NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 5 (2) ตกหลุมรัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 67.61K
      327
      18 เม.ย. 67




    “ให้พ่ออุ้มหน่อยนะคนดี”

    เขากระซิบขอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วรับยายตัวน้อยมาอุ้มด้วยท่าทีเก้กัง จังหวะนั้นจงใจให้มือหนาสัมผัสกับมือขาวเนียนของแม่ของลูกไปด้วย แล้วทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนถูกสัมผัสนั้นถึงกับแก้มร้อนผ่าว ราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆ วิ่งเข้ามาในกายจนต้องค่อยๆ ชักมือออกห่าง...

    “สวัสดีครับคนสวยของพ่อ...”

    ภาวินทร์ทักทายลูกสาวที่จับให้ยืนหันมาเผชิญหน้า คลี่ยิ้มอบอุ่นในยามที่มองเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง เมื่อลูกไม่ร้องไม่ต่อต้านจึงขยับใบหน้าเข้าไปหอมแก้มสีชมพูย้วยเป็นพวงด้วยสัมผัสอ่อนโยน พลอยทำให้คนถูกหอมยิ้มร่า หัวใจของคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าได้เป็นพ่อนั้นอบอวลไปด้วยความสุข ขอบตาร้อนผ่าวในยามมองสบตากับดวงตากลมโตแสนไร้เดียงสาของลูกสาว ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าแค่ได้สัมผัส ได้อุ้ม ได้หอมลูกแล้วจะมีความสุขมากมายถึงเพียงนี้ ตอนนี้ความรู้สึกรักที่ท่วมท้นอยู่ในอกมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่ลดละเลย

     “แอ้...” คนตัวเล็กเริ่มอ้อแอ้เหมือนอยากคุยด้วย ปากจิ้มลิ้มสีชมพูเริ่มเผยยิ้มน้อยๆ เมื่อสร้างความคุ้นเคยเรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมโตหวานซึ้งเหมือนแม่นั้นมองพ่อนิ่งราวกับกำลังสงสัยว่าเป็นใคร

    “ไหนธุจ้าหรือยังจ๊ะ ธุจ้าก่อนเร็วคนเก่ง”

    เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของแม่ น้องพลินทร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ธุจ้าตามที่บอกแล้วยิ้มอารมณ์ดี เท้าน้อยๆ ที่วางอยู่บนตักพ่อขยับย่ำไปมาอย่างร่าเริงเป็นพิเศษ ลูกคงรู้ด้วยสัญชาตญาณของแกว่าคนที่อุ้มอยู่นั้นคือ ‘พ่อ’ ถึงไม่งอแงเลยสักนิดเวลาอยู่ใกล้ เห็นแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ หากเธอจงใจปกปิดไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งลูกโตขึ้นแล้วถามหาพ่อจะตอบว่าอย่างไร จะพูดความจริงหรือจะกล้าโกหกลูกหรือไม่ ภคนางค์ยังไม่เคยคิดเรื่องนั้นเอาไว้เลย

    “เก่งจังเลยครับ”

    การกระทำของลูกทำให้ภาวินทร์ถึงกับใจละลาย ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเด็กวัยนี้ทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่น้องพลินทร์ทำนั้นมันน่ารักน่าเอ็นดูจนคนเป็นพ่อเริ่มจะมีอาการหลงรักมากขึ้นเรื่อยๆ เขายังไม่ได้บอกคุณรัมภาและคุณรวิตาเรื่องทายาทของธีระธนภัทร กลัวว่าท่านทั้งสองจะตั้งหน้าตั้งตารอ เลยคิดว่าจะพาไปเซอร์ไพรส์ดีกว่า เชื่อเถอะว่าท่านทั้งสองคงจะหลงยายหนูไม่ต่างจากเขาหรอก

    ภคนางค์มองลูกสาวที่ใช้แววตาแสนบริสุทธิ์มองพ่อนิ่งแล้วอดยิ้มไม่ได้ น้ำตาก็รื้นจนต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้มันไหลย้อนกลับคืน ตอนนี้กำแพงที่เธอพยายามสร้างขึ้นมาปกปิดภาวินทร์ไม่ให้รับรู้เรื่องลูกนั้นพังทลายลงจนหมดสิ้นแล้ว...

    “ลูกยังไม่ได้กินนมเลยค่ะ เดี๋ยวนางค์จะไปเอานมให้ลูก ฝากแกไว้ก่อนนะคะ”

    หญิงสาวโป้ปด น้องพลินทร์เพิ่งจะกินข้าวไปได้ไม่นาน อีกสักพักถึงจะกินนม แต่ใช้วิธีนี้เพื่อจะเลี่ยงออกมาให้ภาวินทร์ได้อยู่กับลูกตามลำพัง เพราะหากนั่งอยู่นานกว่านี้กลัวเหลือเกินว่าจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่และค่อนข้างกลัวใจตัวเองด้วย

    “อืม”

    ชายหนุ่มละสายตาจากลูกสาวแล้วมองไปยังอดีตภรรยาก่อนพยักหน้าน้อยๆ พอภคนางค์ลุกออกไปก็หันดึงสายตากลับมายังลูกสาวที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋ว ราวกับจะเรียกร้องให้เขาสนใจแกเหมือนเดิม

    “ไงครับ มองพ่อตาแป๋วเลยเหรอลูก พ่อหล่อใช่ไหมล่ะ ใช่ไหมครับ”

    “แอ้...แอ้” น้องพลินทร์ขยับแขนขาไปมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ยินเสียงนุ่มๆ ของพ่อคุยหยอกล้อ ปากจิ้มลิ้มก็ขยับตามอย่างน่าเอ็นดู พลอยทำให้ภาวินทร์ระบายยิ้มบางๆ อย่างสุขใจ เฝ้ามองเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยแววตาอบอุ่นอ่อนโยน

    “หนูน่ารักมากรู้ไหม คนดีของพ่อ”

    ภาวินทร์แทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ ได้อย่างไม่รู้สึกขัดเลยสักนิด ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะมีโอกาสได้เป็นพ่อคน นึกอยากโกรธภคนางค์ที่ปกปิดเรื่องลูกมาตลอด แต่พอได้เห็นหน้าลูกสาวแล้วก็โกรธไม่ลง ยายหนูของเขาช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน ดวงตาคมทอประกายด้วยความอบอุ่นทอดมองเครื่องหน้าจิ้มลิ้มของยายตัวเล็กที่ได้ส่วนผสมของพ่อและแม่ไปอย่างลงตัวไม่ห่าง เพื่อซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุข ถ้าได้รู้ตั้งแต่ภคนางค์ท้องก็คงจะดีกว่านี้ เพราะเขาก็รอคอยเวลานั้นมานาน อยากจะเห็นพัฒนาการของลูกในทุกช่วงเวลา แต่จากนี้ไปภาวินทร์จะไม่ยอมพลาดช่วงเวลาดีๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

    “ดีใจไหมครับที่ได้เจอพ่อ”

    ลูกดีใจหรือไม่ภาวินทร์ไม่รู้ แต่เขาดีใจมากถึงขั้นนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่เฝ้าคิดถึงลูก ใจถวิลหาอยากอุ้ม อยากกอด อยากหอมหลายๆ ฟอด พอสมปรารถนาแล้วสุขใจเหลือเกิน ถ้าคุณรัมภาและคุณรวิตาได้เห็นหน้าทายาทของธีระธนภัทรคงดีใจไม่ต่างจากเขา หวังว่าน้องพลินทร์จะทำให้คุณทวดมีกำลังกายกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิม จะได้อยู่กับเหลนไปอีกนานๆ

    “อื้อ...” พอถูกชวนคุยเด็กน้อยก็ส่งเสียงอืออาตอบรับราวกับรู้เรื่อง ดวงตาสีเข้มที่ล้อมด้วยแพขนตางอนยาวมองจ้องคนเป็นพ่อนิ่งไม่วางตา มือน้อยแสนน่ารักสัมผัสสะเปะสะปะไปบนใบหน้าหล่อเหลาด้วยความไร้เดียงสา สายใยรักระหว่างพ่อลูกค่อยๆ ถูกถักทอขึ้นทีละนิดๆ ผ่านการโอบกอดและสัมผัส

    “พ่อก็ดีใจที่ได้เจอหนูครับ”

    “แอ้ แอ้” แม่หนูคุยด้วยเสียงอ้อแอ้น่ารัก ใบหน้าที่เหมือนพ่อแทบทุกประการมีรอยยิ้มพริ้มเพรา

    “ยิ้มหวานซะด้วย ลูกสาวพ่อน่ารักน่าชังจังเลย”

    คุณพ่อสุดหล่อจับมือเล็กมาจุมพิตเบาๆ ก่อนเอนกายพิงพนักโซฟาแล้วโอบกอดประคองลูกเข้าหาอก ลดใบหน้าคมคล้ามลงหอมแก้มป่องๆ แดงระเรื่อทั้งสองข้างเบาๆ ยายตัวเล็กนั้นดูบอบบางเสียจนเขาไม่กล้าแตะแรงๆ กลัวว่าจะทำให้ผิวขาวๆ ของลูกเป็นรอย มือหนาลูบไปบนเนื้อตัวแสนนุ่มของลูกอย่างถนอม ขณะทอดสายตาอ่อนโยนมองเด็กน้อยที่กำลังดูดนิ้วมืออย่างเมามัน ก่อนจะซบแก้มลงหาอกแกร่งพลางบ่นอืออาตามประสา พลันทำให้ใจของคนเป็นพ่อละลาย ไม่อาจต้านทานความน่ารักและช่างออดอ้อนของลูกสาวตัวน้อยได้เลย ได้แต่เผยยิ้มกว้างตาเป็นประกายวาววับด้วยความสุข จรดปลายจมูกโด่งคมลงหากระหม่อมบางด้วยความรักใคร่ ดูเอาเถอะ ไม่ทันไรลูกก็ทำให้เขารักเขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว…

    ‘หนูจะทำให้พ่อหลง เหมือนที่เคยหลงแม่หนูใช่ไหมน้องพลินทร์’

    ภาวินทร์คิดในใจขณะหุบยิ้มลงเหลือแค่รอยยิ้มเต็มไปด้วยเลศนัยที่มุมปาก แววตาคู่คมมองสอดส่ายหาแม่ของยายหนูที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนเสียแล้ว แม้การแสดงออกอย่างเย็นชาของเธอยังสร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาอยู่ไม่น้อย แต่ภาวินทร์ก็ไม่คิดจะถือสาเพราะจะเก็บไว้สำเร็จโทษคราวหลัง เนื่องจากโทษทัณฑ์ที่ภคนางค์ก่อเอาไว้นั้นมันร้ายแรงนัก รับรองว่าเขาจะให้คนผิดได้รับโทษอย่างสาสม

    เมื่อไม่เห็นภคนางค์ก็เลยถือโอกาสสำรวจบ้านหลังเล็กน่าอยู่แสนอบอุ่น เห็นได้ชัดเจนว่าหญิงสาวมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกมากเพียงใด ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับกรอบรูปถ่ายตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบันที่มีตัวเลขกำกับเอาไว้ น้องพลินทร์ในห่อผ้ารูปแรกนั่นเหมือนเขาตอนแรกเกิดมาก ยิ่งโตขึ้นยิ่งเหมือนมากขึ้นเรื่อยๆ

    นึกสงสัยเหลือเกินว่าภคนางค์ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอเวลามองหน้าลูกสาวแล้วเหมือนมีเงาของเขาซ้อนทับอยู่ ถึงได้ปกปิดเงียบมาจนถึงตอนนี้ หญิงสาวใจดำอย่างที่มารดาของเขาว่าจริงๆ ไม่ติดต่อหาไม่ส่งข่าวถึงไม่พอ ยังบังอาจปิดบังเรื่องลูกเอาไว้อีกต่างหาก หวังว่ากลับคฤหาสน์ธีระธนภัทรแล้วเธอจะมีคำตอบให้แม่และยายของเขาว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น…

     

    **********

     

    เจ้าของร่างอรชรเดินเข้ามาในครัวหลังปล่อยให้ภาวินทร์ได้ทำหน้าที่พ่อของน้องพลินทร์ เห็นป้ายังอยู่จึงยิ้มให้เล็กน้อยแล้วเข้าไปหยิบนมที่เธอปั๊มเก็บไว้จากตู้แช่ออกมาวางไว้ข้างนอกเพื่อให้ละลายอย่างเงียบๆ โชคดีที่ได้รับการบำรุงเป็นอย่างดีตั้งแต่ตั้งครรภ์ เลยทำให้มีน้ำนมให้ลูกดื่มอย่างเพียงพอและเหลือเก็บไว้กินได้อีกราวๆ ครึ่งปี ซึ่งตอนนี้ภคนางค์ก็ยังมีน้ำนมอยู่เพราะลูกยังดูดจากเต้าบ้างในบางคืน เธอเลยคิดว่าจะให้นมลูกไปจนกว่าน้ำนมจะไม่มีแล้ว

    “คุยกับคุณวินทร์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

    คนเป็นป้าที่กำลังให้ความสนใจกับหม้อต้มซุปกระดูกหมูไว้ทำกับข้าวให้หลานถามขึ้น ยังไม่ได้ออกไปร้านเพราะรอคุยกับภคนางค์ อยากรู้ว่าตกลงกับพ่อของลูกว่าอย่างไรบ้าง ที่ไม่ได้ถามตั้งแต่เข้าบ้านมาเพราะเห็นว่ายุ่งกับยายหนูอยู่

    คำถามจากป้าทำให้ภคนางค์ชะงักเล็กน้อย ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้เบื่อหน่ายกับคำถาม แต่เพราะบรรยากาศเช้านี้ดูอึมครึมในความรู้สึกของเธอ เลยทำให้ทุกอย่างดูตึงๆ ไปหมด รวมถึงความรู้สึกในอกตอนนี้ด้วย

    “จ้ะ” ภคนางค์หันมาตอบเสียงเบาก่อนปิดตู้แช่นม “มะรืนนี้เขาจะให้นางค์กับลูกกลับไปกรุงเทพฯ ด้วย”

    เธอคุยกับภาวินทร์เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเคลียร์ แถมเป็นการคุยแบบถึงเนื้อถึงตัว เพราะพ่อของลูกไม่ยอมให้นั่งห่างๆ อ้างว่าคุยไม่รู้เรื่อง มิหนำซ้ำยังบีบบังคับแกมข่มขู่ตลอดการสนทนา ชายหนุ่มต้องการให้เธอพาลูกกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ธีระธนภัทรในตำแหน่งภรรยาของเขาเหมือนเดิม ซึ่งภคนางค์เข้าใจว่าเขาคงต้องการให้ลูกมีครบทั้งพ่อและแม่ แต่หญิงสาวไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เมื่อเธอปฏิเสธไม่ยอมทำตามความต้องการ เขาก็กระซิบขู่ข้างหูอย่างเอาแต่ใจว่า ‘คงรู้นะว่าคนอย่างฉันทำได้ทุกอย่าง’ ทำให้จำต้องยอมศิโรราบให้ชั่วคราว เพราะรู้ดีว่าคนอย่างภาวินทร์สามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ ภคนางค์กลัวมากว่าเขาจะเอาไปแค่ลูก…

    “ไปเถอะ จะเอายังไงต่อก็ไปเคลียร์กันให้เรียบร้อย”

    มาถึงขั้นนี้แล้วนางก็ไม่อยากให้หลานเอาแต่กลัวและหนีความจริง ถ้ารู้แต่แรกว่าภคนางค์จงใจปกปิดเรื่องลูกไม่ให้ภาวินทร์และครอบครัวรับรู้ พัชรีคงห้ามหลานไม่ให้ทำแบบนั้น เพราะเด็กหญิงภควรินทร์มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร และฝ่ายนั้นก็ควรจะได้รับรู้เรื่องทายาท

    “จ้ะ”

    “ผู้ใหญ่ทางนั้นเขาก็คงอยากจะเจอหลานเหมือนกัน” เอ่ยขึ้นคล้ายจะเปรยเสียมากกว่าขณะช้อนฟองออกจากหม้อน้ำซุปที่กำลังเดือด ก่อนจะวางกระบวยลงบนจานรองแล้วหันไปเผชิญหน้ากับหลานสาวที่มีสีหน้าฉายแววเคร่งเครียดจนนางสัมผัสได้ แต่ก็อย่างว่าละ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ เรื่องนี้ภคนางค์ควรจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ส่วนนางนั้นมีหน้าที่คอยเอาใจช่วยและให้คำปรึกษาเท่าที่จะทำได้

    “แล้วจะไปกี่วัน ป้าจะไม่คิดถึงยายหนูแย่เหรอเนี่ย”

    เมื่อคิดว่าหมาน้อยของยายจะต้องห่างจากอกไปแม้ชั่วคราวก็อดใจหายไม่ได้ ก็ได้กอดได้หอมให้ชื่นใจก่อนไปทำงานและก่อนนอนทุกวัน ถ้าน้องพลินทร์ไม่อยู่นางคงเหงา บ้านคงเงียบ เพราะไม่มีคนให้หยอกล้อแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากให้ฟัง

    “ยังไม่รู้เลยจ้ะป้า แต่นางค์คงจะรีบทำอะไรให้เรียบร้อยแล้วพาลูกกลับ เป็นห่วงร้านห่วงบ้านด้วย”

    บอกตามตรงว่าเธอยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยสักนิด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันกะทันหันไปหมด ทำเอาสับสน ว้าวุ่นและเริ่มมีความกังวลเข้ามาแทรกซึมในจิตใจ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณรัมภาและคุณรวิตา เพราะรู้ว่าตัวเองผิดสัญญาที่ให้ไว้กับท่านทั้งสอง อีกทั้งยังเห็นแก่ตัวปิดเรื่องทายาทของธีระธนภัทรมาเกือบสองปี

    “ร้านกับบ้านน่ะไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวป้ากับยายก้อยจะดูแลให้เอง”

    “ขอบคุณจ้ะ”

    หญิงสาวคลี่ยิ้มแล้วเดินเข้าไปสวมกอดร่างท้วมของป้าอย่างต้องการกำลังใจ ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาอยู่ที่นี่จนกระทั่งถึงวันนี้ ผ่านปัญหามามากมาย คนที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด คอยดุ คอยว่า ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจก็คือญาติผู้ใหญ่ที่เป็นเหมือนตัวแทนของแม่คนนี้ ภคนางค์นึกภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าหากออกมาจากธีระธนภัทรแล้วไม่มีป้าอย่างทุกวันนี้ ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร

    พัชรีใช้มืออวบอูมลูบเส้นผมนุ่มสลวยของหลานสาวเบาๆ โดยไม่ซักถามอะไรต่อเพราะรู้ว่าภคนางค์คงมีเรื่องกังวลและอาจจะยังไม่พร้อมที่จะพูดในตอนนี้

    “ไปเก็บของเตรียมไว้เถอะ ตอนเดินทางจะได้ไม่ฉุกละหุก เดี๋ยวป้าจะเข้าไปร้านแล้ว ไม่รู้ว่าเด็กๆ มันเตรียมของกันถึงไหนแล้ว”

    ภคนางค์ผละจากอกป้าแล้วพยักหน้ารับเบาๆ รอเอานมออกไปให้ลูกก่อนจึงจะไปเตรียมข้าวของจำเป็นของลูกเอาไว้คร่าวๆ ส่วนของตัวเองไม่ได้ยุ่งยากอะไร ค่อยเก็บทีหลังก็ได้ เพราะไม่น่าจะไปหลายวัน

    “แล้วนี่คุณวินทร์เขากินอะไรมาหรือยัง”

    “ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ” ตอบก่อนเม้มปากเข้าหากัน พอป้าถามใจก็พานเป็นห่วงเป็นใยพ่อของลูก

    “ถามเขาสิ ถ้ายังก็โทร.มา เดี๋ยวป้าให้เด็กจัดสำรับมาให้”

    นางจะเดินออกไปถามเองก็ยังได้ แต่อยากให้ภคนางค์ถามมากกว่า ลึกๆ แล้วพัชรีคิดว่าหลานสาวคงมีความรู้สึกดีๆ ให้พ่อของลูกอยู่ แต่พยายามปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง เพราะหากภคนางค์เกลียดภาวินทร์คงกีดกันไม่ให้เจอน้องพลินทร์และคงไม่กล้าปล่อยให้อยู่กับลูกตามลำพังแบบนั้น ทั้งที่ปกติแทบไม่ไว้ใจให้ใครดูแลยายหนูถ้าไม่ใช่คนในบ้าน

    “จ้ะ” รับคำด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เธอจะกล้าถามเขาไหม แค่อยู่ใกล้ใจก็สั่นหวั่นไหว แก้มร้อนผ่าวไปหมด และไม่ง่ายเลยสักนิดที่ต้องทำตัวเย็นชาเหมือนคนไร้ความรู้สึกเมื่ออยู่ใกล้ๆ อดีตสามีอย่างภาวินทร์…



    +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×