NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 5 (1) อดใจรอไม่ไหว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 56.57K
      337
      20 เม.ย. 67



    บทที่ 5

    วันต่อมาภาวินทร์เดินทางมายังบ้านหลังเล็กที่ภคนางค์และลูกสาวอาศัยอยู่แต่เช้าเพียงลำพัง ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลองเรียบง่าย เสื้อโปโลสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขายาวสีครีมและรองเท้าแตะหนัง ผมสีน้ำตาลเข้มถูกเซ็ตให้เป็นทรงมาอย่างลวกๆ วันนี้เขาโกนหนวดเคราที่เริ่มครึ้มออกจนเกลี้ยงเกลา เพราะกลัวว่าจะระคายผิวบอบบางของลูกในยามกอดและหอมแก แค่คิดถึงตอนนั้นใจก็ฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว อยากกอดอยากหอมยายตัวเล็กเหลือเกินถึงได้รีบมาแต่เช้าขนาดนี้ คนเห่อลูกคิดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มขณะเดินตรงไปยังบ้านหลังเล็กแสนน่ารักที่ภคนางค์อุ้มลูกเดินหายเข้าไปเมื่อวาน

    “สวัสดีค่ะ”

    ภคนางค์ยกมือไหว้แขกที่มาเยี่ยมหน้าบ้านแต่เช้าตรู่แล้วยกยิ้ม รู้สึกเกร็งๆ เล็กน้อยในยามที่ต้องอยู่ต่อหน้าเขา วันนี้หญิงสาวตื่นเช้าและเพิ่งอาบน้ำเสร็จ พอออกมาเปิดผ้าม่านรับแสงและประตูหน้าบ้าน เห็นภาวินทร์มาพอดีเลยออกมาต้อนรับ ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมาแต่เช้าขนาดนี้ ยอมรับว่าตกใจและบอกตามตรงว่าไม่ค่อยพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขาเท่าไรนัก เมื่อคืนเธอก็นอนแทบไม่หลับ ตื่นมาพร้อมใต้ตาที่ช้ำ เพราะสมองเอาแต่ขบคิดถึงเรื่องพ่อของลูกแทบทั้งคืน

    แม้มีรอยยิ้มแต่การทักทายแสนห่างเหินของอดีตภรรยานั้นก่อกวนอารมณ์สดใสในยามเช้าของภาวินทร์ให้ขุ่นมัวไม่น้อย ดวงตาคมมองคนที่เชิดหน้าคอตั้งอย่างเย่อหยิ่งแล้วขบกรามแน่น ซุกซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เป็นปกติ ทั้งที่ความจริงแล้วอยากจะกระชากภคนางค์เข้ามาจูบให้ตัวอ่อนเหมือนเมื่อวานนัก...

    “ฉันมารบกวนแต่เช้าหรือเปล่า”

    ถามเสียงทุ้มติดจะขรึมพลางมองสำรวจคนตรงหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่ง เรียวหน้าหวานยังคงอ่อนเยาว์ ปีนี้เธอยี่สิบห้าแล้วสินะ ดูเย้ายวนขึ้นกว่าเดิม อาจเป็นเพราะผ่านการมีลูกเลยทำให้ภคนางค์ดูเป็นสาวเต็มตัว จากที่เมื่อเกือบสองปีก่อนยังดูเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาที่แทบไม่กล้าสบตาเขาตอนอยู่ใกล้ ทว่าไม่ว่าตอนนี้หรือตอนนั้นหญิงสาวก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่อยากยืนเฉยๆ เมื่ออยู่ใกล้แล้วได้กลิ่นหอมกรุ่นจากตัวเธอ

    “ไม่ค่ะ”

    ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วภคนางค์จะกล้าพูดหรือว่าเขามารบกวน ดวงตาคู่หวานที่ถูกปรับให้ราบเรียบไม่ต่างจากสีหน้านั้นลอบมองปฏิกิริยาของภาวินทร์อยู่เงียบๆ ก่อนจะทำทีเป็นเสมองไปทางอื่นเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ ขณะที่พวงแก้มใสร้อนผ่าว นึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจที่เผลอไปมองสำรวจเขา ทั้งที่ประกาศกร้าวในใจว่าจะไม่ให้ความสนใจอดีตสามีเด็ดขาด แต่ใจมันกลับไม่ฟังเลยสักนิด

    “ลูกยังไม่ตื่นค่ะ”

    เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ไต่ถาม แต่การสอดส่ายสายตาเข้าไปในบ้านที่เงียบกริบนั้นบ่งบอกว่าภาวินทร์กำลังมองหาน้องพลินทร์อยู่ เมื่อคืนนี้แกนอนดึกวันนี้เลยตื่นสายกว่าทุกวัน ปกติจะตื่นตั้งแต่ตีห้าด้วยซ้ำ

    ชายหนุ่มดึงสายตากลับมายังคนตรงหน้าแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “แล้วเธอต้องเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนลูกหรือเปล่า”

    ถามอย่างเกรงว่าการชวนแม่ของลูกคุยอยู่หน้าบ้านแบบนี้จะทำให้ยายหนูงอแงถ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอแม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นภาวินทร์จะปล่อยให้ภคนางค์กลับเข้าไปอยู่กับลูกก่อน ส่วนเรื่องที่ต้องคุยกันนั้นเอาไว้ทีหลัง

    “ไม่ค่ะ ป้าอยู่ข้างใน”

    ภคนางค์ส่ายหน้าสำทับคำตอบ ปกติแล้วพัชรีจะมานอนที่บ้านนี้แต่อยู่อีกห้อง เช้ามาก็จะเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนยายหนูเพื่อให้เธอได้ทำธุระส่วนตัวและเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ลูก พอเรียบร้อยแล้วถึงจะออกไปที่ร้าน

    “ไปหาที่นั่งคุยกันเงียบๆ เถอะ”

    หญิงสาวพยักหน้ารับพลางกระชับผ้าคลุมไหล่ ก่อนเดินผ่านหน้าอดีตสามีออกไปสวมรองเท้าแตะ แล้วเดินนำหน้าเพื่อไปยังม้าหินอ่อนที่อยู่ในสวนข้างบ้าน เรื่องที่ภาวินทร์จะคุยคงเป็นเรื่องของลูกสาว ซึ่งเธอก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เด็กหญิงภควรินทร์จะต้องอยู่กับแม่อย่างเธอเท่านั้น ภคนางค์จะไม่ยอมให้เขาพรากลูกไปจากอกโดยเด็ดขาด

    ภาวินทร์มองตามหลังคนที่เฉียดกายเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ แล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีผ่อนคลาย ขณะสาวเท้าตามหลังแม่ของลูกไปอย่างเงียบๆ ดวงตาคมก็ไม่ยอมละจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว พลางหมายมั่นอยู่ในใจว่าการพูดคุยเรื่องลูกกันตามลำพังนั้นจะไม่ใช่การคุยแบบธรรมดาอย่างแน่นอน…

     

    **********

     

    หลังจากออกไปคุยเรื่องลูกกันตามลำพัง ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะตกลงกันได้ ภคนางค์ก็กลับเข้ามาในบ้านโดยที่ภาวินทร์เดินตามหลังไม่ห่าง ก่อนที่เขาจะแยกไปนั่งรอที่โซฟา เด็กหญิงภควรินทร์ตื่นนอนแล้ว และยายจ๋าจัดการป้อนข้าวให้เรียบร้อย หญิงสาวจึงพาลูกไปอาบน้ำจนตัวหอมฟุ้ง หนูน้อยสวมบอดี้สูทคอบัวกันหนาวสีเหลืองอ่อนสุดน่ารัก ก่อนคนเป็นแม่จะอุ้มพาออกมาหาพ่อที่นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก ใบหน้าจิ้มลิ้มแสนน่ารักนั้นมีรอยยิ้มหวานๆ ตามประสาเด็กอารมณ์ดี ขณะที่ในมือมียางกัดรูปองุ่นที่โปรดปรานมากเป็นพิเศษในช่วงนี้

    แม้แรกเริ่มภคนางค์ต้องการปกปิดเรื่องลูกไม่ให้ภาวินทร์และครอบครัวรับรู้ แต่เมื่อเขาทราบแล้วจึงไม่คิดที่จะกีดกัน เพียงแต่ที่ทำเหมือนต่อต้านนั้นเป็นเพราะตกใจและตั้งตัวไม่ทันเท่านั้นเอง หญิงสาวทรุดกายลงนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับอดีตสามี โดยเว้นความห่างพอประมาณ ไม่ได้รังเกียจที่ต้องอยู่ใกล้แต่การรักษาระยะห่างถือเป็นเรื่องที่เธอควรทำ…

    ดวงตาคู่หวานช้อนขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงตาคมทรงเสน่ห์กำลังมองมา เลยทำให้ต้องสบประสานสายตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผลอกัดริมฝีปากที่บวมเจ่อนิดๆ แล้วร้อนวูบวาบบริเวณโหนกแก้ม เมื่อใจพลันคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ม้าหินอ่อนข้างบ้าน คุณแม่ลูกหนึ่งจึงค่อยๆ หลบเลี่ยงสายตาคมที่มองจ้องด้วยการหลุบเปลือกตาลงมองลูกสาวแทน ขณะใจที่ทรยศคำสั่งอยู่ตลอดเวลานั้นเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย ภคนางค์พยายามจะไม่อยู่ใกล้และเตือนตัวเองว่าห้ามปล่อยตัวปล่อยใจให้กับภาวินทร์อีกเป็นอันขาด เพราะชายหนุ่มมีผู้หญิงคนใหม่แล้ว และตอนนี้สถานะระหว่างเธอกับเขาก็เหลือแค่พ่อและแม่ของน้องพลินทร์เพียงเท่านั้น

    ภาวินทร์ทอดมองลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนแม่ของแกด้วยแววตาที่ทอประกายอบอุ่น มุมปากแต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อยายหนูตาโตแก้มป่องกำลังมองตาแป๋ว เมื่อเขาขยับเข้าไปหา เด็กน้อยก็รีบซุกหน้าเข้าหาอกแม่ทันที

    “ลูกกลัวฉันเหรอนางค์”

    คนเป็นพ่อทอดถามขณะมองลูกสาวที่มุดหน้าหนี กระนั้นก็ยังแอบมองด้วยท่าทีน่าเอ็นดูจนอดยิ้มไม่ได้ นี่สินะ ความไร้เดียงสาของลูก ทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมดในสายตาพ่อแม่ แค่นี้ก็ทำให้ใจละลายได้อย่างง่ายดาย

    ภคนางค์โยนความเขินอายทิ้งไปชั่วคราวแล้วมองน้องพลินทร์ที่เอาแต่ซุกอยู่กับอกแถมยังกำเสื้อเธอแน่นก่อนเผยยิ้มน้อยๆ เมื่อวานไม่เห็นเป็นเด็กขี้อายแบบนี้ ยังเป่าปากพ่นน้ำลายปู้ดๆ ทักทายพ่ออยู่เลย

    “แค่ยังไม่ค่อยคุ้นน่ะค่ะ อาจจะอายด้วย” อาจเป็นเพราะภาวินทร์โกนหนวดโกนเครามาด้วยเลยทำให้ลูกไม่คุ้นหน้า เพราะดูเหมือนคนละคนกับเมื่อวาน แต่ไม่ได้ต่อต้านด้วยการร้องงอแงแสดงว่าลูกไม่ได้กลัวเขา

    “พลินทร์จ๊ะ มองดูซิ นั่นพ่อของหนูไงลูก”

    ภคนางค์ลดใบหน้าลงบอกเสียงนุ่มแล้วหอมกระหม่อมบางเบาๆ อยากบอกลูกเหลือเกินว่านั่นพ่อตัวเป็นๆ พ่อที่หนูหวงนักหวงหนาไม่ยอมให้แม่แตะต้องทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันไงจ๊ะ พอพ่อมาอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมถึงเอาแต่ซุกอยู่กับอกแม่แบบนี้

    คุณพ่อป้ายแดงอมยิ้มเมื่อได้ยินสรรพนามของตัวเองที่ภคนางค์พูดกับลูก อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าแม้ก่อนหน้านั้นเธอจะใจดำจงใจปกปิดเรื่องลูก แต่พอเขารู้ความจริงก็ไม่ได้คิดจะทิฐิหรือกีดกัน แม้จะมีความหวงลูกสาวอยู่มากก็ตามที

    “พ่อมาหาหนูแล้วนะ มองดูหน่อยสิจ๊ะ เคยเจอกันแล้วไงเมื่อวานนี้น่ะ”

    กระซิบเสียงอ่อนหวานอีกคราพลางลูบศีรษะเล็กของคนที่เปลี่ยนมาแนบแก้มอยู่กับอกแล้วแอบชำเลืองมองพ่อ แอบมองไม่พอยังแอบยิ้มหวานอีกต่างหาก กิริยาน่ารักน่าเอ็นดูของลูกนั้นทำให้คนเป็นแม่ยิ้มและหลงมากขึ้นทุกวัน แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเธอจะเหลือเหรอ มองลูกไม่วางตาด้วยแววตาเอ็นดูขนาดนั้น

    “อายอะไรกันลูก” ให้แม่อายคนเดียวก็พอแล้ว หนูไม่เห็นต้องอายเลย ประโยคนี้ภคนางค์เอ่ยกับตัวเองในใจขณะมองลูกแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู

    “ขอฉันอุ้มแกได้ไหม” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาส่งกระแสเว้าวอนผ่านน้ำเสียง อยากกอดอยากหอมลูกสาวเหลือเกินแต่ก็กลัวว่าแกจะร้อง

    “ไปหาพ่อเร็วจ้ะ” ภคนางค์ค่อยๆ ช้อนใต้รักแร้ลูกขึ้นเพื่อส่งให้กับภาวินทร์ได้อุ้ม

    “ให้พ่ออุ้มหน่อยนะคนดี”

    เขากระซิบขอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วรับยายตัวน้อยมาอุ้มด้วยท่าทีเก้กัง จังหวะนั้นจงใจให้มือหนาสัมผัสกับมือขาวเนียนของแม่ของลูกไปด้วย แล้วทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนถูกสัมผัสนั้นถึงกับแก้มร้อนผ่าว ราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆ วิ่งเข้ามาในกายจนต้องค่อยๆ ชักมือออกห่าง...

    “สวัสดีครับคนสวยของพ่อ...”

     

    +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×