NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 7 (2) ฝากเนื้อฝากตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 59.1K
      360
      20 เม.ย. 67





    เพียงแค่รถมินิแวนคันหรูเคลื่อนเข้ามาในอาณาเขตกว้างใหญ่ของธีระธนภัทร ใจของภคนางค์ก็เริ่มสั่นหวิว สีหน้าเริ่มไม่สู้ดี ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่น สองมือบอบบางเย็นเฉียบ ยิ่งรถเข้าใกล้ตัวคฤหาสน์มากเท่าไร ความกังวลใจยิ่งมีมากเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาของภาวินทร์ไปได้ ชายหนุ่มเหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาลูกเมื่อรถหยุดที่หน้าเทอร์เรซ และประตูอัตโนมัติถูกเปิดออก 

    “ถึงบ้านแล้วครับ ได้เวลาลงแล้ว” 

    ภาวินทร์คุยหยอกล้อกับลูกขณะปลดเข็มขัดเพื่อจะอุ้มออกมาจากคาร์ซีท คนตัวเล็กนั้นดี๊ด๊าดีดแขนดีดขาอวบๆ อย่างอารมณ์ดีเมื่อรู้ว่าพ่อจะอุ้ม ขณะที่ภคนางค์นั้นลงไปยืนรออยู่ด้านล่าง แม้มีความประหม่าปรากฏอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจนก็ยังยิ้มให้ลูกที่ยิ้มร่าอยู่ในอ้อมแขนพ่อ หมาน้อยของแม่ดูเหมือนจะติดพ่อจริงจังเหลือเกิน

    “เข้าบ้านกันเถอะ” 

    เสียงทุ้มชักชวนเมื่อก้าวลงจากรถพร้อมเด็กน้อยตัวอวบในอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะร่าเริงกว่าตอนอยู่บนรถ ใบหน้าคมเอี้ยวมองคนข้างกายที่เอาแต่ก้มหน้าด้วยสีหน้าเป็นกังวล ภาวินทร์ไม่มีคำพูดให้กำลังใจ มีเพียงมือหนาที่ยื่นเข้าไปจับกระชับมือบอบบางแล้วพาเดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์ด้วยกัน ขณะที่อีกมือนั้นอุ้มลูกสาวที่เริ่มคุยจ้อไม่เป็นภาษา สำหรับภาวินทร์แล้วที่นี่ยังเป็นบ้านของภคนางค์เสมอ เธอยังเป็นสมาชิกของครอบครัวธีระธนภัทรเหมือนกับวันแรกที่เข้ามาอยู่ ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวการเดินเข้าบ้านตัวเอง…

    แม้สองขาที่ก้าวไปข้างหน้าดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นคง ทว่าหัวใจกลับรู้สึกอบอุ่นเมื่อมีมือของภาวินทร์กุมมือไว้ ความประหม่าลดลงไปกว่าครึ่ง แต่ถึงอย่างไรเรียวหน้างดงามก็ยังมีความกังวลปรากฏอยู่ดี ดวงตาคู่หวานไหวระริกมองสำรวจสถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนรังที่ให้ความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าคนที่นี่จะยังเหมือนเดิมไหม...

    ใจของภคนางค์เต้นแรงขึ้นทุกขณะเมื่อถูกภาวินทร์จับจูงไปยังทิศทางที่คุ้นเคย ซึ่งหญิงสาวจำได้ดีว่าเป็นห้องนั่งเล่นที่คุณรัมภาและคุณรวิตามักจะพักผ่อนอยู่เป็นประจำ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนสองเท้าจะหยุดก้าวเมื่อคนจับจูงหยุดอยู่ที่กรอบประตูบานใหญ่ ใจพลันเต้นระทึก แทบไม่กล้าที่จะมองเข้าไปด้านใน เอาแต่ก้มหน้างุดอย่างคนขลาดกลัว...

    “คุณแม่ คุณยายครับ” 

    เนื่องจากคุณรวิตากำลังนวดไหล่ให้คุณรัมภาซึ่งหันหน้าออกไปด้านนอกที่เป็นสวนอันร่มรื่น ภาวินทร์จึงเรียกขึ้นเบาๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนลดสายตามองลูกสาวที่กำลังให้ความสนใจกับสิ่งแปลกใหม่ที่อยู่รอบกาย 

    คุณรวิตาชะงักเล็กน้อยแล้วหันไปยังต้นเสียงที่จำได้ดี ขณะที่คุณรัมภาก็หันไปเช่นกัน ปากที่กำลังจะอ้าขึ้นบ่นลูกชายที่กลับบ้านแล้วไม่ยอมบอกชะงักค้าง ก่อนขอบตาจะร้อนผ่าวและน้ำตารื้นขึ้นเมื่อเห็นใครบางคนที่อยู่ด้านหลังภาวินทร์...

    “นางค์...” 

    เจ้าของเสียงสั่นเครือขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา ยกมือปิดริมฝีปากด้วยใบหน้าเหยเก ดีใจจนร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจเก็บกลั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะเป็นภคนางค์ที่นางเฝ้าคอยมาตลอด

    เสียงเรียกนั้นทำให้กระบอกตาของภคนางค์ร้อนผ่าว เรียวปากสั่นระริกเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดกั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ค่อยๆ ช้อนดวงตาขึ้นทีละน้อยด้วยใจที่สั่นระรัว ก่อนไหล่บอบบางจะลู่ลงเมื่อเห็นคุณรวิตาอ้าแขนรอรับพร้อมพยักหน้าเรียกให้เข้าไปหา ความกลัว ความกังวลที่มีอยู่เต็มอกหายวับไปกับตา เธอปล่อยมือจากภาวินทร์แล้วถลาเข้าไปสวมกอดท่านขณะที่น้ำตานั้นร่วงหล่นกระทบสองแก้ม อ้อมแขนนี้ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด

    “ไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมไม่ติดต่อหาฉันเลย” 

    คุณรวิตาถามตัดพ้อทั้งน้ำตาในยามที่สวมกอดร่างอรชรของคนที่รักดั่งลูกแน่นด้วยความคิดถึง พลางลูบเส้นผมนุ่มสลวยของคนในอ้อมแขนเบาๆ ทั้งดีใจทั้งตกใจจนแทบพูดไม่ออกที่ภคนางค์กลับมาหาพร้อมกับของขวัญชิ้นใหญ่ที่นางเฝ้ารอมาตลอด นี่สินะ สาเหตุที่ทำให้คุณรัมภาฝันว่ามีคนเอาหีบใส่แก้วแหวนเงินทองมาให้บ่อยๆ เพราะมีเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังคนนี้นี่เอง

    “นางค์ขอโทษค่ะคุณท่าน นางค์ขอโทษ...” 

    ภคนางค์พร่ำขอโทษทั้งสะอื้นไห้จนเนื้อตัวสั่นเทาอยู่กับอกของคุณรวิตาด้วยความรู้สึกผิด หยาดหยดน้ำตารินไหลจากดวงตาคู่งามไม่ขาดสาย 

    “เด็กดื้อ รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงมากแค่ไหน ทำไมไม่คิดจะส่งข่าวหากันบ้างเลย” 

    ว่าก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกโล่งใจเมื่อหัวใจที่หลุดลอยไปหนึ่งดวงแต่กลับมาถึงสองดวง 

    “นางค์ขอโทษค่ะที่ทำให้คุณท่านเป็นห่วง นางค์ผิดไปแล้วค่ะ คุณท่านจะโกรธจะว่านางค์ก็ได้นะคะ” 

    หญิงสาวกราบลงที่อกของคุณรวิตาขณะเอ่ยเสียงเครือสั่น รู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ท่านไม่มีคำตำหนิ มีแต่ความห่วงใยมอบให้ ทั้งที่เธอผิดสัญญาที่เคยให้เอาไว้กับท่านในวันที่ขอออกไปใช้ชีวิตเพียงลำพังหลังจากหย่ากับภาวินทร์ แถมยังทำให้ท่านต้องคอยเป็นห่วงอีก 

    “ไม่เป็นไร อย่าร้อง อย่าโทษตัวเอง แค่กลับมาฉันก็ดีใจมากแล้ว” 

    คุณรวิตาไม่อยากให้ภคนางค์โทษตัวเอง นางไม่ได้โกรธเคืองเลยสักนิด เป็นห่วงมากกว่า เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็รักเหมือนลูก พอห่างจากอกไปก็ทั้งห่วงทั้งคิดถึง เมื่อได้กอดสมใจแล้วก็ดันคนในอ้อมแขนออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองสำรวจด้วยแววตาไหวระริก ยกมือขึ้นสัมผัสกรอบหน้าและเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน มีรอยยิ้มบางๆ แต้มบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความยินดี ภคนางค์ดูสวยและเป็นสาวขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย อาจเป็นเพราะมียายหนูหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชังที่อยู่ในอ้อมแขนพ่อ

    “นางค์...” 

    คุณรัมภาเรียกหาเสียงแผ่วติดจะเครือ ภคนางค์จึงค่อยๆ ผละจากคุณรวิตาเมื่อท่านพยักหน้าเชิงบอกให้เข้าไปหาคุณรัมภา น้ำตาที่ยังคลอเบ้ารื้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้เห็นแววตาอาทรของหญิงชรา เธอเดินเข้าไปหาท่าน ทรุดกายลงนั่งบนพื้นพรมแล้วกราบลงแทบเท้าทั้งน้ำตาที่จวนจะไหลอีกระลอก ก่อนขยับตัวขึ้นสวมกอดซบหน้าลงบนตักที่เคยให้พักพิงทั้งในยามสุขและทุกข์ 

    “นางค์ขอโทษนะคะคุณท่านที่ไม่ยอมติดต่อมาหาเลย” 

    “ไม่เป็นไรๆ” 

    ท่านส่ายหน้าอย่างช้าๆ พร้อมยิ้มอ่อนโยน ไม่เคยรู้สึกโกรธหรือเคืองใจเลยสักนิด เพราะรู้ว่าวันหนึ่งภคนางค์ก็ต้องกลับมาหาอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นละ 

    “กลับมาหาฉันเสียทีนะ” 

    มือเหี่ยวย่นตามวัยลูบศีรษะของคนที่ซบอยู่กับตักด้วยความอาทร เอ็นดูในความอ่อนน้อมถ่อมตนที่มีไม่ต่างจากเดิม ใจอิ่มเอมเมื่อคนที่รักกลับคืนสู้อ้อมอกเสียที

    “แล้วนั่นใครกัน เหลนทวดใช่ไหม” 

    ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางภายใต้แว่นสายตาหรี่มองเด็กน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูในอ้อมแขนของภาวินทร์ แม้ตาจะไม่ค่อยดีแต่ท่านก็มั่นใจว่าใช่แน่นอน ก็หน้าเหมือนคนอุ้มเสียขนาดนั้น แถมยังมองมาตาแป๋ว น่าเอ็นดูจริงเชียว

    “หลานสาวฉันสินะนางค์” 

    คุณรวิตาเสริมขึ้นขณะมองเด็กน้อยหน้าตาน่ารักสายเลือดของธีระธนภัทรแล้วยิ้มจนแก้มปริ ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาคลออีกระลอกด้วยความรู้สึกปริ่มเปรมในอก ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นพร้อมกันตั้งสองเรื่องแบบนี้ 

    “ค่ะ” 

    ภคนางค์ช้อนใบหน้าขึ้นตอบด้วยรอยยิ้มบางเบา ขณะดวงตายังคงพราวระยับไปด้วยน้ำตา หันมองไปยังลูกสาวที่ภาวินทร์อุ้มเข้ามาส่งให้ เธอจึงรับคนตัวเล็กที่ยิ้มร่ามาอุ้มแล้วให้ยืนหันหน้าไปหาคุณท่านทั้งสอง ส่วนภาวินทร์นั้นเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว เฝ้ามองอยู่เงียบๆ ด้วยแววตาที่ทอประกายอบอุ่น แค่ได้เห็นบุคคลที่รักทั้งสองมีรอยยิ้มเขาก็มีความสุขมากแล้ว 

    “พลินทร์จ๊ะ ธุจ้าคุณทวดกับคุณย่าก่อนเร็วลูก” 

    กระซิบเสียงอ่อนหวานกับลูกสาวที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองคุณย่าและคุณทวดที่นั่งอยู่บนโซฟานิ่ง มือน้อยแสนน่ารักยกขึ้นประกบกันอย่างไม่เรียบร้อยนักเพื่อธุจ้าตามที่แม่บอก ปากจิ้มลิ้มค่อยๆ เผยยิ้มน้อยๆ เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู เริ่มขยับแขนขาอวบๆ ไปมาและอยากเข้าไปหา คนเป็นแม่เลยพาขยับเข้าไปใกล้ๆ อีกนิด เพื่อให้คุณท่านทั้งสองได้เห็นหลานและเหลนใกล้ๆ ด้วย

    “เก่งจังเลยลูก ธุจ้าก็เป็นด้วยเหรอจ๊ะ” 

    คุณรวิตาทอดมองหลานสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดู ความน่ารักของยายตัวน้อยกำลังทำให้นางใจละลาย นางเคยใฝ่ฝันว่าอยากจะมีลูกสาว ก็ได้ภคนางค์มาเลี้ยง และยังฝันอยากจะมีหลานสาวหน้าตาน่ารักสักคน แล้วก็ได้มีสมใจ

    ไงจ๊ะ ชื่อพลินทร์เหรอเราน่ะ ชื่อเพราะจริงๆ เลย แม่นางค์ตั้งให้ใช่ไหมลูก” 

    คุณรัมภาคุยหยอกล้อพร้อมจับมือเล็กที่ยื่นมาตบแปะๆ ที่เข่าด้วยความไร้เดียงสาแล้วยิ้มร่าจนเห็นฟันซี่เล็กๆ ทำให้ต้องยิ้มตามทั้งที่ขอบตาร้อนผ่าวเพราะความตื้นตันในอก ท่านคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเหลนก่อนตายเสียแล้ว ยายตัวน้อยช่างน่าชังเหลือเกิน แถมยังดูเหมือนจะรู้มากซะด้วย

    “ดูซิ ยิ้มหวานให้ด้วยค่ะคุณแม่ น่าชังจริงๆ เลย” 

    คุณย่าหมาดๆ ยื่นมือเข้าไปลูบศีรษะเล็กด้วยสัมผัสอ่อนโยน ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาทอดมองหลานสาว นอกจากจะชื่อคล้ายกับพ่อแล้ว ดูเหมือนใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักนั้นจะคัดลอกจากพ่อมาเกือบหมด น้องพลินทร์เหมือนกับภาวินทร์ตอนอายุเท่านี้มาก แต่หน้าจะหวานกว่าเพราะได้ตากับปากจากภคนางค์ 

    ไม่คิดเลยว่าที่ภคนางค์หายเงียบไปเกือบสองปีจะกลับมาพร้อมกับเซอร์ไพรส์แสนน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ หัวใจของนางอบอวลไปด้วยความสุขเพิ่มเป็นเท่าตัวในยามมองทายาทตัวน้อยของธีระธนภัทรที่เฝ้ารอคอยมาตลอด ตั้งแต่ภาวินทร์และภคนางค์จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากัน จากที่เคยรอแล้วรอเล่าจนหมดหวัง สุดท้ายความหวังของนางก็เป็นจริงจนได้

    “ไหนมาให้ทวดกอดให้ชื่นใจหน่อยซิ” 

    คุณทวดว่าพลางพยักหน้าเรียก น้องพลินทร์ที่ดูเหมือนจะรู้งานก็โถมตัวไปข้างหน้า เท้าน้อยๆ นั้นก็ขยับย่ำอยู่กับตักแม่ด้วยความร่าเริงเพื่อจะปีนป่ายขึ้นไปหาคุณทวด ภคนางค์จึงขยับตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วอุ้มลูกขึ้นไปวางบนตักคุณรัมภา ก่อนนั่งพับเพียบลงตามเดิม มองลูกสาวที่นั่งนิ่งแหงนคอมองทวดตาปริบๆ ราวกับกำลังทำความรู้จัก เหมือนยายหนูของเธอจะรู้งาน ยอมให้อุ้มแถมยังทำตัวเรียบร้อยเชียว

    “น่ารักน่าชังจริงๆ เลยแม่คุณ มาอยู่กับทวดนะลูกนะ” 

    หญิงชราที่นับวันเรี่ยวแรงก็เริ่มหมดลงตามวัยโอบกอดและก้มลงหอมกระหม่อมบางเบาๆ เพื่อรับขวัญ พอได้เห็นหน้าเหลนก็มีแรงใจมากขึ้น แรงกายก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย  

    “เหมือนพ่อจังเลยนะเราน่ะ สีผมก็ใช่ หน้าผากนี่ก็ด้วย คิ้ว จมูก คางก็เอาของพ่อมาหมด ลูกพ่อใช่ไหมหือ” 

    “แอ้ แอ้” 

    หนูน้อยภควรินทร์คุยอ้อแอ้ตอบรับอย่างไร้เดียงสา มือป้อมๆ สัมผัสสะเปะสะปะไปบนใบหน้าเหี่ยวย่นเมื่อคุณทวดลดใบหน้าลงมาคุยด้วยใกล้ๆ คุณรัมภาจึงปล่อยให้เหลนสำรวจตามอำเภอใจแล้วยิ้มอย่างเอื้อเอ็นดู ขณะคุณรวิตาที่นั่งเฝ้ามองอยู่ข้างๆ ได้แต่ระบายยิ้มอย่างสุขใจเมื่อได้เห็นมารดาดูมีชีวิตชีวาขึ้นเพราะเหลนตัวน้อย ส่วนยายหนูก็เหมือนจะรู้ความนัก ยอมให้กอดให้อุ้มอย่างไม่หวงตัวเลยสักนิด พอทวดคุยด้วยก็ยิ้มหวาน น่ารักน่าชังเป็นที่สุด แม้เพิ่งได้พบหน้ากันไม่ทันไรก็ทำเอานางรู้สึกรักและหลงได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน




    +++++

    ความอยู่เป็นไม่มีใครเกินลูกสาวแม่นางค์จริงๆ เลยเนอะ

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×