คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : .fifth
ร่างของชายหนุ่มนับสิบในสนามบอลพร้อมเสียงเชียร์ที่ดังลั่นสนาม คิมดงฮยอก ซงยุนฮยอง คิมจินฮวานและคิมฮันบิน กำลังใจจดใจจ่อลุ้นกับการแข่งขันบอลรอบชิงชนะเลิศ ตอนนี้สกอร์คะแนนอยู่ที่หนึ่งต่อศูนย์ สีที่นำอยู่คือสีของจุนฮเวและบ็อบบี้นั่นก็คือสีฟ้า ป้ายเชียร์สีขาวพร้อมอักษรสีดำขนาดใหญ่ที่ยุนฮยองและดงฮยอกตั้งใจทำ
บนป้ายเขียนไว้ว่า 'bobby&junne ไฟต์ติ้งง<3!'
ตอนแรกดงฮยอกก็ไม่ยอมให้เขียนรูปหัวใจลงไป ทั้งอายทั้งเขินไม่รู้จะเขียนลงไปทำไมแต่พอยุนฮยองรบเร้าบอกหัวใจนี้ให้บ็อบบี้ไม่ได้ให้จุนฮเวสะหน่อย ก็เลยต้องยอมถึงจะอิดออดก็เถอะ
ก็แหม.. เขียนในป้ายเดียวกันนี่หน่า ใครๆที่มองมาคงไม่คิดหรอกว่าหัวใจนี่จะเป็นของบ็อบบี้คนเดียว
แดดยามบ่ายของพระอาทิตย์กรุงโซลไม่ใช่เรื่องตลก มันแรงพอๆกับประเทศไทยเลยก็ว่าได้ บ็อบบี้และจุนฮเวในชุดบอลสีฟ้าที่กำลังยื้อแย่งลูกบอลสีขาวที่อยู่กลางสนาม ชายเสื้อแดงไล่เตะรัดเลาะออกไปได้ ก่อนที่จะยิงแต่บอลดันโดนขอบโกลสะก่อน กองเชียร์ฝ่ายสีฟ้าส่งเสียงเฮลั่นสนามเมื่อกรรมการประกาศหมดครี่งแรก โดยที่สีฟ้ายังคงนำอยู่
"ไอสัสเสื้อแดงเบอร์สี่นั่นเด็กห้องไหนวะ แม่ งเอาไหล่ชนกู" จุนฮเวพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดสายตามองจ้องไปยังอีกฝั่งมือหนายกขึ้นชี้ชายร่างสูงชุดแดงที่กำลังยืนกระดกน้ำอยู่ให้ฮันบินดู
"อย่ามีเรื่องเชียวนะ" ดงฮยอกส่งน้ำดื่มให้จุนฮเวพลางเอ่ยปรามเบาๆ
"ห้ะ! ตกลงใครวะไอบิน" จุนฮเวไม่ได้ฟังเสียงของดงฮยอกเลยสักนิด หยิบน้ำในมือก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างต้องการคำตอบ ดงฮยอกขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะยกมือขึ้นสะกิตชายเสื้อจุนฮเวอย่างแรง
"นี่ฟังฉันหน่อยได้มั้ย!"
"ก็ฟังอยู่นี่ไง" กายหนาตอบปัดๆสายคมยังคงจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ "เบอร์สี่ ไอหน้าตี๋ๆป่ะ ไอซึงฮุนไง…." ฮันบินหรี่ตามองคนที่เพื่อนพูดถึง ก่อนจะโน้มตัวกระซิบบางอย่างที่ข้างใบหู "….แฟนเก่าพี่จิน เล่นแม่ งเลยกูช่วย" ตบไหล่หนาเบาๆ ทั้งสองผละออกมองหน้าก่อนจะยกยิ้มเชิงรู้กัน
"ถ้ามันยังไม่เลิกกวนตินกู กูเล่นแน่ ชนกูหลายรอบละชิบหายชนไม่พอเสือ กดันด้วย" จุนฮเวพูดต่อ ถ้าชนครั้งสองครั้งไม่เท่าไหร่ แต่ชนและดันแถมผลักแล้วยังไม่ขอโทษนี่คืออะไร ไอจินฮยองเบอร์สิบสองเผลอผลักเขาเซยังหันมาขอโทษเลย ถึงการเล่นบอลมันจะกระทบกระทั่งกันบ้างแต่นี่มันหลายครั้งไปป่ะวะ แถมดูจงใจสะด้วย
"จุนฮเวอย่ามีเรื่องนะ!" ดงฮยอกที่ยืนเงียบฟังอยู่นานก็ต้องโพล่งพูดขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางเอาจริงของจุนฮเว เขาไม่ได้โง่หรอกนะที่พอจะมองไม่ออกว่าจุนฮเวคิดจะทำอะไร จริงอยู่ที่หลายครั้งแอบเห็นว่านักบอลสีแดงเบอร์สี่ทั้งดันและกระแทกจุนฮเวจนแทบล้ม แต่มันก็คือกีฬาอย่าทำให้มันมีปัญหาได้มั้ย
"หึ รู้ละหน่า" คนถูกดุแค่นหัวเราะก่อนจะวิ่งเยาะๆเข้าสนามเมื่อกรรมการเป่านกหวีดเรียก คนตัวเล็กที่ยืนมองตามแผ่นหลังก็ต้องสูดอากาศแล้วหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างหน่ายๆ หันมองฮันบินที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แถมไหวไหล่ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง
"เฮ้อ"
ปี๊ดดดด!
สัญญาณเริ่มแข่งดังขึ้นอีกครั้งต่างฝ่ายต่างแย่งลูกบอลเพื่อต้องการเอาชนะ ฝ่ายสีแดงพยายามยื้อแย่งบอลจากจุนฮเว สกิลการหลอกล่อของกายหนาไม่ใช่เล่นๆ จุนฮเวเคยเป็นนักบอลในช่วงมัธยมต้นแต่ก็ออกมาเนื่องจากทะเลาะกับกัปตันทีมจนพากันต่อยเลือดกบปากด้วยสาเหตุที่ว่าไอกัปตันมันทำกร่างจนน่าหมันไส้
ยุนฮยองที่นั่งเชียร์อยู่ก็ลุ้นจนแทบหายใจไม่ทัน ยามที่บ็อบบี้ขวัญใจของเขาได้ครองบอล คิมจีวอนอยู่ตำแหน่งกองกลางส่วนจุนฮเวประจำกองหน้า เสียงหวานๆของยุนฮยองตะโกนเชียร์จนเริ่มแสบคอ
"จินคอน้ำหน่อยสิ" เอ่ยบอกเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ จินฮวานหยิบน้ำเปล่าส่งให้ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ก็มีใครคนนึงหย่อนตัวลงมานั่งข้างๆ
"ดงฮยอกอ่ะ" จินฮวานถาม ฮันบินไม่ได้ตอบเขายกมือชี้ชายร่างเล็กที่ยืนอยู่ติดขอบสนาม "ทำไมไม่เรียกมานั่งนี่" คนตัวเล็กยังคงถามต่อ ฮันบินไม่ได้พูดอะไรตอบเขาแค่ส่ายหัวเบาๆ จินฮวานขมวดคิ้วไม่พอใจเมื่อไม่ได้คำตอบ วันนี้อุตส่าห์อารมณ์ดีไม่อยากด่า ดันถามไม่ตอบอีก แล้วนั่นทำไมทำหน้าหงอยขนาดนั่นล่ะ..
จินฮวานได้แต่คิดแต่ไม่ถามออกไปดีกว่า ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ใช่กงการอะไรที่ต้องใส่ใจ
..ชั่งมันเถอะ
ดงฮยอกที่ยืนอยู่ริมสนามกำลังขมวดคิ้วเคร่งเครียดเมื่อสีแดงเบอร์สี่จงใจกระแทกจุนฮเวจนเกือบเซล้มหลายครั้ง แถมยังดันบ็อบบี้อีกด้วย ปากเล็กกัดเม้มกันถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่จุนฮเวต้อง..
พลั้ววว!
หลุดจากความคิดเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเสียงแปลกๆดังขึ้นในสนาม ภาพเบอร์สี่สีแดงล้มลงไปนอนโดยมีจุนฮเวพุ่งหมัดเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง "เป็นเหี้ยอะไรของมึง มีเหี้ยอะไรก็พูดมา!" จุนฮเวก่นด่าดังลั่นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เสียงเชียร์หยุดลงกลายเป็นเสียงอื่นแทรกเข้ามาแทน กรรมการและคนอื่นๆในสนามพยายามจับจุนฮเวให้แยกออก
"ไอสัส! เป็นเหี้ยอะไร!! หลายรอบแล้วนะมึงอ่ะข้องใจอะไรกับกูก็ซึ่งๆหน้ามาเลยดีกว่าอย่าปอดแหก ควาย!!" ชี้หน้าด่าโดยไม่แคร์สายตานับพันที่มองลงมา ไหนจะรุ่นน้อง ไหนจะกรรมการ อาจารย์ จุนฮเวขบเม้มสันกรามจนเกิดรอยนูน
เขาจะไม่โกรธมากขนาดนี้หรอกถ้าไม่ไอซึงฮุนอะไรนี่มันตั้งใจจะเข้ามาแย่งบอลกับเขาแต่บ็อบบี้เข้ามากันไว้สะก่อนมันเลยผลักบ็อบบี้จนล้มขาถลอก
อีซึงฮุนหยัดตัวขึ้นโดยมีเพื่อนๆช่วยพยุง "เหอะ ถุ้ย" สะบัดแขนเพื่อนในทีมออกก่อนจะถ่มน้ำลายที่เป็นเลือดออกแล้วเดินไปยังอีกทางโดยไม่สนใจคนที่เดือดดาลข้างหลังเลยสักนิด
"ไอสัส มึงกับกูไม่จบแน่!!" โค้ชทีมและเพื่อนๆต่างลากจุนฮเวมายังขอบสนาม ส่วนอีกคนสองคนช่วยกันพยุงบ็อบบี้ที่ขาเลือดไหลเป็นทางมายังแผนกพยาบาล ยุนฮยองวิ่งลงจากสแตนเชียร์ ตรงรี่มาดูขาของร่างสูงคนสนิท
เกมส์ยังคงดำเนินต่อไปโดยตัดจุนฮเวบ็อบบี้และซึงฮุนออกจากการแข่งขัน แถมผอ.ยังประกาศว่าจะหักคะแนนความประพฤติสิบคะแนน เนื่องจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในโรงเรียน
จุนฮเวนั่งสงบสติอารมณ์ข้างสนาม ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรทั้งสิ้น แม้แต่กัปตันทีมหรือโค้ชก็ยังต้องเงียบ ทุกคนเห็น ทุกคนรู้ว่าจุนฮเวที่ทำไปเพราะอะไรแต่ การบรรดาลโทสะกลางสนามนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด อย่างน้อยก็รอให้เกมส์จบลงแล้วค่อยคุยกันก็ได้ ไม่ใช่แลกหมัดต่อหน้าสายตาคนทั้งโรงเรียนแบบนั้น
"อะโอ้ยเบาๆครับ" เสียงร้องของบ็อบบี้ดังมาเป็นระยะยามที่แอลกอฮอลจิ้มลงไปโดนแผล หัวเข่าของร่างสูงถลอกเป็นแนวยาวเลือดไหลจนถึงข้อเท้า ยุนฮยองค่อยๆล้างแผลแล้วจิ้มแอลกอฮอลลงชำระสิ่งสกปรก ตามด้วยยาแดงและพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว
จุนฮเวมองเพื่อนใหม่ที่เดินกระเผกแล้วก็ต้องสบถด่าไอตัวเจ้าปัญหาเบาๆแล้วเดินหนีไปอีกทางโดยมีดงฮยอกวิ่งตามไปด้วย
ร่างโปร่งหยุดอยู่ที่ห้องน้ำจุนฮเวก้มล้างหน้าล้างตาหวังระบายอารมณ์ครุ่นมัวให้หายออกไป "ตามมาทำไม" จุนฮเวถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ดงฮยอกไม่พูดอะไรเขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้มาใกล้ก่อนจะจับไหล่แกร่งให้หันมาทางเขา
"อะไรของนาย" จุนฮเวว่า สีหน้าดงฮยอกค่อนข้างไม่ปกติ นัยต์จ้องมองมาเหมือนแฝงอะไรบางอย่าง ที่เขาอ่านไม่ออก กายบางค่อยๆหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วจัดการเช็ดใบหน้าคมเบาๆ
"ฉันอยากจะบ่นนายนะ แต่ไม่ดีกว่า.." คนตัวเล็กพูดเบาๆ ก่อนจะค่อยๆเผยยิ้มน้อยๆ "นายอย่าคิดมากนะรู้มั้ย ดูสิทำหน้าเหมือนยักษ์อีกแล้ว.." ใช้นิ้วโป้งดุลหางคิ้วที่ขมวดแน่นให้คลายออก เขารู้ว่าตอนนี้จุนฮเวไม่โอเคเท่าไหร่ ที่บ็อบบี้เป็นแบบนั้นเขาอาจจะคิดโทษตัวเองด้วยซ้ำ สำหรับร่างสูงข้างหน้าคำว่าเพื่อนมักจะมาก่อนเสมอ
ดงฮยอกค่อยๆเช็ดใบหน้าที่เปียกซกอย่างช้าๆ เลื่อนเช็ดบริเวณหน้าผากจมูกค่อยๆไล่ลงมายังแก้มแล้วจบท้ายตรงคอ จุนฮเวจ้องหน้าเล็กอย่างไม่ลดละ เขายืนนิ่งให้ดงฮยอกทำตามใจตัวเองโดยไม่ขัด ความโกรธในตอนแรกค่อยๆหายไปเป็นความรู้สึดอบอุ่นแทรกเข้ามาแทนที่ ร่างเล็กส่งยิ้มให้บางๆก่อนจะชักมือกลับแต่ถูกจุนฮเวจับมันไว้สะก่อน
..จุนฮเวจับมือเขา
ดงฮยอกก้มมองมือหนาที่จับอยู่บนมือเล็กแล้วค่อยๆช้อนสายตามองใบหน้าคมอย่างช้าๆ ใบหน้าเรียบเฉยนั่นกำลังคิดอะไรอยู่ถึงจับมือเขาโดยไม่ปล่อยแถมยังไม่พูดไม่จาอะไรอีก
แล้วเขาควรพูดอะไรดี?
"เอ่อจะจุนฮเว.."
"ฉะฉันจะเอาผ้า ไม่ได้ตั้งใจจะจับมือนายสะหน่อย เอาผ้ามา" ตะกุกตะกักแก้ตัวหยิบผ้าในมือเล็กอย่างไวแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง เบือนสายตาทอดมองไปอีกทางเพื่อกลบอาการเก้อ
คนตัวเล็กกว่าชะโงกมองหน้าอย่างนึกสนุก "จุนฮเวย่า ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะทำไมต้อง.. เอ้ะ หน้าแดงด้วยอ่ะ" หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งคนหน้าโหด เขาแอบเห็นสีหน้าที่แดงอ่อนๆอยู่ข้างโหนกแก้มมนนั่น
"…." เมื่อถูกจับไต๋ได้ก็เลือกที่จะเงียบและเดินหนีไปอีกทางดีกว่า ขืนเถียงอะไรออกไปคงจะแก้ต่างไม่ออก เพราะเขาปฎิเสธไม่ได้เลยว่าอาการร้อนๆที่ใบหน้านี่คืออาการเขินหรือเปล่า
อาจจะใช่.. เพราะหลายครั้งที่ดงฮยอกทำอะไรน่ารักๆเขาก็มักจะมีอาการแบบนี้เสมอ เคยคิดมากว่าเพราะอะไรทำไมถึงเป็นแบบนี้กับดงฮยอกคนเดียว แต่ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที
สงสัยคงต้องหาหมอ..
ดงฮยอกอมยิ้มก่อนจะค่อยๆย่องเดินตามไปเรื่อยๆ "ตามมาทำไมอีก ไม่มีอะไรทำรึไง" คนตัวสูงตะวัดสายตามอง ร่างบางที่เดินมานาบข้าง นี่ไม่มีอะไรทำหรือไง ไหนบอกประธานนักเรียนงานเยอะไง แล้วไหงทำตัวว่างได้ขนาดนี้ คะนงคะแนนไม่ไปลงหรือไง
"ให้ฉันพักบ้างเถอะน่า อาทิตย์นี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันละนะ"
"ก็ไปนั่งไปนอนไปพักสิ จะมาเดินตามให้เมื่อยทำไม" มองเสี้ยวหน้าบางที่เดินตามไม่รู้จักหยุด เดินไปทางซ้ายก็ตาม ทางขวาก็ตาม เหนื่อยไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่พักล่ะ
"นายก็หยุดพักสิ"
"เกี่ยวอะไรกับฉัน"
"ก็อยากอยู่ด้ว.." หลุดปากพูดคำที่ใจมันคิดไปอย่างไว ดงฮยอกยกมือปิดปากก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เก้อ แล้วเสมองไปทางอื่น หวังว่าคงไม่ได้ยินนะ เมื่อกี้จุนฮเวหันไปรับไหว้รุ่นน้องที่เดินผ่านมาพอดี
คงไม่ได้ยินหรอก
มั้ง
อย่าเข้าใจผิดนะ ก็แค่อยากอยู่ด้วยเพราะ..เพราะ อือเอ่อ ..เพราะเห็นจุนฮเวคิดมาก็เท่านั้นเอง อีกอย่างกลัวไปมีเรื่องกับคังซึงฮุนอะไรนั่นด้วย เออใช่ กลัวไปมีเรื่อง! (อย่าแก้ตัว)
"หืม?อยากอะไรนะ?"
"ก็ ก็..ก็อยากกินไส้กรอกนู่นอ้ะ ป้ะเลี้ยงฉันหน่อยนะ หิ้วหิว" ลูบท้องไปมาทำท่าประกอบก่อนจะวิ่งไปสั่งไส้กรอกกับป้าแก่ๆหัวขาวๆที่ยืนจัดของอยู่ จุนฮเวมองผู้ชายร่างบางที่ยืนเลือกของกินอยู่แล้วก็ต้องอมยิ้ม อย่าคิดว่าไม่รู้นะ ว่าพูดอะไร.. คิมดงฮยอก..
-
"มึงไปชนไอจุนฮเวกับไอเด็กใหม่นั่นทำไมวะ เห็นป่ะมีเรื่องเลย"
"กูก็แค่หมันไส้"
"หมันไส้? อย่าบอกนะเรื่องพี่จินฮวาน"
"เออ ถ้าไอฮันบินลงแข่งด้วยก็คงเล่นงานถูกคน แต่นี่ดันเป็นไอจุนฮเวกับไอเด็กแว่นนั่น"
"แล้วทำไมมึงต้องหาเรื่องไอฮเว ไม่หาเรื่องไอฮันบินไปตรงๆเลยวะ มีปัญหากับไอเหี้ยนั่น มึงก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ"
"กูจะเล่นมันหมดทั้งกลุ่มแหละ หมันไส้มานานละ ไอเด็กใหม่นั่นอีก รุ่นพี่กูเขาจีบพี่ยุนอยู่แม่ งมาจากไหน คาบไปแดกสะและ"
"เออเอาไงก็เอาอ่ะ ยังไงก็บอกกูละกัน"
"เออ.."
-- jinhwan part --
ผมนั่งมองข้อความในโทรศัพท์ที่ยังคงส่งมาอย่างต่อเนื่อง ในหน้าจอแสดงคำว่าขอโทษ ขอคืนดี และประโยคหวานๆเลี่ยนๆเป็นสิบประโยค ยกมือกุมขมับนั่งถอยหายใจแล้วถอนหายใจอีก ผมไม่รู้ควรจะตอบไปว่าอะไรดี ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรกลับไปดี
ถ้าถามว่ายังรักอยู่ไหม ตอบได้แค่ไม่รู้ เมื่อก่อนอาจจะรักมาก ผูกพันธ์มาก แต่ตอนนี้ตอบได้แค่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง ตั้งแต่เลิกกันมาต่างคนก็ต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง เส้นทางเดินของเรามันแยกกันแล้ว ถ้าจะให้กลับไปร่วมเดินด้วยกัน มันจะดีงั้นหรอ? ทั้งๆที่ซึงฮุนเป็นคนทิ้งผมไปแท้ๆ ยังอยากจะกลับมาทำไม
ถ้าถามผมอีกว่าคิดถึงไหม? มันก็มีบ้างเวลาอยู่คนเดียวอ่ะ มันก็เป็นเรื่องธรรมนี่เนอะ แต่พอนานไปๆความรู้สึกนั้นกลับหายไปหมด พอนึกถึงทีไร ก็จะมีมารมากวนใจจนทำให้ลืมไปเสียดื้อๆ ไอมารตัวที่ว่านั่นก็นั่งหน้าหงอยอยู่ข้างๆผมนี่แหละ
อยากจะลองถามเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรมานั่งทำหน้าบูดเป็นตูดอยู่ตรงนี้ แต่คิดไปคิดมาไม่ดีกว่า เดี๋ยวเหลิงหาว่าผมสนใจมันอีก
"พี่ไม่ตอบหรอ.." ฮันบินพูดเบาๆด้วยสีหน้าเรียบๆ สายตาทอดมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมือผม แวบนึงผมรู้สึกได้ว่านัยต์ตาคู่นั้นมันสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด
อ่า.. ตั้งแต่รู้จักกับหมอนี่มา ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ทุกๆวันเอาแต่ยิ้มหน้าแป้นพ่นคำพูดเสี่ยวๆและกวนบาทาผม
"จะให้ฉันตอบไปว่าไรล่ะ" ผมแสร้งถาม ฮันบินก้มหน้ามองดิน มันถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ปากบางขยับพึมพัมอะไรสักอย่างที่ไม่มีเสียง ผมเลิกคิ้วมองไม่เข้าใจ อะไรของมัน? พูดกับตัวเองแล้วใครจะไปเข้าใจได้วะ
"พี่ยัง.."
"ยัง?"
"…."
"พูดมาดิวะ! เงียบแล้วใครมันจะไปรู้ วุ้! อย่าทำให้หงุดหงิดดิ!" เห็นมันเงียบแล้วก็ต้องหงุดหงิด นี่กูคุยกับมึงนะ ไอบทถามไม่อยากจะตอบ พอไอเรื่องที่ไม่ถามนี่เสร่อพูดอยู่นั่นแหละ ชักหงุดหงิด
เอ้อ!ผมจะบอกว่าบอลสีเราชนะครับ กีฬาอย่างอื่นเราก็ชนะทำให้สีได้ถ้วยกีฬามาครอง นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์ดีมาก คุ้มค่าแก่การเหนื่อยจริงๆ ส่วนพาเหรดและสแตรนเชียร์ได้ที่สามครับ ก็โอเค ดีกว่าไม่ได้เลย
"ผมขอโทษ.." ฮันบินเอ่ยเบาๆ สีหน้ามันดูแย่ไปเลย นี่ผมพูดอะไรผิดวะ? ปกติพูดมากกว่านี้ด่ามากกว่านี้ยังไม่เห็นหงอยขนาดนี้
"ตกลงจะพูดอะไร ถ้านายไม่พูดฉันจะไปหายุนละนะ" ผมตัดบท ถ้ามันเลือกที่จะเงียบและเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องคุยกันเถอะ บอกตรงๆว่าไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้ เห็นสีหน้าหงอยๆและท่าทางซึมๆแบบนั้นมัน.. หึ่ย ชั่งแม่ง!!
"พี่ยังชอบไอตี๋นั่นอยู่หรือเปล่า.." ฮันบินมองหน้าผมก่อนหลุบสายตามองลงพื้นดิน ทำให้ผมเห็นสีหน้าและนัยต์ตาซึมๆแค่แวบเดียว "..ถึงพี่จะไม่ชอบผมก็ไม่เป็นไรแต่..แต่อย่า…" ร่างสูงเว้นจังหวะการพูดก่อนจะเงยหน้าสบตาร่างเล็กที่กำลังมองมา "อย่ากลับไปหามันได้มั้ย ผมไม่อยากเห็นพี่เสียใจอีก.." ฮันบินเอ่ยเบาๆ สีหน้าเรียบเฉย นัยต์นั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกที่มากมายจนผมอ่านไม่ออก
คำพูดของฮันบินทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ประโยคสุดท้ายที่มันเอ่ยมา ทำให้ย้อนคิดถึงวันที่ผมเลิกกับซึงฮุน วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างฟ้าจะถล่ม ผมเดินไปเรื่อยๆโดยน้ำตายังไหลอาบสองแก้ม ซึงฮุนพูดกับผมแค่ประโยคเดียวใจผมมันก็ด้านชาไปหมด
'เลิกกันเถอะ ฉันทนไม่ไหวกับนิสัยของนายแล้ว'
หมอนั่นบอกผมแล้วเดินไปทางผู้หญิงคนนึงที่น่าจะเป็นรุ่นน้อง ทั้งสองเดินหายไปปล่อยให้ผมยืนนิ่งราวถูกเมดูซ่าสาบ ผมรู้นะว่านิสัยผมไม่แย่ ขี้โมโห หงุดหงิดและขี้หวง แต่ผมพยายามปรับตัวให้เข้ากับซึงฮุนแล้ว
ผมพยายามตามใจเขา เขาอยากได้อะไรผมก็ทำให้ ผมมาคิดย้อนดูนะ ว่าผมโครตเสียความเป็นตัวเองเลย ตั้งแต่คบกับหมอนั่น ผมทำในสิ่งที่ไม่อยากทำหลายเรื่อง โดนหมอนั่นบังคับผมให้ทำนู่นนี่ ถ้าผมไม่ยอมก็งอลผมโกรธผม
ผมเปลี่ยนเพื่อหมอนั่นเยอะ แต่หมอนั่นไม่เคยเปลี่ยนเพื่อผมเลยสักนิด แถมยังตอบแทนผมด้วยการบอกเลิกแล้วเดินไปกับผู้หญิงคนอื่นหน้าตาเฉย หลังจากที่ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นประมาณสิบนาทีผมก็เดินออกมาเรื่อยๆ เรื่อยๆจนมาถึงบ้านยุนฮยอง วินาทีนั้นผมต้องการยุนฮยองมากที่สุด อยากให้ยุนกอดผมปลอบผม
แต่ยุนฮยองไม่อยู่มีเพียงเด็กผู้ชายคนนึงที่ผมคับคล้ายคับคราว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของยุนเดินมากางร่มให้ผม หมอนั่นถามผมว่าเป็นอะไรร้องไห้ทำไมใครทำพี่เป็นสิบประโยค เด็กคนนั้นเดินจูงมือผมเข้าไปบ้านโดยการเรียกให้พี่มินโฮเปิดประตูให้ ฮันบินจัดการหาเสื้อผ้าให้ผมเปลี่ยนเช็ดผมเป่าผมให้ หาข้าวหายาให้ราวกับเรารู้จักกันมานาน ผมสะอื้นร้องไห้จนปวดหัวปวดตา อยู่ๆฮันบินก็ยื่นมือมาเช็ดน้ำตา แล้วสวมกอดผมหลวมๆ มือนั้นลูบหัวผม ลูบหลังผม พร้อมเอ่ยประโยคนึงออกมาเบาๆ
'ผมไม่รู้จักพี่หรอกนะ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่ไปเจอกับอะไรมา แต่อย่าร้องไห้เลยนะ.. น้ำตาพี่มันสำคัญ อย่าร้องไห้เลยนะครับ ผมเคยเห็นพี่ยิ้ม พี่ยิ้มแล้วน่ารักนะ เชื่อผมสิ...ยิ้มนะ อย่าร้องไห้ นะครับ..'
คำพูดนั้นทำให้ผมยิ่งสะอื้นหนักและกอดฮันบินแน่นขึ้นกว่าเดิม ฮันบินพยายามชวนผมคุยเรื่องนู่นนี่ ทำท่าทางตลกๆ หาข้าวหายาพอผมไม่กินก็ป้อนจ่อปาก ผมนั่งฟังมันพูดนู่นพูดนี่ไปเรื่อยจนผมเผลอหลับ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เจอยุนฮยองนั่งอยู่ข้างๆแล้ว คืนนั้นผมนอนค้างห้องยุน ยุนจัดการดูแลผมเนื่องจากมีอาการไข้เพราะตากฝน เด็กฮันบินก็อยู่หมอนั่นเดินไปเดินมา ชวนผมเล่นเกมส์ พยายามหาเรื่องให้นับพันมาเล่าผมคลายเครียด
ผมต้องขอบคุณมันจริงๆ
หลังจากนั้นชีวิตผมก็มีไอเด็กบ้าฮันบินเข้ามากวนประสาททุกวี่ทุกวัน จนผมเกือบลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเสียใจอยู่ ชีวิตของผมค่อนช้างเปลี่ยนไปมาก กลับมาเป็นคนเดิมร่าเริงและสดใสอีกครั้ง
"พี่จิน.." ฮันบินเห็นว่าผมเงียบไปนานจึงสะกิตที่ไหล่ผมเบาๆ พร้อมเอ่ยเรียกชื่อ "พี่คิดอะไรอยู่หรอ" มันถามผม สีหน้าฮันบินยังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม ไม่แสดงอาการอะไรออกมา
"เปล่า แค่คิดถึงวันที่เจอนายครั้งแรกไง" ผมพูดออกยิ้มๆ พอคิดถึงช่วงเวลานั้นแล้วมันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแปลกๆ ไม่รู้สิ ผมอธิบายไม่ถูก
"หืม?"
"ขอบใจนะ"
"ขอบใจ? พี่เป็นอะไรอ่ะ"
"เปล่านี่ ไปดีกว่า" ผมทำท่าจะลุกขึ้นแต่โดนฮันบินฉุดแขนผมไว้สะก่อน
"เห้ยพี่! เดี๋ยวดิ พี่มาคิดถึงอดีตอะไรตอนนี้ แล้วที่ผมถามไปอ่ะ ทำไมไม่ตอบ" ผมแอบหลุดขำออกมา เรียกสีหน้างงๆของฮันบิน มันขมวดคิ้มมองผมเหมือนไม่เข้าใจว่าผมขำอะไร ผมไหวไหล่เบาๆแล้วเสมองไปทางอื่น
"พี่จินฮวาน"
"อะไรเล่า เรียกอยู่นั่นแหละ ชักรำคาญละนะ" ผมตอบขำๆ
"พี่เป็นไรอ้ะ ขอบใจผมเรื่องอะไร แล้วที่ผมถามไปทำไมพี่ไม่ตอบผม" ฮันบินยังคงยิงคำถามมายมายเข้ามาในโสตประสาท ผมเบ้ปากใส่ก่อนจะใช้แขนผลักไล่มันออกไปอย่างแรงจน ฮันบินต้องใช้มืออีกข้างยันพื้นไว้
"อะไรของพี่เนี่ย!" มันเริ่มโวยวาย สองมือเข้ามารวบแขนผมไว้ ฮันบินจ้องหน้าผมแบบคาดคั้นคำตอบ ที่จริงผมมีคำตอบอยู่ในใจแล้วอ่ะ แต่ขอแกล้งมันแบบนี้แหละ สนุกดี
"ปล่อยก่อนแล้วจะตอบ"
"ไม่เชื่ออะ ตอบก่อนผมจะปล่อย"
"นายมีสิทธิ์สั่งฉันหรอ! คิมฮันบิน!"
"พี่จินอ่า อย่าทำกับผมแบบนี้ดิ ผมค้างคาใจอ่ะ"
"เรื่องของนาย! ปล่อยได้ละ รำคาญโว้ย!!"
"ไม่ปล่อย! จนกว่าพี่จะตอบผม"
"ไอห่านี่! ปล่อย!!!!!" ผมสะบัดแขนหนี โวยวายลั่นสนาม เด็กอีกฝากยังหันมามองอ่ะคิดดู แม่งเอ้ยมือปลาหมึกรึไง จับอยู่นั่นแหละเจ็บนะ!
"โวยวายอีกละ ปล่อยก็ได้" ฮันบินเชิดปากใส่ก่อนจะค่อยๆคลายมือที่จับผมออก มันทำหน้างอลแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
"อย่ามาทำหน้างอล กูไม่ง้อ"
"เห้ย!ไหนบอกไม่ใช้กูมึงกับผมแล้วไง ผมบอกแล้วนะถ้าพูดคำนึงโดนหอมนึงทีอ่ะ"
"มึงพูดเองเออเองทั้งนั้นอ่ะฮันบิน" เออ มันพูดเองเออเองทั้งนั้น เมื่อวันก่อนที่มันเดินไปส่งผมที่บ้าน มันพูดอะไรของมันก็ไม่รู้ตลอดทาง ตั้งกฏขึ้นมาด้วยนะ ว่าผมห้ามพูดคำหยาบกับมัน ถ้าพูดจะโดนหอมแก้มทีนึง ผมกำลังจะเชิดหน้าด่าแต่พอดีมีสายแม่โทรเข้ามาพอดี พอหันมาอีกทีมันก็ยิ้มแฉ่งและเดินหนีไปแล้ว แถมมีการตะโดนมาบอกว่าพี่เงียบแสดงว่าตกลง
ไอชิบหาย!
"สองคำสองที"
"ตลกละสัส"
"สามคำสามที พี่ติดผมไว้สามที อย่าเผลอนะแก้มพี่ช้ำแน่" มันถือวิสาสะใช้นิ้วสากๆของมันยื่นมาจิ้มบริเวณข้างแก้มผมเบาๆ ผมสะบัดแขนมันออกก่อนจะชี้หน้าด่ามันอย่างเหลืออด
"สัสสส!!" อ่อนให้แล้วตีเนียนนะมึงอ้ะ อุตส่าห์อารมณ์ดีไม่ด่า นี่ก็วอนหาเรื่องให้ด่าจัง
"พี่จินอ่า"
"จะไปมั้ย อีกครึ่งชั่วโมงงานเลี้ยงเริ่มอยากจะนั่งง่อยอยู่ตรงนั้นก็เชิญ" ผมลุกพรวด ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูนัดเพื่อนๆในสีไว้ที่ร้านเนื้อย่าง ตอนหกโมง เป็นงานเลี้ยงความสำเร็จแหละครับ ถึงจะไม่ได้อะไรมากมายแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ามีความสุข ถึงจะเหนื่อยมากแค่ไหนยังไงก็คุ้ม ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของเพื่อนๆและน้องๆในคณะสีตอนประกาศรางวัลแล้ว ความเหนื่อยที่สั่งสมมาหายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยแหละครับ
ผมล่วงหน้าเดินไปก่อนปล่อยให้ฮันบินโวยวายตามหลัง ยกโทรศัพท์ขึ้นมองรายการแจ้งเตือน ข้อความสุดท้ายที่ผมเห็นซึงฮุนส่งมาก็คือ
'อย่าบอกนะว่าชอบไอเด็กฮันบินอะไรนั่นไปแล้ว'
ขอบคุณที่ฟังเราบ่นค่ะ เจอกันพาร์ทหน้าจุบุ
-///-
ความคิดเห็น