คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : บทที่ 12 (2) หลอกล่อ
“ฉันไม่เคยมีใคร มีแค่เธอคนเดียว”
ภาวินทร์กระซิบบอกแล้วจุมพิตแก้มนวลเบาๆ ซ้ำๆ กันหลายครั้ง ตั้งแต่หย่ากับภคนางค์ เขาก็ไม่เคยให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนเลย เรียกว่าหมดความสนใจไปเลยก็ว่าได้ แล้วจะให้มีผู้หญิงคนใหม่ได้อย่างไร ให้สาบานก็ยังได้ว่าเขาไม่ได้มีใครจริงๆ
เสียงกระซิบผะแผ่วนั้นทำให้ใจคนฟังฟูฟ่องคับอก กระนั้นเธอก็ยังพยายามหักห้ามความรู้สึกของตัวเองอย่างสุดความสามารถไม่ให้หลงระเริงคารมชาย
“ผู้หญิงคนนั้นไงคะ...” คนที่เพื่อนเธอเคยส่งรูปถ่ายมาให้ดู คนที่ดูสนิทสนมกับเขาเหมือนกับคนรัก
“คนไหนกัน”
เสียงทุ้มที่ทอดถามมีแววหยอกล้อ ริมฝีปากหยักแต้มด้วยรอยยิ้มบางเบา ผู้หญิงคนใหม่ที่ว่ามานั้นคือใครกัน ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เลย แล้วถ้ามีจริงๆ ภาวินทร์คงไม่พยายามรบเร้าอยากจะให้เธอกลับมาเป็นเมียแบบนี้หรอก เล่นตัวก็เก่งแถมยังดื้อรั้นจนน่าตีอีกต่างหาก
“ตอบฉันมาหน่อยซินางค์ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
คาดคั้นเสียงนุ่มอยู่กับแก้มนวลหอมกรุ่น ขณะปลายนิ้วแกร่งนั้นค่อยๆ ดึงสายชุดคลุมที่หญิงสาวผูกเป็นปมให้คลายออกจากกันอย่างนุ่มนวล แล้วใช้ท่อนแขนแกร่งสอดเข้าไปใต้เรือนกายอรชรเพื่อตระกองกอดไว้ ริมฝีปากยังคงวนเวียนจุมพิตแก้มเนียนพลางคลอเคลียลมหายใจร้อนรุ่มอย่างอ้อยอิ่ง กรุ่นกลิ่นหอมอ่อนๆ อันคุ้นเคยนี้ได้ดมดอมคราใดก็ยิ่งรู้สึกลุ่มหลงคลั่งไคล้
“สงสัยมีหลายคนคุณเลยจำไม่ได้สินะคะว่าคนไหน”
ภคนางค์เริ่มตีรวนด้วยใบหน้างอง้ำ ไม่ยอมเปิดปากพูดออกไปว่าเป็นใคร ขณะที่พวงแก้มเนียนใสนั้นร้อนผ่าวจากการรุกรานของปากร้อน การอยู่ชิดใกล้เขาแล้วถูกนัวเนียแบบนี้ทำให้สติของเธอไม่ครบถ้วนนัก อีกทั้งอุณหภูมิในกายก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เรี่ยวแรงจะต่อต้านผลักไสก็เริ่มไม่มีเลยได้แต่นอนนิ่งๆ ให้เขารังแกราวกับคนไร้ทางสู้ หรือแท้จริงแล้วมันคือการสมยอม…
“ใครจะไปมีทีละหลายคนกัน” แสร้งว่าเพื่อให้กลั่นแกล้งคนขี้หึง
“ก็คุณไงคะ!”
ภาวินทร์อมยิ้มเมื่อรู้ว่าคนปากแข็งกำลังหึงจนเริ่มพาล ในสมองของเขามันเอาแต่เฝ้าคิดถึงเธอ จะให้ไปมีผู้หญิงคนใหม่ได้อย่างไรกัน แล้วถ้าคิดจะมีชายหนุ่มคงไม่คิดอยากจะได้เมียกลับคืน เขาคงเอาแค่ลูกเพียงเท่านั้นละ
“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันมีลูกค้าผู้หญิงเยอะแยะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย”
เขาว่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายอย่างรู้ทันคนหน้างอ ไม่รู้ว่าภคนางค์ไปรู้เรื่องราวพวกนี้มาจากใครที่ไหนกัน มันไม่มีความเป็นจริงเลยสักนิด และหญิงสาวก็น่าจะรู้ดีว่าเขามีคู่ค้าทางธุรกิจเป็นผู้หญิงตั้งมากมาย ก็ต้องมีบ้างที่อาจเห็นอยู่ด้วยกันตามลำพัง หรือว่าเธอหึงจนมองข้ามไป
“นางค์ก็ไม่ได้คิดอะไรนี่คะ” คนปากแข็งทำเป็นเฉไฉเมื่อโดนต้อนให้เข้ามุมมากขึ้นเรื่อยๆ จนหมดหนทางหนี
“จริงเหรอ”
“ค่ะ” ย้ำเสียงสะบัด ใบหน้าแดงระเรื่ององ้ำเสียยิ่งกว่าเดิม
ภาวินทร์คลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วฝังจมูกและริมฝีปากลงหาแก้มนุ่มของคนปากแข็งหนักๆ ราวกับจะลงโทษ แล้วจับปลายคางเรียวสวยให้หันมาเผชิญหน้าตรงๆ
“แล้วทำไมถึงไม่อยากกลับมาเป็นเมียฉัน...”
ถามเสียงทุ้มนุ่มด้วยความอยากรู้เหลือเกิน มองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามขณะรอคอยคำตอบ ปลายนิ้วแกร่งตรึงคางเรียวเอาไว้ไม่ให้หลบหนีไปไหน อยากให้ภคนางค์รับรู้ถึงความชัดเจนที่เขามีมาตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการทั้งลูกและแม่ของลูก และไม่เคยคิดเลยว่าที่อยากจะได้เธอกลับมาเป็นเมียอีกครั้งเพราะมีลูก
ภคนางค์เม้มเรียวปากแล้วกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ขอบตาร้อนผ่าว ดวงตาคู่งามไหววูบ หากการกลับไปเป็นภรรยาของภาวินทร์มันเป็นเพียงแค่หน้าที่หนึ่งเท่านั้น เธอคงไม่อาจกลับไปอยู่ในตำแหน่งนั้นได้อีกแล้ว เพราะไม่อยากกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาเขา…
“เรื่องมันจบไปแล้วก็ให้มันจบไปเถอะค่ะ คุณเคยรับปากแล้วว่าจะเหลือไว้แค่สถานะพ่อกับแม่ของยายหนู...”
การควบคุมน้ำเสียงไม่ให้เครือสั่นนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน ไม่ต่างจากการพยายามซุกซ่อนความเศร้าสร้อยจากสายตาของภาวินทร์ ภคนางค์เลยทำได้แต่เสมองไปทางอื่นด้วยแววตาไหวระริก
“ถึงฉันจะรับปากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำได้นะนางค์”
ภาวินทร์เอ่ยพลางส่ายหน้าเบาๆ ปกติเขาเป็นคนรักษาคำพูดของตัวเองเสมอ แต่กับเรื่องนี้คงทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก เขายอมเป็นคนไม่รักษาคำพูดเพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา
“ปล่อยนางค์ค่ะ”
หญิงสาวเบี่ยงประเด็นด้วยการออกคำสั่งและพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนอุ่นที่รัดแน่น เพราะการอยู่ใกล้ชิดเขามันจะทำให้เธอห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
“ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ปล่อยไม่ได้หรอก”
ยิ่งคนในอ้อมแขนพยายามดันตัวออกห่าง ภาวินทร์ก็ยิ่งรัดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยปล่อยเธอไปจากชีวิตอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ต่อให้ต้องกักขัง เขาก็พร้อมจะทำ
“คุณจะเอายังไงกับนางค์กันแน่คะ คุณภาวินทร์” โพล่งออกมาอย่างสุดจะทน
“จะเอาเมียกลับคืน!” ภาวินทร์ประกาศกร้าวเสียงหนักแน่น แววตาแน่วนิ่งจริงจัง ต้องการลบคำว่า ‘อดีต’ ออกไปให้เหลือเพียงคำว่า ‘เมีย’ เท่านั้น!
“แต่นางค์จะไม่กลับไปเป็นเมียคุณอีกแล้ว”
ภคนางค์ยืนยันความต้องการของตัวเองน้ำเสียงเครือ เม้มปากสั่นระริกเข้าหากันจนเจ็บแปลบขณะเบือนใบหน้าหนีเขา ทว่าภาวินทร์กลับบงการให้หันกลับไปหาเขาดังเดิม
“ฉันคิดว่าฉันทำให้เธอกลับมาได้นะ…”
ชายหนุ่มสบตาคู่หวานที่พราวระยับด้วยน้ำตาในยามเอื้อนเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ค่อยๆ ผ่อนเรือนกายลงทาบทับกายอรชรจนแนบชิดกันมากขึ้น กายนุ่มแสนหอมกรุ่นนั้นช่างปลุกปั่นอารมณ์ได้ง่ายดายจนเริ่มรุ่มร้อน ในเมื่อคุยกันด้วยภาษาปากแล้วไม่รู้เรื่องก็คงต้องใช้ภาษากายแทน…
เพราะโบราณว่าผัวเมียนอนคุยกันถึงจะรู้เรื่อง เห็นทีเขาคงต้องทำเช่นนั้นโดยด่วน ครั้งก่อนๆ มีลูกอยู่ด้วยเลยคุยไม่ถนัด คราวนี้อยู่ตามลำพังหวังว่าจะคุยกันให้เคลียร์เสียที…
“คะ…คุณวินทร์ ลุกออกไปจากตัวนางค์นะคะ”
ภคนางค์ออกแรงดิ้นและผลักไสร่างกายกำยำที่ไม่ต่างจากกำแพงหินหนักๆ ดวงหน้าหวานร้อนเห่อเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างรุ่มร้อนที่นาบอยู่บริเวณต้นขา พลันทำให้ใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น
“ปล่อยยย”
“ปล่อยได้ไง ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”
ริมฝีปากหยักได้รูปของภาวินทร์กระตุกยิ้มร้าย ทอดสายตาที่อัดแน่นด้วยแรงปรารถนามองเรียวหน้างดงามแดงเปล่งปลั่งใต้แสงสีนวล ยิ่งภคนางค์พยายามดิ้นรน เสื้อคลุมที่ถูกคลายปมออกจากกันเริ่มหลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นอกกลมกลึงที่โผล่พ้นขอบชุดนอนออกมาวับๆ แวมๆ พลันทำให้ลำคอของเขาแห้งผากอยากจะซุกซบใบหน้าลงหา…
“นางค์ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว”
เสียงของภคนางค์เริ่มแผ่ว เริ่มหอบหายใจหนักขึ้นจนอกอวบสะท้านขึ้นลงล่อตาล่อใจคนมอง ขณะเรียวหน้าหวานนั้นก็แดงซ่าน แววตากลมโตแทบไม่กล้ามองสบตาคมที่แฝงเร้นไปด้วยแรงพิศวาส
“ไม่คุยก็ไม่คุย…”
เขานัวเนียริมฝีปากกับแก้มหอมเรื่อยลงมาถึงซอกคอขาวผ่อง จรดจุมพิตลงหาแผ่วเบาอย่างหยอกเย้าจนสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้านและเสียงหอบหายใจของคนใต้ร่าง ช่างกระตุ้นให้เลือดร้อนแล่นพล่านในกายดีนัก ภาวินทร์กดจูบลงบนแอ่งชีพจรหนักๆ แล้วช้อนร่างอ้อนแอ้นมีน้ำมีนวลขึ้นจากโซฟาอย่างง่ายดาย
“คุณวินทร์ ปล่อยนางค์ลงนะ!”
ภคนางค์ประท้วงพร้อมดิ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อจู่ๆ ร่างกายก็ถูกอุ้มลอยหวือจากโซฟา กำปั้นเล็กๆ ยกขึ้นประทุษร้ายอกแกร่งทว่ากลับไม่ได้ทำให้ภาวินทร์สะทกสะท้านแต่อย่างใด กระนั้นก็ยังไม่ละความพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากวงแขนแข็งแรง
“อย่าดิ้น เดี๋ยวตก”
ภาวินทร์ปรามเสียงเข้มขณะสาวเท้าไปยังประตู หลุบสายตาลงมองคนดื้อรั้นในอ้อมแขนเล็กน้อย แววตาขุ่นขวางนั่นไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด มันน่ามันเขี้ยวปนเอ็นดูมากกว่า เพราะลูกแมวต่อให้แยกเขี้ยวขู่ยังไงก็ดูเป็นลูกแมว ไม่มีทางเป็นแม่เสือได้หรอก
“ก็ปล่อยสิคะ” กระเง้ากระงอดบอกด้วยใบหน้าแดงปลั่งที่ง้ำงอ ยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งอย่างไม่อาจเลี่ยงเพราะกลัวจะตก
“ถึงห้องแล้วจะปล่อย” ว่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายในยามก้าวขึ้นบันไดอย่างมั่นคง แม้ภคนางค์จะมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าแต่ก่อน ทว่าก็ยังตัวเบาสำหรับเขาอยู่ดี
“ปล่อยตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวนางค์กลับห้องเอง”
เธอช้อนใบหน้าขึ้นมองขณะต่อรอง ไม่กล้าดิ้นเพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ดูเหมือนภาวินทร์จะทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจคำพูดของเธอเลยสักนิด ทำไมเขาถึงได้เป็นคนเอาแต่ใจถึงเพียงนี้นะ ได้แต่ค่อนขอดอยู่ในใจด้วยความเคืองขุ่น
“ใครว่าจะให้กลับห้องนั้น ฉันหมายถึงห้องของเราต่างหาก”
พอก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายภาวินทร์ก็กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงติดจะพร่าชิดใบหูขาวผ่องก่อนจุมพิตเบาๆ อย่างหยอกเย้า
คำว่า ‘ห้องของเรา’ ทำเอาใจของคนฟังเต้นกระหน่ำรัวแรง หันขวับขึ้นไปมองเจ้าของอ้อมแขนที่กำลังเดินไปอีกฝั่งของคฤหาสน์ด้วยท่าทีตื่นตกใจ แววตาเลิ่กลั่ก เริ่มดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดราวกับหนูติดจั่น
“ไม่…”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดให้ครบประโยค ริมฝีปากร้อนก็ประกบลงหาอย่างนุ่มนวล พอได้สติภคนางค์ก็เบือนใบหน้าหนีการรุกราน ทว่าภาวินทร์กลับขยับตามอย่างไม่ลดละ ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่มด้วยสัมผัสแผ่วเบา ไม่จาบจ้วงแม้หญิงสาวพยายามต่อต้าน ขณะสองเท้าก็ก้าวเข้าใกล้ห้องนอนใหญ่ของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ฮื้อ…”
ภคนางค์ประท้วงในลำคอเมื่อหลบหนีอย่างไรก็ไม่พ้นปากร้อนที่ตามมาประกบจูบอย่างแม่นยำ มือบอบบางเผลอขยุ้มเสื้อคลุมของเขาแน่นขณะซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่งเพื่อให้รอดพ้นจากปากแสนร้ายที่กำลังทำให้สั่นสะท้านในอกเพราะสัมผัสอันนุ่มนวล
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น