NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ 9 (4) ยายจ๋าคิดถึงขนุนแล้ว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      40
      20 เม.ย. 67




    “ว่าไงจ๊ะป้า คิดถึงหลานแล้วเหรอ”

    ภคนางค์เอ่ยแซวป้าผ่านเครื่องมือสื่อสารหลังจากปล่อยยายหนูที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จให้ลงคลานบนพื้นพรม หนูน้อยใช้ขาอวบๆ คลานไปยังมุมห้องที่มีตะกร้าใส่ของเล่นเสริมพัฒนาการ พอไปถึงมือน้อยๆ ก็เริ่มรื้อออกมา แล้วบ่นอ้อแอ้อยู่ตามลำพัง

    “ก็คิดถึงน่ะสิ ไม่ได้หอมไม่ได้ฟัดให้ชื่นใจแล้วมันเหงาๆ”

    พัชรีที่กำลังเดินออกไปร้านเรือนวรินทร์ว่าแล้วยิ้มน้อยๆ ปกติทุกเช้าจะได้หอมได้ฟัดน้องพลินทร์ก่อนออกมาทำงาน แต่เช้านี้หลานไม่อยู่ก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน เลยต้องโทร.ไปขอฟังเสียงและดูหน้าให้ชื่นใจสักหน่อย คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวัน พอภคนางค์กับน้องพลินทร์ไม่อยู่มันก็แปลกๆ เหมือนกัน แต่อีกหน่อยก็คงชินไปเองกระมัง

    “เพิ่งมาได้วันเดียวเองนะจ๊ะ”

    “วันเดียวก็คิดถึงแล้ว เมื่อเช้าน้อยหน่าก็งอแงจะให้แม่โทร.หาน้องให้ก่อนไปโรงเรียน ป้าก็บอกว่าน้องยังไม่ตื่น บอกให้เลิกเรียนกลับมาก่อนก็ไม่ยอม กว่าจะยอมไปโรงเรียนต้องหลอกล่อกันอยู่นานสองนาน” บ่นถึงหลานสาวที่ติดน้องเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าน้องพลินทร์อาจจะต้องอยู่ที่บ้านของพ่อเลยมีหวังได้ร้องไห้บ้านแตกแน่ๆ

    ภคนางค์ฟังแล้วก็อดสงสารหลานไม่ได้ คงจะคิดถึงน้องมากเพราะแทบไม่เคยห่างกันเลย แต่หญิงสาวเชื่อว่าอีกหน่อยเด็กหญิงนิรดาคงจะเข้าใจและเริ่มชินไปเอง เนื่องจากเธอและน้องพลินทร์อาจจะไม่ได้กลับเชียงใหม่ในเร็วๆ นี้

    “คงเป็นเพราะยังใหม่อยู่ อีกหน่อยน้อยหน่าก็คงเริ่มชินแหละจ้ะ”

    “ป้าก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ น้องไม่อยู่แล้วดูซึมๆ ไปเลย

    คนเป็นยายเห็นแล้วก็สงสารจับใจ เมื่อวานคุณรวิตาโทรศัพท์มาคุยกับนางอยู่นานสองนาน เลยได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ยังไม่เคยรับรู้ให้แก่กันฟัง แถมยังได้รู้ว่าภคนางค์ขอร้องไม่ให้คุณรวิตาบอกนางเรื่องที่จดทะเบียนสมรสเป็นภรรยาของภาวินทร์ ซึ่งนางก็ไม่ติดใจอะไรกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว และฝ่ายนั้นก็ได้ขอให้ภคนางค์กับเด็กหญิงภควรินทร์อยู่ที่นั่นอีกสักพักเนื่องจากคุณรัมภาไม่ค่อยสบาย อยากให้เหลนอยู่ใกล้ๆ จะได้มีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งนางก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามอยู่แล้ว ยินยอมให้อยู่และยินดีเสียด้วยซ้ำที่พวกท่านอ้าแขนรับภคนางค์อย่างอบอุ่นอีกครั้ง และหากหลานจะไม่ได้กลับมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่ ต้องอยู่ที่นั่นอย่างถาวรก็ไม่ว่าอะไร เพราะสมควรจะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้ว

    “ไหนขอดูหน้าขนุนน้อยหน่อยสิ ไปเป็นเด็กกรุงเทพฯ แล้วลืมยายหรือยังนะ” นางเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เศร้าเกินไป รู้ว่าภคนางค์ก็ไม่ได้อยากไปนักหรอก แต่จะให้ทำอย่างไรได้เมื่อความลับต่างๆ ถูกเปิดเผยแล้ว

    “ได้จ้ะ เดี๋ยวนางค์วางแล้ววิดีโอคอลหานะจ๊ะ”

    ภคนางค์ลดมือถือลงจากหูแล้วกดวางสาย แล้วเปลี่ยนเป็นวิดีโอคอลเพื่อที่จะให้ยายได้เห็นหน้าหลานสาว ก่อนจะลุกเดินเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังรื้อของเล่นจนกระจัดกระจายไปทั่ว คงกำลังหาอันที่ถูกใจอยู่กระมัง เพราะของเล่นพวกนี้เป็นของใหม่ทั้งหมดเลย ไม่เหมือนของเล่นที่บ้าน ซึ่งน้องพลินทร์จะมีอันโปรดที่มักหยิบมาเล่นบ่อยๆ

    “พลินทร์จ๊ะ หันมาให้ยายเห็นหน้าหน่อยเร็วลูก

    หญิงสาวนั่งลงใกล้ๆ ลูก เปิดกล้องหน้าแล้วหันหน้าจอมือถือไปหา เด็กน้อยทิ้งของเล่นในมือแล้วหันมาสนใจโทรศัพท์ในมือแม่แทน พอเห็นหน้ายายก็ยิ้มร่า รีบคลานเข้ามาหาแล้วปีนขึ้นตักแม่เพื่อจะคว้าเอาโทรศัพท์ไปดูใกล้ๆ ซึ่งแน่นอนว่าน้องพลินทร์จะไม่แค่ดูแต่จะกินด้วย เดี๋ยวนี้เห็นอะไรแปลกๆ จะชอบจับเข้าปากตลอด ทำให้ภคนางค์ต้องคอยระวังมากเป็นพิเศษ

    โอ้โห...วันนี้หลานยายแต่งตัวน่ารักจังเลย”

    พัชรียิ้มแก้มปริเมื่อได้เห็นหน้าหลานสาวที่กำลังจริงจังอยู่กับการแย่งโทรศัพท์จากแม่ เวลาน้องพลินทร์กำลังให้ความสนใจกับอะไรสักอย่างจะชอบง้ำปาก แววตากลมโตจะมีความมุ่งมั่น มองแล้วน่าเอ็นดูปนมันเขี้ยวเหลือเกิน

    “แอะ!” พอไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มโวยวายอย่างเอาเรื่อง มือป้อมๆ จับแขนแม่แล้วพยายามดึงเข้ามาหา ทว่าคนเป็นแม่ก็พยายามขืนเอาไว้

    “มำม่ะ!”

    ไหนยิ้มหวานให้ยายชื่นใจหน่อยซิคนเก่ง”

    ภคนางค์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจลูก ขณะมือหนึ่งพยายามยื่นมือถือออกห่าง อีกมือก็รั้งพุงอวบๆ เอาไว้เพราะกลัวหน้าจะคะมำ เวลามีการวิดีโอคอลทีไรมักจะมีความวุ่นวายแบบนี้ตลอด น้องพลินทร์ไม่เคยนั่งนิ่งเลย จากลูกหมูจะกลายเป็นลูกลิงปีนป่ายบนตักแม่ประจำ แม้จับให้นั่งบนเก้าอี้ก็ยังจะปีนออกมาให้ได้ ความแสบซนไม่มีใครเกินจริงๆ

    “ยิ้มหวานให้ยายหน่อยเร็ว...” ยายจ๋าช่วยอีกแรง หนูน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนสุดน่ารักจึงนิ่งแล้วยิ้มหวานโชว์ฟันโชว์เหงือกให้ยาย

    “อะ ยิ้มหวานจังเลยลูก” ยิ่งเมื่อยายคุยหยอกล้อ น้องพลินทร์ก็ยิ่งยิ้มร่าแถมยังปรบมือแปะๆ ชอบใจ พลอยทำให้ผู้ใหญ่ยิ้มตามกับความน่ารักน่าเอ็นดู ต้องหลอกล่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ไม่อย่างนั้นก็จะแย่งมือถือแม่ท่าเดียว คุยนานๆ ไม่เคยได้หรอก

    “แล้วธุจ้ายายหรือยังนะ ธุจ้าหน่อยเร็ว”

    หญิงสาวลดใบหน้าลงกระซิบบอกด้วยรอยยิ้ม เวลาจะสอนหรือให้น้องพลินทร์ทำอะไรสักอย่างภคนางค์จะไม่บังคับ แต่จะบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ ลูกจะเชื่อฟังแล้วทำตาม พอสอนบ่อยๆ ก็จะเริ่มจำได้

    มือน้อยๆ ยกขึ้นประกบกันอย่างเร็วๆ เพื่อธุจ้ายายจ๋าแล้วหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง

    “ขนุนน้อยของยายเก่งที่สุดเล้ยยย”

    พอได้รับคำชมหนูน้อยก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม ทั้งยังขย่มตัวบนตักแม่จนแก้มกลมๆ นั้นเด้งดึ๋งๆ อย่างน่าเอ็นดู ไม่รู้ว่าบ้ายอเหมือนใครกัน แค่ได้เห็นรอยยิ้มได้ยินเสียงหัวเราะของหลานสาวเพียงเท่านั้นพัชรีก็มีความสุขแล้ว แม้อาจจะต้องเหงาที่ไม่ได้กอดได้หอมให้ชื่นใจ แต่ถ้าต้องแลกมาด้วยการที่น้องพลินทร์ได้มีทั้งแม่และพ่อพร้อมหน้าพร้อมตานางก็ยอม ถ้าคิดถึงเดี๋ยวค่อยหาเวลาไปหาที่กรุงเทพฯ ก็ได้ เมื่อก่อนก็ไปรับภคนางค์บ่อยอยู่แล้ว ทำไมจะไปหาหลานสาวตัวน้อยไม่ได้ล่ะ


    **********


    “ฉันจะกลับเลยนะคม ถ้าเคลียร์งานเสร็จนายกับคุณนิ่มก็กลับได้เลย”

    ภาวินทร์เดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมเสื้อสูทที่ใช้นิ้วเกี่ยวไว้กับบ่า ก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ทันทีเมื่อลูกน้องทั้งสองเงยหน้าจากงานมาพยักหน้ารับ ปกติชายหนุ่มแทบไม่สนใจเวลาเลิกงาน จะนั่งทำงานไปเรื่อยๆ และแทบไม่ได้ดูเวลา จนฟ้ามืดถึงกลับบ้าน แต่ตอนนี้ใจลอยไปถึงที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เพราะอยากกลับไปหอมไปฟัดยายหนูเหลือเกิน

    การกลับบ้านทันทีที่ถึงเวลาเลิกงานดูเหมือนจะไม่ใช่ภาวินทร์ตัวจริงเท่าไรนัก สำหรับคมกริชนั้นพอจะรู้อยู่แล้วว่าคงอยากรีบกลับไปหาลูกสาว แต่นวพรที่ไม่เคยเห็นเจ้านายออกจากห้องทำงานในเวลาสี่โมงเย็นค่อนข้างงุนงงไม่น้อย ปกติเห็นคมกริชบอกว่าเจ้านายจะอยู่เคลียร์งานจนมืด ซึ่งเธอไม่ได้อยู่ถึงตอนนั้น ห้าโมงเย็นก็กลับแล้ว แต่วันนี้เจ้านายกลับก่อนเลยสร้างความประหลาดใจให้มาก

    “คุณวินทร์รีบไปไหนเหรอคะพี่คม” ลับหลังเจ้านายนวพรก็ถามขึ้นด้วยความสีหน้างงๆ ปกติถ้ามีงานที่ไหนต่อคมกริชจะเป็นคนติดตามไปด้วย แต่นี่กลับไปเพียงลำพัง

    “รีบกลับบ้านครับ” คมกริชเงยหน้าขึ้นตอบอย่างยิ้มๆ แล้วก้มหน้าลงทำงานต่อ เมื่อเช้าเขาโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องงานก็ดูเหมือนเจ้านายจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย คงยังไม่อยากทิ้งลูกมาเพราะได้ยินเสียงคุณหนูน้อยอ้อแอ้อยู่ในสายตลอด พอเลิกงานแล้วถึงได้รีบกลับเร็วขนาดนี้

    “ปกติคุณวินทร์ไม่เคยเห็นรีบร้อนกลับขนาดนี้นะคะ ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ ไป

    “คนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้างสิครับคุณนิ่ม”

    จากที่เคยบ้างาน พอมีลูกงานก็คงต้องเพลาๆ ลง ช่วงนี้ภาวินทร์ยิ่งกำลังเห่อด้วย แถมน้องพลินทร์ยังน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนั้น คนเป็นพ่อก็ต้องหลงมากเป็นธรรมดา อีกทั้งอดีตภรรยายังกลับมาแล้ว คงจะช่วยทำให้ภาวินทร์คนเดิมที่ไม่ได้บ้างานอย่างปัจจุบันกลับมาด้วย เพราะหลังจากที่หย่ากับภคนางค์ เจ้านายของเขาก็ทำงานหนักยิ่งกว่าเดิมราวกับทำเพื่อให้ลืมเธอ

    “นิ่มว่าถ้าคุณวินทร์เลิกบ้างาน ฝนต้องตกนอกฤดูแน่ๆ เลยค่ะ”

    หญิงสาวว่าเสียงกลั้วขัน พลอยทำให้คนฟังยิ้มตามไปด้วย เธอไม่ได้จะนินทาเจ้านาย เพียงแค่แปลกใจเท่านั้น เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขานุการ นวพรก็แทบไม่เคยเห็นภาวินทร์กลับบ้านก่อนเวลาหรือกลับทันทีหลังเลิกงานเลย ขนาดเธอเป็นแค่เลขาฯ ยังกลับบ้านก่อนเจ้านายซะอีก


    +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×