ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❥iKON '#ฟิคลั่น - bobyun bjin junhyuk♦

    ลำดับตอนที่ #7 : .sixth

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 58






                 เนื้อและหมูหลายสิบชิ้นถูกวางย่างบนเตาไฟ เครื่องเคียงพร้อมเครื่องดื่มวางเสริฟอย่างพร้อมเพียง กลิ่นหอมกรุ่นคุกเคล้าเสียงเพลงของทางร้านสร้างบรรยากาศดีๆให้กับเด็กหนุ่มนับสิบ เสียงคุยเจื้อแจ้วปนเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ



     

                 ภายในร้านเนื้อย่างขนาดใหญ่ที่ถูกเหมาเลี้ยงฉลองโดยอาจารย์ประจำคณะสี รุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อนร่วมคณะราวๆเกือบห้าสิบคน แบ่งเป็นเตาละหกถึงเจ็ดคนแล้วแต่ใครจะนั่ง



     

                     ความสุขก่อตัวขึ้นหลังจากผ่านพ้นเวลาอันแสนทรหด ใบหน้าที่เคยเหนื่อยอ่อนบัดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอย่างปิดไม่มิด เสียงหัวเราะของความสุขดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต่างพากันขอบคุณจินฮวานที่ทำหน้าที่เป็นประธานได้ดีจึงทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ คนถูกชมก็ได้แต่กลั้นยิ้มเกาท้ายทอยแก้เขินแล้วหันไปตีฮันบินเพื่อกลบเกลื่อนความอาย




     

                      โต๊ะของจินฮวานตอนนี้ประกอบด้วย ฮันบิน ดงฮยอก อีกสามคนที่เหลือตอนนี้ตอนนี้ยังไม่มา บ็อบบี้ขอแยกตัวออกไปก่อนบอกว่ามีธุระต้องจัดการเดี๋ยวตามมาทีหลัง ส่วนยุนฮยองรายนั้นกลับไปบ้านขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเนื่องจากปาร์ตี้เสร็จเขาจะไปดูหนังรอบดึกตามคำชักชวนของคิมจีวอน




     

    "อ้าวจุนฮเวมาแล้วหรอ" สายตากลมโตตวัดเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามา ดงฮยอกเอ่ยทักทายเสียงใสปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆอย่างเคยชิน จุนฮเวพยักหน้าตอบรับเบาๆก่อนจะหย่อนกายหนานั่งข้างๆ มือหนาหยิบตะเกียบคีบหมูในถ้วยดงฮยอกใส่เข้าปากหน้าตาเฉย




     

    "อ้ะหมูฉัน!" ดงฮยอกอุทานเสียงดัง ค้อนสายตาขวับมองดุแต่ถึงกระนั้นจุนฮเวก็ไม่สนใจ เขายังคงใช้ตะเกียบคีบเนื้อและผักในถ้วยของดงฮยอดจนหมด "จุนฮเวย่า นายมาแย่งของฉันกินทำไมเนี้ย!" เอ่ยดุอย่างเหลืออด เหลือบมองถ้วยตัวเองที่ว่างบ๋อแบ๋มีเพียงเศษผักชิ้นน้อยนิดติดอยู่ริมขอบถ้วย




     

    "กว่าฉันจะย่างได้ นายนะฮึ่ย!" ถึงปากจะบ่นยังไงดงฮยอกก็ปิ้งเนื้อคีบผักตักใส่ถ้วยให้ร่างสูงข้างๆอยู่ดีจุนฮเวยักไหล่พรางขำในลำคอเบาๆเขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ต่อให้ดงฮยอกจะบ่นจู้จี้มากขนาดไหน ยังไงก็คอยทำให้เขาอยู่ดี ก็ไม่รู้อ่ะนะว่าจะบ่นให้เหนื่อยทำไม 





    "เนื้อชิ้นนั้นทำไมช้าจัง"จินฮวานบ่นพรึมพรัมสายตาจับจ้องอยู่ที่เนื้อย่างสีน้ำตาลอ่อน มือเล็กคว้าน้ำโค้กขึ้นดื่มก่อนจะรีบวางลงที่เดิมเมื่อฮันบินคีบเนื้อย่างหอมฉุยจ่อปาก




     

    "ผมป้อน" ร่างสูงเอ่ย ปากหนายิ้มกว้าง จินฮวานขมวดคิ้วเบะปากแต่ก็ยอมอ้าปากให้ฮันบินป้อน เวลานี้ไม่ใช่เวลามามีทิฐิอะไรทั้งนั้น ความหิวอยู่เหนือเหตุผมทุกประการ







    "นายก็กินบ้างดิ เอามาให้ฉันทำไมเยอะแยะ จะขุนฉันให้อ้วนเป็นหมูรึไง" จินฮวานมองตามมือหนาที่จัดการคีบเนื้อคีบผักคีบเครื่องเคียงนับสิบมาใส่ถ้วยของเขา เหลือบมองถ้วยของฮันบินที่มีเพียงเนื้อชิ้นสองชิ้นและผักชิ้นเล็กชิ้นน้อย




     

    "ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกน่า ผมเห็นพี่กินแค่นี้ก็อิ่มยันหัวใจ"




     

    "สัสเสี่ยวชิบหาย" จุนฮเวที่เงียบพูดแทรกขึ้นมาพร้อมขยับปากทำท่าล้อเลียน




     

    "ไม่เสือกดิ.." คนถูกด่ามองตาขวาง "วิธีจีบของกูก็แบบนี้แหละ ดีกว่าทำมึนนั่งซึนปากแข็งชาตินี้ก็ไม่มีแฟนหรอก" ฮันบินยักไหล่พูดลอยๆก่อนจะช้อนสายตามองเพื่อนทั้งสองตรงข้ามคำพูดของร่างสูงเรียกสีหน้าและท่าทางเลิ่กลั่กของดงฮยอกได้เป็นอย่างดี ส่วนจุนฮเวมีวูบนึงที่ฮันบินเห็นว่าหยุดชะงักไป เหอะ ไม่ใช่ว่าดูไม่ออกหรอก ว่าสองคนนี้มันชอบกัน เพื่อนกันมากี่ปี ทำไมจะดูไม่ออกวะ




     

                    ไอท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมเป็นห่วงเป็นใยออกนอกหน้า วันไหนดงฮยอกเลิกดึกก็ต้องคอยกลับบ้านพร้อมกัน โดยอ้างเหตุผลว่า 'พ่อของดงฮยอกฝากมา ไม่งั้นกูไม่อยู่รอหรอก เสียเวลานอน' ถุยไอสัส! ใครเชื่อมึง บางวันก็ไปนอนเฝ้าที่ห้องประธานนักเรียน เหตุผลกระโปกๆ ก็คือ 'แอร์เย็นดี' ไอห่า โรงเรียนนี้เอกชนครับ ทุกห้องติดแอร์ ไม่ต้องถ่อไปนอนห้องประธานนักเรียนหรอก




     

    "…."



     

    "อ่าวเงียบเลยดิ วู้วๆ แทงใจดำหรอจ๊ะเพื่อนรัก" ฮันบินล้อต่อ จุนฮเวไม่พูดอะไรนอกจากถลึงตามองขาดโทษแล้วหันไปคีบเนื้อกินต่อ




     

    "ทำไมพี่ยุนฮยองกับบ็อบบี้ช้าจัง" ดงฮยอกมองนาฬิกาข้อมือ นี่มันเลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ




     

    "นั่นดิ เดี๋ยวลองโทรตาม" จินฮวานก้มลงหยิบโทรศัพท์ก่อนจะถูกขัดด้วยเสียงของร่างสูงข้างๆ "ไม่ต้องละมันมาละนั่นไง" เด็กหัวแดงว่า สายตากลมมองตาม ยุนฮยองกับบ็อบบี้ที่พากันเดินเข้ามาทั้งสองทั้งทายรุ่นน้องและอาจารย์ก่อนจะขอตัวมานั่งที่




     

    ยุนฮยองในชุดลำลองเสื้อสีขาวแขนยาวกางเกงสแล็กสีดำพร้อมหมวกสีขาว ส่วนบ็อบบี้ในชุดเสื้อสีดำแขนยาวกางเกงสีดำขาวยาว รองเท้าผ้าใบใบหน้าคมยังคงสวมแว่นหนากรอบใหญ่





     

    "ช้า!" จินฮวานบ่นกระปอดกระแปด พรางย่นจมูกใส่เพื่อนสนิทที่มาเลยเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง "ไปไหนกันมา" คนตัวเล็กถามต่อก่อนจะคีบผักเข้าปาก




     

    "ขอโทษน่า เลือกชุดนานไปหน่อย" ยุนฮยองพูดกลั้วขำพร้อมหย่อนตัวลงนั่งข้างเพื่อนสนิท โดยมีบ็อบบี้หย่อนตัวนั่งข้างๆอีกที




     

    "ไรวะ กูจีบพี่จินตั้งนานไม่เคยเดทกันซักที นี่อะไรดูหนังรอบดึก อิจครับอิจ" เด็กหัวแดงตัดพ้อ ก่อนจะหันมองหน้าจินฮวานเชิงอ้อนวอน




     


    "เราไปดูหนังกันมั่งป่ะพี่จิน ผมเลี้.."




     

    "ไม่!" ไม่ทันที่ร่างสูงข้างๆจะพูดจบประโยค จินฮวานก็พูดตัดบททันที




     

    "ทำไมอ่ะ ผมเลี้ยงป็อบคอร์นด้วยอ่ะ"




     

    "ฉันไม่ชอบดูหนังโรง"




     

    "หนังสดอ่ะพี่ชอบดูไหม" ฮันบินยิ้มเจ้าเล่ห์ เขามั่นใจว่าจินฮวานคงไม่เข้าใจคำว่า 'หนังสด' แน่ๆ




     

    "หนังสด?" เป็นไปตามคาด คนตัวเล็กหันมองพรางขมวดคิ้วไม่เข้าใจในคำพูด เด็กหัวแดงยิ้มกระริ่มกระเลี่ยก่อนจะหัวเราะเบาๆในลำคอ 





    "อื้อดูป่ะ ไม่ต้องนั่งดูให้เมื่อยด้วย นอนดูสบาย" ฮันบินยังคงได้ใจแกล้งพูดต่อ มีไม่กี่ครั้งนักหรอกที่ฮันบินจะอยู่เหนือกว่า




     

    "สนุกหรอ?" คนซื่อยังคงซื่อต่อไป จินฮวานไม่ได้สังเกตุใบหน้าของเพื่อนร่วมโต๊ะเลยด้วยซ้ำว่า แต่ละคนทำสีหน้าท่าทางยังไง โดยเฉพาะยุนฮยองรายนั้นพยายามกลั้นขำสุดชีวิต




     

    "อือทั้งสนุกทั้งมันส์"




     

    "ไว้วันหลังละกัน"




     

    "พี่พูดละนะ" จินฮวานพยักหน้าตกลง ฮันบินยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหันไปยักคิ้วให้เพื่อนสนิททั้งสอง




     

    "ไอบินไอเหี้ย" จุนฮเวสบถด่า เขาไม่ใช่คนที่ยุ่งเรื่องลามกพรรณนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ความหมายที่เพื่อนสนิทพูดถึง




     

    "จินนะจิน คิคิ" ยุนฮยองระเบิดหัวเราะ พร้อมยกมือแท็กกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง คนที่ไม่รู้ความหมายอย่างจินฮวานก็ได้แต่นั่งงงเป็นไก่ตาแตกมองตามเพื่อนสนิทที่ทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ยิ่งมองหน้าฮันบินรายนั้นยิ้มหน้าบานจนน่าหมันไส้



     

    "ตกลงมันคืออะไรอ่ะ" ทนความสงสัยไม่ไหวจนต้องถามออกไป แต่คำตอบที่ได้กับเป็นความเงียบและท่าทางเมินเฉยกลับมาเท่านั้น




     

    "เห้ย! ตอบหน่อยดิคืออะไรอ่ะ ยุน ดงฮยอกตอบพี่หน่อย" คว้าแขนเล็กตรงข้ามมองหน้าคาดคั้นคำตอบ ดงฮยอกส่ายหัวพรืดเมื่อเหลือบเห็นสายตาของฮันบินที่มองมาเป็นเชิงว่า 'อย่าพูดนะ!'




     

    "ฮันบิน ตกลงมันคือไรวะ" กระชากแขนแกร่งจนเซถลาแนบข้าง ฮันบินร้องโอยเบาๆ คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองค้อน "ก็หนังธรรมดาแหละ แต่เป็นเอ่อ นอนดูที่บ้านงี้" แก้ต่างเอาตัวรอด ถ้าเกิดจินฮวานรู้ขึ้นมาว่าความหมายคืออะไรมีหวัง ซี้แหงแก๋ แน่ๆคิมฮันบิน




     

    "ผมรู้นะพี่จิน" รุ่นน้องโต๊ะข้างๆโพล่งพูดขึ้น จินฮวานหันไปมองอย่างมีความหวัง "ไอเหี้ยยูคยอม มึงพูดมึงตาย!" ฮันบินคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อเด็กปีหนึ่งที่ชื่อยูคยอม ก่อนจะถลึงตาใส่




     

    "ฮันบินปล่อยน้อง!"




     

    "ห้ามพูดนะมึง"




     

    "ยูคยอม คิดเอาละกันว่าจะฟังใครระหว่างไอเด็กห่านี้กับพี่" ประโยคหลังจินฮวานกัดฟันพูดเชิงข่มขู่ "พี่มีสิทธิ์เซ็นไม่ผ่านกิจกรรมให้นายนะ" จินฮวานถือไพ่เหนือกว่าหันยิ้มอย่างผู้ชนะใส่ฮันบินที่หน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ




     

    ชิบหายละคิมฮันบิน





     

    "เห้ยพี่อย่าโอเคๆ บอกแล้ว"



     

    "ไอยูค!!!"




     

    "หนังเอ็กไงพี่ ไม่ใช่ดูธรรมดานะต้องทำด้วยโอ้ยย!พี่ฮันบินผมเจ็บอ่ะ!!!"




     

    "ฮันบินนาย.." บรรลัยแล้วคิมฮันบิน เสียงเย็นยะเยือกของจินฮวานทำให้เด็กหัวแดงถึงกับขนลุก 





    "เห้ยพี่อย่าไปฟังมัน มันมั่วโอ้ย!!! พี่ผมเจ็บ" ฮันบินรีบแก้ตัว แต่ถึงกระนั้นทั้งมือทั้งเท้าทั้งฟันกัดลงมาที่แขนแกร่งมือเล็กทั้งหยิกทั้งตีทั้งทุบจนต้องดิ้นหนี เท้าน้อยๆถูกส่งมายันลำตัว ฮันบินล้มลงไปโอดโอยดิ้นนอนบนพื้น (ร้านนั่งพื้นนะลืมบอก)




     

    "ไอเด็กเลว ไอชั่ว ไอลามก กูไม่คุยกับมึงแล้วไปไกลๆเลยไอสัสนี่!!"




     

    "บ็อบบี้ โอ้ย!! ยุน ไอเน่ช่วยกูด้วยโอ้ยยยเจ็บพี่!!" ร้องเรียกโอดครวญขอความช่วยเหลือ จุนฮเวยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปงับเนื้อในตะเกียบของดงฮยอก ส่วนยุนฮยองจัดการริมน้ำโค้กใส่แก้วบ็อบบี้แล้วหันไป ปิ้งเนื้อต่อ




     

    "พี่ผมขอโทษ ปล่อยผมก่อนนะ!" คว้ามับรวบข้อมือเข้าในอก จินฮวานดิ้นหลีกหนี "ผมขอโทษแค่แกล้งพี่เล่นๆเฉยๆ" ร่างสูงพูดเบาๆ เขาตั้งใจแกล้งจินฮวานเล่นเฉยๆ ถึงจะรู้ก็เถอะว่าถ้าหากร่างเล็กข้างๆรู้ความหมายเขาต้องโดนดีแน่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งนี่หว่า







    "…."




     

    "พี่อย่าเงียบดิ ผมใจคอไม่ดีนะ"




     

    "ปล่อยเลย กูไม่คุยกับมึงแล้ว"



     

    "พี่จิน"




     

    "ปล่อย!!" ฮันบินคลายข้อมือออก หลุบสายตามองต่ำอย่างรู้สึกผิด จินฮวานเขยิบหนีห่างออกไปไกลจนฮันบินยิ่งรู้สึกแย่ "พี่ผมขอโทษ.." พร่ำบอกขอโทษอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับคือความเพิกเฉยและสายตาไม่พอใจที่ส่งกลับมา





     

                        โต๊ะของยุนฮยองเข้าสู่ความเงียบสงบ ทุกคนไม่มีใครปริปากพูดอะไรนอกจากนั่งกินกันอย่างเงียบๆ ยุนฮยองมองหน้าน้องชายกับเพื่อนสนิทสลับไปมาแล้วถอนหายใจ ฮันบินพยายามง้อโดยการย่างเนื้อใส่ถ้วยจินฮวาน แต่ร่างเล็กกลับเขี่ยมันออก ส่วนจุนฮเวและดงฮยอกต่างนั่งเงียบกินในส่วนของตัวเอง ร่างเล็กคอยย่างเนื้อส่งให้จุนฮเวที่นั่งรอกิน ความอึดอัดเริ่มตีตื้นเข้ามา ทั้งๆที่มันคือปาร์ตี้ประสบความสำเร็จแท้ๆทุกคนควรร่าเริ่งสิ ไม่ใช่ตึงเครียดแบบนี้




     

    "เอ่อ.. จินอย่าไปโกรธฮันบินมันเลยนะ มันแกล้งเล่นเฉยๆ นะจินนะ" ยุนฮยองเอ่ยบอกเพื่อนสนิทเบาๆ จินฮวานยังคงไม่หือไม่อือ นั่งหน้าบึ้งยัดเนื้อเข้าปากโดยไม่พูดไม่จาไม่ตอบกลับอะไรทั้งนั้น




     

                   เวลาล่วงเลยมาเกือบสามทุ่ม ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกันกลับบ้าน จุนฮเวและดงฮยอกนั่งแท็กซี่กลับด้วยกัน ส่วนบ็อบบี้และยุนฮยองรอเวลาหนังฉายรอบสามทุ่มครึ่ง จากนี่ไปยังห้างก็ใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเนื่องจากรถไม่ติด




     

    ฮันบินอาสาเอ่ยปากขอเดินไปส่งจินฮวาน แต่ร่างเล็กกลับเมินเฉยเดินหนีไปยังอีกทาง เด็กหัวแดงก็ได้แต่วิ่งตามปากหนาพยายามพูดง้อและขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่แต่สิ่งที่ได้ก็คือความเงียบเหมือนเดิม
























     

    "ทำไมไม่ไปวันหลังขาบ็อบบี้ยังเจ็บอยู่เลยนะ" ยุนฮยองเอ่ยดุ ร่างสูงข้างๆก่อนจะยกมือโบกแท็กซี่ไปยังเป้าหมาย




     

    "ก็หนังเรื่องที่ผมอยากดูมันเข้าวันนี้พอดีนี่ครับ"




     

    "อีกสองสามวันค่อยมาดูก็ได้นี่มันยังไม่ออกจากโรงหรอกน่ะ"




     

    "แต่ผมไม่เป็นไรแล้วนะครับ ยุนฮยองอย่าดุผมเลยนะ" บ็อบบี้พูดเสียงอ่อนก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้ร่างบางข้างๆ ยุนฮยองกลืนคำดุลงคอ เมื่อสีหน้าท่าทางอ้อนๆของบ็อบบี้ ใจดวงน้อยๆเผลอเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้




     

                    บ็อบบี้พายุนฮยองมาเลือกซื้อป็อปคอร์น ทั้งสองลงความเห็นว่าจะกินรสชีสกับน้ำโค้ก หนังที่บ็อบบี้เลือกดูเป็นหนังบู๊แอคชั่นยี่สิบบวก ที่จริงยุนฮยองไม่ชอบดูหนังแนวนี้เท่าไหร่ เขาไม่ชอบอะไรที่ใช่กำลัง ยิ่งเห็นยิงกันเลือดกระเซ็นแล้วใจมันหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ขัด การที่บ็อบบี้เอ่ยปากชวนพร้อมเลี้ยงค่าหนังค่าป็อปคอร์น ก็ถือว่าดีใจมากแล้ว




     

                       เมื่อเข้ามาในโรงหนังเขาสองคนนั่งที่วีไอพีโซฟาด้านบนสุด ยุนฮยองชะเง้อมองลงไปข้างล่างปรากฎว่าแทบไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ มีอยู่ประมาณเกือบสิบคนทั่วโรงหนัง คงเป็นเพราะรอบนี้มึนดึกเกินไปด้วยล่ะมั้ง คนถึงได้ประปรายแบบนี้




     

    หนังเริ่มดำเนินไปเรื่อยๆโดยที่บ็อบบี้ยังคงทอดสายตามองจอหนังไม่กระพริบผิดกับยุนฮยองที่ยกมือปิดตาบ้าง ปิดปากบ้าง และสะดุ้งบ้างเป็นพักๆ "กลัวหรอครับ" ร่างสูงก้มลงกระซิบยุนฮยองยิ้มแห้งๆแล้วส่ายหัว





     

    ปั้ง เอื้อออ!!




     

    เลือดสีแดงสดกระเด็นทั่วจอพร้อมเสียงร้องโหยหวน "อ้ะ!" ร่างบางสะดุ้งเฮือกยกมือปิดตาพร้อมอุธานเสียงหลง 





    "ไม่ต้องกลัวนะครับ" มือหนาวางทาบที่มือบางก่อนจะใช้อีกมือจับไหล่เล็กให้เขยิบเข้าใกล้ตัว ยุนฮยองทำตามอย่างว่าง่าย ร่างสูงค่อยๆช้อนหน้าเล็กให้พิงซบไหล่พร้อมเอี้ยวตัวเอง สอดมือเข้ารวบเอว อีกมือประสานเข้าที่ห้านิ้ว คนตัวเล็กลอบมองหน้าคมก่อนจะซุกลงบนไหล่แกร่ง





                   ความอบอุ่นจากปลายนิ้วเริ่มแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ไหลไปจนถึงหัวใจ แขนแกร่งกำชับเอวเล็กเข้าตัวจนแนบชิด ดวงใจดวงน้อยกำลังเต้นระส่ำความกลัวและความกังวลต่างๆค่อยๆหายไป ความอุ่นใจและความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นแทนที่






     

    ยุนฮยองยังคงหลับตาปี๋แล้วใช้มือปิดหน้าทุกครั้งที่มีฉากหน้ากลัว คราใดที่ร่างเล็กสะดุ้งตกใจ มือหนาก็จะคอยลูบหลังและลูบหัวไปมาอย่างอ่อนโยน




     

    "ไม่ดูแล้ว" ร่างเล็กพูดอู้อี้ก่อนจะซุกหน้าเข้าที่อกกว้าง บ็อบบี้เลื่อนมือลูบหัวปลอบใจ




     

    "ขอโทษนะครับ ผมไม่รู้ว่ายุนฮยองไม่ชอบหนังแบบนี้"




     

    "…ไม่เป็นไร"









    "วันหลังผมให้ยุนฮยองเลือกเลยว่าอยากดูอะไร เคนะครับ"





     

    "งือ" ตอบกลับเบาๆก่อนจะหลับตาปี๋ ร่างเล็กเผลอหลับซุกอกหนา มือน้อยๆกับมือใหญ่ยังคงประสานแน่น คิมจีวอนลอบมองใบหน้าเนียนก่อนจะเผยยิ้มบางๆ ร่างสูงกำชับแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะหันสนใจหนังจอใหญ่เบื้องหน้า








     

    50per.




     

    -- hanbin part --




     

    ผมเดินตามพี่จินฮวานตั้งแต่ออกจากร้านเนื้อจนตอนนี้เกือบถึงบ้านพี่เขาแล้ว ตลอดทางผมพยายามหาเรื่องคุย ขอโทษ แต่พี่เขาก็ยังเอาแต่เงียบ ไม่มองหน้าผมเลยสักนิด ร่างเล็กเอาแต่เดินจ้ำอ้าว หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบกับโทรศัพท์ แล้วเสียบเข้าหูตัวเองโดยที่ไม่สนใจใยดีอะไรผมสักนิด




     

    ถ้าไม่ติดว่าตัวเองยังหายใจอยู่ผมคิดว่าตัวผมเป็นธาตุอากาศไปแล้วอ่ะ



     


    "พี่จิน" ผมเร่งฝีเท้าไปดักข้างหน้า พี่เขากรอกตาขึ้นบนก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง การกระทำของพี่เขาเรียกให้ผมถอดหายใจออกมาเบาๆ




     

    "ผมขอโทษครับ" ผมยังคงเอ่ยคำขอโทษออกไป ก็รู้นะว่าตัวเองผิด ที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นนี่หว่า ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่เขาจะโกรธผมขนาดนี้




     

    ยื่นแขนล่ำๆของตัวเองไปชุดข้อมือบางเอาไว้ก่อนจะพาตัวเองไปยืนข้างหน้าอีกครั้ง พี่เขาดูไม่พอใจผมอย่างมาก ถอดหูฟังออกแล้วมองผมด้วยสีหน้าเอาเรื่อง "คุยกับผมหน่อยได้มั้ยนะครับ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงแกมข้อร้อง พี่เขาถอนหายใจก่อนจะขยับปากพูด




     

    "มีอะไร"




     

    "ผมขอโทษ"





     

    "รู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหมฉันจะได้เข้าบ้าน" คนข้างหน้าสะบัดมือผมออกอย่างแรง แต่ผมก็ยังไม่ปล่อย พี่จินฮวานฟึดฟัดโมโหยกใหญ่ ใบหน้าเนียนสวยมองผมอย่างกะผมไปฆ่าใครตาย "ฟังผมก่อนได้มั้ย"




     

    "ก็ฟังอยู่นี่ไง อะไรนักหนาวะหะะ"




     

    "พี่แหละ เป็นอะไรนักวะ ผมขอโทษไปแล้วพี่ไม่พอใจหรือต้องการอะไรก็บอกดิ เป็นแบบนี้ผมรู้สึกแย่ พี่รู้บ้างมั้ยอ่ะ.. ที่ผมพูดไปก็แค่นึกสนุกไม่ได้คิดจริงจัง แต่ถ้านั่นมันทำให้พี่โกรธผมขนาดนี้ ผมก็ขอโทษ คุยกับผมหน่อยดิ ผมแม่ งโครตรู้สึกแย่อ่ะที่พี่เป็นแบบนี้.. ผมขอโทษพี่จิน.."




     

    ผมร่ายยาวราวกับมันเป็นสิ่งที่อัดอั้นมาทั้งวัน เอาจริงๆผมโครตรู้สึกแย่ รู้สึกแย่จริงๆ ที่พี่เขาเป็นแบบนี้ ยิ่งพี่เขาเมินไม่พูดไม่จา ผมยิ่งรู้สึกผิด ผมแคร์พี่เขามากแค่ไหนใครๆก็รู้ เรื่องแค่นี้ยกโทษให้กันไม่ได้หรอ เฮ้อ..




     

    คนตรงหน้าสูดลมหายใจเข้าก่อนจะผ่อนออกมาเบาๆ "อืม ฉันเข้าใจแล้ว" พี่เขาพูดเสียงเรียบ สีหน้าพี่จินฮวานดูอ่อนลงไม่แข็งกร้าวเหมือนคราวแรก "เฮ้อ ฉันไม่ได้โกรธอะไรนายนักหนาหรอกนะ แต่.. ฉันแค่ไม่ค่อยชอบ" คนตัวเล็กพูดเบาๆ ผมมองจ้องนัยต์ตาใส พี่เขาคงไม่ชอบจริงๆนั่นแหละ ถึงได้ฟึดฟัดใส่ผมขนาดนี้




     

    "ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว"








    "อือ…" พี่จินฮวานเว้นจังหวะสูดลมหายใจก่อนจะพูดต่อ "ฉันขอโทษละกันนะ.." ประโยคหลังพี่เขาเหมือนกระซิบซะมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยิน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันหรอก ว่าพี่เขาขอโทษผมทำไมแต่ผมเผลอยิ้มดีใจออกมา



     

    "พี่.."



     

    "หืม?"



     

    "ต่อไปถ้าพี่ไม่ชอบ ไม่พอใจอะไรผม พี่บอกนะ อย่าเงียบและเป็นแบบนี้อีกได้มั้ย ผมรู้สึกแย่จริงๆ"




     

    "…."




     

    "นะ"




     

    "เอออ.. ก็ได้.." พี่เขาพยักหน้าพร้อมตอบ ผมเลยถือโอกาสเปลี่ยนจากจับแขนไล่ลงเป็นจับมือ พี่จินเงยหน้าถลึงตาใส่ผมแล้วพยายามสะบัดมือผมออก




     

    "พี่จิน เราไปเดินเล่นกันมั้ย" ผมเอ่ยปากชวน ที่จริงตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วล่ะ แต่ผมยังอยากใช้เวลาอยู่กับคนตัวเล็กข้างๆให้นานที่สุด "นะครับ" ผมกำชับให้แน่ใจแล้วยิ้มจนตาหยีให้พี่จินฮวาน คนตัวเล็กอึกอักอยู่สักแปปก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าตกลง






     

    เราสองคนเดินตามทางไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา ผมพาพี่จินฮวานมาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกประดับประดาไปด้วยไฟหลากหลายสีสัน คนตัวเล็กข้างๆดูจะพออกพอใจเหลือเกิน ลากผมไปนู่นที่นี่ที่ จนผมเรื่อยเมื่อขา แต่ก็ไม่อยากขัดอะไร มีความสุขดีด้วยที่เห็นพี่เขาเป็นแบบนี้




     

    "พี่จิน กินอะไรมั้ย" ผมเอ่ยถาม เนื่องจากพอเดินมาเรื่อยๆจะมีซุ้มของกินเรียงรายประมาณสิบกว่าร้าน มีโต๊ะนั่ง คนค่อนข้างมีเยอะพอสมควร ส่วนมากก็จะเป็นคู่รัก สังเกตุได้จากของใช้ที่เหมือนๆกัน เหมือนคู่นู้น ผู้หญิงใส่เสื้อลายทางสีชมพู ส่วนผู้ชายใส่ลายทางสีฟ้า อีกคู่นึงเป็นชุดนักเรียนแต่กระเป๋าสะพายหลังเหมือนกันสีเดียว แถมยังห้อยพวงกุญแจคู่รักเหมือนกัน เห็นแล้วแอบอิจฉานิดๆแฮะ




     

    คนตัวเล็กไล่สายตามองไปเรื่อยก่อนจะไปสะดุดที่ซุ้มทัคโกกิ หรือไก่ย่างบาบีคิว พี่จินฮวานเดินลากผม มือเล็กๆชี้ที่ทัคโกกิสองชิ้น ไอผมก็แอบดีใจนึกว่าพี่เขาสั่งเผื่อ แต่ที่ไหนได้ คนเดียวสองไม้ โครตเสียใจ! หลังจากได้ทัคโกกิมาแล้วพี่เขาก็แวะซุ้มวาฟเฟิล ซุ้มคเยรันปังหรือเรียกง่ายๆว่าขนมปังไข่ ต่อด้วยน้ำหวานอีกคนละแก้ว




     

    ผมลอบมองคนตัวเล็กตรงข้ามที่ง่วงอยู่กับการกินแล้วต้องลอบยิ้มออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสไปไหนมาไหนนอกสถานที่กับพี่เขาแบบนี้ นับว่าเป็นเดทไหมนะ




     

    คนตัวเล็กกัดทัคโกกิคำใหญ่แล้วเคี้ยวๆ แล้วกัดเข้าไปใหม่ แล้ววาง หยิบวาฟเฟิลขึ้นมากัด เคี้ยวๆแล้วก็วาง หยิบน้ำขึ้นดื่มแล้วก็กัดทัคโกกิใหม่แล้วก็กินขนมปัง พี่เขาทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนผมหลุดขำออกมาเบาๆ




     

    "ขำไรวะ"




     

    "เปล่าครับ"




     

    "หรอ จะบอกไม่บอกหะ"



     


    "ผมขำพี่กินไง ทำไมไม่กินให้หมดเป็นอย่างๆแล้วกินอันใหม่ ทำไมกัดอันนั้นที อันนี้ที"




     

    "ยุ่งน่ะ….อ๊ะนั่น" พี่จินฮวานเบ้หน้าใส่ผมก่อนจะอุทานขึ้น มือเล็กชี้ไปที่ผู้ชายร่างสูงเพื่อนสนิทของผมกับผู้ชายร่างบางตำแหน่งประธานนักเรียน




     

    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร



     

    "ไอเน่กับดงฮยอก ไหนบอกกลับบ้าน ไอนี่" ผมพูดขำๆ แล้วคว้าข้อมือเล็กที่กำลังจะลุกขึ้นเดินไปหา "พี่อย่าไปขัดมันเลย ปล่อยให้อยู่กันสองคนแหละดีละ" เออ ปล่อยให้ผมอยู่กับพี่สองคนอ่ะดีและ อย่าเอามันสองคนเข้ามาทำลายบรรยากาศเลย




     

    ไอเน่กับดงฮยอกดูเหมือนจะไม่เห็นผมกับพี่จินนะครับ มันไม่ได้มองมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ ผมมองตามไอเน่ที่ยื่นทื่อมองวาฟเฟิล ดูเหมือนมันกำลังใช้ความคิด ถ้าให้ผมเดานะมันกำลังลังเลว่าจะซื้อไปให้ดงฮยอกดีไหม ถ้าซื้อไปจะพูดว่าอะไรที่ไม่ทำให้เขาสงสัย ดูจากรูปการก็รู้ ไอเน่มันนิสัยงี้แหละ ปากอย่างใจอย่าง ปากแข็งทำซึน นั่นไง ผมสรุปมันก็ซื้อมาอันเดียว ดงฮยอกที่ไปซื้อน้ำมาดูเหมือนจะงอลๆที่ไอเน่ไม่ซื้อเผื่อ




     

    อ่าว เยสสส ไอเน่นี่แม่ งมันยื่นวาฟเฟิลของตัวเองให้ดงฮยอก สีหน้ามันดูเหมือนกำลังพูดว่า 'ไม่เห็นอร่อย เอาไปกินไป' อะไรประมาณนั้น




     

    โครตกาก



     


    "นายว่าดงฮยอกชอบจุนฮเวป่ะ" พี่จินถามผม ในปากยังคงเคี้ยวขนมปังไข่ตุ้ยๆ




     

    "ชอบร้อยเปอร์ ไอเน่ก็ชอบร้อยเปอร์" ผมตอบอย่างมั่นใจแล้วหยิบวาฟเฟิลเข้าปาก




     

    "ฉันก็คิดงั้นอ่ะ"




     

    "แล้วพี่อ่ะ"




     

    "ห้ะ"



     

    "ชอบผมบ้างหรือยัง"




     

    "ยัง! แถมติดลบด้วย" พี่เขาแยกเคี้ยวใส่พร้อมพูดด้วยเสียงหนักแน่น




     

    "หูย โครตใจร้ายอ่ะ"




     

    "ไหนนายลองบอกสรรพคุณตัวเองมาสักสิบข้อดิ ฉันจะเอาไปพิจารณา" อยุ่ๆพี่จินฮวานก็พูดแบบนี้ขึ้นมา ก็เข้าทางผมเลยสิครับ ผมอมยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบตามที่พี่เขาต้องการ




     

    "ได้! ข้อหนึ่งหลักๆเลยผมหล่อ ขอสองผมน่ารัก ข้อสามผมว่าผมนิสัยดี ข้อสี่ผมมั่นใจว่าผมจะดูแลพี่ได้แน่นอน ข้อห้าผมเหมาะกับพี่ที่สุดละ ข้อหกผมไม่เคยรู้สึกแย่ในข้อเสียของพี่ ตรงกันข้ามผมชอบด้วยซ้ำ ข้อเจ็ดผมคิดว่าผมหวังดีและจริงใจกับพี่มากพอให้พี่หันมองผม ขอแปดผมชอบพี่ ขอเก้าผมชอบพี่มาก…"




     

    ผมเว้นจังหวะ จ้องมองนัยต์ตาคู่ใสที่มองมาก่อนจะเผยยิ้มบางๆแล้วพูดต่อ"…และข้อสิบผมมั่นใจว่าผมคนนี้ที่ชื่อ 'คิมฮันบิน' จะไม่ทำให้พี่เสียใจแน่นอน" พูดจบก็ส่งยิ้มกลับไป พี่จินฮวานดูเหมือนจะสตั้นไปแล้วด้วยซ้ำ ที่โหนกแก้มใสมีสีแดงจางๆ พี่เขาเม้มปากเข้าหากันเหมือนใช้ความคิด




     

    "เพ้อเจ้อว่ะ" พี่เขาพูดแค่นั้นแล้วหันไปมองนู่นนี่กลบเกลื่อน ผมรู้ว่าพี่เขาเขินอาย ดูดิโครตน่ารักเลยเวลาพี่เขาเขินเนี่ย




     

    "เขินอ่ะดิ"



     


    "ตลก!"



     

    "ฮั่นแน่ ใจอ่อนได้แล้วน้า" ผมพูดแซวๆ เรียกสีหน้าเขินๆของพี่จินได้แวบเดียวเท่านั้น พี่เขาก็กลับมาทำสีหน้าดุๆและปาไม้เสียบไก่ใส่ผม




     

    ผมละสายตาจากพี่จินฮวานมองตามแผ่นหลังของไอเน่ที่เดินไปทางด้านหลัง ดูเหมือนมันจะไปซื้ออะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ของกิน




    "พี่จิน เดี๋ยวผมมานะ"




     

    "เออๆ"




     

    ผมก้าวตามไอเน่อย่างช้าๆ และเบาที่สุด หัวคิ้วผมขมวดเข้าหากันเมื่อเพื่อนรักเพื่อนเลิฟมาหยุดอยู่ที่ซุ้มพวงกุญแจแฮนเมด คำถามคือ คนอย่างมันนี่นะสนใจของพรรณนี้?




     

    "เอ่อ ลุงครับ เหลือแต่แบบเป็นคู่หรอครับ"




     

    "ใช่หนู เอาไหมสลักชื่อฟรี ลดให้พิเศษด้วยนะ"




     

    "เอ่อ…คือ….ผม…เอ่อ นั้นผมเอา…คู่นี้ละกันครับ"




     

    "ให้ลุงสลักชื่อว่าอะไรดีล่ะ"




     

    "สีน้ำเงิน….กูจุนฮเวครับ ส่วนสีฟ้า…."




     

    "…….."




     

    "…………..คิม เอ่ออ"




     

    "….คิม…..ดง…..ฮยอก…….ละกันครับ"



     



    หึ ไอจุนฮเว วันจันทร์มึงโดนกูล้อแน่เพื่อนเอ๋ย!



















     

    หมอกควันสีขาวครุ่นลอยตะหลบอบอวลในอากาศ ร่างสูงในชุดเสื้อสีดำแขนยาวกางเกงสีดำขาวยาว รองเท้าผ้าใบ มือคีบบุหรี่อีกมือถือรูปโพลาลอยด์ใบเล็ก นัตย์ตาคมจ้องมองรูปถ่ายใบเก่าที่เคยถ่ายไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน




     

    "ไงวะ บ็อบบี้" คนถูกเรียกเก็บรูปถ่ายใบเล็กใส่กระเป๋าตังค์ก่อนจะถอดแว่นกรอบหน้าที่ใส่เป็นประจำออกแล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงพร้อมกระเป๋าตังค์เมื่อครู่




     

    "มาแล้วหรอวะ ไอฮง"




     

    "เออ แล้วเป็นไงบ้างวะ เรื่องนั้น?"




     

    คนถูกถามเงียบสักพักพลางถอนหายใจแล้วพูดตอบเบาๆ "….ก็ดี....มั้ง"




     

    "หืม ก้ดี? หึๆ ปกติมึงไม่ไช่คนแบบนี้นิ ไม่หนักแน่นเลยนะเพื่อน" ลอบมองอาการเพื่อนสนิทข้างๆที่มีสีหน้าและท่าทางไม่เหมือนที่เคยเป็น "แล้วพรุ่งนี้ยังไง ไปป่ะ" คนมาใหม่หย่อนตัวนั่งข้างๆแล้วเอ่ยถามมือหนาหยิบบุหรี่แล้วจุดไฟ




     

    "ไปดิ กูไม่ได้เจอน้องสาวกูตั้งนาน…"







     

    100per.





    ถ้ารู้เรื่องบิแล้วสัญญาสิว่าจะไม่เกียดบิ
    5555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555
    ฝากเม้นให้ด้วยนะฮับ♡





     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×