NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (1) เด็กหญิงภควรินทร์

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 67







    บทนำ

    แววตาคู่หวานทอดมองลูกน้อยที่เป็นเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจแล้วระบายยิ้มบางๆ ใช้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มนุ่มๆ ของคนที่หลับปุ๋ยอยู่กับอกด้วยความรักใคร่เอ็นดู ในยามหลับลูกเหมือนนางฟ้าตัวน้อยน่าถนอม แพขนตางอนยาวนั้นแทบตกกระทบแก้มกลมๆ ปากจิ้มลิ้มเผยอขึ้นน้อยๆ ในอ้อมแขนมีตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดที่โดนฟัดจนหูขาดไปแล้วรอบหนึ่ง ส่วนมือน้อยๆ ก็ยังไม่วายล้วงเข้ามาในคอเสื้อแม่เพื่อจับหน้าอก ภาพแสนน่ารักแบบนี้คนเป็นแม่อย่างเธอมองอย่างไรก็ไม่เคยเบื่อ

    แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าทารกตัวเท่าเม็ดถั่วเขียวที่โตเร็วจนท้องแม่กลมเป็นลูกแตงโม พอคลอดออกมาแล้วจะโตเร็วขนาดนี้ เก้าเดือนที่อุ้มท้องและเก้าเดือนที่เฝ้าฟูมฟักจนตัวกลมน่าฟัดช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะผ่านช่วงเวลาที่ทั้งหนักหน่วงและแสนสุขใจเหล่านั้นมาโดยไร้เงา ‘สามี’ หรือ ‘พ่อของลูก’

    การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสำหรับ ภคนางค์ พิมพ์วิจิตร นั้นไม่ง่ายเลยสักนิด ความยากมันเริ่มขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าตั้งครรภ์เสียด้วยซ้ำ เธอรู้ตัวว่าท้องหลังจากหย่ากับอดีตสามีได้แค่เดือนกว่าๆ ทำเอาช็อกและชาไปทั้งตัว ความรู้สึกหลากหลายมันถาโถมเข้าใส่จนตั้งรับไม่ทัน ทำอะไรก็ไม่ถูก มิหนำซ้ำยังโดนป้าซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ตำหนิทั้งน้ำตาว่าไม่รักดี ปล่อยตัวเองให้ท้องโดยที่ไม่มีพ่อเด็กมารับผิดชอบได้อย่างไร

    ภคนางค์เอาแต่ร้องไห้เสียใจที่ทำให้ป้าต้องผิดหวัง ทั้งยังปิดปากเงียบไม่ยอมบอกว่าพ่อของลูกคือใคร เนื่องจากเธอแต่งงานกับเขาโดยที่ป้าไม่รู้ ความจริงจะเรียกว่าแต่งงานก็คงไม่ถูก มีแค่การจดทะเบียนสมรสเพียงเท่านั้น และสุดท้ายก็หย่าร้างกันเพราะเงื่อนไขของการแต่งงาน ไม่ใช่หย่าเพราะหมดรักแต่อย่างใด เพราะเธอและเขาไม่ได้รักกัน…

    ทำให้หญิงสาวไม่ต้องการความรับผิดชอบ ไม่ต้องการให้อดีตสามีและครอบครัวของเขาทราบเรื่องนี้ เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะโดนพรากลูกไปจากอก แม้ยังไม่เคยเห็นหน้า แค่รับรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในร่างกาย สัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น และภคนางค์ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเลี้ยงลูกเอง จะไม่เรียกร้องสิทธิ์ใดๆ จากพ่อของลูกทั้งสิ้น เพราะเธอได้รับจากครอบครัวของเขามามากพอแล้ว

    แต่การเป็นแม่ใช่ว่าจะง่าย เพราะท้องโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ภคนางค์จึงตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรหรือควรจะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก ก็ได้คนที่ดุด่านั่นละคอยดูแลทุกอย่างให้ แม้ในตอนแรกป้าจะมีท่าทีโกรธมากเพียงใดก็ตาม ทั้งพาไปตรวจและฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แนะนำเรื่องการดูแลตัวเอง คอยหาแต่สิ่งดีๆ มาบำรุงหลานในท้อง โชคดีที่เธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย จึงสามารถกินได้ทุกอย่างที่ป้าสรรหามาให้

    ทว่าเพียงไม่กี่วันก็มีคนทราบเรื่องที่ภคนางค์ท้อง ยิ่งเมื่อรู้ว่าหลานสาวของคนที่ขึ้นชื่อว่าหัวโบราณและเข้มงวดกับลูกสาวสุดๆ อย่างป้าพัชรีท้องไม่มีพ่อ เธอก็ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านบางกลุ่มทันที ถูกกล่าวหาว่าหนีมาอยู่ต่างจังหวัดเพราะอาย ที่ถูกผู้ชายทำให้ท้องแล้วไม่รับ แถมยังทำให้ป้าขายขี้หน้า ซึ่งป้าของเธอไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลย แต่คนพวกนั้นกลับคิดแทนทุกอย่าง เพียงไม่นานคำนินทาว่าร้ายพวกนั้นก็หายเงียบไปกับสายลม เพราะภคนางค์ไม่เคยให้ค่ากับคำพูดราคาถูกของคนที่มีแค่ปากเอาไว้พูดแต่ไร้ความรับผิดชอบในสิ่งที่พ่นออกมา ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจให้เสียสุขภาพจิต  

    หลังจากนั้นชีวิตของภคนางค์ก็กลับมาสุขสงบดังเดิม หญิงสาวไม่เคยรู้เลยว่าความรักที่แม่มีต่อลูกนั้นเป็นอย่างไร เพราะไม่ได้เจอหน้าแม่ตั้งแต่จำความได้ พอได้มาอุ้มท้องเองถึงได้รู้ว่าคำว่า ‘แม่’ นั้นมีความหมายลึกซึ้งและยิ่งใหญ่เหลือเกิน วินาทีแรกที่รู้ว่าตั้งครรภ์ว่าตื่นเต้นดีใจมากแล้ว แต่วินาทีแรกที่ได้เห็นหัวใจดวงน้อยๆ ของลูกเต้นผ่านเครื่องอัลตราซาวนด์นั้นทั้งตื่นเต้นและตื้นตันจนน้ำตาคลอ สุขใจและโล่งใจที่ได้เห็นพัฒนาการแรกของลูก

    ยิ่งได้เห็นทารกตัวน้อยที่เฝ้าฟูมฟักค่อยๆ เติบโตยิ่งรู้สึกมหัศจรรย์ใจยิ่งนัก ภคนางค์ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีความสุขได้ถึงเพียงนี้ แม้ต้องอุ้มท้องโดยไร้เงาสามี แม้บางคราวจะต้องไปตรวจครรภ์ตามลำพังเพราะคนที่บ้านไม่ว่าง แม้จะต้องทำแทบทุกอย่างด้วยตัวเอง พออายุครรภ์เยอะขึ้นยิ่งใช้ชีวิตลำบาก ทว่าหญิงสาวกลับมีความสุข เพราะนั่นเป็นสัญญาณบอกว่าใกล้จะได้เจอหน้าลูกเต็มทีแล้ว

    วันคลอดภคนางค์เข้าไปในห้องคลอดเพียงลำพัง โดยมีป้า พี่สาว พี่เขย และหลานสาวมาให้กำลังใจอยู่หน้าห้องคลอด หญิงสาวให้กำเนิด ‘ลูกสาว’ ด้วยวิธีธรรมชาติ มันเป็นความเจ็บปวดและทรมานที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตของเธอ วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงแผดร้องของลูก ได้โอบกอดแนบอก ได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้ม น้ำตาแห่งความสุขก็ไหลริน ภคนางค์รับรู้ในทันทีเลยว่าการให้ได้ทั้งชีวิตและลมหายใจนั้นเป็นเช่นไร

    ตอนนี้เด็กหญิงภควรินทร์ พิมพ์วิจิตร หรือน้องพลินทร์ อายุได้เก้าเดือนแล้ว หนูน้อยเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมาตั้งแต่เกิด อารมณ์ดี ยิ้มง่าย แถมยังอ้อนเก่งและติดแม่มากอีกต่างหาก ภคนางค์ใจละลายทุกครั้งที่ลูกสาวคลานมาอ้อนมาซบ ทำให้รักให้หลงมากขึ้นทุกวัน ขนาดลูกนอนหลับซุกอยู่กับอก ยังไม่อยากจะลุกไปไหน แม้เวลาที่ลูกหลับนั้นคือนาทีทองของแม่ที่จะได้มีเวลาส่วนตัว ทว่าเธอกลับนอนเฝ้ามองลูกหลับ คอยสัมผัสตามเนื้อตัวนุ่มๆ สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่แสนชื่นใจ เพราะไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาดีๆ แบบนี้จะหายไปเมื่อไร จึงอยากกอบโกยไว้ให้มากที่สุดก่อนที่ลูกจะโตไปกว่านี้

    แววตาอ่อนโยนทอดมองลูกด้วยรอยยิ้ม เมื่อแกเริ่มขยับตัว มีเสียงแอะเบาๆ ภคนางค์จึงตบก้นเบาๆ พลางเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังว่าพลินทร์หลับไปนานเท่าไรแล้ว ก่อนจะยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อหันมาเห็นยายตัวน้อยงัวเงียตื่น บิดตัวไปมา อ้าปากหาวอย่างน่าเอ็นดู แล้วมองแม่ตาแป๋ว

    “ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ”

    ภคนางค์ขยับตัวนอนคว่ำแล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหอมแก้มป่องๆ ทั้งสองข้าง ตามด้วยพุงกลมๆ ทำให้คนที่เพิ่งตื่นนอนยิ้มร่าชอบใจ ขยับแขนขาไปมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้นอนจนเต็มอิ่ม เรียกรอยยิ้มแสนอ่อนหวานจากคนเป็นแม่

    “ตื่นแล้วเหรอ ตื่นแล้วเหรอ”

    ฟัดแก้มนุ่มๆ สลับกันไปมาด้วยความมันเขี้ยว ผิวนุ่มๆ ของลูกนั้นช่างหอมนัก ทำให้อยากหอมอยากฟัดทั้งวัน การเลี้ยงลูกเองแทบตลอดเวลานั้นแม้เหนื่อยแต่มีความสุขมากจริงๆ เพราะมันทำให้เธอไม่เคยพลาดทุกพัฒนาการของลูกเลย ช่วงนี้นอกจากคลานเก่ง น้องพลินทร์ยังเริ่มเกาะคอกกั้นยืนบ้างแล้ว อีกไม่นานคงเริ่มเดินเตาะแตะจนแม่ตามไม่ทันแน่ๆ เพราะดูเหมือนยายหนูของเธอจะช่างสำรวจเหลือเกิน

    “แอ้!” เมื่อโดนหยอกล้อด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ แม่หนูก็ส่งเสียงตอบรับ ทั้งยังฉีกยิ้มกว้างอย่างน่ารักน่าชัง

    “ยิ้มหวานเชียวนะหมาน้อยของแม่” หญิงสาวสัมผัสแก้มนุ่มอย่างหยอกเย้า ใช้น้ำเสียงโทนอ่อนหวานกว่าปกติในยามพูดคุย ยายหนูของเธอก็ขยับปากราวกับจะพูดตาม แต่ทำได้แค่ส่งเสียงอ้อแอ้ตามประสาเด็กอารมณ์ดี

    “แอ้ แอ้” หนูน้อยยิ้มร่าเริง ดี๊ด๊ามากเป็นพิเศษเมื่อเห็นหน้าแม่ อารมณ์ดีแม้เพิ่งจะตื่นนอน

    “ได้นอนเต็มอิ่มแล้วอารมณ์ดีจังเลย” ภคนางค์ยิ้มเอ็นดู น้องพลินทร์ชอบให้แม่คุยหยอกล้อ แล้วก็มักอ้อแอ้โต้ตอบ บางคราก็บ่นยาวๆ ไม่เป็นคำ สงสัยคงอยากพูดได้เต็มทีแล้ว

    “หิวไหมลูก หม่ำๆ นมไหมเอ่ย”

    เสียงหวานทอดถามพลางเขย่านิ้วที่โดนมือน้อยๆ จับไปมาเบาๆ ภคนางค์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลูกเล่นจนหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้กินนม จึงขยับตัวไปหยิบขวดนมบรรจุน้ำนมแม่ที่เตรียมไว้ พอเห็นขวดนมเด็กน้อยแก้มกลมของแม่ก็ยิ้มร่า มือป้อมๆ รีบไขว่คว้าหาจนหญิงสาวต้องปล่อยขวดนมให้ มันเขี้ยวปนเอ็นดูลูกสาวที่ดูดนมอึกๆ ด้วยความหิว เพราะกินเก่งอย่างนี้ไงเล่าถึงได้ตัวกลมน่าฟัดขนาดนี้

    เด็กหญิงภควรินทร์นั้นหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาฝรั่ง ปากนิดจมูกหน่อยน่าเอ็นดู ตากลมโต ขนตางอนยาว แก้มแดงยุ้ย ผิวขาว ผมสีน้ำตาลเข้ม ตัวอวบน่าฟัด ลูกเหมือนเธอแค่ตา ปาก และสีผิว นอกนั้นได้พ่อมาหมด รวมถึงโครงหน้าที่มีส่วนผสมของชาติตะวันตก เนื่องจากอดีตสามีของเธอเป็นลูกครึ่ง ลูกสาวจึงได้รับเสี้ยวนั้นมาจากเขา แม่อย่างเธออุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน นอนก็ไม่พอ แถมยังทรมานตอนเจ็บท้องคลอดอีก พอออกมาละเหมือนพ่อเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เชียว หลายครั้งที่มองหน้าลูก ภคนางค์พยายามไม่คิดถึงเขา แต่ก็อดไม่ได้ทุกที…

    ขณะที่นอนเฝ้าลูกน้อยกินนมอยู่นั่น เสียงสั่นแจ้งเตือนข้อความจากเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างคอกกั้นก็ทำให้ภคนางค์ละสายตาจากยายตัวเล็กชั่วคราว ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบแล้วกลับมานอนกกกอดดังเดิม ขณะที่มือจับขวดนม ขาอวบๆ ก็ถูกยกขึ้นแล้วขยับไปมากลางอากาศ ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้เท้าน้อยๆ ช่วยจับขวดนมอีกต่างหาก ภคนางค์เห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูแล้วเอามือดันขาอวบน่ากัดนั้นลง ยายหนูเลยเอามาก่ายบนตัวเธอแทน แล้วกินนมอย่างสบายอารมณ์

    “ไหนดูซิ น้าออมส่งอะไรมาหาพลินทร์กันน้า”

    หญิงสาวเปิดข้อความแชตไลน์ที่อรอุมาส่งเข้ามาในกลุ่มที่มีกันอยู่สี่คนเพื่อนรัก พยายามเลี่ยงไม่ให้ลูกเห็นแสงจากหน้าจอมือถือ ทว่าข้อความและรูปภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นพลันทำให้รอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้าของภคนางค์หายไป ใจสั่นมือสั่นจนต้องรีบปิดล็อกหน้าจอให้ดับลงโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แล้วเก็บมือถือไว้ด้านหลังอย่างเงียบๆ

    รูปถ่ายของอดีตสามีกับสาวสวยคนหนึ่งที่มีท่าทีสนิทสนมกันที่เพื่อนส่งมาให้เมื่อครู่นั้น คล้ายเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่ภคนางค์เลือกทำมาตั้งแต่ต้นถูกต้องแล้ว เพราะชายหนุ่มกำลังมีความสุขกับการเริ่มต้นใหม่ เธอควรยินดีกับเขามากกว่าจะพาตัวเองและลูกเข้าไปขัดขวางความสุข…

    “พลินทร์มีแค่แม่ก็พอแล้วเนอะลูก ไม่ต้องมีพ่อหรอก”

    หญิงสาวรำพันพลางลูบศีรษะลูกเบาๆ อยู่กันสองคนแม่ลูกแบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ถึงจะไม่มีพ่อแต่น้องพลินทร์ก็ยังมีแม่ที่รักแกมากเท่าชีวิต

    “แอ๊!!!”

    หนูน้อยปล่อยจุกนมจากปากแล้วแผดเสียงใส่มารดาพร้อมทั้งขยับแขนขาไปมาราวกับกำลังไม่ชอบใจคำพูดนั้น

    ภคนางค์หัวเราะเบาๆ เมื่อถูกลูกประท้วง “แน่ะ ขึ้นเสียงใส่แม่ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยเหรอพ่อน่ะ รักมากเลยเหรอหือ”

    ทอดถามเสียงนุ่มด้วยความมันเขี้ยว ดวงตาคู่หวานมองลูกที่เริ่มมีปฏิกิริยากับคำถามแล้วอมยิ้ม เพราะปากจิ้มลิ้มนั้นเริ่มเบะออกเสียแล้ว พอถูกขัดใจทีไรเป็นแบบนี้ทุกที เลือดพ่อแรงจริงๆ

    “แอ้แอ้!” น้องพลินทร์ส่งเสียงเหมือนจะเถียง ภคนางค์เลยแกล้งทำตาดุใส่ ทำให้เด็กหวงพ่อเริ่มบีบน้ำตาในทันที

    “พ่อตัวเป็นยังไง หน้าตาแบบไหนหนูรู้จักไหม ทำไมถึงปกป้องเขานัก”

    คนเป็นแม่ถามหยอกเย้า ทว่าน้องพลินทร์กลับเบะยิ่งกว่าเดิม น้ำตาก็เริ่มมา ปลายจมูกเล็กเริ่มแดง ภคนางค์ได้แต่มองแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ น่าแปลกที่เธอไม่เคยพูดเรื่องพ่อให้ฟังเลยสักครั้ง แต่ลูกประท้วงราวกับจะบอกว่าไม่ให้แม่แตะต้องพ่อของแก ทั้งที่ยังไม่ประสา พูดก็ยังไม่ได้ยังรู้จักเถียงแทนกันอีก  

    “แม่แค่สงสัย ไม่ได้ว่าหนูสักหน่อย ไม่เห็นต้องบีบน้ำตาเลยลูก”

    มือบอบบางวางลงบนอกเล็กแล้วลูบเบาๆ ด้วยสัมผัสที่เต็มไปด้วยความถนอม เมื่อยายหนูของเธอสะอื้นแต่ไม่มีเสียงร้องสักแอะ มีเพียงน้ำตาที่หยดแหมะลงราวกับเสียใจนักที่แม่ไม่อยากให้มีพ่อ

    “แอะ…”

    เสียงที่เปล่งออกมานั้นสั่นเครือจนคนเป็นแม่ดึงเข้ามากอดแนบอกเพื่อปลอบโยนด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่ลูกจะแผดร้องแล้วไม่ยอมหยุดง่ายๆ การรับมือกับเด็กอารมณ์ดีในยามที่งอแงนั้นไม่ง่ายเลยสักนิด

    “ชู่ว์ นิ่งซะคนดี แม่ไม่พูดแล้วจ้ะ ไม่พูดถึงพ่อหนูแล้ว”

    ภคนางค์กระซิบอยู่กับกระหม่อมเล็กพลางลูบหลังเบาๆ จนคลายสะอื้น ก่อนจะหยิบขวดนมมาใส่ปากให้ดังเดิม ใช้นิ้วเรียวเกลี่ยเช็ดน้ำตาจากแก้มป่องด้วยสัมผัสถนอมแล้วก้มหอมเบาๆ ไม่อยากเชื่อว่าเด็กวัยนี้จะมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้ ได้แต่หวังว่าโตขึ้นน้องพลินทร์จะเข้าใจว่าทำไมถึงมีแค่แม่ก็พอแล้ว…


     

    +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×