ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❥iKON '#ฟิคลั่น - bobyun bjin junhyuk♦

    ลำดับตอนที่ #5 : .fourth

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 58








     

                       อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานกีฬาสีของทางโรงเรียน มอปลายปีสามอย่างจินฮวานและยุนฮยองต่างยุ่งจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจ โดยเฉพาะจินฮวานรายนั้นนอนไม่ถึงห้าชั่วโมงต่อวันเลยด้วยซ้ำยิ่งรองประธานสีมาป่วยเข้าโรงพยาบาลกระทันหันงานทั้งหมดจึงตกมาเป็นของเขา ทั้งเรื่องการจัดแจงงบประมาณให้พอดีกันทุกส่วน การเดินเรื่องของทำนู่นนี่ ยืมของ ซื้อของ เรียกได้ว่างานหลักๆเขาต้องเป็นคนจัดการเองทั้งหมด




     

                       อันที่จริงก็ใช้คนอื่นหรือรุ่นน้องได้ แต่จินฮวานเป็นพวกใจร้อนและเนี๊ยบในผลงาน งานทั้งหมดต้องเสร็จและเรียบร้อยตามที่เขาวางแผนไว้เท่านั้น เขาเลยคิดว่าถ้าคนอื่นทำแล้วมันช้าไม่เรียบร้อย ขอให้เขาได้ทำเองดีกว่า



     

    ยุนฮยองก็มีหน้าที่คุมงานคัทเอาท์ ทำฉาก และอุปกรณ์ของพาเหรด วันทั้งวันเขาหมกตัวอยู่ในห้องคณะสี ดมกลิ่นสีและไม้ทั้งวัน




     

                  ส่วนเด็กปีสองอย่างกูจุนฮเว บ็อบบี้และฮันบินก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป จุนฮเวลงแข่งบอลของคณะสี ส่วนบ็อบบี้และฮันบินเป็นฝ่ายสวัสดิการคอยช่วยซื้อของ คุมน้องและทำหน้าที่อื่นๆตามที่เพื่อนหรือรุ่นพี่บอก




     

                แต่ที่หนักที่สุดก็คงจะเป็นคิมดงฮยอก ลูกผอ.พ่วงตำแหน่งประธานนักเรียน รายนั้นวันทั้งวันหมกอยู่กับเอกสารกองโต ทั้งเรื่องงบนู่นนี่เรื่องเวลาจัดงาน เรื่องเสื้อสีเรื่องทุกเรื่องล้วนตกเป็นงานของเขา




     

    "โอ้ยเหนื่อยง่วงโว้ย!" จินฮวานเดินโซซัดโซเซมาหย่อนตัวนั่งข้างเพื่อนสนิทที่กำลังทาสีแผ่นคัทเอาท์ ยุนฮยองละจากงานหันมองหน้าเพื่อนที่มีสีหน้าอิดโรยขอบตาดำช้ำจนเห็นได้ชัด



     

    "พักผ่อนบ่างสิจิน ให้คนอื่นทำบ้าง" สามวันมานี่เขาเห็นจินฮวานก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน อ่านเอกสารอะไรก็ไม่รู้มากมายเต็มไปหมด วิ่งซื้อของออกแบบงาน วางแผนอะไรไม่รู้จนเขาเห็นแล้วปวดหัวแทน








    "คนอื่นมันไม่ได้เรื่อง ช้า ทำเองง่ายกว่า" บ่นอุบอิบอย่างหัวเสีย เบื่อนักพวกทำงานช้า ช้าแล้วงานออกมาไม่ดีอีกน่าเบื่อ ไม่ชอบ เห็นแล้วขัดลูกหูลูกตา




     

    "ก็เลยเหนื่อยหนักแบบนี้ไง"




     

    "ยุนง่า อย่าว่าฉันสิ อีกแค่สองวันเอง"





     

    "ก็รู้ แต่ฮันบินเป็นห่วงจินมากเลยนะ ถามถึงจินทุกวันเลย"







    "เกี่ยวไรก็หมอนั่นล่ะ มานี่ฉันช่วย" จินฮวานบ่นอุบอิบมือเล็กคว้าพู่กันจิ้มสีและค่อยๆทาลงไปบนแผ่นไม้ ยุนฮยองถอนหายใจเบาๆ สองสามวันมานี่ฮันบินทักไลน์มาถามทุกคืนว่าจินฮวานเป็นยังไงบ้าง ได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า กินข้าวบ้างมั้ย รัวคำถามมาเป็นสิบ ถามมากมายแบบนี้สงสัยไม่ได้คุยกันแน่ๆ




     

    "ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ" เอ่ยถามคนข้างๆ จินฮวานส่ายหัวเป็นคำตอบสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่งาน ยุนฮยองเห็นท่าทีแล้วก็ถอนหายใจเบาๆอีกครั้ง มือเรียวคว้าพู่กันลงแต้มสีงานต่อ




     

    "พี่จินฮวานครับ ผมขอรายชื่อนักกีฬาหน่อยครับ" เสียงของเด็กปีสองคนหนึ่งดังขึ้นหลังห้อง จินฮวานถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันตอบปลายเสียง"อยู่ข้างล่างอ่ะ เดี๋ยวลงไปเอาพร้อมกัน" หันไปบอกเด็กปีสองแล้วหันมาเอ่ยลาเพื่อนสนิท




     

    "ยุนฉันไปจัดการงานข้างล่างก่อนนะ ว่างแล้วเดี๋ยวมาช่วย"




     

    "ไม่เป็นไร จินไปทำหน้าที่จินเถอะ แค่นี้ก็หนักพอแล้ว"




     

    "อื้อๆก็ได้ ไว้เจอกันนะ"



     

                     ยุนฮยองส่งยิ้มก่อนจะหันมาสนใจงานของตัวเองต่อ มองแผ่นไม้สีน้ำตาลที่ไร้การลงสีแล้วก็ต้องยกมือกุมขมับ ตอนนี้เขาทำงานอยู่คนเดียว เด็กที่ช่วยงานบางคนก็ติดแข่งกีฬา บางคนก็ติดนู่นนี่ มาได้เป็นครั้งคราว อีกแค่สองวัน คัทเอาท์ยังไม่เสร็จ แผ่นพาเหรดยังไม่เสร็จ โอ้ยยยยเหนื่อย!




     

    ครืดด ครืดด





     

    ชำเลืองมองโทรศัพท์ข้างตัว หน้าจอแสดงข้อความไลน์จาก บ็อบบี้ ยุนฮยองอมยิ้มน้อยๆพร้อมคว้าโทรศัพท์เครื่องโปรดสไลค์ตอบทันที





     

    bobby : ยุนฮยองอยู่ห้องคณะสีหรือเปล่าครับ
     




    songyun : ช่ายมาสิ งานเยอะมากช่วยหน่อย


     

    bobby : ได้ครับ 





     

                  ระบายยิ้มกับหน้าจอแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม รอไม่ถึงห้านาทีบ็อบบี้ในชุดพละก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงน้ำขนมและกล่องข้าว "เหนื่อยมั้ยครับ" คนใส่แว่นหย่อนตัวนั่งข้างๆพร้อมยิ้มถาม





     

    "เหนื่อย เหนื่อยมากด้วย.." ทำเสียงอ่อนตอบ หวังให้คนข้างๆเห็นใจ บ็อบบี้ยิ้มรับพร้อมส่งขวดน้ำเปล่าให้ ยุนฮยองส่ายหัวมือเรียวชี้ที่กล่องข้าว "ยุนหิวข้าวอยากกินข้าว" ยู่ปากอ้อนร่างสูง บ็อบบี้ระบายยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปวางน้ำเปล่าแล้วหยิบกล่องข้าว





     

    "ป้อนหน่อยนะ มือยุนเลอะสีอ่ะ ดูสิเต็มมือเลย" ยุนฮยองยังคงอ้อนต่อ ร่างเล็กยิ้มหวานชูมือสองข้างที่เต็มไปด้วยสีสันขึ้นโชว์ บ็อบบี้พยักหน้าตอบรับก่อนจะค่อยๆตักข้าวในกล่องแล้วยกขึ้นป้อน




     

    "อ้ามมมมม~" ปากบางอ้ารับข้าวคำโตจากชายข้างๆ บ็อบบี้ค่อยๆตักข้าวป้อนทีละคำสองคำจนเกลี้ยงกล่อง มือหนาส่งยื่นน้ำเปล่าให้ดื่ม




     

    "ขอบใจนะ บ็อบบี้ไม่หิวหรอ" ส่งน้ำกลับคืนร่างสูง ก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นระบายสีงานต่อ




     

    "ผมกินมาแล้วครับ กินกับฮันบินมา"





     

    "อ่อๆ ช่วงนี้เป็นไงมั่ง งานปีสองราบรื่นดีมั้ย" ยุนฮยองยังคงหาเรื่องคุยต่อ สายตาเรียวยังคงจับจ้องอยู่ที่ผลงาน ทุกวันๆเราสองคนจะได้เจอกันในช่วงพักการวัน ได้นั่งกินข้าวคุยเล่นกัน ตอนกลางคืนก็ได้คุยไลน์กันก่อนนอน แต่พอช่วงนี้งานเยอะจนเวลาหายใจแทบจะไม่มี ยุนฮยองและบ็อบบี้จึงไม่ค่อยได้มีเวลาคุยกันเหมือนเมื่อก่อน





     

    "ก็โอเคนะครับ จะมีเหนื่อยบ้างก็ตอนขนของยกของ" ร่างสูงยิ้มตอบ บ็อบบี้หยิบพู่กันอันใหญ่ขึ้นแต้มสี "ผมช่วยนะครับ" ว่าแล้วก็ลงมือทาสีในส่วนที่ถูกกำหนดไว้




     

                     ยุนฮยองลอบมองใบหน้าคมเป็นระยะ สายตาเรียวผ่านกรอบแว่นหนาจับจ้องอยู่ที่ผลงานอย่างตั้งใจ คิ้วขมวดเป็นปมสีหน้าดูเคร่งเครียด จนยุนฮยองอมยิ้มแล้วส่งมือเล็กไปคลี่ปมบนคิ้วนั่นออก "อย่าเครียดสิ เครียดมากหน้าแก่ไวนะ " ยุนฮยองพูดกลั้วขำ





     

    "ผมกลัวงานออกมาไม่ดีน่ะครับ"




     

    "ก็ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเลย"




     

    "ผมดูเครียดขนาดนั้นเลยหรอครับ ฮ่ะๆ" บ็อบบี้หัวเราะเบาๆก่อนจะเอามือเกาท้ายทอยแก้เขิน




     

    "ก็ไม่เท่าไหร่หรอกแต่ฉันแค่ชอบ…" ยุนฮยองหยุดสูดลมหายใจแล้วเผยยิ้มน่ารักออกมาพร้อมเอ่ยประโยคถัดไป "…เวลานายยิ้มมากกว่า" บ็อบบี้งอมยิ้มน้อยๆให้กันประโยคข้างต้น คนตัวสูงมีท่าทีเก้กัง เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ความรู้สึกมันเหมือนมีใครรัวกลองอยู่ในหัวใจ อกด้านซ้ายเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้ารู้สึกร้อนๆเหมือนโดนแดดเผา





     

    แต่ไม่ใช่ ที่นี่มันในห้องเรียน





     

    ..จะมีแดดได้ยังไง





     

    "ไม่เห็นต้องหน้าแดงขนาดนั้นเลยนี่ แหมๆเขินหรอ" ยุนฮยองยังคงหยอกล้อไหล่เล็กแสร้งชนเข้าที่ไหล่ใหญ่เบาๆ บ็อบบี้ไม่ตอบเขาไม่เขินจนไม่รู้จะทำอะไร จะพูดอะไรต่อดี ยุนฮยองจ้องมองใบหน้าคมที่ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น




     

    เขาพูดอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมบ็อบบี้ถึงไม่ตอบ ยุนฮยองได้แต่คิดแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป





                  ทั้งสองมองหน้ากันต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรได้ยินเพียงเสียงพัดลมเพดานและเสียงไกลๆของเด็กซ้อมสแตนอยู่ข้างล่าง สายตาคมกับสายตาหวานๆกำลังมองพิจารณาใบหน้าของกันและกัน มันเหมือนโลกหยุดหมุนเหมือนแรงดึงดูดของโลกกำลังชักนำเขาสองคนให้เขาหากัน ยุนฮยองกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อรู้สึกถึงความฝืดบริเวณในคอ เขาเคยดูซีรี่ย์และกร่นด่านางเอกกับพระเอกว่าทำไมละเมียดละไมกันเหลือเกินกว่าจะจูบกันสักที




     

    …ตอนนี่เขารู้แล้ว




     

                       ความรู้สึกนี้มันบรรยายไม่ถูก ในรู้สึกมวลในช่องท้องจะว่าป่วยก็ไม่ใช่ หัวใจมันเต้นเป็นจังหวะfantastic babyของรุ่นพี่บิ๊กแบงที่เขาชอบฟัง มือไม้เริ่มชา ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินไปในทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้รอบรอบ แค่นี้ยังรู้สึกดีจนบรรยายไม่ถูก




     

    แล้วถ้าเราจูบกันล่ะ..




     

    มันจะรู้สึกดีขนาดไหน..





     

    ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรนานไปหรือเปล่า ใบหน้าคมถึงเลื่อนเข้ามาใกล้เขาถึงขนาดนี้ ถ้าเขาปล่อยให้ทุกอย่างมันนำพาไป




     

    เขาจะดูเป็นคนที่ใจง่ายหรือเปล่านะ..









     

    ตึกตัก







     

    ตึกตัก









     

    "บ็อบบี้! ไอเน่บอก.. โอ๊ะ!" เสียงของฮันบินดังขึ้นทางประตูหลังห้อง ร่างของคนทั้งสองสะดุ้งแล้วรีบผละออกจากกันอย่างว่องไว 





    "อ่ะฮึ่ยย ขอโทษทีมาขัดจังหวะนะยุนนนน แหมๆ" คนมาใหม่เอ่ยแซวปากหนายิ้มกระลิ่มกระเลี่ยเดินทอดน่องมายืนท้าวเอวมองลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนใหม่




     

    "อะไร ขัดจังหวะอะไรไม่มี๊" ร่างบางยักไหล่




     

    "หรอ แล้วทำไมใช้ด้านที่จับระบายสีอ่ะ พู่กันมันอยู่อีกด้านไม่ใช่หรอ" ฮันบินหย่อนตัวนั่งลง ก่อนจะหรี่ตามองจับผิด




     

    "อุ่ย แฮะๆ" ยุนฮยองหัวเราะกลบเกลื่อน เขาตกใจเลยรีบคว้าพู่กันขึ้นทำเนียนทำงานต่อ แต่ไม่ทันได้สังเกตุให้ดีว่าส่วนที่เขากำลังจับระบายสีมันเป็นส่วนด้ามจับไม่ใช่ด้านพู่กัน




     

    "หึหึ" คนมาใหม่ยังคงแค่นหัวเราะ สายตาคมเลื่อนมองเพื่อนใหม่อย่างจับผิด บ็อบบี้ยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปเก็บกล่องข้าว น้ำใส่ถุงทำทีจะลุกไปทิ้งขยะ หากแต่เสียงของฮันบินดักทางไว้ก่อน





     

    "มึงอีกคนไม่ต้องมากลบเกลื่อน น้ำนั่นอ่ะยังไม่หมดจะทิ้งทำไม ขนมก็ยังมีอยู่" บ็อบบี้มองของในถุงก่อนจะยิ้มแห้งๆ เขาเกาท้ายทองแก้เขินพลางหย่อนตัวนั่งที่เดิมแล้วชวนฮันบินเปลี่ยนเรื่องคุย




     

    "มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงมาตามผมถึงที่นี่"




     

    "ทำม่ะ กูมาขัดจังหวะอ่ะดิ้ ก็กูโทรหามึงแต่มึงไม่รับกูเลยจะมาบอกว่าไอเน่ให้มาตาม เด็กในทีมฟุตบอลล้มขาเจ็บ มันเลยชวนมึงว่าจะลงเล่นมั้ย"





     

    "ผมหรอ"





     

    "เออดิ คุยกันอยู่สองคน หรือมึงจะให้ยุนไปเตะแทนป่ะล่ะ"





     

    "ไม่ไม่ครับ"





     

    "เออปกป้องกันดีนิ ตกลงยังไงลงเปล่า ตอนแรกกูก็ว่าจะลง แต่เป็นห่วงพี่จินว่าจะไปช่วยเรื่องพาเหรดซะหน่อย" ฮันบินว่า ทนเห็นพี่จินทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนข้าวไม่กินแล้วเหมืออนหัวใจดวงนี้จะแตกสลาย






    "ได้ครับ" คนใส่แว่นพยักหน้าตกลง




     

    "วันนี้มึงก็ช่วยยุนไปก่อนเดี๋ยวกูลงไปเขียนชื่อให้ พรุ่งนี้เริ่มซ้อมอีกสองวันแข่ง" เด็กหัวแดงหยัดตัวขึ้นเต็มตวามสูงพลางบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้า





     

    "ครับๆ"




     

    "ไปละ ยุนจะจูบก็จูบนะผมไม่ขัดละ" ก้มลงกระซิบหยอกล้อลูกพี่ลูกน้องแล้ววิ่งหนีไปทันที ยุนฮยองถลึงตาใส่ก่อนตะโกนด่าไล่หลัง





     

    "อะไร ไอเด็กบ้าไปไกลๆเลยไป!!" ร่างเล็กฟึดฟัดโมโห หันมองบ็อบบี้ที่กำลังจ้องมาทั้งสองมองหน้ากันเพียงเสี้ยววินาที ความเขินก็ตีตื้นขึ้นมาจนต่างคนก็ต่างหาอะไรทำแก้เขิน




     

                 ความอึดอัดและความเงียบค่อยๆครอบคลุม ต่างคนต่างพยายามคิดว่าจะชวนอะไรคุยดีที่ไม่ทำให้บรรยากาศมันน่าอึดอัดแบบนี้ ถ้าเป็นนิยายพล็อตธรรมดาก็คงจะเรียกชื่อขึ้นมาพร้อมกันแล้วเถียงว่าใครจะเป็นคนพูดก่อน แต่เรื่องนี้ก็พล็อตธรรมดาครับ 







    อืม





     

    "ยุนฮยองครับ/บ็อบบี้" นั่นไง..





     

    "ฉันขอพูดก่อน" เป็นยุนฮยองที่ขอพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดก่อน ใจจริงก็อยากมีโมเม้นต่างคนต่างเถียง ให้บ็อบบี้พูดก่อน ยุนฮยองพูดก่อนเลยครับ แต่ไม่ละ..





     

    "เย็นนี้…หลังเสร็จงาน.." ยุนฮยองพูดช้าๆ เว้นจังหวะหายใจแล้วพูดต่อ "…แวะกินข้าวกันนะ" ร่างบางยิ้มเขิน ถึงใครจะมองว่ารุกแรงจีบแรงแต่ลึกๆแล้วยุนฮยองก็มีความขี้อายบ้างถึงจะเล็กน้อยก็เถอะ -.-





     

    "ได้ครับ ผมอยากพายุนฮยองไปกินอุด้งเจ้าประจำที่ผมเคยพาฮันบินกับจุนฮเวไปกิน สองคนนั้นบอกอร่อยมากครับ" บ็อบบี้ระบายเมื่อพูดถึงอุด้งเจ้าประจำที่เขามักแวะกินหลังเลิกเรียน ยุนฮยองยิ้มตกลง





     

    "โอเค ว่าแต่นายล่ะจะพูดอะไร" ยุนฮยองยิ้มกริ่มใจคิดว่าอาจจะมีคำพูดหวานๆหรือโมเม้นใจตรงกัน จะชวนไปทานข้าวเย็นเหมือนที่เขาคิดไว้ไรงี้





     

    แต่เปล่าเลย..





     

    "คือผมจะบอกว่า…" บ็อบบี้หยุดพูดก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนชี้ที่แผ่นไม้ "ยุนฮยองทาสีผิดครับ"





     

    "ห้ะ! ชิบหายละ ทำไมพึ่งมาบอก บ็อบบี้อ่าา เอาผ้ามาเร็วๆๆๆ" ร่างเล็กกุลีกุจอหาผ้ามือบางค่อยๆเช็ดสีที่ทาผิดออก ดีนะพึ่งลงไปยังไม่แห้งเท่าไหร่ ถอนหายใจโล่งอกก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่หัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องตลกซะงั้น





     

    "หัวเราะอะไร" ขมวดคิ้วพร้อมส่งสายตาเคืองๆใส่คนตัวสูง บ็อบบี้กลั้นยิ้มแล้วใช้มือหนายื่นคลายปมบนคิ้วของยุนฮยองออก "อย่าทำหน้าเครียดสิครับ…" เดี๋ยวนะประโยคนี้มันคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหน




     

    "ผมไม่ชอบยุนฮยองทำหน้าเครียด…" ชัดละ ประโยคที่เราพึ่งจะพูดไป ถ้าเป็นไปตามคาดบ็อบบี้จะต้องพูดต่อว่า 'เวลายุนฮยองยิ้มน่ารักกว่า' หรือไม่ก็ 'ผมชอบที่ยุนฮยองยิ้มมากกว่า'






     

    ใช่มั้ยบ็อบบี้







     

    ใช่มั้ย!!







     

    -////-








     

    "มันตลกน่ะครับ"









    "บ็อบบี้!!!!!!"
     






    55per.







     

                     ตาเรียวสวยของจินฮวานจับจ้องอยู่ที่เอกสารกองโตโดยมีฮันบินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ มองเสี้ยวหน้าเล็กที่ขมักเขม้นอยู่กับงานแล้วต้องลอบยิ้มอย่างปิดไม่มิด ไม่รู้ว่าตัวเองเสพติดคนคนนี้ตั้งแต่เมื่อรู้แค่ ขอให้ได้อยู่ใกล้อยู่เถียงกันไปแบบนี้ก็ยอม ร่างสูงพยายามชวนคุยนู่นนี่เพื่อหวังว่าจินฮวานจะหายเครียดหรือผ่อนคลายลงบ้างแต่ก็ไม่เป็นผล ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องอยู่ที่บัญชีรายจ่ายของคณะสี



     

    "พี่จินฮวานครับ พี่จะกลับบ้านกี่โมง"



     

    "…."



     

    "เอ่อ..วันนี้ให้ผมไปส่งที่บ้านนะ.."



     

    "…."



     

    "พี่จิน หิวมั้ยเดี๋ยวผมไปซื้อข้าวมาให้"



     

    "…."



     

    "พี่จิน.."



     

    "อือๆ ขอน้ำหวานๆเย็นๆด้วยนะ"



     

    "ได้เลยครับ" ยิ้มตอบรับก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวลงจากตึก ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าๆฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้าใสเป็นฟ้าสีคราม เด็กๆเริ่มทยอยกลับบ้านของตัวเองเพื่อพักผ่อน ฮันบินตรงรี่เข้ามินิมาร์ทหน้าโรงเรียนที่ยังคงเปิดอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง




     

                  ข้าวหน้าเนื้อสองกล่องถูกวางลงในตะกร้าพร้อมกับขนมคบเคี้ยวสามห่อลูกอมรสมินท์หนึ่งห่อน้ำเปล่าและน้ำหวานๆของจินฮวาน ฮันบินหยิบยาแก้ปวดหัวมาหนึ่งแผงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเขาแอบเห็นจินฮวานไอเล็กน้อยพร้อมบ่นอุบอิบว่าปวดหัว



     

    เขาเป็นห่วง เขากลัวว่าจินฮวานจะไม่สบาย



     

    "อ่าว ฮันบินยังไม่กลับอีกหรอ" เสียงใสเล็กเอ่ยถาม ฮันบินหันมองตามต้นเสียง ซงยุนฮยองเดินถือแผ่นไม้อันเล็ก โดยมีคิมจีวอนเดินถือกระเป๋าและถุงสีตามหลัง



     

    "ยังอ่ะ อยู่ช่วยพี่จินก่อนค่อยกลับ.. แล้วยุนอ่ะ กลับได้แล้วไปเดี๋ยวเฮียก็บ่นหรอก" เด็กหัวแดงว่า ก่อนจะเบือนสายตามองเพื่อนใหม่ "มึงด้วย กลับได้แล้วไป"






    "ผมจะพายุนไปกินอุด้งมือเย็นน่ะครับ เสร็จแล้วคงกลับ"






    "อ่อเออ…ไปละ เดี๋ยวพี่จินรอนาน รีบกลับอ่ะยุนอย่ากลับดึก" กำชับลูกพี่ลูกน้องอีกครั้ง ถึงยุนฮยองจะโตกว่าเขาเพียงใด ต่อให้นิสัยที่แสดงออกจะเป็นยังไง แต่ลับหลังแล้วซงยุนฮยองยังคงอ่อนต่อโลก อ่อนต่อความรัก และค่อนข้างจะเชื่อคนง่าย ถ้าหากเขาได้รักใครไปแล้ว




     

               เอาจริงๆเขาเป็นห่วงยุนฮยองมาก ถึงจะไม่ได้แสดงออกก็เถอะ ยุนฮยองยังไม่เคยคบใครไม่เคยรักใครจริงๆจังๆสักที เขาจึงค่อนข้างเป็นห่วงจุดนี้ กลัวว่าจะโดนหลอกกลัวว่าจะเสียใจ







    ...ยุนฮยองอ่อนไหวมากแค่ไหนเขารู้ดี





    ถ้าให้เขาสารภาพเขาก็คงพูดได้เต็มปากว่าเขายังไม่ไว้ใจบ็อบบี้ ความรู้สึกมันเหมือนมีอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถพูดได้




     

    แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้เขาอาจคิดมากไปก็ได้มั้ง..




     

    "อือๆ เดี๋ยวกินเสร็จก็กลับแล้ว" ยุนฮยองบอกปัดๆ ฮันบินพยักหน้ารับแล้วตบไหล่บ็อบบี้เบาๆ "ฝากดูแลด้วยนะ"



     

    "ครับ.."


























    "อุด้งอร่อยเนอะ" หลังจากพากันดินเนอร์อาหารเย็นแล้ว ทั้งสองก็พากันมาหยุดอยู่ที่เกาอี้ไม้ข้างทาง เพื่อนั่งกินไอติม บ็อบบี้อาสาเลี้ยงมือเย็นและไอติมยุนฮยองพร้อมเอ่ยปากขอไปส่งที่บ้านอีกด้วย




     

    "ผมบอกแล้วว่าอร่อย"




     

    "อื้ออร่อยจริงๆ ทั้งๆที่อยู่ใกล้บ้านแท้ๆแต่ไม่เคยมากินเลยนะเนี่ย" ยุนฮยองว่า ร้านอุด้งร้านที่บ็อบบี้พามาเขาเดินผ่านนับครั้งไม่ถ้วน เปิดมาเกือบสิบปีแต่ไม่เคยแวะกินสักครั้ง



     

    "วันหลังก็มาอีกสิครับ"



     

    "มาแน่…" ยุนฮยองเว้นจังหวะเลียไอติมริมขอบโคนก่อนจะพูดต่อ "ถ้าบ็อบบี้เป็นคนพายุนมา…" ยุนฮยองส่งยิ้มสวยๆพร้อมสายตาหวานๆให้ร่างสูงข้างๆ บ็อบบี้ยิ้มรับคำหยอดพร้อมพยักหน้า




    "ได้ครับ.."




     

    "เอ้อ ยุนว่าจะถามนานแล้ว บ็อบบี้พักอยู่ไหนหรอ"



     

    "ผมพักอยู่คอนโด kq ครับ"



     

    "อ๋ออๆ อยู่คนเดียวหรอ"



     

    "ใช่ครับ"




     

    "แล้วทำไมถึงย้ายมาล่ะ"




     

    "…ผม…มาช่วยพ่อน่ะครับ พ่อผมมีกิจการอยู่ที่นี่"




     

    "อืออ.. งี้นี่เอง" ยุนฮยองพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันไปยิ้มหวานๆให้บ้อบบี้ ร่างสูงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ "ขอโทษนะครับ" เอ่ยขอโทษพร้อมเลื่อนมือหนาจัดการเช็ดคาบไอติมบนมุมปากให้อย่างไม่รังเกียจ ยุนฮยองมองเสี้ยวหน้าหล่อคมใต้กรอบแว่นแล้วก็ต้องอมยิ้มบางๆ ใจอยากจะตะโกนโอ้ยยยยฟินดังๆแต่ต้องเก็บอาการไว้ก่อน




     

    "ขะขอบใจนะ" ยุนฮยองหน้าขึ้นสีใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว นี่เป็นครั้งแรก.. พึ่งจะเคยมีคนอ่อนโยนกับเขาถึงขนาดนี้ ถึงจะเคยมีคนมาจีบมากเท่าไหร่ หวานละมุนกับเขาแค่ไหน




     

    แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ความรู้สึกมันต่างกัน...




     

                ความเงียบเริ่มปกคลุมอีกครั้ง เงียบจนยุนฮยองแทบได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง บ็อบบี้พับผ้าเช็ดหน้าเก็บเข้ากระเป๋าที่เดิมก่อนจะช้อนสายตามองถาม "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นคนตัวเล็กเงียบไป



     

    "อ่ะเอ่อไม่เป็นอะไรนี่ ขอบใจอีกครั้งนะ" ยุนฮยองพยายามเก็บน้ำเสียงและความตื่นเต้นเอาไว้ อาจจะหาว่าเว่อร์ แต่ไม่ได้เวอร์นะ! มันไม่รู้จะพูดยังไงดี คุณเคยมีโมเม้นคนที่แอบชอบทำอะไรให้เรามั้ยล่ะ แบบอยู่ๆก็ทำให้ต่อให้เขาตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่มันก็รู้สึกดีไปแล้ว




     

    ตอนนี้ยุนฮยองก็เป็นแบบนั้นแหละ



     

    หัวใจพองโตร่างกายเริ่มอยู่ไม่ติดกับพื้นเหมือนมันจะลอยละล่องไปกับอากาศ




     

    "คืนนี้จะทำงานต่อหรอครับ" บ็อบบี้เปิดประเด็นคุยหลังจากเงียบอยู่นาน ยุนฮยองหยัดตัวขึ้นพร้อมพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแต่ถูกคนใส่แว่นแย่งไปสะพายสะก่อน "ยุนฮยองถือนี่ไปดีกว่าครับ เดี๋ยวกระเป๋าผมถือให้"




     

    "อื้อขอบใจนะ"



     

    "ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ" ร่างสูงยิ้มบางๆ ทั้งสองพากันเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ โดยยุนฮยองยังคงถามนู่นถามนี่เรื่อยเปื่อยตลอดการเดินทาง ยกข้อมือเล็กเพื่อดูนาฬิกา เข็มสั้นชี้ที่เลขแปดส่วนเข็มยาวชี้เลขหก




     

    "โดยเฮียบ่นแน่ กลับมึดไม่ได้โทรไปบอก" ยุนฮยองพูดขึ้น ปกติเขากลับบ้านก่อนหกโมงทุกครั้ง ถ้าจะกลับหลังจากนี้ก็ต้องโทรรายงานพี่ชายเจ้าปัญหาสะก่อน รายนั้นหวงน้องชายจะตาย ไม่ใช่แค่พี่ชายหรอก ทั้งพ่อและแม่ต่างเป็นห่วงจึงกำชับนักกำชับหนาให้ซงมินโฮดูแลน้องให้ดีๆ



     

    "พี่ชายของยุนฮยองไม่ให้กลับบ้านดึกหรอครับ"



     

    "ก็กลับได้แหละ แต่ต้องโทรบอกน่ะ"



     

    "อ๋อครับ ผมขอโทษที่พายุนฮยองกลับบ้านดึกนะครับ"




     

    "ไม่เป็นไร คิดมากน่าดีซะออก ได้ออกมาข้างนอกบ้าง" ยุนฮยองเขย่าแขนแกร่งเบาๆ ก่อนจะช้อนสายตามองอ้อนพร้อมส่งยิ้มหวานๆ



     

    "ครับบ.."





     

    "ว้าาา ถึงบ้านแล้วต้องแยกกันซะและ กลับบ้านดีๆนะ ถึงแล้วก็ไลน์มาบอกด้วยล่ะ" ยุนฮยองพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านตระกูลซง บ็อบบี้ส่งกระเป๋าพร้อมถุงสีคืนเจ้าของ






    "ได้ครับ คืนนี้หลับฝันดีนะครับ"




     

    "เปลี่ยนได้มั้ย.."



     

    "หืมครับ?"




     

    "..เปลี่ยนจากหลับฝันดีเป็นหลับฝันถึงบ้อบบี้ได้มั้ย เพราะฝันดีของยุนก็คือฝันถึงบ็อบบี้นั่นแหละ.." งุดหน้าก้มซ่อนความเขิน บิดตัวไปมาจนแทบจะเป็นเกลียว บ็อบบี้ยิ้มก่อนจะส่งมือหน้าช้อนหน้าเล็กขึ้นมาเบาๆ







    "ฝันถึงผมด้วยนะครับ.." พูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะหันหลังเตรียมตัวกลับบ้านตัวเอง บ็อบบี้ไม่สามารถเห็นได้เลยว่าตอนนี้ยุนฮยองกำลังมีสีหน้าแบบไหน ชายตัวสูงลอบยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป




     

    "ใครมาส่งอ่ะ" เสียงทุ้มของพี่ชายเอ่ยขึ้นหลังจากแผ่นหลังของบ็อบบี้ลับไปแล้ว ยุนฮยองยืนนิ่งเป็นหินถูกสาบ เขินจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ไหวแล้วเหมือนโดนกระชากหัวใจไปเลย "เห้ยเข้าบ้านดิ้!"




     

    "ห้ะๆเข้าแล้วๆ" สะดุ้งสุดตัวหลุดจากภวังค์ก่อนจะรีบหอบข้าวหอบของเข้าบ้าน "เฮียพาใครมาบ้าน" หรี่สายตามองจับผิดพี่ชายเมื่อเห็นรองเท้านักเรียนเหมือนของเขาเป๊ะอีกคู่วางอยู่ จะบอกว่าพี่ชายของเขาใส่รองเท้านักเรียนแบบนี้ไปมหาลัยก็คงไม่ใช่ แล้วของใคร?! มินโฮไม่ตอบได้แต่ไหวไหล่แล้วเดินนำเข้าบ้านไป




     

                  ยุนฮยองวางของและกระเป๋าไว้โต๊ะ ก่อนจะค่อยๆเดินสำรวจรอบบ้าน ขาเล็กหยุดกึกอยู่บริเวณห้องรับแขกเมื่อเห็นชายร่างเท่าเขากำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าห่มผืนหนาห่มไว้อยู่ ชำเลืองมองพี่ชายพร้อมหรี่ตาจับผิด




     

                      ซงมินโฮหย่อนตัวนั่งลงโซฟาอีกฝากโดยไม่พูดอะไร ถ้าเดาไม่ผิดพี่ชายของเขาต้องไปทำอะไรมาแน่ๆ เนื่องจากบนโต๊ะรับแขกมีกะลังมังเล็กๆใส่ผ้าขนหนู พร้อมยาแก้ไข้แก้ปวดหัวอย่างล่ะหนึ่งแผง




     

    "เฮียไปทำไรมา" หย่อนตัวนั่งข้างๆอย่างเบาที่สุด "เปล่านิ ก็แค่ช่วยเด็กดื้อคนนึงก็เท่านั้นเอง" ซงมินโฮตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางยกขาขึ้นมาไขว้ห่างทำชิวสะงั้น




     

    "ห้ะ! หมายความว่ายังไงเด็กดื้อ เฮียไปทำอะไรมาเนี่ย!"




     

    "เลิกบ่นได้แล้วหน่า! เด็กนี่ไม่ได้เป็นอะไรมากสะหน่อย ก็แค่เป็นไข้พวกเรียกร้องความสนใจก็งี้"




     

    "หมายความว่ายังไง เรียกร้องความสนใจ ยุนงงนะเนี้ย!!" ตะหวาดดังลั่นจนคนที่นอนอยู่ค่อยๆรู้สึกตัว ยุนฮยองยกมือปิดปากก่อนจะสำรวจคนด้านหน้า "นัมแทฮยอน!" เผลอแผดเสียงเรียกชื่อดังลั่นด้วยความตกใจ ใครจะไปคิดว่าคนที่นอนอยู่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกับเขา




     

    "อ่าว ยุน..ยุนฮยองเองหรอ" คนคิ้วตกมองช้อนสงสัย




     

    "ยุนรู้จัก?" มินโฮทำหน้าเหลอหลามองน้องชายของตัวเองกับเด็กแซกกลางอย่างงงๆ




     

    "อือ ก็เพื่อนร่วมชั้นอ่ะ" หันบอกตอบพี่ชายก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆคนป่วย "นายเป็นอะไร ปวดหัวอยู่มั้ย พี่ชายฉันทำอะไรให้นายกันแน่เนี้ย" หันมองค้อนพี่ชายตัวดีก่อนสำรวจร่างกายเพื่อนร่วมชั้นอย่างเป็นห่วง นัมแทฮยอนได้แต่ส่ายหัวพร้อมบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว




     

    "นายกินข้าวรึยัง ยาล่ะกินยัง?" ร่างเล็กยิงคำถามรัวถึงจะไม่ใช่เพื่อนที่สนิทกันแต่ด้วยนิสัยของยุนฮยองแล้วเขามักแคร์คนรอบข้างเสมอ




     

    "กินแล้วน่ะ เฮียทำให้กินเอง" ซงมินโฮพูดขึ้นหลังเงียบอยู่นาน




     

    "ฉันไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ" แทฮยอนยิ้มตอบก่อนจะเบือนสายตาหนีคนตัวดำที่นั่งมองเขาอยู่




     

    "แล้วคืนนี้กลับบ้านไหวมั้ย พักที่นี่ก็ได้นะดึกมากแล้วด้วย" ยุนฮยองพูดขึ้น หันมองนาฬิกาบนฝาผนังสามทุ่มครึ่งแล้ว เด็กมัธยมปลายกลับบ้านดึกขนาดนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ แถมป่วยอีกด้วยอย่างน้อยพักที่นี่สักคืนโดยโทรบอกที่บ้านว่าทำงานมันจะดีสะกว่า ครั้นจะให้พี่ชายไปส่งก็ไม่ดีอีก ดูสายตาที่ซงมินโฮมองมา สองคนนี้ต้องมีอะไรที่เขาไม่รู้แน่ๆ 





    "พักที่นี่แหละ นอนห้องฉัน! ป้ะเด็กดื้อ!" เดินดุ่มๆมาจับแขนเล็กอย่างถือวิสาสะ นัมแทฮยอนแผดเสียงลั่นพร้อมสะบัดข้อมืออก





    "ไม่!ผมไม่นอนกับพี่หรอก" คนตัวเล็กว่าก่อนจะหนีมาหลบด้านหลังโซฟาที่ยุนฮยองนั่งอยู่




     

    "อย่ามาดื้อ" มินโฮคว้าหมับเข้าที่ลำคอพร้อมถือโอกาสคล้องคอคนตัวเล็ก ยุนฮยองที่นั่งอยู่มองแล้วต้องขมวดคิ้วไม่เข้าใจ อะไรกันวะ สนิทกันตอนไหน ทำไมเขาไม่รู้แล้วนี่อะไรทำไมพี่มินโฮถึงหอมแก้มนัมแทฮยอน เห้ย!!อะไรกันเนี่ย?!




     

    "พี่ทำอะไรปล่อยผมนะ!!"







    "อย่างกับมากกว่านี้เราไม่เคยทำ"




     

    "พี่!!!" คนตัวเล็กแผดเสียงดังลั่นพร้อมช้อนสายตามองอย่างคนข้างๆอย่างเคืองๆ กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้น่าตาเฉย! ถ้าอยู่กันสองคนไม่เท่าไหร่ แต่นี่มียุนฮยองอยู่ด้วยนะ โอ้ย!!




     

    "ฮ่ะๆ ฝันดีนะยุนฮยองน้องรักคืนนี้ถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆก็หยิบหูฟังขึ้นอุดหูไว้นะ พี่ไปล่ะ กู้ดไนท์" คนตัวดำว่าก่อนจะลากเด็กในอ้อมแขนให้เดินไปด้วย ยุนฮยองนั่งอ้าปากค้างมือชี้อยู่กลางอากาศ ทั้งงงทั้งมึนทั้งสับสน




     

    นี่มันอะไรกัน? นัมแทฮยอนกับพี่ชายเขา
    คบกันงั้นหรอ!? แถมยัง! ได้-กัน-แล้ว!



     

    ยุนจะฟ้องแม่!!!


     


    "พูดอะไรของพี่เนี่ย ยุนฮยองอย่าไปฟังนะ โอ้ยยปล่อยผมนะ!ผมจะกลับบ้าน!!"




     

    "เงียบหน่า! คืนนี้อยากนอนแบบสงบมั้ยหืม"




     

    "อะ..อะไรพี่ปล่อยอุ้บ..อือ" ยุนฮยองยกมือขึ้นปิดหูปิดตาเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังขึ้นตามหลัง ใบหน้าเล็กเริ่มร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ในหัวพลันจินตนาการสิบนาทีหลังจากนี้.. ให้ตายเถอะ! ซงมินโฮมีความเกรงใจกันบ้างมั้ย!





     

    แล้วคืนนี้ยุนจะนอนยังไงเนี่ย! T T






     




    100เปอแว้วววววเอาคู่นี้มาเสริมม งึมงึมม 
    ใครเดาไรไว้อาจจะถูกก้ได้น้ะะ งึงึ 


    ฝากคอมเม้นกับสรีมเป็นกลจ.ให้เราด้วยน้า อยากอ่านนมั้กก
    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

     #ฟิคลั่น 


     


    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×