คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : บทที่ 12 (1) คำขอของเขา
บทที่ 12
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเบาๆ นั้นทำให้ภาวินทร์ที่กำลังเอนกายพิงโซฟาละเลียดไวน์อย่างสบายอารมณ์อยู่นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก เบนสายตาไปยังประตูที่ถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของภคนางค์ ชายหนุ่มเฝ้ามองเจ้าของร่างอ้อนแอ้นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเธอนิ่ง มีความประหม่าฉายแววชัดเจนจนสังเกตได้...
ภคนางค์รู้สึกเย็นเยือกในกายเมื่อเข้ามาอยู่ด้านในเพียงลำพังกับเจ้าของห้อง ดวงตาคู่หวานมองไปยังโซฟารับแขกสลับกับคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาเบด มันคงไกลเกินไปหากเธอจะไปนั่งที่โซฟาชุดเพื่อพูดคุยกับเขาที่อยู่อีกมุมของห้อง เลยต้องยืนเคว้งอยู่กลางห้องเพราะไม่รู้ว่าควรจะนั่งตรงไหนดี เนื่องจากไม่มีเก้าอี้ตัวอื่นเลยสักตัว ได้แต่กุมมือเย็นเฉียบด้วยความประหม่า ยิ่งถูกแววตาคมกริบทรงเสน่ห์ของคนที่สวมเพียงเสื้อคลุมอย่างลวกๆ กับกางเกงนอนยิ่งทำให้รู้สึกสะท้านในกายอย่างบอกไม่ถูก
“มานั่งตรงนี้สิ” ภาวินทร์พยักหน้า แล้วปรายตาสำทับไปยังพื้นที่ว่างบนโซฟาเมื่อเห็นอดีตภรรยายืนทำหน้าเลิ่กลั่กเหมือนไม่รู้จะไปนั่งตรงไหนดี
“ไม่เป็นไรค่ะ ยืนคุยก็ได้”
เสียงอ่อนหวานอ้อมแอ้มตอบ เพราะคิดว่าคงไม่น่าจะคุยนาน อีกอย่างที่ว่างของโซฟามันก็เหลือไม่เยอะ เลยพยายามระมัดระวังไม่อยู่ใกล้อดีตสามีมากเกินไป แม้จะนอนอยู่ด้วยกันทุกคืน แต่นั่นเป็นเพราะมีลูกอยู่ด้วย ไม่ใช่อยู่ตามลำพังแบบนี้ อีกทั้งการที่เขากำลังดื่มของมึนเมายิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจ แม้ภาวินทร์จะไม่ใช่คนคออ่อนก็ตามที
การระวังตัวแจของอดีตภรรยาทำให้ภาวินทร์เหยียดยิ้มหยันตัวเองที่เหมือนเป็นตัวประหลาดที่ภคนางค์ไม่อยากอยู่ใกล้ถ้าไม่จำเป็น แล้วไงล่ะ ถึงจะรังเกียจอย่างไรเธอก็ต้องเจอเขาไปทั้งชีวิตนั่นละ
“กลัวฉันเหรอ หรือว่ารังเกียจ”
คำถามกึ่งประชดกึ่งตีรวนนั้นทำให้คนฟังเจ็บหนึบในอก ดวงตาสีน้ำตาลสวยช้อนขึ้นมองคล้ายมีแววตัดพ้อ เรียวปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากันเบาๆ อย่างลังเลเมื่อสบตาคมกริบที่กำลังมองมาราวกดดัน สุดท้ายก็เดินไปนั่งบริเวณที่ว่างของโซฟาเบดสีน้ำตาลเพื่อลบคำสบประมาท
ริมฝีปากได้รูปของภาวินทร์กระตุกขึ้นยิ้มอย่างพึงพอใจ ดวงตาคมปรายมองคนที่พยายามรักษาระยะห่างทั้งที่พื้นที่ก็ไม่ได้มีมากพอ
“ดื่มหน่อยไหม” ชายหนุ่มยกแก้วไวน์ในมือขึ้นเล็กน้อยประกอบคำชวนเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูประหม่า
ภคนางค์ส่ายหน้าเบาๆ ปฏิเสธ ขณะมองสบตาที่มีประกายอ่อนเชื่อมของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน แล้วเอื้อนเอ่ยออกมาเสียงเบา “นางค์ให้นมลูกอยู่ค่ะ”
ภาวินทร์ชวนไปอย่างนั้นเพราะเห็นเธอดูเป็นกังวล อยากรู้นักว่าเขามันไม่น่าไว้ใจมากเลยหรือไร ทำไมถึงต้องพยายามระมัดระวังตัวเวลาอยู่ใกล้ขนาดนั้น ทั้งที่นอนอยู่ด้วยกันทุกคืน โดนเขากอดเขาหอมตลอดยังจะระแวงอะไรอีก
“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับนางค์เหรอคะ”
“ฉันคิดว่าจะจดทะเบียนรับรองบุตร แล้วให้ลูกมาใช้นามสกุลธีระธนภัทร”
ชายหนุ่มว่าจะคุยเรื่องนี้หลายวันแล้วแต่งานค่อนข้างยุ่ง อีกทั้งแม่ของลูกก็มีความพยายามที่จะหลบหน้าเหลือเกินทั้งที่นอนด้วยกันทุกคืน คืนนี้ลูกไม่อยู่เลยอยากจะพูดคุยกันให้รู้เรื่อง เผื่อไปทำเรื่องจดทะเบียนรับรองบุตรแล้วอาจพ่วงด้วยการจดทะเบียนสมรส…
“ค่ะ คุณจัดการได้เลย เพราะนางค์ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไร”
หญิงสาวรับทราบและไม่มีข้อขัดข้องใดๆ เพราะเด็กหญิงภควรินทร์เป็นทายาทของธีระธนภัทรตั้งแต่แรกแล้ว และคงให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด เอกสารสำคัญของลูกเธอก็เตรียมติดตัวมาด้วยอยู่แล้ว
“อืม วันไหนว่างเดี๋ยวฉันจะบอกอีกที”
“ค่ะ”
“แล้วเธอไม่อยากกลับมาใช้นามสกุลธีระธนภัทรเหรอ”
“คะ…มะ...ไม่ค่ะ”
หญิงสาวละลักละล่ำตอบด้วยความตกใจ เกือบจะตอบว่า ‘ค่ะ’ ออกไปเสียแล้ว ไม่คิดว่าภาวินทร์จะถามเช่นนี้ออกมา อีกทั้งสีหน้าและแววตาของเขาในยามเอื้อนเอ่ยก็ไม่ได้มีแววล้อเล่นเลยสักนิด พานทำให้ใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ พวงแก้มพลันซับสีระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ เธอเพิ่งกลับไปใช้นามสกุลเดิมได้ไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ จะให้เปลี่ยนอีกแล้วหรือ
“คิดให้ดีก่อนตอบสิ”
“นะ…นางค์คิดแล้วค่ะ”
แม้โดนปฏิเสธทว่าภาวินทร์กลับยังยิ้มอย่างมีเลศนัย วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะกระจกแล้วโน้มตัวเข้าไปหาแม่ของลูกเพื่อกักขังไว้ภายใต้อาณัติ จนกายอรชรผงะไปด้านหลัง
“คะ...คุณวินทร์ จะทำอะไรคะ ขยับออกไปนะคะ”
ภคนางค์เอ่ยปรามหน้าตาตื่นเมื่อถูกพ่อของลูกคุกคาม สองมือบอบบางพยายามดันอกแกร่งกำยำให้ออกห่าง ทว่านอกจากภาวินทร์จะไม่เขยื้อนไปไหนแล้ว เขายังลดใบหน้าลงมาหาจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นไวน์ผ่านลมหายใจ พลอยทำให้ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำยิ่งกว่าเดิม
“เธอรังเกียจฉันจริงๆ สินะนางค์”
หญิงสาวช้อนดวงตาขึ้นสบประสานดวงตาคมในระยะประชิดด้วยแววตาขุ่นขวางอย่างไม่ชอบใจที่เอะอะก็โดนประชดประชันด้วยคำคำนี้ หากรังเกียจจริงเธอคงไม่ยอมเขาในหลายๆ ครั้ง ไม่ยอมให้นอนกอดทุกคืนโดยไม่ขัดขืน แต่จะให้ยอมทุกครั้งคงเป็นไปไม่ได้ ภคนางค์ไม่อยากถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ได้มาง่ายๆ เพราะนานไปก็คงจะไร้ค่าในสายตาเขา
“ถ้าหมดธุระแล้วนางค์ขอตัวขึ้นห้องไปนอนก่อนนะคะ”
เอ่ยเสียงเรียบจริงจังขณะมือบางยังคงดันแผงอกแน่นตึงเอาไว้ไม่ให้ลดลงมาใกล้ไปมากกว่านี้ เบือนเรียวหน้าหวานแดงเรื่อไปด้านข้างหนีลมหายใจร้อนผ่าว ทว่ามันก็ยังรวยรดซีกแก้มของเธออยู่ดี อีกทั้งไอร้อนจากกายหนาที่แนบชิดก็ยังทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบในกายอย่างบอกไม่ถูก ภคนางค์ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดภาวินทร์ก็เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนอ่อนไหวง่าย ในขณะที่เธอพยายามเลี่ยงเขาก็รุกเข้าหาหนักขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกวัน
“ยัง ฉันยังไม่หมดธุระ”
ภาวินทร์ไม่คิดจะปล่อยคนตัวหอมที่กำลังส่งกลิ่นเย้ายวนรบกวนจิตใจในตอนนี้ ยิ่งสูดดมยิ่งรู้สึกเหมือนแรงปรารถนามันพลุ่งพล่านในกายมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนผ่าวเริ่มกระจัดกระจายไปทั่ว ภคนางค์คิดว่าการขึ้นห้องไปนอนแล้วจะทำให้หนีเขาพ้นงั้นหรือ ทั้งๆ ที่เขาก็เข้าไปนอนที่ห้องของเธอกับลูกทุกคืน แถมคืนนี้ลูกก็ไม่อยู่ซะด้วย…
“งั้นก็รีบพูดมาสิคะ”
ภคนางค์หันกลับมามองเขาเพื่อรอฟังธุระที่ว่า จะได้กลับขึ้นห้องไปนอนเสียที ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยสักนิด เพราะนัยน์ตาสีเข้มมีประกายบางอย่างที่ทำให้แก้มร้อนวูบวาบ
“ฉันอยากคุยเรื่องของเรา”
ภาวินทร์ไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้ ทว่ากับเรื่องนี้เขากลับไม่ยอมจบง่ายๆ เพราะยังไม่ได้เมียกลับคืน
“ไม่มีคำว่าเรื่องของเราแล้วค่ะ เราจบกันแล้ว”
เธอกล่าวสวนอย่างรวดเร็ว แล้วหอบหายใจสะท้าน ขอบตาร้อนผ่าวอย่างไร้สาเหตุ แม้ภาวินทร์จะชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการจะให้เธอกลับไปอยู่ในตำแหน่งภรรยาของเขาอีกครั้ง แต่ในเรื่องของความรู้สึกกลับไม่ชัดเจนเลยสักนิด เลยทำให้เธอเกิดความกลัวที่จะเปิดใจเพื่อเริ่มต้นใหม่กับเขา
“จบแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้นะ ภคนางค์”
ดวงตาเข้มลึกมองสบตาหวานซึ้งที่มีแววดื้อรั้นของคนใต้ร่างนิ่งเพื่อบอกให้รู้ว่าเขากำลังจริงจังมากแค่ไหน แล้วขยับใบหน้าคมคล้ามลงไปคลอเคลียลมหายใจอุ่นๆ กับเรียวหน้างดงาม สบประสานสายตาอย่างลึกซึ้งแล้วขยับริมฝีปากกระซิบเอื้อนเอ่ยเสียงนุ่มอยู่ใกล้ๆ กับเรียวปากสีหวานที่ปรารถนาอยากบดเบียดจุมพิตลงหาจนแทบบ้า หรือว่าเขายังไม่ชัดเจนพอ ภคนางค์ถึงเอาแต่ปฏิเสธ แล้วต้องชัดเจนมากแค่ไหนกันเธอถึงจะเชื่อใจ
“กลับมาเป็นเมียฉันอีกครั้งนะนางค์”
คำขอปนเว้าวอนของคนที่เคยพูดเรื่องหย่าในอดีตทำให้ใจภคนางค์เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย
“นางค์คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คุณมีผู้หญิงคนใหม่แล้วนะคะ”
ในที่สุดภคนางค์ก็ยอมพูดออกมาเสียงแผ่วแล้วหลุบเปลือกตาลงเพื่อปกปิดความหมองเศร้าในแววตา แม้อยากทำเช่นนั้นแต่คงไม่เหมาะสม ถึงจะเคยเป็นภรรยาของเขามาก่อนแต่ก็หย่ากันแล้ว
คิ้วหนาที่พาดอยู่เหนือดวงตาคมขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัย นี่น่ะหรือเหตุผลที่ทำให้ภคนางค์ปฏิเสธที่จะกลับมาเป็นภรรยาของเขามาโดยตลอด เธอไปรู้มาจากไหนกัน…
“ฉันไม่เคยมีใคร มีแค่เธอคนเดียว”
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น