คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 8 (2) อดีตเคยเป็น ปัจจุบันก็จะเป็นอีก
“มา ม่ะ”
“จ๋าลูก นอนสิจ๊ะ ไม่ต้องมาชวนแม่คุยเลยนะ”
ว่าพร้อมใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มนุ่มๆ ของลูกสาวที่ผละจากเต้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วแหววด้วยความมันเขี้ยว แม่กล่อมจนเหนื่อย เกาหลังให้ก็แล้ว อ่านนิทานให้ฟังไปสองเรื่องแล้วก็ไม่ยอมนอนเสียที สงสัยวันนี้จะนอนกลางวันผิดเวลาเลยทำให้นอนดึก ปกติแค่มีแม่คอยกล่อม มีนมให้กินและที่นอนนุ่มๆ ก็หลับแล้ว
“มา มา ม่า”
“ไม่ต้องมาโม้เลย นอนได้แล้วลูก ดึกแล้วนะจ๊ะ” ภคนางค์มันเขี้ยวยายตัวน้อยนัก แม่ว่าแล้วยังมายิ้มหวานให้อีก ทั้งที่ดูเหมือนง่วงแล้วแต่ก็พยายามจะฝืนเล่นเหลือเกิน
“หม่ำๆ แล้วนอนเร็วคนเก่ง ไม่งั้นแม่ไม่ให้กินแล้วนะ”
เธอแกล้งขู่แล้วอมยิ้ม ก่อนจะตบตูดให้เบาๆ เมื่อน้องพลินทร์ขยับเข้ามาดื่มนมจากอกอีกครั้ง ริมฝีปากสีระเรื่อแต้มด้วยรอยยิ้มจางๆ ในยามทอดมองยายตัวน้อยที่กำลังค่อยๆ ผล็อยหลับ มือน้อยๆ ยังสัมผัสสะเปะสะปะไปบนอกอวบข้างที่ไม่ได้ดูด ขาป้อมๆ นั้นก็ยังขึ้นมาก่ายเกยบนตัวแม่ ช่างเป็นท่านอนที่เรียบร้อยเหลือเกิน ถ้าคุณย่าเห็นเข้าคงตกใจยกมือทาบอกแน่นอน เพราะชมนักหนาว่าหลานสาวเป็นเด็กเรียบร้อย
“หลับซะนะเด็กดีของแม่” ก้มกระซิบแล้วหอมแก้มนุ่มละมุนเบาๆ ก่อนค่อยๆ ผละห่าง จังหวะที่กำลังละสายตาจากลูกประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามาพอดี ทำให้ภคนางค์สะดุ้งหน้าตาตื่น เธอล็อกประตูเรียบร้อยแล้วนะ ทำไมภาวินทร์ถึงเปิดเข้ามาได้
“คุณวินทร์ เข้ามาทำไมคะ”
ละลักละล่ำถามผู้บุกรุกในยามวิกาลด้วยความตกใจ มือบอบบางลนลานดึงสาบเสื้อนอนอีกด้านเพื่อปิดหน้าอกกันโป๊ ทว่าลูกกลับใช้มือน้อยๆ นั้นปัดออกเพราะมันปิดหน้าแก แถมยังส่งเสียงประท้วงในลำคอราวกับรำคาญ ภคนางค์ถึงกับทำหน้าไม่ถูก อายแสนอายจนหน้าร้อนผ่าว จะลุกไปไหนก็ไม่ได้ กลัวลูกจะตื่นขึ้นมาโยเยเพราะยังหลับไม่สนิท
“ฉันมานอนกับลูก” และอยากนอนกับแม่ของลูกด้วย…
ภาวินทร์บอกความต้องการของตัวเองหน้าตาเฉยหลังจากที่ปิดประตู แล้วเดินตรงไปยังเตียงนอนที่ภคนางค์กับลูกนอนอยู่ เจ้าของร่างสูงที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มตัวยาวกับกางเกงนอนสีเดียวกันยืนกอดอกอยู่ปลายเตียง มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มในยามมองลูกสาวตัวน้อยที่กำลังนอนดื่มนมจากอกแม่ ทั้งซุก ทั้งจับ ทั้งกอด ทั้งก่าย น่าอิจฉาจริงๆ
“แต่ว่า...”
ภคนางค์ทั้งอายทั้งกระอักกระอ่วน แก้มร้อนไปหมด มือบางก็พยายามปกปิดกายท่อนบนให้พ้นสายตาคมของคนที่ยืนกอดอกอยู่ปลายเตียง ไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาโดยที่เธออยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก เพราะตอนนอนหญิงสาวจะไม่สวมบรา ต้องสวมชุดนอนที่มีกระดุมหน้าเพื่อที่จะได้ให้นมลูกได้สะดวกหากบางคืนตื่นมางอแงแล้วเอานมให้ไม่ทันใจ น้องพลินทร์ก็จะมุดหาเต้าอย่างเดียว
“ไม่มีแต่ หรือเธอจะใจร้ายใจดำกีดกัน แค่ฉันจะนอนกับลูกก็ยังไม่ได้เหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสำทับคำถามขณะดวงตาคมนั้นมองสบตาแม่ของลูกนิ่ง
เมื่อภาวินทร์พูดมาเช่นนี้ภคนางค์ก็ถึงกับพูดไม่ออก แม้น้ำเสียงของเขาจะทุ้มนุ่มชวนฟังแต่กลับเชือดเฉือนเธออย่างเลือดเย็น เลยได้แต่นอนให้นมลูกอยู่เงียบๆ ไร้การโต้ตอบ เพราะคำว่าใจร้ายใจดำจากปากเขามันเสียดแทงหัวใจของเธอเหลือเกิน
ริมฝีปากได้รูปของภาวินทร์กระตุกยิ้มอย่างคนกุมชัยชนะ สาวเท้าไปอีกฝั่งของเตียงอย่างเงียบๆ แล้วถือวิสาสะพาตัวเองขึ้นไปบนเตียงกว้าง ทอดกายลงนอนแนบข้างแล้ววางศีรษะลงบนหมอนใบเดียวกันกับอดีตภรรยา
“คุณวินทร์! คุณจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ”
ภคนางค์เอี้ยวใบหน้าหันไปดุคนที่อยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองด้วยแววตาขุ่นขวางอย่างไม่พอใจ แต่ไม่กล้าเสียงดังเพราะกลัวลูกจะสะดุ้งตกใจ
คนที่นอนเอาศอกตั้งมือเท้าศีรษะยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยเมื่อเห็นแก้มระเรื่อของภคนางค์อย่างชัดเจนแม้มีเพียงแสงสีนวลจากโคมไฟ หญิงสาวในยามนี้ดูเซ็กซี่บาดตาไม่น้อย เพราะสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยที่เธอพยายามปกปิด แต่ดูเหมือนลูกจะเป็นใจเหลือเกิน...
“ก็มันว่างแค่ตรงนี้จะให้ฉันนอนตรงไหนล่ะ”
ภคนางค์ฟังแล้วชักสีหน้าใส่คนเอาแต่ใจ ถ้าไม่ติดว่าให้นมลูกอยู่และสภาพไม่เรียบร้อยดีนักเธอจะทุบเข้าแรงๆ สักที ทว่าแม้คิดเช่นนั้นแต่เอาเข้าจริงก็ไม่กล้าทำหรอก เพราะกลัวจะโดนเอาคืนแรงกว่านั้น
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คุณไม่ควรทำแบบนี้นะคะ” หญิงสาวเตือนสติเขาให้รับรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แม้ในอดีตจะเคยเกี่ยวข้องกันแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ไม่ควรนอนแนบชิดกันแบบนี้
“แล้วไง ฉันไม่ถือ” คนที่ตั้งใจเข้ามากระชับความสัมพันธ์กับอดีตภรรยาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
หญิงสาวถอนหายใจพรืดใหญ่ใส่คนเอาแต่ใจ เธอรู้จักนิสัยของภาวินทร์ดี แต่ไม่คิดว่าเขาจะเจ้าเล่ห์หน้ามึนได้ถึงเพียงนี้ น่าบิดให้เนื้อเขียวนัก
ภาวินทร์อมยิ้มกรุ้มกริ่มแม้ถูกมองด้วยแววตาขุ่นๆ ทั้งยังจงใจเบียดกายเข้าหาจนแนบชิดมากขึ้นแทบไร้ช่องว่าง ลำแขนแกร่งยกขึ้นโอบกอดแม่ของลูกเผื่อแผ่ไปถึงลูกสาวที่กำลังนอนซุกอยู่กับอกอวบที่เห็นวับๆ แวมๆ ของแม่ มันอวบอัดขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย แค่มองพ่อยังต้องกลืนน้ำลาย แต่ลูกทั้งได้ดูดได้ซุกจนอยากทำแบบนั้นบ้าง…
“แล้วมากอดนางค์ทำไมคะ ปล่อยเลยนะ”
ประท้วงเสียงแข็งแล้วยกแขนที่จู่ๆ ก็เลื่อนมาพาดอยู่กับเอวออกอย่างรวดเร็วราวกับโดนของร้อน แค่เขามานอนแนบชิดเรือนกายเธอก็ทั้งอายทั้งใจเต้นแรงจนทำอะไรไม่ถูก หายใจไม่ทั่วท้องคล้ายลมจะจับ แล้วยังมากอดขณะที่กายกำยำเบียดชิดจนความร้อนผะผ่าวแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายของเธออีก หญิงสาวไม่ปฏิเสธว่าอ้อมแขนของภาวินทร์อบอุ่นไม่ต่างจากอดีต แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ชายหนุ่มไม่ควรจะทำเช่นนี้ในเมื่อเขาก็ยอมตอบตกลงแล้วว่าจะอยู่ในสถานะพ่อของเด็กหญิงภควรินทร์เท่านั้น
“ฉันจะกอดลูก แต่เธออยู่ตรงกลางก็เลยต้องกอดเธอด้วย”
คนนอนซ้อนอยู่ด้านหลังให้เหตุผลแล้วยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะมือหนาสัมผัสบนเนื้อตัวของลูกที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่กับอกแม่เบาๆ เวลาน้องพลินทร์หลับนั้นช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาของคนเป็นพ่อ ส่วนคนเป็นแม่ก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่ต่างกันเวลาอายจนแก้มแดง
“งั้นก็รอให้ลูกหลับสนิทก่อนนางค์จะเปลี่ยนให้แกมานอนตรงกลาง”
“ไม่เป็นไร แบบนี้ฉันก็โอเค”
ภคนางค์อยากตะโกนใส่หน้าเขาเหลือเกินว่าเธอไม่โอเค! ทว่าได้แต่กัดฟันแน่นแล้วสูดหายใจลึกๆ อย่างระงับอารมณ์แล้วดึงสายตากลับมายังลูกสาวที่ค่อยๆ ปล่อยริมฝีปากเล็กๆ จากแหล่งอาหารอันโปรดปราน มือน้อยที่จับอยู่บริเวณอกแม่ก็ค่อยๆ เลื่อนลง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหมาน้อยแก้มย้วยของแม่หลับปุ๋ยเรียบร้อยแล้ว คุณแม่คนสวยคลี่ยิ้มจางๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งใจ จับมือลูกออกจากเสื้อนอนอย่างเบามือแล้วรีบกลัดกระดุมให้เข้าที่ดังเดิมเพื่อความปลอดภัยจากคนที่นอนหายใจรวยรดต้นคอ
“เอาแขนออกไปได้ไหมคะ นางค์อึดอัด”
บอกเสียงเรียบโดยไม่หันไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง ทั้งแขนหนักๆ ของภาวินทร์และขาอวบๆ ของลูกพร้อมใจกันพาดมาบนตัวเธอ พอกันทั้งพ่อทั้งลูก ไม่คิดว่าเธอจะหนักเลยสักนิด
ไม่มีเสียงตอบรับและปฏิกิริยาตอบกลับจากคนที่กำลังนอนสูดดมกลิ่นหอมเย้ายวนใจจากเรือนกายแสนนุ่มของอดีตภรรยา ภคนางค์มีน้ำมีนวลกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เวลากอดแล้วรู้สึกนุ่มเต็มไม้เต็มมือดี มิหนำซ้ำยังหอมกรุ่นชวนให้ดอมดมอย่างไม่รู้เบื่อ พอได้อยู่ใกล้ชิดแบบนี้แล้วทำให้รู้เลยว่าที่ผ่านมาเขาโหยหาการอยู่ใกล้ๆ เธอมากเพียงใด แต่กลับไม่ยอมรับในสิ่งที่ใจต้องการ
“เลี้ยงลูกคนเดียวเหนื่อยไหม”
ทอดถามเสียงนุ่มหลังจากนอนกอดร่างหอมกรุ่นอยู่หลายนาทีแล้วขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เท้าศอกกับหมอนก่อนลดใบหน้าลงจุมพิตหัวไหล่มนผ่านเสื้อนอนเบาๆ แล้วผละห่างอย่างอ้อยอิ่งขณะสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าปอด
ภคนางค์ค่อนข้างงงปนขวยเขินที่จู่ๆ ภาวินทร์ก็ถามขึ้นเสียงนุ่มนวลแล้วยังจูบลงมาที่หัวไหล่ พานทำให้ความซาบซ่านกระจัดกระจายไปทั่วเรือนกายของเธอ ทว่าพวงแก้มนวลกลับร้อนผะผ่าวด้วยความเอียงอาย
“เหนื่อยค่ะ”
เธอตอบเสียงเบาแล้วหลุบเปลือกตาลงมองลูกสาวที่เป็นเหมือนดั่งดวงใจแล้วยิ้มน้อยๆ แม้เหนื่อยแต่ก็เต็มไปด้วยความสุข เพราะมีลูกเข้ามาเติมเต็มทำให้ชีวิตของเธอมีแต่ความสุขในทุกวัน ยิ่งได้เฝ้ามองลูกน้อยที่ฟูมฟักมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์เติบโตยิ่งแสนสุขใจ
“เหนื่อยแล้วไม่คิดจะบอกฉันบ้างเหรอ”
ภาวินทร์ถามคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้วเมื่อครั้งที่คุยกันเรื่องลูกอย่างอ่อนใจ อยากรู้เหลือเกินว่าภคนางค์คิดจะปกปิดเรื่องลูกไปถึงเมื่อไรกันหากเขาไม่รู้เข้าเสียก่อน หรือเธอมีความคิดว่าวันหนึ่งจะบอกเขากับครอบครัวบ้างไหม ถ้าหากวันหนึ่งน้องพลินทร์โตขึ้นแล้วถามหาพ่อจะทำอย่างไร จะบอกว่าไม่มีพ่อ พ่อตายแล้ว ทั้งๆ ที่พ่ออย่างเขาก็ยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่เคยรับรู้ว่าตัวเองมีลูกงั้นเหรอ
“บอกแล้วคุณช่วยนางค์เลี้ยงลูกได้เหรอคะ”
คำย้อนถามของคนดื้อรั้นที่ฟังดูข้างๆ คูๆ ทำให้ภาวินทร์ถอนหายใจออกมาเบาๆ ภคนางค์น่าจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถขนาดนั้น แต่เธอต่างหากที่ไม่อยากบอกเอง
“ทำไมฉันจะช่วยเธอเลี้ยงลูกไม่ได้ มีแต่เธอที่ใจดำไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง”
พอถูกเขาย้อนคืนด้วยความจริงภคนางค์ก็ถึงกับเงียบไป ใบหน้าเริ่มงอง้ำ เพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปโต้เถียงเขา
“เธอใจร้ายมากนะนางค์” เสียงทุ้มที่ตำหนินั้นเจือตัดพ้ออยู่ในที วงแขนแกร่งยังคงโอบกอดร่างอรชรที่เคยครอบครองในวันวานอย่างนุ่มนวล แม้ใจจะเริ่มมีความคุกรุ่นเช่นทุกคราที่คุยเรื่องนี้ เป็นใครก็โมโหทั้งนั้นละ
“เราหย่ากันแล้ว ถ้านางค์บอกคุณว่าท้อง นางค์กลัวคุณจะหาว่าเป็นลูกคนอื่น”
ภคนางค์พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือเมื่อความน้อยใจมันตีตื้นขึ้นมาเพราะถูกเขากล่าวหาว่าเป็นคนใจร้าย ที่ไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าจะมีบางคำพูดมากระทบจิตใจ กลัวมันจะมาบั่นทอนความสุข กลัวจะต้องทุกข์ระทม กลัวสารพัดจนถึงขั้นเห็นแก่ตัวเก็บลูกเอาไว้คนเดียว เธอยอมรับว่าที่ผ่านมาค่อนข้างคิดเยอะและคิดไปเองจนทำให้เกิดความกลัว แต่มันก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเลยไม่ใช่หรือ
เหตุผลของภคนางค์ทำให้ภาวินทร์ถึงกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบนาบและมีรอยยิ้มแต้มบริเวณมุมปาก
“ไม่มีทางหรอก เธอก็รู้ว่าคืนนั้น...”
“ห้ามพูดนะคะ”
หญิงสาวรีบหันขวับไปปรามแล้วเอามือปิดริมฝีปากได้รูปเพื่อไม่ให้เอื้อนเอ่ยถึงเรื่องคืนนั้น ก่อนความร้อนจะแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อพบกับแววตากรุ้มกริ่มของอดีตสามี จึงรีบชักมือกลับด้วยความอายแสนอายที่เผลอไปแตะต้องกายเขา
“ฉันก็พูดไปตามความจริง ทำไมถึงจะพูดไม่ได้”
“คุณวินทร์…” ครางเรียกชื่อเขาอย่างอายๆ ขณะสองแก้มนั้นร้อนผ่าวไปหมด
“ฉันเป็นคนทำนะ ทำไมจะต้องโยนให้เป็นลูกคนอื่น”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ทว่าดวงตาคู่คมนั้นกลับมีแววหยอกเย้าแพรวพราว ถ้าร้างสวาทไปนานก่อนจะหย่าก็น่าคิดว่าเป็นลูกคนอื่น แต่เขาหื่นใส่เธอแทบไม่มีว่างเว้น ตั้งใจทำทุกครั้งทุกกระบวนท่า จะกล้าปฏิเสธลงคอได้อย่างไร แถมหลักฐานก็มีให้ประจักษ์แก่สายตา ยายหนูแก้มย้วยที่กำลังนอนหลับสบายอยู่นี้ไม่มีส่วนไหนที่ภาวินทร์จะกล้าพูดออกมาว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง
“ฉันออกจะตั้งใจทำทุกครั้งเธอก็รู้” ภาวินทร์ย้ำอีกรอบ ยิ่งเห็นภคนางค์อายยิ่งอยากจะแกล้งหนักๆ ชอบปากแข็ง ชอบคิดไปเองดีนัก
คนขี้อายไม่มีอะไรจะโต้ตอบเสียงทุ้มลึกชวนให้ใจสั่นสะท้าน ดึงสายตาออกห่างจากเขาแล้วหันกลับไปดังเดิม ร้อนวูบวาบในกายในยามที่สบสายตาคมแสนแพรวพราวคู่นั้น ภาวินทร์ช่างเป็นคนที่มีแรงดึงดูดมหาศาล หากมองสบตาเขานานๆ เธอกลัวเหลือเกินว่าจะยิ่งถลำลึกเข้าหามากขึ้นเรื่อยๆ
“ปล่อยนางค์เถอะค่ะ” อ้อมแอ้มบอกเมื่อเขายังกอดไม่ปล่อย ทั้งยังปล่อยลมหายใจอุ่นๆ รวยรดซอกคอให้ใจหวิวสั่น แม้อบอุ่นแต่ภคนางค์ก็ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มทำเช่นนี้
“ไม่” ปฏิเสธเสียงแข็งไม่พอยังชะโงกหน้าขึ้นไปจูบแก้มนวลของคนดื้อรั้นหนักๆ ด้วยความมันเขี้ยว เรื่องอะไรเขาจะปล่อยในเมื่อกว่าจะได้เธอกลับมาคืนสู่อ้อมแขนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด มีแต่จะกอดแน่นๆ น่ะสิ
“เอ๊ะ ปล่อยนะคนชอบฉวยโอกาส”
ภคนางค์ประท้วงแล้วหันไปมองอดีตสามีตาเขียว แก้มนวลที่โดนริมฝีปากร้อนรุ่มฉกจูบลงหาร้อนผ่าว พยายามใช้ศอกแหลมๆ ดันแผ่นอกกว้างของเขาให้ขยับออกไปห่างๆ ทว่ากลับไม่ต่างจากผลักกำแพงหินเพราะภาวินทร์ไม่ยอมขยับเลยแม้แต่น้อย เลยยอมให้เขากอดและได้แต่มองค้อนตาขุ่นด้วยความไม่พอใจ พลางเฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้องแล้วหรือ เธอควรจะต่อต้านเขาให้มากกว่านี้ไหม ไม่ใช่ยอมทำตามความต้องการในส่วนลึกของหัวใจตัวเองแบบนี้
“เดี๋ยวนี้รู้จักเล่นตัวกับผัวด้วยเหรอ” ไม่ว่าเปล่า หากแต่ยังขยับตัวเข้าหาอย่างอยากจะแกล้งเมื่อเห็นแก้มแดงๆ เป็นลูกตำลึงสุก น่าจูบฟัดแรงๆ ไม่ต่างจากแก้มลูกเลยสักนิด
“บ้า คุณไม่ใช่สามีนางค์ซะหน่อย”
หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง มองค้อนตาคว่ำกลบเกลื่อนอาการเขินอายจนหน้าร้อนไปหมด ภาวินทร์ช่างกล้าพูดคำนั้นออกมาได้เต็มปากทั้งที่เขาเป็นคนชวนเธอหย่าเอง มิหนำซ้ำที่ผ่านมายังไม่เคยคิดจะตามหา จะมาแอบอ้างเป็นสามีของเธอแบบนี้ไม่ได้
“อ๋อ ฉันมันเป็นแค่อดีตสินะ”
ภาวินทร์พยักหน้าขึ้นลงอย่างช้าๆ ก่อนริมฝีปากได้รูปจะเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาขณะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ อดีตภรรยา ปล่อยลมหายใจร้อนผ่าวรวยรดแก้มนวลที่พยายามจะหลบหนีแต่ไปไหนไม่รอดเพราะมีลูกนอนอยู่ แล้วกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูว่า…
“แล้วไง อดีตก็เคยเป็น ทำไมปัจจุบันจะเป็นไม่ได้”
ประกาศเจตนารมณ์ให้รับรู้แล้วยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ทว่ากลับทำให้สองแก้มของคนฟังร้อนจัดยิ่งกว่าเดิม อัตราการเต้นของหัวใจรัวแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อที่ค่อยๆ เม้มเข้าหากัน เธอทำเพียงแค่เบือนใบหน้าสวยหวานหนีอย่างเงียบๆ คำประกาศกร้าวชัดเจนจากอดีตสามีทำให้ใจดวงน้อยของภคนางค์สั่นรัวด้วยความหวั่นกลัว กลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่หากถูกเขารุกไล่…
ทว่าใจก็มีคำถามผุดขึ้นมา ทำไมเมื่อกลางวันเขาถึงยอมรับว่าจะอยู่ในสถานะพ่อของลูกอย่างง่ายดายทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยยอม แต่ตอนนี้มากลับคำมันหมายความว่าอย่างไรกัน ภคนางค์อยากรู้เหลือเกินว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ กำลังเล่นกับความรู้สึกของเธอใช่ไหม หรือภาวินทร์จะเก็บทั้งเธอและผู้หญิงคนใหม่ไว้ หากเป็นเช่นนั้นภคนางค์ไม่อาจทำใจยอมรับได้ เธอขอกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองกับลูกอย่างเดิมดีกว่า
ภาวินทร์มองปฏิกิริยาของคนในอ้อมแขนพลางกระตุกยิ้มมุมปาก อดีตก็เคยเป็นมาแล้ว ทำไมปัจจุบันเขาจะเป็นสามีของภคนางค์อีกไม่ได้ล่ะ เพราะเขาไม่ได้ต้องการเป็นแค่พ่อของลูกตั้งแต่แรก ทว่าต้องการจะเป็นสามีของเธออีกครั้งด้วย และที่เมื่อกลางวันตอบออกไปแบบนั้นเป็นเพราะเขาอยากจะตามใจภคนางค์ แต่หลังจากนี้ภาวินทร์จะตามใจตัวเองแล้ว รอดูแล้วกันว่าเขาจะสามารถทำให้ภคนางค์กลับมาใช้นามสกุลธีระธนภัทรอีกครั้งได้หรือไม่
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น