คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 3 (3) ไม่ปล่อยเธอไป...
ภาวินทร์รีบสาวเท้ายาวๆ ไปยังทิศทางที่ภคนางค์วิ่งหนีออกไป มือหนากระชากประตูไม้ให้เปิดออกแล้วก้าวตามหลังอย่างไม่ลดละด้วยใจที่เต้นแรง ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะปล่อยให้เธอหนีไปไหนได้อีกแล้ว แค่ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยตามหาเพราะเขาหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ หลอกลวงตัวเองด้วยการบอกว่าเธอเป็นแค่อดีตภรรยาที่ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ ทว่าความจริงแล้วใจมันโหยหาแทบทุกนาที…
“หยุดเดินหนีฉันเดี๋ยวนี้ ภคนางค์!” เสียงทุ้มตะโกนไล่หลังขณะก้าวตามเพื่อจะเข้าไปประชิดตัว ภาวินทร์กัดฟันกรอดเมื่อคำสั่งของเขาไม่ได้ทำให้ภคนางค์เชื่อฟังเลยสักนิด ทั้งที่เธอไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง
“ฉันบอกให้หยุด!”
ภคนางค์ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองคนบ้าอำนาจที่ตามหลังมา เธอรู้แค่ว่าต้องหนีเขาให้พ้นแม้มันจะยากเย็นเหลือเกินเพราะสองขาอันอ่อนแรงไม่เป็นใจเลยสักนิด ตอนนี้เธอไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับภาวินทร์ แม้แต่จะมองหน้ายังไม่พร้อมเพราะใจมันไม่กล้าพอ…
“จะหนีฉันไปไหนนางค์”
ในที่สุดภาวินทร์ก็คว้าแขนเรียวของอดีตภรรยาเอาไว้ไม่ให้หนีได้สำเร็จ ชายหนุ่มหอบหายใจแรงขณะมองคนตรงหน้านิ่งด้วยสีหน้าถมึงทึง ทว่าทันทีที่สามารถรั้งภคนางค์เอาไว้ได้ ความรู้สึกบางอย่างมันก็แล่นพล่านเข้าสู่หัวใจ
เจ้าของใบหน้าหวานหยุดชะงักเมื่อถูกฉุดรั้ง หลุบเปลือกตาลงมองมือหนาเล็กน้อย ไม่ได้สะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม หากแต่ช้อนดวงตาไหวระริกขึ้นมองสบตาคมด้วยใจที่สั่นหวิว ใบหน้าซีดสลดอย่างเห็นได้ชัดเจน แม้ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอดีตสามีที่หนีออกมาจากชีวิตของเขาในตอนนี้ แต่ก็ยังตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่เธอพยายามอย่างสุดความสามารถไม่ให้มันสั่นเครือ
“ไม่ได้หนีค่ะ” แค่ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาเท่านั้นเอง ภคนางค์ไม่คิดเลยว่าภาวินทร์จะมาที่นี่ บางทีโลกมันก็แคบจนน่าโมโห
ความเย็นชาและอาการเมินเฉยที่ได้รับจากอดีตภรรยาทำให้ภาวินทร์ขบกรามแน่นด้วยความคุกรุ่นแล้วกระชากแขนเรียวจนร่างอ้อนแอ้นเซถลาเข้ามาปะทะอกแกร่งอย่างไม่เบามือนัก แล้วพันธนาการเอาไว้ด้วยวงแขนกำยำ เขาไม่ได้ทำเพราะความโมโห แต่ทำเพราะใจโหยหา อยู่ใกล้เจ้าของร่างอรชรแสนเย้ายวนใจแล้วคล้ายถูกดึงดูดด้วยแรงมหาศาลทุกครา
“ผู้หญิงปากแข็ง เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“นางไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณค่ะ” ปฏิเสธพร้อมทั้งพยายามเอาตัวออกห่างจากเขา
“แต่ฉันมี!” กระชากเสียงห้วนจัดบอกแล้วกอดรัดร่างนุ่มของภคนางค์แน่น
“คุณวินทร์ ปล่อยนะ คุณไม่มีสิทธิ์มากอดนางค์นะคะ ปล่อย!”
ภคนางค์เอ่ยเสียงสะบัดพลางดิ้นรนขัดขืนหน้าตาตื่นทันทีที่โดนกอด มือบอบบางทั้งผลักทั้งทุบตีไปบนร่างกายของเขา ในยามที่กายแนบชิดนั้นราวกับโดนนาบด้วยไฟอันร้อนผ่าว ขณะริ้วความร้อนกระจายไปทั่วสองแก้ม ทว่าภาวินทร์กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บ ไม่ต่างจากใจที่เหมือนถูกบีบคั้นอย่างรุนแรง ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อต่อว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ยังคงเป็นคนใจร้ายใจทมิฬสำหรับเธอเหมือนเดิม...
“ฉันจะกอด! สิทธิ์บ้าบออะไรนั่นฉันไม่สนหรอก”
ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างเอาแต่ใจ ทั้งยังกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนคนในอ้อมแขนที่ดิ้นขลุกขลักสงบลง ดวงตาคมมองสบประสานดวงตาคู่หวานไหวระริก จู่ๆ ภาวินทร์ก็เหมือนถูกโจมตีด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เต็มตื้นในหัวใจและมีชีวิตชีวาราวกับต้นไม้เหี่ยวเฉาได้รับน้ำ นี่สินะสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตของเขาตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา แทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้...
เพียงแค่มีเธออยู่ในอ้อมแขน ความสุขที่ดูเหมือนจะลดฮวบลงทุกวันก็ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างน่าประหลาดใจ อาจเป็นเพราะภาวินทร์มีภคนางค์อยู่ในชีวิตมายี่สิบกว่าปีจนรู้สึกชิน แม้ไม่ได้อยู่ในสายตาแต่ก็รับรู้ว่าอยู่ใกล้ๆ เสมอจึงไม่เคยให้ความสำคัญ จนกระทั่งวันหนึ่งไม่มีเธออยู่แล้วจริงๆ ความรู้สึกส่วนลึกมันจึงถูกเปิดเผยออกมา กระนั้นชายหนุ่มก็ยังโกหกทั้งตัวเองและคนอื่นเสมอว่าไม่ได้คิดถึงภคนางค์
“ปล่อยนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คุณจะมากอดนางค์แบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะกอดไม่ได้ อดีตผัวอย่างฉันมันน่าขยะแขยงมากเหรอ!”
ภาวินทร์ถามอย่างตีรวนหาเรื่อง รุ่มร้อนเมื่อหญิงสาวพยายามผลักไส ยิ่งเธอพยายามดิ้นรนหนีเท่าไร วงแขนแกร่งยิ่งกระชับแน่นขึ้น ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้เป็นสามีของภคนางค์แล้ว แต่อดีตก็เคยเป็น ไม่ผิดที่เขาจะกอดเธอ ภาวินทร์คิดอย่างเอาแต่ใจ
“แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ”
ภคนางค์ตอบกลับเสียงแข็งกระด้างพลางเชิดหน้ามองคนปากร้ายด้วยแววตาขุ่นขวางอย่างอ่อนใจ ทว่าภาวินทร์กลับไม่สนใจที่จะรับฟัง เขาแนบริมฝีปากร้อนผ่าวลงหาริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของผู้หญิงจอมอวดดีแล้วบดขยี้อย่างต้องการลงโทษ พร้อมทั้งใช้มือหนาตรึงท้ายทอยสวยเอาไว้ป้องกันการหลบหนี ขณะท่อนแขนแกร่งยังคงโอบกระชับเอวบางไว้แนบชิดกาย แล้วค่อยๆ เปลี่ยนจากจูบลงโทษเป็นจูบแสนอ่อนโยน ยังคงบดเคล้าอย่างนุ่มนวลแม้คนในอ้อมแขนจะดิ้นขัดขืน เพราะภาวินทร์มีวิธีปราบคนพยศ
“ฮื้อ! คุณภาวินทร์”
เจ้าของเรียวปากนุ่มประท้วงพร้อมทั้งพยายามสะบัดหน้าหนี ทว่ากลับเป็นการเปิดโอกาสให้เรียวลิ้นร้อนของภาวินทร์ล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากฉ่ำ เพื่อลิ้มรสชาติหวานล้ำที่ถวิลหา ตักตวงอย่างดูดดื่มและเอาแต่ใจ ไม่มีท่าที่ว่าจะผละห่างง่ายๆ กวาดต้อนรุกไล่เรียวลิ้นนุ่มที่พยายามหลบหนีแล้วดูดดึงอย่างหยอกเย้า ใช้ความช่ำชองให้หญิงสาวตอบสนองจุมพิตอันลึกซึ้ง เฝ้าวนเวียนจูบซับความหวานฉ่ำที่ร้างรามานานด้วยความโหยหา ทว่าจูบเร่าร้อนเนิ่นนานของเขาทำให้ภคนางค์แทบขาดใจ เรี่ยวแรงถูกสูบไปจนต้องใช้อกแกร่งเป็นที่อิงกาย และที่น่าอับอายที่สุดก็คือเธอเผลอตอบสนองเขา นึกโกรธร่างกายอันทรยศของตัวเองเหลือเกิน ไม่ว่าครั้งไหนๆ ก็สมยอมให้ภาวินทร์ทำตามอำเภอใจ
“ไม่ดิ้นต่อล่ะ”
กระซิบถามเสียงพร่าชิดเรียวปากแดงฉ่ำเมื่อถอนจูบ ยกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอในยามประคองร่างอรชรที่อ่อนปวกเปียกไว้แนบอก คนอย่างภคนางค์ดื้อกับเขาได้ไม่นานหรอกเพราะแค่ถูกจูบก็สิ้นฤทธิ์แล้ว
“เรื่องจูบเธอก็ยังเป็นรองฉันอยู่เหมือนเดิม”
ภาวินทร์ยิ้มในหน้าพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้กลีบปากแสนนุ่ม ทว่าภคนางค์กลับเบือนใบหน้าแดงปลั่งหนีสัมผัสนั้นด้วยความอายแสนอาย ไม่คิดว่าจะต้องมาถูกอดีตสามีจูบกลางแจ้งแบบนี้ หากมีใครมาพบเห็นเข้าเธอคงไม่วายตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
“ปล่อยค่ะ”
อ้อมแอ้มบอกเสียงเรียบทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าเขา ใจเต้นกระหน่ำรัวแรง ลมหายใจยังหอบกระเส่า สองแก้มร้อนผะผ่าว เม้มริมฝีปากที่เจ็บแปลบเพราะแรงจุมพิตเข้าหากัน ดวงตาคู่หวานมีน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดรื้นขึ้นมา เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“ฉันจะปล่อยก็ต่อเมื่อเธอพร้อมที่จะคุยด้วย”
ภาวินทร์เอ่ยพลางคลอเคลียลมหายใจกับหน้าผากมนของภคนางค์ที่เอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา สูดดมกลิ่นหอมเย้ายวนแสนคุ้นเคยเข้าปอด กอดกระชับร่างนุ่มนิ่มที่ดูเหมือนจะเต็มไม้เต็มมือยิ่งกว่าเดิมไว้อย่างหลวมๆ อยากคุยกันให้รู้เรื่องว่าทำไมเธอถึงต้องหนีมาโดยไร้การติดต่อมาตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่เคยบอกกับตัวเองว่าไม่สนใจอดีตภรรยา แต่พอเจอหน้ากลับมีเรื่องมากมายอยากพูดคุย
“ค่ะ นางค์จะคุย”
ภคนางค์ยอมจำนน ตอบรับเสียงเบาแล้วดันตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง ซึ่งภาวินทร์ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ปลายนิ้วแกร่งเชยคางเรียวขึ้น ริ้วสีแดงระเรื่อที่ทาบทับบนสองแก้มนวลนั้นทำให้ริมฝีปากได้รูปเผยยิ้มมุมปาก กลีบปากสีเชอร์รี่สุกฉ่ำนั้นก็น่าจรดริมฝีปากลงหาอีกคราเหลือเกิน แม้อยากจะทำเช่นนั้นมากเพียงใดแต่จำต้องอดใจเอาไว้เพราะบริเวณนี้ไม่ใช่ที่รโหฐาน แต่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นเขายอมรับว่าห้ามใจตัวเองไม่อยู่…
เรียวปากสีสวยของภคนางค์เม้มเข้าหากันเล็กน้อย เผลอกวาดสายตามองใบหน้าคมคล้ามที่ยังคงความทรงเสน่ห์ไม่ต่างจากเดิมแล้วรีบเสมองไปด้านข้างกลบเกลื่อนอาการขวยเขินจนใจสั่น ก่อนจะช้อนขึ้นมองสบประสานแววตาคมทรงอำนาจของคนตรงหน้าด้วยใจที่เต้นรัวแรง การพยายามไม่สูดกลิ่นกายของเขาเข้าปอดให้รู้สึกปั่นป่วนในอกนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกินเมื่ออยู่ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนและลมหายใจอุ่นๆ ที่รวยรดหน้าผาก จนเธอต้องขยับตัวถอยไปด้านหลังเล็กน้อย กระนั้นมือหนาก็ยังคงไม่ยอมปล่อยจากบั้นเอวอยู่ดี
“จะตอบฉันได้หรือยังว่าทำไมถึงต้องหนีมา”
ในยามที่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าคมคล้ามก็ลดระดับลงเล็กน้อยเพื่อมองจ้องเข้าไปในดวงตาใสของภคนางค์อย่างค้นหาคำตอบ ภคนางค์เป็นคนว่าง่ายก็จริงแต่ดื้อเงียบ เขาจึงต้องคอยกำราบไม่ให้พยศ แต่ดูเหมือนว่าห่างกันยังไม่ทันถึงสองปีด้วยซ้ำ เธอก็ดื้อขึ้นเยอะเลย ถ้ายังเป็นเด็กอยู่จะจับฟาดก้นให้เข็ด
ภคนางค์ผงะศีรษะไปด้านหลังเล็กน้อยเมื่อเขาลดใบหน้าลงมาหา พานทำให้ความร้อนผ่าวกระจัดกระจายไปทั่วสองแก้มอีกครา เธอกะพริบตาปริบๆ ในยามที่คิดหาคำตอบ จังหวะที่กำลังจะขยับริมฝีปากเอื้อนเอ่ย เสียงของหลานสาวก็ดังขึ้นเสียก่อน…
“น้านางค์ น้านางค์จ๋า”
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น