ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตะลุยกรุงเก่า ราคา 42 บาท
ค้นหาความสุขใกล้บ้านกับเงิน 42 บาทเท่านั้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้าพเจ้าเริ่มเมื่อยแล้วเหมือนกันนะเนี่ย
ถึงหน้า มหาวิทยาลัยศิลปากรวังท่าพระ เพื่อนหยกก็โทรมาหาเพื่อนมดพอดี
เพื่อนหยกถึงกับขำเมื่อรู้ว่าเพื่อนมดกำลังทำสิ่งที่ดูเหมือนการประชดชีวิตมากกว่าการผจญภัยอยู่
ข้าพเจ้าเลยอาศัยโอกาสนี้ฝากฝังเพื่อนหยก ให้แจ้งพ่อของข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้าไม่กลับบ้านในอีกชั่วโมง!
ถึงท่าช้างพอดี
ข้าพเจ้าขึ้นเรือข้ามฟาก ไปวังหลัง
หันซ้ายหันขวาถ่ายรูปในเรือไว้เต็มเลย
ข้าพเจ้าพยายามคิดว่าข้าพเจ้าเหมือนคนญี่ปุ่นมาเที่ยว
ถ่ายรูปใหญ่เลย คงไม่ใช่ภาพที่แปลกสำหรับคนในเรือ
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่าคนญี่ปุ่นเค้าใส่ขาก๊วยกันรึเปล่า?
เออใช่ มีคนหัวเราะข้าพเจ้าด้วยตอนถ่ายรูปไอติม
แต่ข้าพเจ้าไม่แคร์ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนญี่ปุ่น
คนต่างชาติทำอะไรก็ไม่ผิด!
กินไอติมเสร็จก็ลงเรือข้ามฟาก แต่คราวนี้เปลี่ยนจากกลับไปวังหลัง เป็นไปลงท่าพระจันทร์แทน
วันนี้ไม่มีขายของตรงข้างประตูธรรมศาสตร์ เพราะเป็นวันจันทร์ แต่ก็มีเด็ก 2 คนมีนั่งตีระนาดขอเงิน
คิดๆ ดู ข้าพเจ้าก็คงไม่ได้ใช้เงินทำอะไรแล้ว ก็ควักเหรียญที่เหลือทั้งหมดให้เป็นของขวัญกับเด็กน้อย
สบายใจดีแท้
เดินกลับบ้านด้วยเส้นทางที่ต่างไป
เดินไปหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เลียบ ถนนราชดำเนิน ไปเลี้ยวเข้าสี่แยกคอกวัว
มุ่งหน้าไปทางวัดมหรรณพาราม
ผ่านศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลาว่าการกรุงเทพฯ
โฉบหน้าร้านทำพระมากมาย และท้ายสุด เลี้ยวเข้าซอยบ้านจนได้
ปิดประตูบ้านเวลา 18.05 น.
ความสุขและความตื่นเต้นง่ายๆ ราคา 42 บาทเท่านั้น
ลองกันมั่งดิ
แล้วคุณจะรู้ว่าการเดินทาง ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
ฮิ้ววววว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอน ๑
เหตุการณ์สำคัญในวันนี้ คือ มันช่างเป็นวันจันทร์ที่เงียบหงอยเหงาเสียนี่กะไร
ก็เงี้ยแหละ พอมีอะไรทำ มีชีทกองเป็นตั้งให้อ่าน กรูก็บ่นเอ๊าบ่นเอา
พอได้นอนอยู่บ้านแป๊บๆ ก็ต้องรีบกระดิกหางหาอะไรทำ ตามประสาคนไม่อยู่นิ่ง
ถ้าไม่เปิดไดอารีมาดูก็คงลืมไปแล้ว ว่าเพิ่งอยากจะนอนเอ๋ออยู่บ้านไปหยกๆ
นางสาวปวลี เพื่อนของข้าพเจ้าเคยปรามาสเอาไว้ตอนที่ข้าพเจ้าให้คำมั่นว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป
จะตั้งใจร่ำเรียนหนังสืออย่างเดียว พอกันทีชีวิตอิดโรยของนักกิจกรรม
"ขอให้จริงเห๊อะ เดี๋ยวแกก็ไม่ว่าง เชื่อเหอะ"
ตอนนั้นข้าพเจ้านึกขันเพื่อนคนนี้ยิ่งนัก ด้วยความไม่ประสาและไม่แตกฉานในเจตจำนงการเป็น 'เด็กเนิร์ด' ของข้าพเจ้า
หากแต่คำพูดของมันก็เป็นจริงในอีกไม่นานต่อมา เมื่อข้าพเจ้าได้ไปรับปากเป็นหัวหน้าประชาสัมพันธ์ โครงการประกวดวงดนตรีของคณะ
หรือจะเรียกว่า พลั้งปาก ก็ไม่ผิด
ตามมาด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่ยาวเป็นหางว่าวทั้งในและนอกคณะ
เรียกว่า ข้าพเจ้าเป็นคนชอบหาเรื่องใส่ตัว
แกว่งเท้าหาเสี้ยน หรืออะไรก็ตาม ก็ย่อมได้
ข้าพเจ้าจึงเริ่มตระหนักในธรรมชาติของข้าพเจ้าขึ้นมาครามครัน
นิสัยอดไม่ได้ที่เห็นคนอื่นทำงานแล้วตัวเองไม่ได้ทำ จนสุดท้ายต้องขอเสนอหน้าไปทำกับเค้าด้วยนี่มันแก้ไม่หายจริงๆ
เพื่อนของข้าพเจ้าโปรดอย่าใส่ใจ หากข้าพเจ้าบ่นอะไรให้ฟัง
เพราะข้าพเจ้าทราบดี ก็ที่เหนื่อยจนต้องบ่น ก็เพราะข้าพเจ้าดั๊นไปรับมาเอง!
เอาล่ะ เมื่อรู้จักตัวตนของตนเองแล้ว
ข้าพเจ้าก็ไม่รีรอที่จะทำตามสัญชาตญาณดิบในตัวของข้าพเจ้าอีกต่อไป
ประกอบกับช่วงนี้ข้าพเจ้าอ้วนมาก
ใส่กระโปรงสอบแล้วคับชิบเป๋ง
เลยอยากหาอะไรทำเพื่อเผาผลาญแคลอรี บลา บลา รอบเอว
ใส่กระโปรงสอบแล้วคับชิบเป๋ง
เลยอยากหาอะไรทำเพื่อเผาผลาญแคลอรี บลา บลา รอบเอว
ในเมื่อวันนี้ มันน่าเบื่อถึงเพียงนี้
ไฉนเลยไม่ออกผจญภัยบนโลกกว้าง
แต่ด้วยทุนทรัพย์
ไฉนเลยไม่ออกผจญภัย ... แถวๆ บ้าน
แต่ด้วยทุนทรัพย์
ไฉนเลยไม่ออก 'เดิน' ผจญภัยด้วยสองแข้ง
แต่ ด้วยทุนทรัพย์อีก
ก็ไม่ต้องพกตังค์ไปแม่งเลย!
การผจญภัยด้วยตนเองด้วยเสื้อยืด กางเกงขาก๊วย รองเท้าแตะ
และเหรียญบาท 1 กำมือ
จึงเริ่มต้นขึ้น!
โปรดติดตาม!
_ _ _
ตอน ๒
มัดผม ใส่แว่นตากรอบแดงอันเก่ง และไม่ลืมคล้องโทรศัพท์มือถือไว้ที่คอ
ทรัพย์สินติดตัวมีเพียงเหรียญบาท 1 กำมือในกระเป๋าตุงๆ เท่านั้น
โอ้ น้ำหนักเหรียญมันหนักโขอยู่ ทำเอาขอบยางยืดของกางเกงหล่นลงไปเกือบนิ้ว
ข้าพเจ้าบรรจงดึงเชือกกางเกง ขมวดเป็นปมแน่น ป้องกันการเลื่อนหลุดระหว่างผจญภัย
15.47 น. สองเท้าออกเดิน จุดหมายของวันนี้คือเดินจาก เสาชิงช้า ไป สิ้นสุดที่ร้านไอติมโคน 18 บาท ณ วังหลัง
ระยะทางมิใช่น้อย แต่ข้อยสู้ยิบตา
เริ่มต้นจากซอยไบเล่ อันเป็นถิ่นของพ่อหนุ่ม แดง ไบเล่ - BAD BOY รุ่นเดอะที่ข้าพเจ้านิยมชมชอบ
ทะลุไปแถบหน้าโรงเรียนเบญจมราชาลัย แล้วข้ามถนนไปยัง วัดสุทัศนเทพวราราม
เดินทะลุวัดสุทัศน์ไปออก ถนนอะไรก็ไม่รู้ แล้วเดินทะลุตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่งที่จำได้ว่า
ย่าเคยพาเดินผ่านบ่อยครั้งสมัยเด็กๆ ตอนไปจ่ายตลาดยามเช้าที่ตลาดกรอกหม้อ หรือ ตรอกหม้อ
นานหลายปีแล้วทีเดียวที่ข้าพเจ้าไม่ได้เดินผ่านย่านค้าของสดแห่งนี้
ก็ตั้งแต่ชีวิตเริ่มไปพัวพันกับการเรียนพิเศษที่สยามแสควร์นั่นแหละ
คิดๆ แล้วก็น่าจะเดินผจญภัยแต่เช้า
จะได้แวะกินขนมเบื้อง ที่มาทีไรก็ต้องบอกให้ย่าซื้อทุกทีไป
เดินๆๆๆๆๆๆ จนถึงกระทรวงมหาดไทย ข้ามไปข้ามมาจนถึงกระทรวงกลาโหม
ตึกกระทรวงนี้สวยมากๆ ใช้เป็นที่ถ่ายหนัง โฆษณาและ MV มากมาย
เดินอ้อมผ่านหน้ากระทรวงกลาโหม
ก็จะเป็นถนนเลียบ วัดพระแก้ว
วัดที่สำคัญที่สุด ใกล้บ้านกรูที่สุด แต่เคยไปน้อยที่สุด!
ครั้งล่าสุดที่ไปคือ ไปนั่งยองๆ ข้างกำแพงขอพรพระแก้วก่อนขึ้นเครื่องไป AFS
น่าละอายใจจริงๆ
ก็จะเป็นถนนเลียบ วัดพระแก้ว
วัดที่สำคัญที่สุด ใกล้บ้านกรูที่สุด แต่เคยไปน้อยที่สุด!
ครั้งล่าสุดที่ไปคือ ไปนั่งยองๆ ข้างกำแพงขอพรพระแก้วก่อนขึ้นเครื่องไป AFS
น่าละอายใจจริงๆ
ข้าพเจ้าเริ่มเมื่อยแล้วเหมือนกันนะเนี่ย
ถึงหน้า มหาวิทยาลัยศิลปากรวังท่าพระ เพื่อนหยกก็โทรมาหาเพื่อนมดพอดี
เพื่อนหยกถึงกับขำเมื่อรู้ว่าเพื่อนมดกำลังทำสิ่งที่ดูเหมือนการประชดชีวิตมากกว่าการผจญภัยอยู่
ข้าพเจ้าเลยอาศัยโอกาสนี้ฝากฝังเพื่อนหยก ให้แจ้งพ่อของข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้าไม่กลับบ้านในอีกชั่วโมง!
ถึงท่าช้างพอดี
ข้าพเจ้าขึ้นเรือข้ามฟาก ไปวังหลัง
หันซ้ายหันขวาถ่ายรูปในเรือไว้เต็มเลย
ข้าพเจ้าพยายามคิดว่าข้าพเจ้าเหมือนคนญี่ปุ่นมาเที่ยว
ถ่ายรูปใหญ่เลย คงไม่ใช่ภาพที่แปลกสำหรับคนในเรือ
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่าคนญี่ปุ่นเค้าใส่ขาก๊วยกันรึเปล่า?
ถึงวังหลัง หลังจ่าย 3 บาทค่าเรือเสร็จ
ข้าพเจ้าก็ตรงดิ่งไปยังไอศครีมโยเกิร์ตที่อยากกินมานานหลายวันทันที
สั่งกีวีสตรอเบอร์รีผสมกัน 1 โคน
แลกกับเหรียญบาท 18 เหรียญให้พี่คนขายเอาไปนับเล่น
พี่คนขายแอบเหลือบมองหน้าข้าพเจ้าเล็กน้อย
แต่ ฮ่าๆ ข้าพเจ้าไม่แคร์
ไอติมเปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติดีมีระดับ 1 โคนช่างเหมือนสวรรค์ หลังจากฝ่าฟันแดดเปรี้ยงๆ รายทาง
ทำให้นึกถึงเพลง More Than Lemonade ของวง T-Square
" Like a lemonade in summer day .. "
ข้าพเจ้าก็ตรงดิ่งไปยังไอศครีมโยเกิร์ตที่อยากกินมานานหลายวันทันที
สั่งกีวีสตรอเบอร์รีผสมกัน 1 โคน
แลกกับเหรียญบาท 18 เหรียญให้พี่คนขายเอาไปนับเล่น
พี่คนขายแอบเหลือบมองหน้าข้าพเจ้าเล็กน้อย
แต่ ฮ่าๆ ข้าพเจ้าไม่แคร์
ไอติมเปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติดีมีระดับ 1 โคนช่างเหมือนสวรรค์ หลังจากฝ่าฟันแดดเปรี้ยงๆ รายทาง
ทำให้นึกถึงเพลง More Than Lemonade ของวง T-Square
" Like a lemonade in summer day .. "
สิริเวลานับแต่จากบ้านจนถึงร้านไอติมได้ 45 นาทีพอดี
เดินไปกินไปจนเหลือแต่โคน ก็พลันนึกได้ว่า เชี่ยและ ลืมถ่ายรูป!
เลยต้องหันกลับไปแลกอีก 18 เหรียญกับไอติมมาอีกโคน
สรุป ไอติม 2 โคน = แคลอรีที่ข้าพเจ้าเผาผลาญมาทั้งหมดพอดี
เฮือก
เดินไปกินไปจนเหลือแต่โคน ก็พลันนึกได้ว่า เชี่ยและ ลืมถ่ายรูป!
เลยต้องหันกลับไปแลกอีก 18 เหรียญกับไอติมมาอีกโคน
สรุป ไอติม 2 โคน = แคลอรีที่ข้าพเจ้าเผาผลาญมาทั้งหมดพอดี
เฮือก
เออใช่ มีคนหัวเราะข้าพเจ้าด้วยตอนถ่ายรูปไอติม
แต่ข้าพเจ้าไม่แคร์ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนญี่ปุ่น
คนต่างชาติทำอะไรก็ไม่ผิด!
กินไอติมเสร็จก็ลงเรือข้ามฟาก แต่คราวนี้เปลี่ยนจากกลับไปวังหลัง เป็นไปลงท่าพระจันทร์แทน
วันนี้ไม่มีขายของตรงข้างประตูธรรมศาสตร์ เพราะเป็นวันจันทร์ แต่ก็มีเด็ก 2 คนมีนั่งตีระนาดขอเงิน
คิดๆ ดู ข้าพเจ้าก็คงไม่ได้ใช้เงินทำอะไรแล้ว ก็ควักเหรียญที่เหลือทั้งหมดให้เป็นของขวัญกับเด็กน้อย
สบายใจดีแท้
เดินกลับบ้านด้วยเส้นทางที่ต่างไป
เดินไปหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เลียบ ถนนราชดำเนิน ไปเลี้ยวเข้าสี่แยกคอกวัว
มุ่งหน้าไปทางวัดมหรรณพาราม
ผ่านศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลาว่าการกรุงเทพฯ
โฉบหน้าร้านทำพระมากมาย และท้ายสุด เลี้ยวเข้าซอยบ้านจนได้
ปิดประตูบ้านเวลา 18.05 น.
ความสุขและความตื่นเต้นง่ายๆ ราคา 42 บาทเท่านั้น
ลองกันมั่งดิ
แล้วคุณจะรู้ว่าการเดินทาง ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
ฮิ้ววววว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น