วันนึง วันนั้น วันนี้
อากาศบนแบคทีเรียของแม่น้ำกลางกรุงนี้ ยังทำให้กิ่งสดชื่นได้เหมือนเดิม กิ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งตัวเดิม มองไปฝั่งซ้ายมือเป็นที่นั่งที่ว่างเปล่า แต่กิ่งก็ยังยิ้มให้กับที่ว่างนั้น ยิ้มให้กับสายน้ำ แสงสุดท้าย และโชคชะตาอีกครั้ง
ผู้เข้าชมรวม
212
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
วันนึง
กิ่งนั่งฟรีของคณะรถกลับมาจากศาลายา เพื่อไปขอทรานสคลิบ ของการเป็นนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขอพี่คนขับลงที่ตรงแยกคอกวัว เดินลัดเลาะผ่านย่านชุมชนที่เรียกว่าบางลำพู และก็แวะกินโรตีมะตะบะ แกงสมัสมั่น ที่ร้านเก่าแก่และมีชื่อเสียงตรงหัวมุม ของถนนที่เรียกว่าถนนพระอาทิตย์
ด้านหน้าคือสวนสันติชัยปราการ กิ่งเดินเข้าไปนั่งที่ม้านั่งยาวตัวนึงที่อยู่ริมแม่น้ำ ฝั่งขวามือที่มองออกไปเป็นสะพานพระรามแปด ซ้ายมือสุดคือโรงพยาบาลศิริราช ด้านหน้าเป็นอาคารโบราณที่ดูเหมือนจะร้าง แต่กิ่งก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
กิ่งนั่งหันหน้าตรงไปยังแม่น้ำ ที่ที่มีความเคลื่อนไหวของกระแสน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่ก็กลับสัมผัสได้ถึงความสงบนิ่ง ไหลลึกลงสู่จิตใจ กิ่งสูดอากาศจากสายน้ำใหญ่เข้าไปเต็มปอด อากาศจากที่ที่สงบสุขท่ามกลางเมืองที่พลุกพล่านวุ่นวายที่สุดของประเทศนี้
ภาพในอดีตตั้งแต่จำความได้ของกิ่งก็ฉายซ้ำด้วยความเร็วแสง เหตุการณ์ต่างๆที่ถูกซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจปรากฏขึ้นภาพแล้วภาพเล่า ภาพของกิ่งตอนนั้นคือ เด็กน้อยวัยห้าขวบ ที่กำลังเล่นอยู่กับพวกพี่น้อง และเพื่อนเด็กในวัยเดียวกัน อยู่ที่ลานหน้าบ้าน ไม่ไกลจากนั้นมีชุดม้าหินอ่อนตั้งอยู่ใต้ต้นชมพู่ ต้นใหญ่ที่มีลูกสีแดงสดอยู่เต็มต้น
พ่อของกิ่งซึ่งอยู่ในวัยหนุ่ม แข็งแรง และใจดี กำลังนั่งอยู่กับเอกสารหนังสือมากมายสำหรับเตรียมการสอนสำหรับพรุ่งนี้ แต่พอก็ไม่วายที่จะเรียกกิ่งและพวกเด็ก ให้ไปเล่มเกม 20 คำถามกัน เกมซึ่งเกิดขึ้นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี้เป็นประจำ พวกเราเด็กๆ พากันตั้งคำถามเพื่อที่จะหาว่าในที่สุดแล้ว สิ่งที่ซ่อนอยู่นั้นคืออะไร และก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เมื่อมีใครซักคนพยายามจะตอบในสิ่งที่ไกลจากคำตอบที่ถูกเอามากๆ และสำหรับวันนี้ พ่อมีการแข่งขันคิดเลขเร็วด้วย โดยพ่อจะเป็นคนบอกโจทย์ และพวกเราก็จะแข่งกันคิดและใครตอบได้เร็วและถูกต้องก็จะเป็นฝ่ายชนะ พวกเราเล่นกันอยู่อย่างนี้จนถึงเวลาที่พ่อจะต้องเตรียมเอกสารของพ่อต่อ เราก็จะมาเล่นเตย เล่นซัดลิง และมอญซ่อนผ้ากันต่อจนเย็น
กิ่งมองตามทางโคจรของพระอาทิตย์ไปจึงถึงด้านที่เรียกว่าตะวันตก ทิศตะวันตกที่มองจากบ้านกิ่ง ห่างออกไปราวสิบกิโลเมตร คือภูเขาพระบาท เป็นภูเขาเล็กๆไม่กี่ลูกเรียงกันเป็นแถวตามแนวเหนือใต้
กิ่งมองผ่านทุ่งนาที่กำลังมีต้นข้างงอกใหม่สีเขียวสด และทิวของต้นตาลโตนดไปยังที่ ณ ภูเขาพระบาทแห่งนั้น กิ่งรู้แค่เพียงว่า มีบ้านของยายอยู่ก่อนถึงภูเขานั้น ที่ซึ่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่นั่น โลกทั้งโลกของเด็กวัยห้าขวบอย่างกิ่ง จะเกิดขึ้นที่ทะเลฝั่งตรงข้ามและสิ้นสุดลงที่ภูเขาแห่งนั้นทุกวัน
**** อารมย์ที่ดำดิ่งลึกลงสู่ห้วงของจิตใจกลับขึ้นมา ณ ปัจจุบันอีกครั้ง
วันนี้กิ่งเป็น somebody ที่อยู่ในมหาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ ที่ที่อีกหลายคนใฝ่ฝัน อยู่กลางเมืองหลวงที่เรียกว่า มหานคร มีอะไรมากมายที่แตกต่างจากบ้านของกิ่ง และไกลจากบ้านของกิ่งมากมาเหลือเกิน
เรือลากทรายค่อยๆผ่านสายน้ำด้านหน้ากิ่งไปช้าๆ อากาศที่ผ่านสายน้ำ บวกกกับละอองน้ำที่มีแบคทีเรียปนอยู่ซักร้อยชนิด สัมผัสผ่านใบหน้าและร่างกายกิ่ง ตรงที่นั่งด้านซ้ายมือกิ่ง มีผู้หญิงอีกคนนึงนั่งอยู่ คนที่มาจากอีกฝากหนึ่งของประเทศ คนที่ชอบบอกใครๆว่าตัวเองสวย คนที่สูง 168 ผิว คล้ำ คนที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างไฟแลปและเล่าเรื่องชีวิตตังเองที่เมืองนอกได้ในขณะที่นั่งกินตำซั่วอยู่ใต้ทางด่วน คนที่ถามกิ่งว่ากิ่งไม่กลัวเค้าเหรอ คนที่กิ่งตอบว่าไม่ เพราะกิ่งรู้ว่าเค้าไม่มีวันทำร้ายกิ่ง คนที่กิ่งเรียกว่าเพื่อน คนที่เป็นเพื่อน คนที่คือเพื่อน
ยิ้มๆน้อยๆตรงมุมปาก ให้กับเพื่อน ให้กับสายน้ำ ให้กับแสงสุดท้ายของวัน ให้กับโชคชะตาที่นำพาเด็กบ้านนอก ที่เล่นดินเล่นทราย ไปวันๆ ได้มานั่งอยู่ ณ ที่นี้ได้ ได้ผ่านเรื่องที่ไม่ทุกข์นัก ไม่สุขมาก มาได้จนถึงทุกวันนี้ .....
วันนี้
กิ่งกลับมาที่ม้านั่งตัวเดิม มองออกไปยังที่เดิม ความสงบนิ่ง ไหลลึกของสายน้ำไหลลงสู่ห้วงลึกในจิตใจของกิ่งอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ในชีวิตที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงฉายซ้ำอีกครั้ง และฉายต่อเหตุกาณ์จากครั้งที่แล้ว
กิ่งกำลังอยู่ตรงมุมหนึ่งในห้องสี่เหลี่ยม แคบๆ มืดและอับ มีจอคอมพิวเตอร์ ที่เปิดไป homepage แล้ว homepageเล่า เปิดไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีจุดหมาย ด้านซ้ายมือเป็นจานอาหารตามสั่งที่พร่องลงไปเล็กน้อย ขวามือก็เป็นหนังสือสารพัดชนิดที่กิ่งหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนั้นๆ ด้านหน้าคือแผนการ ความใฝ่ฝันมากมายของกิ่งที่กิ่งรอเวลาที่จะทำ โทรศัพท์ที่ aviable อยู่ตลอดเวลาที่ด้านหลัง บนหัวกิ่งนี่เป็นคำถาม เป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบว่าเมื่อไหร่กิ่งจะเรียนจบ
แต่สิ่งที่กิ่งกำลังแบกใส่หลังที่หนักอึ้งที่สุดคือ ความเป็นตัวตนของกิ่ง จิตวิญญาณที่ถูกขังไว้ในร่างกายที่อึดอัด คับแคบ สกปรก และเจ็บป่วย จิตวิญญาณที่อยากจะออกมาโบยบิน เริงร่า มีอิสระ และเป็นชีวิตที่สวยงามอย่างผีเสื้อ ถ้าจิตวิญญาณแห่งความสุขนั้นเทียบได้กับผีเสื้อ สิ่งที่กิ่งกำลังเป็นตอนนี้คือดักแด้ที่พัฒนาจนเต็มที่ มีผีเสื้อที่พร้อมจะโบยบินอยู่ภายใน แต่อาจมีความผิดพลาดอะไรซักอย่าง ที่ทำให้เปลือกแห้งไร้ค่าของดักแด้ไม่เปิดออก ผีเสื้อที่พร้อมจะกางปีกและโบยบินติดอยู่ภายใน อากาศที่เหลือน้อยลงทุกๆที บวกกับใจที่มุ่งหวังโลกใบใหม่ ทำให้ผีเสื้อต้องดิ้นทุรนทุราย เพื่อให้หลุดจากเศษซากของอดีตนี้
กิ่งรู้สึกเหมือนตังเองเป็นผีเสื้อตัวนั้น ที่ดิ้นจนสุดแรง ทุรนทุราย ใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่ตัวเองมีอยู่ไปแล้ว ณ ตอนนี้มีเพียงลมหายใจที่รวยริน รอวันที่ปาฏิหารย์จะทำให้หลุดพ้นจากเกราะกายอันน่ารังเกียจนี้ได้ ก่อนที่จะสิ้นใจตายไปในที่สุด
อากาศบนแบคทีเรียของแม่น้ำกลางกรุงนี้ ยังทำให้กิ่งสดชื่นได้เหมือนเดิม กิ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งตัวเดิม มองไปฝั่งซ้ายมือเป็นที่นั่งที่ว่างเปล่า แต่กิ่งก็ยังยิ้มให้กับที่ว่างนั้น ยิ้มให้กับสายน้ำ แสงสุดท้าย และโชคชะตาอีกครั้ง
ผลงานอื่นๆ ของ ดอกลำดวน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ดอกลำดวน
ความคิดเห็น