุกคืน
“ไปกินเหล้ากับน้องชาย”
อัครวินทร์กระซิบตอบอยู่กับกลุ่มผมหอม เขาไม่เคยทำตัวเสเพล มีดื่มบ้างเป็นปกติของผู้ชาย พอได้กระดกมันลงคอก็ทำให้ความขุ่นมัวในใจที่มีต่อปริณดาลดลงไปค่อนข้างมาก ความจริงชายหนุ่มจะไม่กลับดึกขนาดนี้ เพราะห่วงคนที่ถูกปล่อยไว้เพนต์เฮาส์ตามลำพัง แต่น้องชายตัวดีมันกลับไม่ยอมให้กลับ แถมบอกว่าถ้าจะกลับมันจะขอมานอนด้วย อัครวินทร์เลยยอมนั่งดื่มต่อ
ได้ยินเช่นนั้นแล้วปริณดาก็รู้สึกโล่งใจ เธอไม่ได้รู้สึกระแวงว่าอัครวินทร์จะไปหาผู้หญิงอื่น ในเมื่อชายหนุ่มก็ยังโสด มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว ทว่าเมื่อเผลอคิดภาพตอนเขาอยู่กับผู้หญิงที่ไม่ใช่เธอ ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ในอกขึ้นมา แต่ก็ควรทำใจยอมรับว่าวันหนึ่งอัครวินทร์ก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเลือก
“นอนเถอะ ดึกมากแล้ว” เอ่ยแล้วจรดจุมพิตเข้าหาขมับนุ่มเบาๆ ด้วยสัมผัสที่เต็มไปด้วยความถนอม วงแขนแกร่งตระกองกอดอย่างหวงแหน
“ค่ะ”
หญิงสาวอ้อมอ้อมตอบแล้วหลับตาลงด้วยความรู้สึกสบายใจเมื่ออัครวินทร์กลับมา เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เธอคุยกับเขาหลายประโยคขนาดนี้ ทนอึดอัดมาหลายวัน พอได้พูดออกไปก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยเลย คงเป็นความเคยชินไปแล้วกระมัง เพราะเธอไม่เคยโกรธเขาได้นานไปกว่านี้ หลายวันเข้ามันก็จะค่อยๆ ลดลงจนหายไปเอง
ถึงโกรธแต่ก็มีความเป็นห่วงน้องอยู่เนอะ อยากรีบกลับมาหา แต่ดันมีน้องชายเกาะติด ให้มาด้วยไม่ได้เดี๋ยวความแตก ฮาๆๆๆ
อ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร ฝากคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ
รักมากมาย / อัยย์ญาดา
อ่านเรื่องอื่นๆ ในซีรีส์ดวงใจคีรานอฟกดที่รูปภาพได้เลยค่ะ
ฝากอีบุ๊คเรื่องล่าสุดด้วยค่ะ ใครชอบเด็กห้ามพลาดน้า
คลิก >> https://goo.gl/K5N86N หรือ get it now ค่ะ
อ่านตัวอย่าง >> https://bit.ly/2OvFZ1I
นน่ารักมากมาย
รออัพทุกวัน
ถึงโกรธเขาก็ยังห่วงนะ