คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : บทที่ 10 (3) หวามไหว
“ทำไมยังไม่นอนอีกนางค์”
เสียงทุ้มกระซิบถามอยู่กับเรือนผมหอมกรุ่นที่ได้สูดดมทุกคืน มือหนาควานหาลูกที่นอนซุกอยู่กับอกแม่ ทว่ากลับไม่พบ คงกลิ้งไปนอนที่เตียงของตัวเองแล้ว จึงกระชับอ้อมแขนอุ่นให้ร่างอรชรแสนนุ่มเข้ามาแนบชิดกายมากยิ่งขึ้น ดึกป่านนี้แล้ว ลูกสาวก็หลับไปนานแล้ว แต่ทำไมแม่ของลูกถึงยังไม่หลับ แม้เธอไม่ขยับพลิกตัวไปมา คงกลัวว่าลูกจะตื่น แต่เสียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นทำให้ภาวินทร์หลับไม่ลงเพราะความเป็นห่วง
ภคนางค์ไม่ตอบหากแต่กระถดกายออกห่างจากเขาเล็กน้อย การกระทำอันอ่อนโยนของภาวินทร์กำลังทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นส่ำ คิดว่าเขาหลับไปแล้วเสียอีก
ภาวินทร์ส่ายหัวเบาๆ ให้คนดื้อรั้น แล้วขยับตัวขึ้น เอาศอกเท้ากับหมอนท่ามกลางความมืด เสียงขยับตัวเบาๆ ของคนที่พยายามเอาตัวออกห่างนั้นทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก รู้ว่าหนีเขาไปไหนไม่ได้ก็ยังอยากจะหนี ต่อให้พยายามหนีทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหนีคนอย่างเขาพ้นหรอก
“คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงเอาแต่ถอนหายใจ” ทอดถามแล้วลดใบหน้าลงจุมพิตต้นแขนนุ่มผ่านผ้าบางๆ ของชุดนอนอันมิดชิดแล้วไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างอ้อยอิ่งจนถึงหัวไหล่ พลางสูดดมกลิ่นหอมละมุนเข้าปอดไปด้วย กลิ่นหอมๆ นี้ได้ดมคราใดก็หลงใหลตลอด
“คุณวินทร์!” เสียงหวานประท้วง ทั้งยังขืนตัวออกห่างคนเจ้าเล่ห์ที่ชอบฉวยโอกาสทุกคราที่อยู่ใกล้ แก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความเอียงอาย ขนอ่อนตามกายลุกเกรียวกราว เอะอะก็กอด เอะอะก็หอมอยู่นั่น
“เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ”
ภาวินทร์ขยับเข้าไปคลอเคลียลมหายใจอุ่นๆ อยู่กับซอกคอหอมกรุ่น ฝ่ามืออุ่นลูบไล้เนื้อตัวเนียนนุ่มผ่านชุดนอนผ้านุ่มลื่นเบาๆ ด้วยความหลงใหล อยู่ใกล้ชิดทุกคืนแต่ทำได้แค่กกกอดและหอมมันทรมานเหลือเกิน เขาไม่เคยอดเสน่หาเมื่ออยู่ใกล้ภคนางค์ แต่ตอนนี้ต้องอดทนอดกลั้นอย่างสุดความสามารถ
“เรื่องของนางค์...ฮื้อ!”
หญิงสาวบอกเสียงสะบัดแล้วย่นลำคอหนีเมื่อโดนปากร้อนผ่าวกดจุมพิตลงหา พลันทำให้ความร้อนแผ่ซ่านเข้ามาในกาย พวงแก้มใสร้อนจัด ใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ มือบางพยายามปัดป้องมือร้อนผ่าวที่ยุ่มย่ามตามกาย ทว่าคนร้ายกาจกลับยิ่งจู่โจมมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณวินทร์ หยุดนะ”
เสียงห้ามปรามของภคนางค์ไม่ได้ส่งผลให้ภาวินทร์หยุด ซ้ำเขายังรุกรานหนักขึ้น ปากร้อนขบเม้มผิวเนื้อนุ่มบริเวณลำคอระหง มือหนาลูบไล้สูงขึ้นจนถึงอกสล้างที่ลูกชอบซุกซบ มันอวบอัดและนุ่มเสียยิ่งกว่าเดิม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องพลินทร์ถึงได้ติดมันนัก ในเมื่อไม่ยอมพูดก็คงต้องเปิดปากแม่ของลูกด้วยวิธีของเขา…
“คุณภาวินทร์!”
ภคนางค์เอ่ยเสียงเข้มลอดไรฟันแล้วกางเล็บจิกเข้าที่หลังมือของเขาอย่างไม่ออมแรง ทำให้มือแสนร้ายผละห่างจากอกของเธอทันที หญิงสาวหันขวับไปหาเพื่อจะต่อว่า ทว่าปากรุ่มร้อนกลับทาบทับลงมาบนกลีบปากนุ่มละมุนอย่างแม่นยำ เธอพยายามสะบัดหน้าหนีสัมผัสอ่อนโยน แต่ปลายคางกลับถูกตรึงไว้ให้รับบดเคล้าที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“ฮื้อ”
หญิงสาวดิ้นรน ทุบตีตามกายและปิดริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้เขาเข้ามารุกรานภายใน แต่ทว่าการบดเบียดที่รุนแรงขึ้นทำให้จำต้องเผยอแย้มกลีบปากออกจากกัน ซึ่งนั่นไม่ต่างจากเปิดโอกาสให้ภาวินทร์ล่วงล้ำเข้ามาภายในโพรงปากฉ่ำ เรียวลิ้นร้อนค่อยๆ แทรกสอดเข้ามาทักทายลิ้นนุ่มที่พยายามหลบหนี แต่ชายหนุ่มก็ใช้ความช่ำชองกวาดต้อนแล้วดูดดึงหยอกเย้า นิ้วแกร่งเชยคางเรียวสวยขึ้นเพื่อรับการตักตวงที่เต็มไปด้วยความโหยกระหายทว่าอ่อนโยนและนุ่มนวล
ภาวินทร์คิดถึงปากนุ่มๆ แสนฉ่ำหวานนี้เหลือเกิน ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เชยชิมลิ้มรสอีกคราหลังจากห่างกันมานาน เขาก็เอาแต่เฝ้ามองมันด้วยความเสน่หาจนตาปรอยมาตลอด จนในที่สุดความอดทนมันก็ขาดสะบั้น เพราะแค่กอดและหอมนั้นมันไม่พอสำหรับเขาจริงๆ ชายหนุ่มใช้ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นนุ่ม กวาดชิมรสชาติหวานล้ำด้วยความละเมียดละไม ราวกับกำลังละเลียดชิมไวน์ชั้นเลิศ
กายแกร่งกำยำเบียดชิดเข้า สอดท่อนแขนเข้าไปใต้ท้ายทอยแล้วกอดกระชับร่างนุ่มแน่นจนแทบหลอมรวม บงการให้เรียวหน้าหวานเอียงรับจุมพิต แม้ไม่สามารถทำได้มากกว่าจูบลึกซึ้งเพราะลูกอยู่ด้วย ภาวินทร์จึงขอกอบโกยเท่าที่จะทำได้ คิดถึงคนตัวนุ่มที่เคยนอนครวญครางเหมือนลูกแมวอยู่ใต้ร่าง คิดถึงใบหน้าแดงสุกเปล่งและดวงตาหวานฉ่ำที่ปรือขึ้นมองสบในยามสาดซัดไฟสวาทเข้าหา แค่คิดกายก็รุ่มร้อนและเหยียดขยาย...
ไม่อาจต้านทาน...
นั่นคือสิ่งที่ภคนางค์รับรู้ เธอเหมือนคนใจง่าย ปล่อยตัวปล่อยใจ ช้อนใบหน้าขึ้นตอบรับการปรนเปรอแสนวาบหวามซาบซ่านอย่างเต็มอกเต็มใจ นั่นเป็นเพราะใจไม่แข็งพอที่จะต่อต้าน ไม่ใช่เพราะไม่มีแรงจะผลักไส
เนิ่นนานแทบขาดใจกว่าภาวินทร์จะยอมถอนจูบ กระนั้นก็ไม่ยอมห่าง คลอเคลียริมฝีปากร้อนกับกลีบปากนุ่มละมุนด้วยความหลงใหล ลมหายใจของเขารุ่มร้อน กายเต็มไปด้วยความตึงเครียดเสียจนอยากจะช้อนอุ้มคนในอ้อมแขนไปจัดการที่ห้องให้รู้แล้วรู้รอด
“ปล่อยนางค์ค่ะ”
ภคนางค์ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นปนหอบ เรียวปากของเธอร้อนผ่าวจากแรงบดเคล้าจุมพิต ใบหน้านั้นก็คงแดงซ่าน กายรุ่มร้อน ใจสั่นระรัว เรี่ยวแรงจะผลักไสต่อต้านก็แทบจะไม่มี
“ไม่ปล่อย...” เขากระซิบเสียงแตกพร่าแล้วจรดจุมพิตลงหาริมฝีปากบวมเจ่อ แล้วค่อยๆ ผละห่างอย่างเชื่องช้า ความหวานล้ำปานน้ำผึ้งของภคนางค์ดึงดูดให้เขาลงไปติดกับ จากที่เคยหลงก็ยิ่งลุ่มหลงมากขึ้นกว่าเดิม
“คุณไม่ควรทำแบบนี้กับนางค์อีก” เธอเตือนเขาเสียงเรียบหลังจากพลิกตัวหนี แต่ยังอยู่ในอ้อมแขนอุ่นจนเกือบร้อนเพราะเขาไม่ยอมปล่อย
“ทำไม...”
ภาวินทร์ขยับใบหน้าตามไปถามแล้วกดปลายจมูกโด่งลงหาแก้มนุ่ม ดอมดมความหอมที่ไม่ต่างจากแก้มกลมๆ ของลูกด้วยความหลงใหล ยกยิ้มเมื่อคนในอ้อมแขนเงียบไม่ยอมตอบคำถาม
“ถ้าไม่อยากคิดมากอีกก็ยอมรับฉันเป็นผัวซะสิ”
“ไม่ค่ะ”
ภคนางค์รีบปฏิเสธ ขณะใบหน้านั้นร้อนวาบเพราะคำพูดที่ไร้การอ้อมค้อมของคนที่อยากจะเป็นสามีของเธอเหลือเกิน ถ้าเขายังไม่ชัดเจนมากกว่านี้ก็ไม่มีทางที่เธอจะยอมรับ
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ หอมแก้มเนียนฟอดใหญ่แล้วลดตัวลงนอนเคียงข้าง เกยปลายคางบึกบึนกับศีรษะได้รูป กอดกระชับไม่ให้ห่างกาย เสน่ห์เหลือร้ายและความเย้ายวนของผู้หญิงตัวเล็กๆ แสนหอมหวานคนนี้ทำให้เขาเหมือนตกลงมาในบ่อลึก ที่มีบันไดให้ขึ้น มีแสงสว่างนำทาง ทว่ากลับเลือกที่จะนั่งอยู่ก้นบ่อ
จากที่นอนไม่หลับเพราะกำลังคิดไม่ตกเรื่องการจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง พอภาวินทร์มาทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ภคนางค์ไขว้เขวไปกันใหญ่ ใจของเธอมันไม่ได้แข็งพอที่จะต่อต้าน มันอ่อนไหวง่ายเสียยิ่งกว่าอะไรดี แค่เขาเข้ามาใกล้ชิดทุกเมื่อเชื่อวันก็ไหวหวั่นจะแย่แล้ว ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะหนีคนเอาแต่ใจอย่างเขาพ้น แค่ต้านทานเธอยังทำไม่ได้เลย
“คิดมากเรื่องอะไร ไหนบอกฉันซิ”
ในเมื่อภคนางค์ไม่ยอมเปิดปากพูด จึงเป็นฝ่ายตะล่อมถามเอง ภาวินทร์พอมองออกว่าหญิงสาวคงลำบากใจที่จะอยู่ใกล้ๆ ถึงได้ทำตัวห่างเหิน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเอาแต่หลบหน้าอยู่ตลอดเวลา ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ก็แค่ตอนนอนที่เขาต้องทำตัวเป็นคนหน้าด้านหน้าทนพาตัวเองเข้ามานอนกับเธอและลูก
“เราหย่ากันแล้ว นางค์ไม่อยากให้คุณมาทำกับนางค์แบบนี้อีก”
บอกออกไปตรงๆ เพราะอยากให้ภาวินทร์หยุดใช้การกระทำให้ใจของเธอหวั่นไหวเสียที เนื่องจากรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะทัดทานเขาได้
“ฉันรู้ว่าเราหย่ากันแล้ว” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับมาเป็นผัวเมียกันอีกไม่ได้นะนางค์”
“นางค์คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
ภคนางค์หลุบเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกหม่นเศร้า ความสัมพันธ์ของเธอกับเขามันเริ่มต้นขึ้นเพราะหน้าที่ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดเลย แล้วจะให้กลับไปเป็นแบบเดิมได้อย่างไรกัน มิหนำซ้ำเธอก็ยังไม่รู้เลยว่าภาวินทร์คิดอย่างไรกับตัวเอง การที่เขาต้องการให้กลับไปเป็นภรรยา อาจหมายความว่าต้องการให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งนั้นเพื่อที่ลูกจะได้มีครบทั้งพ่อและแม่ก็เป็นได้
“ทำไม บอกฉันสินางค์ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นไม่ได้”
น้ำเสียงที่คาดคั้นนั้นหาได้ดุดัน ทว่าทุ้มนุ่มชวนฟัง อยากจะรู้เหตุผลของภคนางค์เหลือเกิน อยากรู้ว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ถึงเอาแต่ปิดกั้น ไม่ยอมเปิดรับเขา อยากให้เธอพูดมันออกมาตรงๆ
“นางค์…” เอาเข้าจริงภคนางค์ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะพูดออกมา จะให้เธอกล้าบอกได้อย่างไรว่าที่ไม่อยากกลับไปอยู่ในตำแหน่งนั้นอีกครั้งเพราะเขาไม่ได้รักเธอ…
“ถ้าพร้อมเมื่อไรก็ค่อยพูดมันออกมาก็ได้ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าฉันอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเสมอ”
ในเมื่อหญิงสาวไม่สะดวกใจที่จะตอบ ภาวินทร์ก็ไม่คาดคั้นอีกต่อไป แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่าเขาต้องการให้เธอกลับมาอยู่ในที่ที่เคยอยู่เสมอ
ภคนางค์ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภาวินทร์นั้นไม่เหมือนสามีภรรยาคู่อื่นๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะหน้าที่และสิ้นสุดลงตามเงื่อนไขในสัญญาของการแต่งงาน ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยา ทุกอย่างมันคล้ายจะดำเนินไปตามหน้าที่ ไม่ได้มีความรักเป็นตัวกำหนด เลยทำให้หญิงสาวไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักที่จะกลับไปอยู่ในจุดนั้นอีกครั้ง ยิ่งมีลูกด้วยยิ่งทำให้คิดมากไปต่างๆ นานา
“ยังมีเรื่องอะไรให้ต้องคิดมากอีกงั้นหรือ ทำไมถึงไม่ยอมนอน” เพราะเป็นห่วงจึงถามแล้วจรดริมฝีปากลงจุมพิตศีรษะได้รูปเบาๆ
ความห่วงใยที่เขาหยิบยื่นให้นั้นทำให้ภคนางค์อดรู้สึกอบอุ่นใจไม่ได้ กระนั้นก็ยังโป้ปดด้วยการส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอื้อนเอ่ยออกมา “นางค์แค่นอนไม่หลับค่ะ คุณนอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้านะคะ”
ภาวินทร์คลี่ยิ้มอยู่ในความมืด “เธอไม่หลับแล้วฉันจะหลับลงได้ยังไง”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ภคนางค์เงียบ แต่หัวใจนั้นกลับสูบฉีดเลือดรุนแรงขึ้น ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากันไม่ให้มันเผยยิ้มออกมา ก็เพราะเขาชอบทำแบบนี้ มันเลยทำให้ใจของเธอไหวหวั่นไปด้วยตลอด
“ถามจริงนะนางค์ ตอนตั้งชื่อลูกคิดอะไรอยู่ไหม”
ในเมื่อหญิงสาวนอนไม่หลับ ภาวินทร์เลยหาเรื่องชวนคุย เคยจะถามหลายครั้งแล้วแต่ไม่ค่อยมีโอกาส แม้จะคุยกันปกติยังแทบไม่ค่อยได้คุย เพราะคนบางคนเอาแต่หลบหน้าตลอด นอนด้วยกันทุกคืนก็ใช่ว่าจะได้ปริปากพูดคุย
“ไม่ค่ะ” ตอบอย่างว่องไวราวไม่คิด
ภาวินทร์อมยิ้มใต้ความมืดสนิทเมื่อพบผู้ร้ายปากแข็งหนึ่งราย เขาควรจัดการกับผู้ร้ายแสนสวยคนนี้อย่างไรดี ต้องง้างปากด้วยปากหรือจูบอีกสักรอบดีไหมจะได้หายปากแข็งเสียที
“งั้นเหรอ นึกว่าคิดถึงพ่อของลูกซะอีก คล้ายกันทั้งชื่อจริงชื่อเล่น” แถมคล้ายยันใบหน้าของลูกจนเกือบจะเป็นสำเนาถูกต้อง...
พ่อชื่อภาวินทร์ แม่ชื่อภคนางค์ ส่วนลูกชื่อภควรินทร์ ถ้าไม่ได้คิดอะไรจริงๆ คงไม่สามารถตั้งออกมาแบบนี้ได้แน่นอน
คนถูกรู้ทันแก้มร้อนผะผ่าว ปิดปากเงียบไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา นอนให้เขากอดอยู่นิ่งๆ ขณะที่ก้อนเนื้อในอกซ้ายนั้นเต้นระรัวแรงแทบไม่เป็นจังหวะ วงแขนที่กอดกระชับ เรือนกายที่เบียดชิดนั้นก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย อยากจะขยับหนีแต่รู้ดีว่าคนเอาแต่ใจก็ต้องขยับตาม เลยจำต้องนอนนิ่งๆ
ภาวินทร์เผยยิ้มออกมาแล้วลดใบหน้าลงจุมพิตเรือนผมหอมเบาๆ ทว่าทำเอาภคนางค์อุ่นซ่านไปทั้งกาย เพราะเขาชอบทำให้หวั่นไหวแบบนี้อย่างไรล่ะ เธอถึงห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย นานวันยิ่งจะถลำลึกเข้าหามากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่วายเซถลาเข้าหาเขาอย่างละมุนละม่อม
ใจหนอใจ คิดจะขัดขืนต่อต้านบ้างสักนิดไม่ได้เลยหรือ...
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น