คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : บทที่ 15 (2) เปิดตัวอีกรอบ
ดูเหมือนคนตัวเล็กที่ออกนอกบ้านจะอารมณ์ดีเกินเหตุ ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็คุยอ้อแอ้ไม่หยุด ดวงตากลมโตที่ล้อมด้วยแพขนตางอนก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น มองออกไปนอกกระจกรถสลับกลับมายิ้มหวานและส่งเสียงคุยอ้อแอ้กับแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นระยะ
“ไม่ยกขาสิจ๊ะ เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อยนะลูก”
ภคนางค์ปรามแล้วจับขาอวบๆ ที่ยายหนูกำลังยกขึ้นไปหาตัวจนกระโปรงเปิดลงอย่างนุ่มนวล แกล้งทำตาดุๆ ใส่เด็กน้อยที่กำลังนอนเอามือเข้าปากอยู่ในคาร์ซีทที่ถูกติดตั้งให้หันเข้าหาเบาะรถ ทว่าน้องพลินทร์กลับยิ้มแป้นแล้น ทำหน้าทะเล้นใส่
ภาวินทร์ยกยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่ภคนางค์คุยกับลูกสาวที่กำลังนอนมองตาแป๋วแหววอย่างน่าเอ็นดู ดูเหมือนจะไม่กลัวที่แม่ดุเลยสักนิด
“แน่ะ แม่ดุหนูอยู่นะ ไม่กลัวสักนิดเลยเหรอหื้อ”
ขยับใบหน้าหวานเข้าไปคุยหยอกเย้าใกล้ๆ มือน้อยๆ นั้นก็คว้าหมับที่ศีรษะแล้วดึงเข้าไปหาทันที ภคนางค์เลยแกล้งด้วยการไซ้แก้มย้วยๆ ด้วยความมันเขี้ยว จนลูกสาวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจใหญ่ พลอยทำให้ภาวินทร์ที่นั่งมองอยู่เงียบๆ ยิ้มตามด้วยใจที่อบอวลไปด้วยความสุข
ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานรถแวนคันหรูก็เข้ามาจอดที่หน้าสำนักงานใหญ่ของธีรากรุ๊ป ภคนางค์จึงปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันไปจัดการกับลูกสาวที่กำลังดีดขาดีดขาไปมาอย่างร่าเริงราวกับรู้ว่าจะได้ลงจากรถ ก่อนจะอุ้มไปส่งให้ภาวินทร์ที่กำลังรออยู่ หยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องไหล่และก้มลงหยิบกระเป๋าใส่ของจำเป็นของลูกติดมือมาด้วย แล้วก้าวลงจากรถด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย
นานแล้วที่ภคนางค์ไม่ได้มาที่นี่ พอได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นี้อีกครั้งก็อดรู้สึกประหม่าปนขัดเขินไม่ได้ ครั้งสุดท้ายที่มาก็คงตั้งแต่อยู่ในฐานะภรรยาของภาวินทร์นั่นละ เกือบๆ สองปีแล้ว ก็นานพอสมควร หญิงสาวสูดลมเข้าปอดลึกๆ แล้วก้าวตามหลังภาวินทร์ที่อุ้มลูกเดินนำหน้าเข้าไปในตัวอาคารอันแสนโอ่อ่า เพราะเริ่มสายแล้วพนักงานก็หลั่งไหลกันเข้ามาทำงานมากขึ้น เลยทำให้ตกเป็นที่สนใจจากสายตาทุกคู่ที่เดินผ่าน พอถูกมองราวกับสงสัย ภคนางค์ก็อดรู้สึกเกร็งไม่ได้ ต่างจากภาวินทร์ที่พึงพอใจเป็นอย่างมากกับการพาเมียและลูกมาที่บริษัทเพื่อเปิดตัวกลายๆ แค่เห็นหน้ายายหนู หลายคนก็คงพอมองออกว่าเป็นลูกสาวของเขา
ชายหนุ่มลดสายตาลงมองลูกสาวที่ดูเหมือนจะตื่นตาตื่นใจกับสถานที่แปลกใหม่และผู้คนมากหน้าหลายตา พร้อมทั้งชะลอฝีเท้ารอคนที่เดินตามหลัง บุคลากรของธีรากรุ๊ปส่วนใหญ่นั้นคุ้นหน้าคุ้นตาภคนางค์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ในฐานะเด็กในปกครองของคุณรวิตาและภรรยาของเขา แต่ที่มองกันใหญ่นั้นคงเป็นเด็กน้อยแก้มกลมที่กำลังโปรยยิ้มให้คนที่เดินผ่านมาตลอดทางมากกว่า
เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ผู้บริหารก็ดูเหมือนจะทำให้ภคนางค์หายใจคล่องขึ้นกว่าเดิม เธอลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ กระนั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของคนข้างกายไปได้อยู่ดี ภาวินทร์กระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วใช้แขนข้างที่ว่างยื่นเข้าไปโอบไหล่บอบบางเข้ามาหาตัว แล้วลูบต้นแขนนุ่มก่อนลดใบหน้าทรงเสน่ห์ลงจุมพิตเรือนผมหอมเบาๆ ความจริงเมื่อครู่ชายหนุ่มอยากจะจับมือหญิงสาวให้เดินเคียงคู่มาด้วยกันด้วยซ้ำ แต่คิดว่าคงจะยิ่งทำให้เธออายและต่อต้านเขามากขึ้น
“ก็เคยมาออกบ่อย ทำไมต้องทำหน้าเครียดแบบนั้น” ภาวินทร์ทอดถามเสียงนุ่มขณะเหลือบมองคนข้างกายที่มีสีหน้าคล้ายกำลังวิตกกังวลปนกระอักกระอ่วน
“ก็นางค์ไม่คิดว่าจะมีคนมองเยอะแยะขนาดนี้นี่คะ” หญิงสาวช้อนใบหน้าหวานขึ้นบอกเสียงกระเง้ากระงอด ป่านนี้พนักงานข้างล่างคงกำลังพูดถึงเรื่องของเธอกันอยู่แน่ๆ เลย
“เขามองเพราะเธอสวย”
เย้าแหย่ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ทว่ากลับทำให้คนขี้อายมองค้อนแล้วสะบัดหน้าหนี แต่ผนังของลิฟต์ดันเป็นกระจก ภาวินทร์เลยได้เห็นว่าหญิงสาวกำลังอมยิ้มอยู่ ครั้นเมื่อเธอช้อนดวงตาขึ้นก็ทำให้สบประสานสายตากับเขาผ่านกระจกที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วยักคิ้วส่งให้ คนแก้มแดงก็รีบหลบตาแล้วหันหน้าหนีอีกครา ภาวินทร์เลยได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเอ็นดูในความน่ารักของเมีย และที่เขาบอกว่าเธอสวยนั้นก็พูดออกมาจากใจจริง เมียสวยก็ต้องชม…
“อา!”
“อะไรครับลูก”
จู่ๆ เสียงของลูกสาวตัวน้อยที่เงียบตั้งแต่เข้ามาในลิฟต์ก็ดังขึ้น พอภาวินทร์ลดสายตาลงมองถึงรู้ว่าน้องพลินทร์ตกใจที่เห็นตัวเองในกระจก มือเล็กๆ นั้นชี้ไปตรงหน้าใหญ่เลย
“นั่นใครเอ่ย ใช่น้องพลินทร์ของพ่อไหมนะ” คุยหยอกล้อกับลูกผ่านกระจกด้วยเสียงนุ่มชวนฟัง
“แอ้!”
คนตัวเล็กยิ้มกว้างให้พ่อผ่านกระจก ขยับแขนขยับขาอวบๆ ขึ้นลงอย่างร่าเริง มือน้อยๆ ก็พยายามจะยื่นออกไปสัมผัสกับตัวเองในกระจก
“มีลูกสาวของพ่อสองคนเลย”
“แอ้!”
ภคนางค์หันมองลูกแล้วเผยยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมาดังเดิมเมื่อลิฟต์หยุดที่ชั้นของผู้บริหารแล้วเปิดออก เธอเบี่ยงตัวหลบให้ภาวินทร์พาลูกออกไปก่อนแล้วเดินตามหลัง เพียงแค่ก้าวขาออกมาจากลิฟต์ตัวใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเดิมๆ ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด เจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดมินิเดรสสีเหลืองอ่อนขับผิวขาวให้ดูผุดผ่องก้าวยังตามทางเดินที่ถูกปูด้วยพรมสีเข้ม แววตาหวานซึ้งมองภาพเบื้องหน้าแล้วคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย โต๊ะทำงานของเลขานุการทั้งสองคนของภาวินทร์ก็ยังคงอยู่ที่เดิมเลย
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณวินทร์ คุณนางค์”
คมกริชทักทายด้วยรอยยิ้ม นึกแปลกใจ ไม่คิดว่าวันนี้เจ้านายจะพาอดีตภรรยาและลูกสาวมาทำงานด้วย ป่านนี้พนักงานข้างล่างไม่ฮือฮากันแย่แล้วหรือ
นวพรที่กำลังสาละวนอยู่กับตู้เอกสารเพื่อเตรียมเข้าประชุมกับเจ้านายพลันชะงักเมื่อคำทักทายของคมกริชแปลกไปกว่าทุกวัน ทว่าเมื่อหันไปมองก็ถึงกับตาโต ปากอ้าค้าง ไม่รู้ว่าควรจะดีใจที่เจอภคนางค์ หรือตกใจเพราะเด็กน้อยหน้าตาน่ารักในอ้อมแขนของเจ้านายก่อนดี
“ไงครับคุณนิ่ม” ภาวินทร์ยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของเลขาสาวที่ดูเหมือนกำลังช็อก เอาแต่มองภคนางค์สลับกับน้องพลินทร์ไปมา
“สะ...สวัสดีค่ะคุณวินทร์ คะ...คุณนางค์”
เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นลมอย่างไรอย่างนั้นเลย ไม่คิดว่าภคนางค์จะมายืนอยู่ตรงหน้า
“สวัสดีค่ะคุณนิ่ม ไม่ได้เจอกันนานสบายดีนะคะ”
นวพรยิ้มตอบรับแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมาจับมือภคนางค์มากุมด้วยความตื่นเต้นดีใจ “นิ่มสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณนางค์เถอะ หายไปอยู่ไหนมาคะ ไม่ส่งข่าวหานิ่มเลย”
“นางค์ไปอยู่กับป้าที่เชียงใหม่ค่ะ” ใบหน้าหวานหยดประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ
นวพรขมวดคิ้วครุ่นคิด เมื่อครู่ภคนางค์บอกว่าไปอยู่ที่เชียงใหม่ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้านายของเธอไปเจอลูกเมียที่เชียงใหม่งั้นหรือ ตอนนี้เธอเริ่มงงไปหมด สงสัยคงต้องถามคมกริชให้รู้เรื่อง
“แล้วนี่...” ถามขณะกลอกตาสลับไปมาระหว่างเจ้านายกับหนูน้อยหน้าตาน่าเอ็นดู ก่อนจะพบว่าสำเนาเกือบถูกต้องเชียวละ
“ลูกสาวนางค์เองค่ะ” ภคนางค์เป็นคนเฉลยแล้วคลี่ยิ้มส่งให้เมื่อนวพรหันมามอง
“เหมือนในฝันไหมครับคุณนิ่ม”
ภาวินทร์ถามอย่างยิ้มๆ ครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าลูก ความฝันที่นวพรเล่าให้ฟังวันนั้นมันก็ลอยเข้ามาในหัวทันที คิดว่าสิ่งที่เลขานุการสาวฝันอาจเป็นสัญญาบอก แต่เขาไม่ได้เอะใจเพราะมันเป็นแค่ความฝัน ไม่เคยว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ด้วยซ้ำ
“ยิ่งกว่าเหมือนอีกค่ะคุณวินทร์” นวพรว่าพลางยิ้มกว้าง ไม่คิดว่าฝันของเธอจะเกิดขึ้นจริงๆ แบบนี้ภคนางค์ก็จะกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ธีระธนพัทรเหมือนเดิมแล้วสินะ
ภคนางค์มีสีหน้างุนงงเพราะสิ่งที่ภาวินทร์และเลขาฯ ของเขากล่าวถึง เรื่องฝันอะไรกันนะ
“สวัสดีค่ะคนสวย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจังเลย”
เลขานุการสาวแม่ลูกอ่อนขยับเข้าไปทักทายคุณหนูตัวน้อย แม้ในฝันจะเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่เธอคิดว่าคงน่าจะเป็นคนเดียวกัน แล้วดูสิ หน้าเหมือนกับภาวินทร์มาก เหมือนอย่างกับฝาแฝดแน่ะ
เมื่อได้รับการพูดคุยทักทาย น้องพลินทร์ก็ยิ้มหวานตอบรับอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยสักนิด ทั้งยังมองราวกับอยากจะผูกมิตรอย่างไรอย่างนั้น
“ยิ้มหวานให้อานิ่มด้วย น่าชังจริงๆ เลย”
คนอยากมีลูกสาวถึงกับยกมือขึ้นทาบอก ใจละลายเพราะความน่ารักของลูกสาวเจ้านาย เด็กอะไรก็ไม่รู้ แค่ยิ้มก็ทำให้ตกหลุมรักได้ง่ายดายเหลือเกิน
“อุ้ย นิ่มลืมไปเลยว่ายังจัดเอกสารสำหรับเข้าประชุมให้คุณวินทร์ยังไม่เรียบร้อย ขอตัวไปทำต่อก่อนนะคะ” พอนึกขึ้นได้ก็รีบกุลีกุจอกลับไปยังโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เพราะใกล้ถึงเวลาเข้าประชุมแล้ว
ภคนางค์มองตามหลังแล้วยิ้มน้อยๆ เมื่อดึงสายตากลับมาภาวินทร์ก็พยักหน้าให้เชิงบอก แล้วเดินนำหน้าไปยังประตูห้องทำงาน หญิงสาวจึงเดินตามหลังเขาไป ไม่วายหันไปยิ้มให้คมกริชที่กำลังนั่งทำงานอยู่ อีกฝ่ายจึงโค้งศีรษะให้กลับมาเล็กน้อย
**********
หลังจากประชุมเสร็จภาวินทร์ก็สลัดคราบนักธุรกิจเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนลวกๆ คู่กับกางเกงสแล็กและรองเท้าหนัง พาเมียกับลูกมาเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้า น้องพลินทร์นั้นไม่ยอมนั่งรถเข็นสำหรับเด็กเลย อ้อนจะให้พ่ออุ้มท่าเดียว คนหลงลูกก็เลยต้องยอมอุ้มโดยไม่เอารถเข็นลงมาจากรถด้วย
“รออยู่ข้างนอกก็ได้ค่ะ เดี๋ยวนางค์เข้าไปซื้อแป๊บเดียว”
เมื่อเดินมาถึงร้านคอสเมติกชื่อดังที่ขายสินค้าและเครื่องสำอางครบครัน ภคนางค์ก็หันมาเอ่ยกับภาวินทร์ที่อุ้มลูกเดินเคียงมาด้วยกัน
“อืม ไปเถอะ เดี๋ยวฉันพาลูกนั่งรออยู่แถวๆ นี้” ชายหนุ่มพยักหน้าให้เบาๆ วันนี้เขามอบเวลาให้เธอได้ทั้งวัน ไม่ว่าอยากจะไปไหน อยากจะซื้ออะไรก็จะตามใจ
“เดี๋ยวนางค์...”
ภาวินทร์รั้งไว้แล้วล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนส่งบัตรเครดิตให้ทว่าภคนางค์กลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“รับไป รู้ใช่ไหมว่าต้องเซ็นชื่อใคร”
เมื่อถูกบังคับทางสายตาภคนางค์ก็อดที่จะรับการ์ดสีดำมาถือไว้ไม่ได้ หญิงสาวรู้ว่าต้องเซ็นชื่อใคร เพราะบัตรเสริมใบนี้ภาวินทร์เคยทำให้ แต่เธอคืนให้กับเขาในวันที่หย่ากัน ไม่คิดว่าเขาจะยังเก็บเอาไว้อยู่อีก...
ชายหนุ่มมองตามหลังแม่ของลูกที่เดินหายเข้าไปในร้านแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพาลูกไปนั่งรอที่ม้านั่ง ยายหนูของเขาดูสดใสเหลือเกิน กัดยางกัดอันโปรดพลางบ่นอ้อแอ้ตามประสา ตั้งแต่ออกจากบ้านมายังไม่เห็นงอแงสักแอะ
“แป๊บเดียวของแม่หนูนี่มันกี่นาทีกันนะพลินทร์ ทำไมหายไปนานเกินครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ยหื้อ”
บ่นอย่างไม่จริงจังนักกับลูกสาวที่ยืนอยู่บนตักเมื่อรอแล้วรอเล่า คนที่บอกจะเข้าไปแป๊บเดียวก็ยังไม่ออกมาเสียที คงอาจเป็นปกติของผู้หญิงที่เวลาซื้อของจะเลือกนานเป็นพิเศษ เพราะเก้าอี้อีกหลายตัวที่อยู่เยื้องๆ กันก็มีพ่อบ้านมานั่งรอภรรยาช็อปปิงเช่นกัน
ยายหนูที่กำลังมีความสุขกับการแทะยางกัดยิ้มหวานให้พ่อ แล้วย่ำเท้าไปมาบนตักอย่างร่าเริง
“ยิ้มแบบนี้แสดงว่ารอจนชินแล้วเหรอลูก งั้นพ่อก็ควรทำตัวให้ชินเนอะ”
แววตาอบอุ่นทอดมองใบหน้าน่ารักแล้วแย้มยิ้มออกมาด้วยความรักใคร่ ไม่ว่าพ่อจะพูดอะไรด้วยก็ขยันยิ้มให้ตลอด สงสัยภคนางค์คงจะซื้อของหลายอย่างก็เลยนาน ดูเหมือนในร้านจะคนเยอะด้วย
“เดี๋ยวรอแม่ซื้อของเสร็จแล้วเราไปซื้อชุดสวยๆ กันบ้างเนอะ”
“แอ้!”
“ชอบละสิ” ภาวินทร์ส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเอ็นดูในการอ้อแอ้ของลูกสาว “เดี๋ยวพ่อจะซื้อให้หลายๆ ชุดเลย”
คุณพ่อสายเปย์ว่าแล้วหอมแก้มนุ่มเบาๆ คุยหยอกล้อกับลูกระหว่างรออย่างเพลิดเพลิน เพราะน้องพลินทร์นั้นเป็นผู้สนทนาที่ดี พอพ่อคุยด้วยก็อ้อแอ้ตอบรับทุกคำอย่างรู้ความ
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น