คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 6 (3) เตรียมตัวเตรียมใจ
หลังจากนิชดาพาเด็กหญิงนิรดาไปอาบน้ำแล้วพามาส่งอีกรอบ ภคนางค์ก็ปิดบ้านแล้วรีบอาบน้ำ เพื่อให้ป้าที่ดูแลเด็กๆ ให้ระหว่างไปอาบน้ำได้ไปพักผ่อนเพราะต้องตื่นไปดูแลร้านแต่เช้า เธอเดินไปปิดไฟให้เหลือเพียงแสงจากโคมไฟที่หัวเตียง ก่อนจะกลับมาจัดการห่มผ้าให้ลูกที่นอนอยู่บนเตียงสำหรับเด็กที่เชื่อมต่อกับเตียงใหญ่ซึ่งมีที่กั้นสามด้าน ทุกคืนเด็กน้อยมักจะกลิ้งออกมาแล้วนอนซุกอยู่ข้างๆ แม่เสมอ ดวงตาคู่หวานเฝ้ามองลูกพลางสัมผัสไปบนเนื้อตัวนุ่มๆ อย่างถนอม ก่อนจะหอมแก้มป่องๆ แล้วย้ายตัวเองขึ้นไปอยู่บนเตียงที่หลานสาวนอนหลับปุ๋ยกอดตุ๊กตาอยู่อีกฝั่ง ไม่กล้าให้นอนใกล้ๆ น้องเพราะกลัวจะโดนขาอวบๆ พาดคอเอา แถมเท้าน้อยๆ ก็ยังเตะเก่งอีกต่างหาก และไม่ลืมที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความจากเพื่อนๆ ก่อนนอน มีมิสคอลจากสรศักดิ์เมื่อสิบกว่านาทีก่อนพร้อมกับข้อความบอกให้โทร.กลับ ภคนางค์จึงโทรศัพท์กลับหาเพื่อนเนื่องจากกลัวจะมีธุระสำคัญ
“นางค์” อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็วเพราะกำลังรออยู่ ไม่กล้าโทร.ไปรบกวนหลายสาย กลัวจะทำหลานตื่น
“ว่าไงแก”
หญิงสาวกระซิบกระซาบตอบกลับเพราะกลัวจะเสียงดังแล้วทำลูกตื่น แต่เล่นกับพ่อมาทั้งวันแบบนี้คงหลับยาวถึงเช้าแน่ๆ ภาวินทร์มาที่บ้านสองวันลูกก็เกาะเขาแจทั้งสองวัน และดูเหมือนน้องพลินทร์จะติดพ่อมากขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วย แต่วันนี้ไม่ร้องไห้ตามตอนพ่อจะกลับเพราะมีพี่น้อยหน่าอยู่ด้วย อาจจะเพราะวันแรกยังเห่อพ่ออยู่ด้วยเลยร้องตาม
“พวกฉันหาวันหยุดได้แล้วนะ ฉันกำลังจะจองตั๋วเครื่องบินไปหาหลานกัน”
สรศักดิ์เพิ่งจะคุยกับอรอุมาและบุญญาดามาก่อนหน้านั้น พอได้วันหยุดตรงกันเลยจะเป็นฝ่ายจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ แต่ต้องคุยกับภคนางค์ก่อนว่าสะดวกหรือไม่ แม้เพื่อนจะเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็ตามเถอะ
“เมื่อไรน่ะสร”
“ช่วงปลายๆ เดือนนี้น่ะ ไม่ได้ไปไหนใช่ไหม”
คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วคิดทวนวันที่อยู่ในใจ ปลายเดือนนี้ก็อีกไม่กี่วันแล้วน่ะสิ
“ฉันว่าพวกแกไม่ต้องมาหรอก ฉันกำลังจะพาลูกไปกรุงเทพฯ”
ภคนางค์เอ่ยห้ามเพราะเกรงว่าเพื่อนจะมาเสียเที่ยว เนื่องจากเธอยังไม่รู้กำหนดที่จะได้พาลูกกลับมาเชียงใหม่ หาเวลานัดเจอกันตอนที่เธอยังอยู่กรุงเทพฯ น่าจะเหมาะและสะดวกกว่า
“จริงเหรอ แกจะมาทำไม พาน้องพลินทร์มาเที่ยวเหรอ”
คนปลายสายตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักและหลานจะลงมากรุงเทพฯ นานเกือบสองปีแล้วที่ภคนางค์ไม่ได้กลับมา คิดว่าจะไปเป็นสาวเชียงใหม่แล้วลืมแสงสีเมืองกรุงเสียอีก ชวนมาหลายหนก็ไม่ยอมมา สงสัยกลัวจะเจอใครที่พยายามหนีเข้า
“เปล่าหรอก”
“อ้าว แล้วจะมาทำไมกัน”
“คือคุณวินทร์เขารู้เรื่องลูกแล้วน่ะ พรุ่งนี้ฉันกับลูกต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับเขา”
หญิงสาวว่าแล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องบอกเพื่อนเรื่องที่ภาวินทร์รู้เรื่องลูกแล้ว แต่ยังหาจังหวะที่จะบอกไม่ได้ เพราะมันค่อนข้างกะทันหันขนาดเธอยังตั้งรับไม่ทัน เลยถือโอกาสนี้บอกไปเลยแล้วกัน เดี๋ยวสรศักดิ์คงไปกระจายข่าวให้สองสาวต่อ
สรศักดิ์ห่อปากตาโตด้วยความอึ้งและตกใจ อยากจะลุกขึ้นกรี๊ดดังๆ เสียด้วยซ้ำแต่ต้องเก็บอาการไว้สุดความสามารถ เก็บไว้รอกรี๊ดตอนโทรศัพท์หาบุญญาดาและอรอุมา
“โป๊ะแตกแล้วยายนางค์ โป๊ะสุดอะไรสุด”
โลกมันกลมเหมือนกับพุงของน้องพลินทร์นั่นละ แม้เชียงใหม่กับกรุงเทพฯ จะอยู่ไกลกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนที่ห่างไกลโคจรมาพบกันแล้วทำให้ความลับแตกไม่ได้ เขาเคยเตือนภคนางค์ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่สามารถปกปิดไปได้ตลอดหรอก ถึงอย่างไรก็ต้องมีวันหนึ่งที่ภาวินทร์และครอบครัวจะรู้เรื่องเด็กหญิงภควรินทร์ ไม่คิดเลยว่าจะรู้เร็วขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละความลับของภคนางค์น่ะถูกเก็บได้ไม่นานหรอก เพราะมีหลักฐานเป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักแถมน่าฟัดอย่างน้องพลินทร์ ปิดอย่างไรก็คงไม่มิด ดีใจที่สุดที่ลูกหมาน้อยขี้อ้อนของป้าจะมีพ่อแล้ว
“ฉันบอกแกแล้วว่าระวังความลับจะแตกเข้าสักวัน ไงล่ะ หลานฉันยังไม่ถึงขวบเลย พ่อเขารู้เรื่องซะแล้ว”
“แกน่ะ”
กระเง้ากระงอดใส่เมื่อโดนพูดกระทบด้วยความจริง หญิงสาวไม่คิดนี่นาว่าภาวินทร์จะมาที่นี่แล้วทำให้ความลับต้องถูกเปิดเผยเร็วขนาดนี้
“แล้วทำไมคุณวินทร์เขาถึงรู้ได้ล่ะ”
อดสงสัยไม่ได้เลยต้องถาม อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมภาวินทร์ถึงรู้ หรือว่าเขาให้คนตามสืบ แต่ถ้ามาสืบตอนนี้จะช้าไปหรือเปล่า
“เขามากินข้าวที่ร้านน่ะสิ” ภคนางค์ตอบเสียงอ่อยแล้วถอนหายใจรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ตลอดสองสามวันมานี้
คนฟังกลั้นขำจนเจ็บแก้ม บทจะเจอก็เจอกันง่ายๆ แบบนี้เลยสินะ ไม่ต้องเสียเวลาสืบหาเลย
“กลมกว่าพุงหลานฉันก็คงเป็นโลกนี่ละมั้ง ขนาดแกหนีไปอยู่ในซอกหลืบของเชียงใหม่เขายังตามไปเจอจนได้”
สรศักดิ์จีบปากจีบคอพูดติดตลก ความจริงอยากจะพูดว่าเป็นคู่กันแล้วไม่แคล้วกันก็กลัวเพื่อนจะงอนเอา เพราะเห็นพูดนักพูดหนาว่าไม่ได้คิดอะไรกับอดีตสามี ซึ่งเขากับเพื่อนๆ ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะ แต่เชื่อไม่ลงจริงๆ
“ฉันเครียดไปหมดแล้วเนี่ย ไม่รู้จะตอบคำถามคุณท่านทั้งสองยังไงดี”
หญิงสาวกังวลใจในยามที่จะต้องเผชิญหน้ากับคุณรัมภาและคุณรวิตามากกว่าภาวินทร์เสียอีก มีความกลัวเข้ามาเกาะกุมจิตใจสารพัดจนเกรงว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับ แต่คงต้องพยายามข่มตาให้หลับเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเดินทาง แถมยังต้องรับมือกับลูกอีก
“ก็ตอบไปตามความจริงสิยะ จะไปยากอะไร”
ชายหนุ่มช่วยให้คำปรึกษาได้เท่านี้ ในเมื่อภคนางค์เลือกที่จะพาตัวเองออกมาจากธีระธนภัทร ทั้งยังตั้งใจปกปิดเรื่องทายาท ก็ควรนำเหตุผลที่ทำเช่นนั้นไปสารภาพผิด ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย เขาคิดว่าพวกท่านคงเข้าใจ อาจจะมีตำหนิบ้างซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
คำแนะนำของเพื่อนทำให้ภคนางค์ถึงกับถอนหายใจด้วยความรู้สึกหนักอกยิ่งกว่าเดิม ป้าก็พูดอย่างสรศักดิ์ แต่ความจริงมันไม่ง่ายเลยสักนิด เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะพูดออกไปน่ะสิ
“ดึกแล้วไปนอนเถอะ ต้องเดินทางพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”
เห็นเพื่อนเงียบไปชายหนุ่มก็ไม่อยากพูดอะไรให้กังวลใจไปมากกว่าเดิม ดูเหมือนว่าภคนางค์คงจะเครียดพอสมควรเลยละ ก็สมควรอยู่หรอกเพราะเป็นคนผูกปมนี้ขึ้นมาเองก็ต้องหาทางแก้เอง ตอนนี้ภาวินทร์รู้เรื่องน้องพลินทร์แล้ว สรศักดิ์ได้แต่หวังว่าเขาจะเอาทั้งลูกและแม่ของลูก อยากให้ทั้งสองกลับไปเป็นสามีภรรยากันเหมือนเดิม อยากให้หลานมีพ่อและแม่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วย
“อืม ไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ นะ”
“โอเค ฝันดีๆ ฝากจุ๊บหลานด้วย”
“อืม ฝันดีนะสร”
ตอบรับเสียงแผ่วขณะทอดมองลูกสาวที่หลับปุ๋ยนิ่ง พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอจะต้องไปเผชิญกับความจริงเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ได้เผชิญครั้งแรกกับภาวินทร์ ไม่รู้ชายหนุ่มบอกเรื่องยายหนูให้แม่และยายของเขารับรู้หรือยัง เพราะเขาไม่เอ่ยถึงเลยและเธอก็ไม่กล้าพอที่จะถาม เลยทำให้ไม่รู้ว่าพวกท่านรู้สึกอย่างไร ใจของเธอมีความกลัวเต็มไปหมด แต่ไม่กลัวถ้าหากจะถูกตำหนิ ทว่ากลัวว่าจะถูกรังเกียจหรือถูกตราหน้าว่าเป็นคนเนรคุณมากกว่า เพราะคุณรัมภาและคุณรวิตานั้นมีพระคุณกับเธอมากเหลือเกิน แต่เธอกลับตอบแทนท่านด้วยการหนีมา ไม่เคยติดต่อหา มิหนำซ้ำยังปิดบังเรื่องทายาทของธีระธนภัทรอีกต่างหาก
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น