คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : .ninth
"พี่ยุนฮยองครับ"
"หยุดเลยชานอู"
"อย่าโกรธผมนะ ผมแค่…"
"ไม่ต้องเลย! พี่ไม่อยากฟัง" คนตัวเล็กหยุดชะงักก่อนจะหันหลังกลับไปมองรุ่นน้องตัวสูงด้วยสายตาดุๆ ซงยุนฮยองยกมือ สองข้างปิดหูพร้อมส่ายหน้าไปมา ท่าทีน่ารักของคนตรงหน้าเรียกให้ 'จองชานอู' หลุดยิ้มกว้างแล้วคว้าข้อมือเล็กที่ปิดหูอยู่ลงมากุมไว้เบาๆ
"ฟังผมหน่อยน้า… ผมขอโทษที่ไปแลกเปลี่ยนโดยไม่ได้ลาพี่ก่อน แต่มันกระทันหันจริงๆนี่ครับ ขอโทษนะครับ" เด็กหนุ่มตัวสูงพูดอ้อน สายตาเรียวคมลอบมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีออนโยนเหมือนทุกครั้ง
ยุนฮยองถมึงตึงใส่พลางสะบัดข้อมือออกแล้วยกขึ้นกอดอก "ไม่!" เสียงเล็กแว๊ดดังลั่น ก่อนจะหันหลังแล้วสาวเท้าก้าวเดินต่อ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนไกล รุ่นน้องตัวสูงก็มาวิ่งมาดักข้างหน้าพร้อมยกถุงกระดาษสีน้ำตาลขึ้นโชว์ระดับอก
"ผมมีของฝากมาให้พี่ด้วยนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะถือวิสาสะจับข้อมือบางขึ้นมาเบาๆอีกครั้ง หลังจากนั้นก็วางถุงของฝากลงมือเล็ก ยุนฮยองมีท่าทีอิดออดในตอนแรก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ชะเง้อมองของด้านในด้วยท่าทีสนใจ
"ผมรู้ว่าพี่โกรธ แต่ผมก็อธิบายให้ฟังแล้วนี่ครับ ในไลน์อ่าแต่พี่ยุนฮยองเอาแต่อ่านไม่ตอบผม ผมเลยตั้งใจซื้อของมาง้อ" จองชานอูยิ้มหวาน เขาพยายามอธิบายไปตั้งหลายหนแล้วว่าที่เขาหายไปร่วมหนึ่งเดือนเพราะเขาต้องไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศกระทันหัน จึงไม่มีเวลาได้กล่าวลาหรือจัดงานเลี้ยงส่ง
แต่เหมือนว่าอธิบายยังไงรุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้ก็เหมือนจะไม่รับฟังเลยสักนิด อ่านไม่ตอบ โทรก็ไม่รับ เขาเลยต้องจำใจเรียนต่อไปให้ครบหนึ่งเดือนเร็วๆ จะได้รีบกลับมาเรียนที่เดิม กลับมาเจอรุ่นพี่คนนี้คนเดิม
"ชิ นายคิดว่าของเล็กน้อยแค่นี้จะง้อพี่ได้หรือไง" ถึงปากจะบอกว่ามันเล็กน้อยแต่มือเล็กก็กำถุงกระดาษเจ้าปัญหาแน่น
"แล้วพี่จะไม่เอาหรอครับ?"
"เอา! แต่ยังไม่หายงอล" คนเป็นพี่เชิดหน้าเถียงใส่
"นั้นเย็นนี้ไปเที่ยวกัน ผมจะพาพี่ไปกินทุกอย่างที่พี่อยากกินเลย โอเคไหมครับ?"
จองชานอูชักชวนเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง กายหน้าย่อตัวลงเล็กน้อยให้อยู่ระดับเดียวกัน เด็กหนุ่มยิ้มหวานพลางช้อนหน้าสบตากับร่างเล็ก ส่วนมือก็ค่อยๆเอื้อมไปจับข้อมือเล็กไว้อย่างหลวมๆ ยุนฮยองทำท่าคิดอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงตกลง
"เลิกเรียนผมไลน์หานะครับ" คนตัวสูงกำชับ ความรู้สึกกังวลแปลกๆ มันเริ่มก่อตัวขึ้นมานิดๆ เขาคิดว่าการที่เขาไม่อยู่เดือนนึงคงมีอะไรเกิดขึ้นกับรุ่นพี่ยุนฮยองแน่ๆ ทุกครั้งเมื่อไหร่ที่เขาเอ่ยปากชวนไม่ว่าจะไปที่ไหน เมื่อไหร่ ยุนฮยองก็จะยิ้มและตกลงทันที แต่เมื่อกี้นี้คนตัวเล็กมีท่าทีและสีหน้าแปลกๆ เหมือนกังวลใจว่าควรไปกับเขาดีไหม
หรือเขาอาจจะคิดมากเกินไป?
"ชานอูกลับมาแล้วหรอ?" จินฮวานผละออกจากกองหนังสือข้างหน้าก่อนจะหันมามองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าสงสัย ยุนฮยองถอนหายใจเบาๆ พร้อมหยิบปากกาขึ้นมาจดงาน
"อือ เด็กนั่นชวนยุนไปเที่ยวเย็นนี้ด้วย" คนตัวเล็กตอบ สายตากลมยังคงจับจ้องอยู่ที่มอนิเตอร์ข้างหน้าห้อง
"แล้วตกลงไปหรือเปล่า"
"ก็ตกลง" คนน่าสวยตอบเสียงเรียบ
"ยุนก็รู้นี่ว่าชานอูเขาคิดอะไรกับ…"
ซงยุนฮยองสูดลมหายใจแล้วผ่อนออกมาแรงๆ "อือยุนรู้ แต่ยุนปฎิเสธชานอูเขาไม่ลงจริงๆ เด็กนั่นดีกับยุนมาก ถ้าชานอูรู้เรื่องบ็อบบี้คง…เสียใจ" ยุนฮยองตอบเสียงอ่อน นัยต์ตาสีดำดูสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เขาถอนหายใจอีกครั้งแล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาเท้าคาง ส่วนอีกมือยังคงทำหน้าที่จดงานตามมอนิเตอร์
ถึงเขาจะยังไม่ได้ตกลงคบเป็นเรื่องเป็นราวกับบ็อบบี้ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าเขาไม่ได้มีใจให้ร่างสูงคนนั้น
"ก็ใช่ แต่ชานอูเขาก็รู้ตั้งนานแล้วนี่ ว่ายุนคิดแค่น้องชายไม่ได้คิดมากไปกว่านี้ เด็กนั่นคงไม่คิดมากหรอก" ก็ใช่.. จินฮวานพูดถูก ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มรู้จักกับจองชานอู เขาไม่เคยคิดมากกว่าน้องชายคนสนิทจริงๆ มีหลายครั้งที่พยายามคิดว่าเด็กคนนี้ดี เด็กคนนี้ชอบเขา ถ้าเราได้คบกันอาจมีความสุข
แต่มันก็ไม่ใช่.. ความรู้สึกที่อยู่กับชานอูกับความรู้สึกที่อยู่กับบ็อบบี้มันแตกต่งกันสิ้นเชิง
กับชานอู มันอุ่นใจ มันมีความสุขนะ แต่สุขใจ อุ่นใจในแบบน้องชายกับพี่ชายที่สนิทกัน มีอะไรคุยกันปรึกษากันแบบนั้นมากกว่า
แต่กลับบ็อบบี้ มันมีความสุขอีกแบบนึง สุขแบบคนรัก สุขแบบอยากได้เป็นเจ้าของ อยากให้เขาคนนี้อยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลา
"จินคิดงั้นหรอ?" ยุนฮยองวางปากกาก่อนจะหันมองเพื่อนสนิทข้างๆ
"อือ ฉะนั้นยุนอย่าคิดมากเลยนะ วันนี้ก็ไปเที่ยวให้สนุกคิดแค่ว่าเลี้ยงฉลองที่ชานอูกลับมาไง"
"อื้อโอเค" ยุนฮยองยิ้มน้อยๆแล้วพยักหน้าเห็นด้วยตามคำแนะนำของเพื่อนสนิท มือบางหยิบปากกาขึ้นมาพร้อมกับสายตากลมที่หันไปสนใจมอนิเตอร์เบื้องหน้าต่อก่อนจะฉุดคิดอะไรขึ้นได้ "เอ่อจิน แล้วยุนควรบอกบ็อบบี้ดีไหม"
ยุนฮยองมองหน้าเพื่อน คิ้วเล็กๆขมวดเข้าหากันอย่างกังวลใจ เขาไม่เคยเจอสถานการ์ณแบบนี้ เลยไม่รู้ว่าควรบอกบ็อบบี้ดีไหมว่าไปไหนกับใคร หรือไม่ควรบอกดี เพราะยังไงเราสองคนก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
"ฉันว่าถ้าเราบริสุทธ์ใจก็ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ถ้าบ็อบบี้ถามยุนก็บอกไปเลยว่าไปไหนกับใคร แต่ถ้าไม่ถามก็ไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง ในเมื่อยุนกับบ็อบบี้ยังไม่ได้คบกันเลย.. ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เอาเป็นว่าอะไรที่ทำให้ยุนไม่คิดมากก็เอาแบบนั้นแหละ"
จินฮวานร่ายยาวก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่คนตัวเล็กเบาๆ ยุนฮยองไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงพยักหน้าหงึกหงักเล็กน้อย แล้วหันไปสนใจเบื้องหน้าต่อ
เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ พร้อมกับอาจารย์วันสี่สิบกว่าๆ ที่ทำหน้าที่บรรยายเนื้อหาวิชาความรู้ จินฮวานวางปากกาลง พร้อมกับหนังตาที่ค่อยๆหย่อนลงเรื่อยๆ ปากสีชมพูอ่อนอ้าหาววอดก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีที่อาจารย์หันหลัง
"ขออนุญาติครับ" เสียงทุ้มปริศนาเอ่ยอยู่หน้าประตูห้อง "อาจารย์ศิลปะฝากเอกสารมาให้ครับ" ยิ่งฟังยิ่งคุ้น จินฮวานขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองช้าๆ ภาพบุคคลที่น่ารำคาญที่สุดในโลกยืนโค้งเก้าสิบอาศาพร้อมยื่นเอกสารสีขาวให้อาจารย์หน้าห้อง
คิมฮันบิน นายมาทำอะไรที่นี่!?
ได้แต่คิดในใจก่อนจะเบิกตาโพลงและขมวดคิ้วแน่นขึ้น เมื่อไอ้บุคคลน่ารำคาญกระซิบกระซาบกับอาจารย์หน้าห้องแล้วเดินเข้ามาหา 'ลียูริน' ดาวโรงเรียนสุดสวย ทั้งคู่ดูเหมือนจะพูดอะไรกันสักอย่าง ที่เขาไม่สามารถฟังได้ เนื่องจากนั่งห่างกันเกินไป
พูดจบไอ้เด็กหัวแดงก็ยิ้มและทั้งคู่ก็เดินออกไปพร้อมกันโดยที่ไม่หันมามองหรือทักทายเขากับลูกพี่ลูกน้องอย่างยุนฮยองเลยสักนิด!!!
โมโห!!!
จินฮวานไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองทำอะไรลงไป รู้สึกตัวอีกทีกระดาษเอสี่ที่ใช้จดการบ้านก็ถูกระเลงด้วยปากกาสีแดงจนขาดหวิ่น คนตัวเล็กมุ่ยปากพร้อมขมวดคิ้วแน่น สีหน้าและท่าทางที่แสดงออกเหมือนคนจับได้ว่าสามีแอบไปมีเมียน้อยไม่มีผิด
เพื่อนสนิทอย่างยุนฮยองที่นั่งมองเหตุการ์ณตั้งแต่ต้นก็แอบอมยิ้มน้อยๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดกล้าแซวอะไรออกไป
แต่เอ๊ะ!? ฮันบินกับลียูรินมีเรื่องอะไรกันอีกงั้นหรอ? จำได้ว่าทั้งคู่เคยคุยกันก่อนที่ฮันบินจะจีบจินฮวาน แต่ก็เลิกคุยกันแล้วนี่..
ยุนฮยองคิดในใจก่อนจะหันมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไงก็ไม่ควรตีโพยตีพายไปก่อน และอีกอย่างเขาก็มั่นใจร้อยเปอร์เซนต์ว่าคนอย่างคิมฮันบินลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่มีวันทำตัวแบบนั้นแน่นอน
ฟันธง!
แต่
ยุนฮยองอาจคิดผิด..
ตั้งแต่ฮันบินมาหายูรินที่ห้องก็ไม่เจอตัวเด็กหัวแดงนั่นอีกเลย พักกลางวันก็ไม่มากินข้าวด้วย พอถามบ็อบบี้และจุนฮเวก็ตอบกลับมาเพียงแค่ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน เห็นไปกับผู้หญิงสวยๆ คำตอบนั้นยิ่งทำให้จินฮวานโมโหจนไม่ยอมกินอะไร แถมไม่พูดไม่จาและเดินหนีหายไปไหนก็ไม่รู้
แล้วนี่ก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วสะด้วย ทุกครั้งฮันบินจะรอกลับพร้อมจินฮวานทุกวันแต่เห้ย! มันเลยมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ไลน์ก็ไม่ตอบ โทรก็ไม่รับ
หันมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเองแล้วต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ ถึงปากจะบอกว่าไม่สนใจ ชั่งมันเถอะ เรื่องของมัน แต่ดูสิ สีหน้าและท่าทางแบบนี้
เฮ้อออ
"ฉันกลับละนะยุน" จินฮวานหยัดตัวขึ้นเต็มความสูงพร้อมเอี้ยวตัวหันไปหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นสะพาย สีหน้าจินฮวานตอนนี้ดูไม่ดีเลยสักนิด อาจจะโมโหบวกน้อยใจหรือไม่ก็เซงๆ
ถ้าให้พูดตามตรง ตอนนี้จินฮวานเปิดใจรับฮันบินมากกว่าเดิมขึ้นเยอะ ตอนเช้ามาโรงเรียนพร้อมกัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน รวมถึงกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน แล้วนี่.. ดูน้องชายเขาทำ จะหายหัวไปไหนกับใคร ทำอะไรก็ควรที่จะบอกกันก่อน ปล่อยให้เพื่อนเขารอเก้อแบบนี้ มันใช้ได้ซะที่ไหน!
"ไม่รอฮัน.."
"ไม่อ่ะ ไม่รอแล้ว ชั่งมันเถอะ ฉันไปละ"
"ยุนกลับเป็นเพื่อนไหม เดี๋ยวไปหาชานอูวันหลังก็ได้"
"ไม่อ่ะ ...ไม่เป็นไรเมื่อก่อนฉันก็กลับคนเดียวนี่ แค่นี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก" จินฮวานตอบเสียงอ่อน พร้อมยิ้มเล็กๆ ส่งมาให้เหมือนที่เคยทำทุกครั้ง แต่ทำไมยุนฮยองถึงรู้สึกว่ามันเป็นการฝืนยิ้มสะมากกว่า
"ไม่เป็นไรจริงๆ เที่ยวให้สนุกนะแล้วก็อย่าคิดมากเรื่องนั้นล่ะ"
จินฮวานพูดดักทันทีที่ยุนฮยองกำลังจะเอ่ยปากพูด เขารู้ว่าเพื่อนสนิทคงเป็นห่วงเรื่องฮันบิน แต่ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ ก็อย่างที่บอกเมื่อก่อนก็กลับคนเดียว ยุนฮยองพยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมส่งมือตบไหล่เบาๆ ส่วนจินฮวานทำเพียงยิ้มอ่อนๆ ตอบแล้วหันหลังเดินไป
ซงยุนฮยองยืนถอนหายใจอย่างหน่ายๆ ในหัวพลันคิดนู่นคิดนี่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเรื่องชานอู หรือเรื่องฮันบิน คนตัวเล็กหย่อนตัวนั่งลงบนม้าหินอ่อน ที่ที่เขานัดกับรุ่นน้องคนสนิทไว้ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์ในมือสั่น เด็กหนุ่มก้มมองพร้อมเผยยิ้มออกมา
Bobby : รีบกลับนะครับ ผมเป็นห่วง
เมื่อตอนกลางวันยุนฮยองตัดสินใจบอกบ็อบบี้เรื่องจองชานอู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สนิทกันมาก เรื่องที่วันนี้จะไปกินข้าวด้วยกัน รวมไปถึงเรื่องที่ชานอูคิดยังไงกับเขา อีกฝ่ายทำเพียงนั่งตั้งใจฟังและพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ และบอกกับเขาด้วยประโยคที่คนฟังอย่างซงยุนฮยองต้องยิ้มกว้าง
'ผมเชื่อใจยุนฮยองนะครับ ขอบคุณที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ยังไงก็ไปไหนกลับเมื่อไหร่อย่าลืมไลน์บอกผมนะครับ'
ประโยคที่ดูพื้นๆไม่ได้โรแมนติกแต่ก็ส่งผลกับอัตราการเต้นของหัวใจให้ทำงานหนักขึ้น 'เชื่อใจ' สองพยางค์สั้นๆ ที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากใครคนไหน แต่ตอนนี้ได้ยินมันแล้ว..
ขอบคุณนะบ็อบบี้
45 per.
คนตัวเล็กในชุดนักเรียนนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนมันออกมาเบาๆ ยุนฮยองยกมือขึ้นเท้าคาง สายตายังคงทอดมองไปยังทีวีขนาดใหญ่ฉายรายตลกที่เขาชอบดู แต่เอาจริงๆ ตอนนี้ทีวีพูดอะไร แสดงอะไร ตลกแค่ไหน มันไม่ได้เข้าสมองเขาเลยสักนิด
ในหัวยุนฮยองตอนนี้มันมีแต่สีหน้าซึมๆของรุ่นน้องจองชานอูที่ลอยไปลอยมา พร้อมกับคำว่า 'ให้ผมอยู่ข้างๆพี่นะ' 'ผมเข้าใจ' 'ไม่เป็นไร' 'ผมโอเค'
ทำไงดี?
ปากสีแดงอวบอิ่มขบเม้มกันเป็นเส้นตรงก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟา มือสองข้างกุมอยู่ระหว่างหน้าขา ยุนฮยองหลับตาลงช้าๆปล่อยให้หัวสมองประมวลภาพเมื่อสองชั่วโมงก่อนขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
'พี่กับรุ่นพี่ที่ชื่อบ็อบบี้เป็นอะไรกันหรอครับ?' คำถามข้างต้นเรียกให้คนอายุมากกว่าเลิกคิ้วขึ้นสูง
'นายรู้เรื่องนี้ด้วยหรอ?'
'ครับ เพื่อนในห้องพูดให้ผมฟัง'
'อ่า..แล้วเพื่อนนายพูดอะไรให้ฟังบ้างล่ะ…' ยุนฮยองกลืนน้ำลายลงคอก่อนเอ่ยคำถาม ที่จริงเขาไม่ควรที่จะถามออกไปในบรรยากาศแบบนี้ เพราะมันอาจจะทำให้เราสองคนรู้สึกแย่ขึ้นมากกว่าเดิม แค่สีหน้าชานอูตอนนี้ก็ทำให้บรรยากาศโดยรอบหม่นหมองจนเห็นได้ชัด
'….ก็เขาบอกว่าพี่สองคน…สนิทกันมาก กลับบ้านด้วยกัน อยุ่ด้วยกันและดูเหมือน….' จองชานอูหลุบสายตาต่ำมองจานข้าวข้างหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเงยหน้าพูดต่อ '….พี่จะชอบพี่เขามาก' น้ำเสียงทุ้มสั่นเครือเล็กน้อยนั่นยิ่งทำให้คนตรงข้างรู้สึกโหวงในช่องท้องแปลกๆ อาจเพราะเขาไม่เคยคิดจะทำร้ายความรู้สึกของชานอูเลยสักนิด เขาเลยรู้สึกแย่ที่มันออกมาเป็นแบบนี้
ตลอดเวลาที่รู้จักกันเขาก็พยายามทำให้มันดูพี่น้องที่สุด พยายามไม่อยากให้ชานอูคิดมากกว่านี้ แต่ไม่รู้ว่าความพยายามของเขามันเกิดความผิดพลาดตั้งแต่เมื่อไหร่ ความรู้สึกของชานอูถึงเปลี่ยนไป
….เปลี่ยนไปจากคำว่าพี่น้องกลายเป็นคนรัก
ไม่ใช่ว่ายุนฮยองจะไม่รู้ เขารู้แต่ก็พยายามหลีกเลี่ยงและทำตัวให้เหมือนปกติที่สุด
'ชานอู..พี่ขอ..'
'พี่ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมเข้าใจผมไม่เป็นไร…ผมโอเค' น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งแต่มันกลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด นัยต์ตาเรียวจ้องมองคนเป็นพี่พร้อมเผยยิ้มแห้งๆ ก่อนจะยื่นมือของตนเองไปกุมมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะ ยุนฮยองมองตามมือก่อนจะช้อนสายตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน
เจ็บที่ทำให้คนดีๆอย่างชานอูผิดหวัง
เจ็บที่ความพยายามของเขาไม่เป็นผล
เจ็บที่ตัวเอง…ไม่สามารถชอบชานอูได้
'พี่อย่าทำหน้างั้นสิครับ ผมโอเค..'
'….'
'ถ้าพี่รู้สึกผิด รู้สึกแย่ พี่ก็ให้ผมอยู่แบบนี้ก็ได้ อยู่ข้างๆ พี่ เป็นน้องพี่แบบนี้ก็ได้..' คนตัวสูงพูดเบาๆ น้ำเสียงนิ่งๆ โดยที่มือยังคงกุมมือบางเอาไว้อย่างหลวมๆ ยุนฮยองจ้องตาเรียวตรงหน้าไม่กระพริบ สายตาที่ชานอูส่งมามันเต็มไปด้วยคำว่าอ้อนวอน ขอร้อง และเสียใจ
และเขาก็ไม่รู้จะทำยังไง…กับประโยคต่อไปนี้ดี?
'ให้ผมอยู่ข้างๆพี่ 'รอพี่' นะครับ'
"มานั่งหลับทำไมตรงนี้ เสื้อผ้าก็ไม่รู้จักเปลี่ยน เห้ย!ลุก" ยุนฮยองสะดุ้งเล็กน้อยพลางลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพพี่ชายตัวดำในชุดนอนลายการ์ตูนยืนเท้าสะเอวจังก้าอยู่ด้านหน้า คนเป็นพี่ใช้เท้าเขี่ยขาน้องชายไปหวังกวนใจ
หากแต่เขาต้องหยุดกระกระทำลงทันทีเมื่อสายตาและสีหน้าของน้องชายที่มองมามันไม่ได้ปกติเหมือนทุกครั้ง "เป็นอะไร?" ซงมินโฮหย่อนตัวนั่งข้างๆ พร้อมหันหน้าเข้าหา ยุนฮยองถอนหายใจออกมาหนักๆอีกครั้ง
ความเงียบเริ่มครอบคลุมเขาทั้งสองเมื่อยุนฮยอนไม่ปริปากพูดอะไรนอกจากนั่งถอนหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ คนเป็นพี่ยื่นมือหยิบรีโมทปิดทีวีก่อนจะหันมาถามคำถามเดิมอีกรอบ "เป็นอะไร?ห้ะ?"
"รู้สึกแย่ๆ"
"แย่? เรื่องอะไร?"
"ยุนทำลายความรู้สึกของคนที่คอยอยู่ข้างๆยุนมาตลอด"
"เดี๋ยวๆ หมายถึงใคร? ชานอู?"
"อือ ชานอูรู้เรื่องบ็อบบี้มาจากเพื่อนในห้องของเขา.. ยุนไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้นะ ยุนรู้ว่าชานอูชอบยุน แต่แบบยุนรู้สึกแค่พี่น้องจริงๆ ยุนรู้สึกแย่อ่ะเฮีย" คนตัวเล็กระบายความอัดอั้นออกมา เขายกมือปาดน้ำตาที่หางตาก่อนจะเริ่มร่ายยาวอีกครั้ง
"ชานอูเขาดีกะยุนนะ เฮียก็รู้.. เฮียต้องเห็นอ่ะ ชานอูดูซึมๆ ขากลับก็พูดน้อย แถมยังบอกว่าจะรอ จะอยู่ข้างๆ อีก ยุนไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่อยากทำร้ายความรู้สึก ฮึก.." ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิด น้ำตาที่กักเก็บไว้ค่อยๆ ไหลลงมาเป็นสาย ซงยุนฮยองยกมือปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะซุกหน้าที่ไหล่ของพี่ชายแล้วปล่อยเสียงสะอื้นออกมา
"เห้ๆ อย่าร้อง" มินโฮยกมือลูบหัว ลูบไหล่ไปมา ความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายเขากับชานอู เขาก็รู้ เด็กนั่นเป็นคนดี เชื่อใจได้ และชอบน้องชายเขาไม่แพ้ใครแน่นอน เอาจริงๆ เขายังแอบหวังให้ยุนฮยองคบกับชานอูมากกว่ารุ่นพี่ท็อป หรือบ็อบบี้อะไรนั่นอีก
"แค่นี้ยังน้อยนะยุน ความรักอ่ะมันมีอะไรมากกว่านี้เยอะ เรายังไม่เคยรักใครจริงๆ จังๆ ไม่เคยคบใคร อุปสรรคแค่นี้ยังน้อย เข็มแข็งไว้.. เดี๋ยวชานอูก็ดีขึ้น อย่าร้องหน่า.. ทำตัวให้ปกติเชื่อพี่"
ซงมินโฮสะบัดคราบพี่ชายกวนตรีนออกเป็นและสวมคราบพี่ชายที่แสนอบอุ่นในทันที มือหนาลูบหัวลูบไหล่อย่างไหล่มีหยุด น้ำเสียงทุ้มเอ่ยสรรหาคำพูดปลอบ
ยุนฮยองอาจจะดูโต ดูเป็นผู้ใหญ่… แต่ไม่ใช่หรอก น้องชายของเขาคนนี้เด็กนัก โดยเพราะเรื่องความรักเนี่ย
…เขาถึงเป็นห่วงไง
"ฮึก ก็มันไม่รู้จะ..ฮึก..มองหน้าชานอูยังไง..มันรู้สึกผิดทั้งๆ ที่ชาน..ฮึก ดีกับยุนมาตลอดนี่…" ยุนฮยองผละออกก่อนจะยกมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ใบหน้าเล็กแดงกร่ำตั้งแต่หูยันจมูก "…เฮียไม่เข้า ฮึก ใจหรอก.." เชิดหน้าเถียงพร้อมปล่อยโฮขึ้นมาอีกระลอก
"ทำไมจะไม่เข้าใจ…" คนเป็นส่ายหัวเนือยๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่บนโต๊ะก่อนจะส่งยื่นให้ แต่ยุนฮยองกลับไม่เอา "…เลิกร้องได้แล้ว" คนตัวเล็กขยับศรีษะหนีมือเล็กขยี้หน้าขยี้ตาเหมือนเด็ก ส่วนมินโฮก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนจะจับแขนเล็กออกพร้อมใช้ทิชชู่เช็ดให้
"ทำตัวเหมือนตอนเด็กๆ เลยน้า"
"ไม่ต้องมาพูด..เลย ฮึก ปล่อยเช็ดเองได้ ฮึก" ยุนฮยองช้อนสายตามองอย่าเคืองๆ แล้วหยิบทิชชู่ในมือหนา มาซับน้ำตาบนใบหน้า
"นี่ยุน.. ทำไมพี่จะไม่เข้าใจ ความรักอ่ะ มันโหดร้ายกว่านี้เยอะ"
"พูดอย่างกะเฮียเคยเจอมา"
"ก็เคย…" ซงมินโฮนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเผยยิ้มบางๆ "คนที่เรารักจากเ.…" ประโยคหลังดูแผ่วเบาจนขาดหาย ยุนฮยองหรี่ตามองจับผิด วูบนึงที่คนเป็นน้องสัมผัสได้ในแววตาที่สั่นเครือนั้นมันเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่
"หะ จากอะไร? พูดให้จบสิเฮียยย" ยุนฮยองชักสีหน้าสงสัย คิ้วเล็กขมวดกันพร้อมหรี่ตามองอย่างคาดคั้นคำตอบ ส่วนมินโฮก็แสร้งทำเป็นหาวและยกมือบิดขี้เกียจ "เฮียไม่ต้องมาทำเป็นง่วง เล่าให้ฟังก่อนนนน" คนตัวเล็กยื่นแขนเขย่าขาคนข้างๆไปมา
"ไปนอนนนนนดีกว่าาาาา" ยกมือปิดปากหาวก่อนจะลุกเดินหนีเข้าห้องนอน ปล่อยให้คนเป็นน้องบ่นเป็นหมีกินผึ้งตามหลัง
ซงมินโฮหย่อนตัวนั่งบนเตียงในห้องนอนตัวเอง เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วค่อยๆ เอื้อมมือเปิดลิ้นชักสีขาวบนหัวเตียง คนตัวสูงหยิบข้อมือเชือกถักสีน้ำตาลขึ้นสำรวจก่อนจะอมยิ้ม จี้สีเงินถูกสลักตัวอักษรย่อ ' MG ' เป็นสิ่งเดียวที่คอยเตือนใจความรักที่เคยสดใสในครั้งก่อน
ความรัก…ถึงมันจะเจ็บปวดขนาดไหน แต่มันก็ยังคงสวยงามเสมอ…
ตื้ดดดด ตื้ดดดด
มินโฮเก็บข้อมือสีน้ำตาลเข้าลิ้นชักแล้วชะโงกหน้ามองปลายสายที่โทรหา
'นัมแท'
[ผมโทรหาพี่ตั้งหลายสายทำไมไม่รับ ห้ะ ทำไรอ่ะ ไหนบอกอาบน้ำยี่สิบนาทีนี่จะสองชม.ละไอบ้า ไปวิดน้ำอยู่ใต้บาดาลหรือไง!!!]
"ฮะๆ"
[หัวเราะไรเนี่ยย!! ทำผมโมโหสนุกมากหรือไง!]
"แทฮยอน"
[อะไรรรรรรรรรร ผมงอลพี่อยู่อย่าเรียก]
"พี่รักเรานะ อย่า…ทิ้งพี่ไปไหนล่ะ"
[…เป็นไรเนี่ย วิดน้ำจนท่วมสมองหรือไง พูดอะไรประสาทๆ]
"…."
[อย่าเงียบดิ พี่จริงจังใช่ป่ะ จริงจังก็จริงจัง เออ ผมไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอก คนอย่างพี่ชาตินี้คงหาไม่เจอแล้ว]
"น่ารักมาก มาดึ้บทีสิ้"
[ทะลึ่งละไอบ้าาา ไม่คุยด้วยแล้วว]
ซงมินโฮยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนจะเอนกายนอนลงบนที่นอน
พี่ควรอยู่กับปัจจุบันได้แล้วสินะ? กาอิน…….
k'hanbin : พี่จินผมขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งนะครับ พรุ่งนี้ผมอาจไปโรงเรียนก่อน พี่ไม่ต้องรอผมนะครับ
k'hanbin : พี่จิน ทำไรอยู่หรอ ทำไมอ่านไม่ตอบ โกรธผมหรอ
k'hanbin : พี่ครับ ผมขอโทษนะ
k'hanbin : ฝันดีครับ
จินฮวานมองโทรศัพท์ในมือก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อข้อความคำว่าฝันดีเด้งขึ้นมา เหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียงบ่งบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่คิมฮันบินจะนอน พึ่งสี่ทุ่มเองนี่ ปกติไอเด็กนี่ชวนเขาคุยกว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืน
แล้วก็.. ปกติถ้าอ่านไม่ตอบ มันจะโทรมาหนิ แล้วไหงเป็นงี้วะ ชั่งแม่ ง ชั่งมัน ไม่สนใจแล้วโว้ยยยยยย!! คนตัวเล็กบุ้ยปากใส่พร้อมวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียง ก่อนจะพาร่างเล็กๆ ของตัวเองนอนลงบนที่นอน หยิบผ้าห่มขึ้นห่มแล้วค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ
แต่แล้วมันก็ไม่หลับ…
ความหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อนอนยังไงก็ไม่หลับสักที หันซ้ายก็แล้ว หันขวาก็แล้ว นับแกะก็แล้ว ข่มตายังไงก็ไม่หลับ คนตัวเล็กอาจไม่ชินที่ต้องนอนเวลานี้ หรือไม่ก็เพราะความกังวลที่คอยรบกวนจิตใจจนส่งผลให้ข่มตานอนยังไงก็ไม่หลับ
"เฮ้อ" จินฮวานเด้งตัวขึ้นมา มือเล็กๆ คว้านหาโทรศัพท์บนหีวเตียงแล้วกดเข้าแอฟเฟสบุ้คเพื่อเช็กข่าวสารหน้าฟีด นิ้วโป้งเลื่อนขึ้นเลื่อนลงก่อนสายตาจะสะดุดที่..
kim hanbin > lee yurin เมื่อสามนาทีที่แล้ว
'พรุ่งนี้มาเช้าๆนะครับ'
"ไอสัส!! ไหนบอกนอนห่าเอ้ยย!!แม่ ง!!" สบถด่าก่อนจะปาโทรศัพท์ลงที่พื้นด้วยความโมโห คิ้วเล็กขมวดกันแน่น ปากเล็กพรึมพรำด่าไม่มีหยุด ทั้งหงุดหงิด ทั้งไม่เข้าใจ ทำไมต้องโกหก? ไหนจะนอน? แล้วทำไมต้องไปเช้า? มีอะไรกัน? ทำไมไม่พูด ไหนบอกมีอะไรต้องบอกกันไง
"แม่ ง.."
100per.
เนื้อเรื่องค่อยๆปูเอาไวนะคะ ค่อนข้างไม่มีอะไรชัดเจน
ออกมาทีละนิดๆงี้ ฝากติดตามเรื่อยๆด้วยล่าา
สงสัยเรื่องบิล่ะสิ้ ไม่ใช่แค่บิละ มิมิก็น่าสงสัย
555555555555555555555555555
ส่วนใครตั้ง ทีมชานอู โอโห5555555555555555555555555
ทำไมไม่มีใครเชียร์บิ บิเป็นพระเอกเลยนะเห้ย
555555555555555555555555555
เม้นให้เราด้วยล่าา ไม่เม้นไม่รักนะะ
จุบุ <3
ความคิดเห็น