NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 6 (3) เตรียมตัวเตรียมใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63.17K
      281
      20 เม.ย. 67




     

    หลังจากนิชดาพาเด็กหญิงนิรดาไปอาบน้ำแล้วพามาส่งอีกรอบ ภคนางค์ก็ปิดบ้านแล้วรีบอาบน้ำ เพื่อให้ป้าที่ดูแลเด็กๆ ให้ระหว่างไปอาบน้ำได้ไปพักผ่อนเพราะต้องตื่นไปดูแลร้านแต่เช้า เธอเดินไปปิดไฟให้เหลือเพียงแสงจากโคมไฟที่หัวเตียง ก่อนจะกลับมาจัดการห่มผ้าให้ลูกที่นอนอยู่บนเตียงสำหรับเด็กที่เชื่อมต่อกับเตียงใหญ่ซึ่งมีที่กั้นสามด้าน ทุกคืนเด็กน้อยมักจะกลิ้งออกมาแล้วนอนซุกอยู่ข้างๆ แม่เสมอ ดวงตาคู่หวานเฝ้ามองลูกพลางสัมผัสไปบนเนื้อตัวนุ่มๆ อย่างถนอม ก่อนจะหอมแก้มป่องๆ แล้วย้ายตัวเองขึ้นไปอยู่บนเตียงที่หลานสาวนอนหลับปุ๋ยกอดตุ๊กตาอยู่อีกฝั่ง ไม่กล้าให้นอนใกล้ๆ น้องเพราะกลัวจะโดนขาอวบๆ พาดคอเอา แถมเท้าน้อยๆ ก็ยังเตะเก่งอีกต่างหาก และไม่ลืมที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความจากเพื่อนๆ ก่อนนอน มีมิสคอลจากสรศักดิ์เมื่อสิบกว่านาทีก่อนพร้อมกับข้อความบอกให้โทร.กลับ ภคนางค์จึงโทรศัพท์กลับหาเพื่อนเนื่องจากกลัวจะมีธุระสำคัญ

    “นางค์” อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็วเพราะกำลังรออยู่ ไม่กล้าโทร.ไปรบกวนหลายสาย กลัวจะทำหลานตื่น

    “ว่าไงแก”

    หญิงสาวกระซิบกระซาบตอบกลับเพราะกลัวจะเสียงดังแล้วทำลูกตื่น แต่เล่นกับพ่อมาทั้งวันแบบนี้คงหลับยาวถึงเช้าแน่ๆ ภาวินทร์มาที่บ้านสองวันลูกก็เกาะเขาแจทั้งสองวัน และดูเหมือนน้องพลินทร์จะติดพ่อมากขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วย แต่วันนี้ไม่ร้องไห้ตามตอนพ่อจะกลับเพราะมีพี่น้อยหน่าอยู่ด้วย อาจจะเพราะวันแรกยังเห่อพ่ออยู่ด้วยเลยร้องตาม

    “พวกฉันหาวันหยุดได้แล้วนะ ฉันกำลังจะจองตั๋วเครื่องบินไปหาหลานกัน” 

    สรศักดิ์เพิ่งจะคุยกับอรอุมาและบุญญาดามาก่อนหน้านั้น พอได้วันหยุดตรงกันเลยจะเป็นฝ่ายจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ แต่ต้องคุยกับภคนางค์ก่อนว่าสะดวกหรือไม่ แม้เพื่อนจะเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็ตามเถอะ

    “เมื่อไรน่ะสร”

    “ช่วงปลายๆ เดือนนี้น่ะ ไม่ได้ไปไหนใช่ไหม”

    คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วคิดทวนวันที่อยู่ในใจ ปลายเดือนนี้ก็อีกไม่กี่วันแล้วน่ะสิ

    “ฉันว่าพวกแกไม่ต้องมาหรอก ฉันกำลังจะพาลูกไปกรุงเทพฯ” 

    ภคนางค์เอ่ยห้ามเพราะเกรงว่าเพื่อนจะมาเสียเที่ยว เนื่องจากเธอยังไม่รู้กำหนดที่จะได้พาลูกกลับมาเชียงใหม่ หาเวลานัดเจอกันตอนที่เธอยังอยู่กรุงเทพฯ น่าจะเหมาะและสะดวกกว่า

    “จริงเหรอ แกจะมาทำไม พาน้องพลินทร์มาเที่ยวเหรอ” 

    คนปลายสายตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักและหลานจะลงมากรุงเทพฯ นานเกือบสองปีแล้วที่ภคนางค์ไม่ได้กลับมา คิดว่าจะไปเป็นสาวเชียงใหม่แล้วลืมแสงสีเมืองกรุงเสียอีก ชวนมาหลายหนก็ไม่ยอมมา สงสัยกลัวจะเจอใครที่พยายามหนีเข้า

    “เปล่าหรอก”

    “อ้าว แล้วจะมาทำไมกัน”

    “คือคุณวินทร์เขารู้เรื่องลูกแล้วน่ะ พรุ่งนี้ฉันกับลูกต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับเขา” 

    หญิงสาวว่าแล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องบอกเพื่อนเรื่องที่ภาวินทร์รู้เรื่องลูกแล้ว แต่ยังหาจังหวะที่จะบอกไม่ได้ เพราะมันค่อนข้างกะทันหันขนาดเธอยังตั้งรับไม่ทัน เลยถือโอกาสนี้บอกไปเลยแล้วกัน เดี๋ยวสรศักดิ์คงไปกระจายข่าวให้สองสาวต่อ

    สรศักดิ์ห่อปากตาโตด้วยความอึ้งและตกใจ อยากจะลุกขึ้นกรี๊ดดังๆ เสียด้วยซ้ำแต่ต้องเก็บอาการไว้สุดความสามารถ เก็บไว้รอกรี๊ดตอนโทรศัพท์หาบุญญาดาและอรอุมา

    “โป๊ะแตกแล้วยายนางค์ โป๊ะสุดอะไรสุด

    โลกมันกลมเหมือนกับพุงของน้องพลินทร์นั่นละ แม้เชียงใหม่กับกรุงเทพฯ จะอยู่ไกลกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนที่ห่างไกลโคจรมาพบกันแล้วทำให้ความลับแตกไม่ได้ เขาเคยเตือนภคนางค์ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่สามารถปกปิดไปได้ตลอดหรอก ถึงอย่างไรก็ต้องมีวันหนึ่งที่ภาวินทร์และครอบครัวจะรู้เรื่องเด็กหญิงภควรินทร์ ไม่คิดเลยว่าจะรู้เร็วขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละความลับของภคนางค์น่ะถูกเก็บได้ไม่นานหรอก เพราะมีหลักฐานเป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักแถมน่าฟัดอย่างน้องพลินทร์ ปิดอย่างไรก็คงไม่มิด ดีใจที่สุดที่ลูกหมาน้อยขี้อ้อนของป้าจะมีพ่อแล้ว

    “ฉันบอกแกแล้วว่าระวังความลับจะแตกเข้าสักวัน ไงล่ะ หลานฉันยังไม่ถึงขวบเลย พ่อเขารู้เรื่องซะแล้ว” 

    “แกน่ะ” 

    กระเง้ากระงอดใส่เมื่อโดนพูดกระทบด้วยความจริง หญิงสาวไม่คิดนี่นาว่าภาวินทร์จะมาที่นี่แล้วทำให้ความลับต้องถูกเปิดเผยเร็วขนาดนี้

    “แล้วทำไมคุณวินทร์เขาถึงรู้ได้ล่ะ” 

    อดสงสัยไม่ได้เลยต้องถาม อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมภาวินทร์ถึงรู้ หรือว่าเขาให้คนตามสืบ แต่ถ้ามาสืบตอนนี้จะช้าไปหรือเปล่า

    “เขามากินข้าวที่ร้านน่ะสิ” ภคนางค์ตอบเสียงอ่อยแล้วถอนหายใจรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ตลอดสองสามวันมานี้

    คนฟังกลั้นขำจนเจ็บแก้ม บทจะเจอก็เจอกันง่ายๆ แบบนี้เลยสินะ ไม่ต้องเสียเวลาสืบหาเลย 

    “กลมกว่าพุงหลานฉันก็คงเป็นโลกนี่ละมั้ง ขนาดแกหนีไปอยู่ในซอกหลืบของเชียงใหม่เขายังตามไปเจอจนได้” 

    สรศักดิ์จีบปากจีบคอพูดติดตลก ความจริงอยากจะพูดว่าเป็นคู่กันแล้วไม่แคล้วกันก็กลัวเพื่อนจะงอนเอา เพราะเห็นพูดนักพูดหนาว่าไม่ได้คิดอะไรกับอดีตสามี ซึ่งเขากับเพื่อนๆ ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะ แต่เชื่อไม่ลงจริงๆ 

    “ฉันเครียดไปหมดแล้วเนี่ย ไม่รู้จะตอบคำถามคุณท่านทั้งสองยังไงดี” 

    หญิงสาวกังวลใจในยามที่จะต้องเผชิญหน้ากับคุณรัมภาและคุณรวิตามากกว่าภาวินทร์เสียอีก มีความกลัวเข้ามาเกาะกุมจิตใจสารพัดจนเกรงว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับ แต่คงต้องพยายามข่มตาให้หลับเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเดินทาง แถมยังต้องรับมือกับลูกอีก

    “ก็ตอบไปตามความจริงสิยะ จะไปยากอะไร” 

    ชายหนุ่มช่วยให้คำปรึกษาได้เท่านี้ ในเมื่อภคนางค์เลือกที่จะพาตัวเองออกมาจากธีระธนภัทร ทั้งยังตั้งใจปกปิดเรื่องทายาท ก็ควรนำเหตุผลที่ทำเช่นนั้นไปสารภาพผิด ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย เขาคิดว่าพวกท่านคงเข้าใจ อาจจะมีตำหนิบ้างซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

    คำแนะนำของเพื่อนทำให้ภคนางค์ถึงกับถอนหายใจด้วยความรู้สึกหนักอกยิ่งกว่าเดิม ป้าก็พูดอย่างสรศักดิ์ แต่ความจริงมันไม่ง่ายเลยสักนิด เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะพูดออกไปน่ะสิ 

    “ดึกแล้วไปนอนเถอะ ต้องเดินทางพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ” 

    เห็นเพื่อนเงียบไปชายหนุ่มก็ไม่อยากพูดอะไรให้กังวลใจไปมากกว่าเดิม ดูเหมือนว่าภคนางค์คงจะเครียดพอสมควรเลยละ ก็สมควรอยู่หรอกเพราะเป็นคนผูกปมนี้ขึ้นมาเองก็ต้องหาทางแก้เอง ตอนนี้ภาวินทร์รู้เรื่องน้องพลินทร์แล้ว สรศักดิ์ได้แต่หวังว่าเขาจะเอาทั้งลูกและแม่ของลูก อยากให้ทั้งสองกลับไปเป็นสามีภรรยากันเหมือนเดิม อยากให้หลานมีพ่อและแม่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วย

    “อืม ไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ นะ”

    “โอเค ฝันดีๆ ฝากจุ๊บหลานด้วย” 

    “อืม ฝันดีนะสร

    ตอบรับเสียงแผ่วขณะทอดมองลูกสาวที่หลับปุ๋ยนิ่ง พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอจะต้องไปเผชิญกับความจริงเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ได้เผชิญครั้งแรกกับภาวินทร์ ไม่รู้ชายหนุ่มบอกเรื่องยายหนูให้แม่และยายของเขารับรู้หรือยัง เพราะเขาไม่เอ่ยถึงเลยและเธอก็ไม่กล้าพอที่จะถาม เลยทำให้ไม่รู้ว่าพวกท่านรู้สึกอย่างไร ใจของเธอมีความกลัวเต็มไปหมด แต่ไม่กลัวถ้าหากจะถูกตำหนิ ทว่ากลัวว่าจะถูกรังเกียจหรือถูกตราหน้าว่าเป็นคนเนรคุณมากกว่า เพราะคุณรัมภาและคุณรวิตานั้นมีพระคุณกับเธอมากเหลือเกิน แต่เธอกลับตอบแทนท่านด้วยการหนีมา ไม่เคยติดต่อหา มิหนำซ้ำยังปิดบังเรื่องทายาทของธีระธนภัทรอีกต่างหาก




    +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×