Natural selection - Natural selection นิยาย Natural selection : Dek-D.com - Writer

    Natural selection

    สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีเป้าหมายเดียวกันในการเกิดมาบนโลกใบนี้ คือ การดำรงเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอด ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสงครามแห่งวิวัฒนาการนี้ ไม่ใช่ผู้ที่ตัวใหญ่ที่สุด มีกำลังมากที่สุด เป็นนักล่าที่ดีที่สุด หรือมีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่งมากที่สุด

    ผู้เข้าชมรวม

    2,883

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    2.88K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 เม.ย. 53 / 01:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Natural selection เป็นการคัดเลือกตามธรรมชาติ สำหรับการปรับตัวและ การเกิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ ให้เหมาะสมที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น เพื่อให้ ตัวที่แข็งแรงที่สุด สายพันธ์ที่ดีที่สุด ที่เหมาะสมที่สุดจึงจะอยู่รอดได้บนโลกใบนี้ ซึ่งปัจจัยของการเกิด natural selection นั้นเกิดได้หลายรูปแบบ เช่น nomenclature and usage, fitness, sexual selection หรือ type selection สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากได้จากสิ่งที่เรียกว่า การปรับตัว หรือ adaptation หรือพัฒนาต่อไปกลายเป็นวิวัฒนาการ เพื่อความอยู่รอด แล้วมนุษย์ ที่มีความคิด มีจิตใจ มีสติปัญญา มีความสามารถ มีเครื่องเมือเป็นเทคโนโลยี ที่ทันสมัย มีวิทยาการที่ก้าวหน้า ผู้ที่เปลี่ยนแปลงหน้าตาของโลกได้มากมายขนาดนี้นั้น ยังต้องยังต้องเดินตามทางของสายของวิวัฒนาการ และการคัดเลือกตามธรรมชาตินี้อยู่อีกหรือไม่ และความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่  มีอะไรในชีวิตประจำวันนี้ที่ยังคงแสดงให้เห็นการคัดเลือกตามธรรมชาติของมนุษย์อยู่บ้าง และผลที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นผลดีต่อมนุษย์หรือไม่นั้นยังเป็นสิ่งที่ต้องรอคำตอบกันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินอยู่ในทุกชั่วขณะของสิ่งมีชีวิตคือ การปรับตัวเพื่อความอยู่รอด แม้แต่ในคนเองก็เกิดสิ่งนี้ขึ้น คุณได้สังเกตมันหรือไม่ บทความนี้จะแสดงให้คุณเห็นว่า การแข่งขันและการปรับตัวเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสิ่งมีชีวิต ที่ได้รับความเปลี่ยนแปลงนั้น ที่มาจากการแข็งขันและปรับตัวในการอยู่รอด

      การแข่งขันจะมี 2 รูปแบบคือ การแข่งขันระหว่างสายพันธุ์ ซึ่งจะทำให้เหลือสายพันที่อยู่รอด และการแข่งขันกันเองภายในสายพันธุ์ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสายพันธุ์ใหม่หรือที่เรียกว่า speciation ตัวอย่างของการแข็งขันระหว่างสายพันธุ์ ที่เรารู้จักกันดี คือไดโนเสาร์ จ้าวแห่งโลกดึกดำบรรพ์ เมื่อถึงภาวะโลกที่ไม่เหมาะสม ไดโนเสาร์ไม่สามารถปรับตัวได้ ทั้งจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง อาหารที่ลดน้อยลง ตามกฎของธรรมชาติ คือ สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ก็จะต้องตายไป สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงเท่านั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้   ไดโนเสาร์จึงจากโลกนี้ไปตลอดกาล แต่สัตว์ เช่น เต่าเพื่อร่วมยุคของไดโนเสาร์ ใช้ชีวิตที่เชื่องช้า เก็บตัวอย่างในกระดอง เพื่อประหยัดพลังงานและปลอดภัยที่สุด กลับดำรงเผ่าพันธุ์มาได้เป็นล้านๆปี สายพันธุ์ที่ดีที่สุด แข็งแรงที่สุด และมีความสารถในการปรับตัวมากที่สุดเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้ และในมนุษย์ผู้ชนะเลิศนี้ ในสงครามของวิวัฒนาการนี้ มีวิวัฒนาการและการปรับตัวที่ดีสุดด้วยการพัฒนาของสมอง มีกล้ามเนื้อไร้พลัง ผิวหนังที่บอบบาง ปราศจากเขี้ยวเล็บ  การมีสมองที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพขึ้นมาเรื่อยๆ มีการสื่อสาร การเรียนรู้ และการพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้ความจำเป็นของกล้ามเนื้อ เขี้ยว ขนที่รกรุงรังลดลง และนำพลังงานส่วนนั้นมาใช้ในการพัฒนาสองได้มากยิ่งขึ้น จนสามารแยกตัวออกมาจากสัตว์ในกลุ่มลิงไร้หางได้ในที่สุด

      ทีนี้มาถึง natural selection ในสายพันธ์เดียวกันบ้าง การแข่งขันนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการคัดเลือกตัวที่แข็งแรงที่สุดที่จะเป็นตัวสืบทอดเผ่าพันธุ์ ยกตัวอย่างในเรื่องของการสืบพันธ์ของสัตว์หลายชนิด ที่มีพฤติกรรมรวมฝูงและมีตัวผู้หนึ่งตัวเป็นจ่าฝูง เช่น สิงโต ในฝูงจะมีสิงโต ตัวผู้ที่แข็งแรงที่สุดตัวเดียวเท่านั้น ที่จะมีสิทธิได้ผสมพันธุ์กับตัวเมียทุกตัวในฝูง ซึ่งการคัดเลือกตามธรรมชา ตินี้ ตัวผู้ที่สามารถต่อสู้ชนะตัวผู้อื่นๆได้ แสดงว่ามีความสมบูรณ์ของร่างกายที่ดี ไม่มีโรค หรือแม้แต่จิตใจที่กล้าหาญ ฮึกเหิมก็เป็นลักษณะหนึ่งในการอยู่รอด และบ่งบอกถึงการมีพันธุกรรมที่ดี เพื่อให้สืบทอดสายพันธุ์ที่ดีต่อไป ขอยกอีกตัวอย่างหนึ่งเช่น การเลือกคู่ของนกบางชนิดที่ตัวเมียจะมีสีเทาหรือสีดำ แต่ตัวผู้กลับมีสีสันที่สดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ตัวเมียจะเป็นคนเลือกตัวผู้ที่มีสีสดที่สุดมาผสมพันธุ์ด้วย ซึ่งสีที่สดใสของตัวผู้นั้น แสดงถึงความสมบูรณ์ของร่างการและความสามารถในการหาอาหารของตัวผู้ ที่จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มาทำให้มีขนที่สีสด แน่นอนว่าต้องเป็นนกตัวผู้ที่มียีนที่ดีและฉลาด อยู่ด้วยถึงจะทำแบบนั้นได้ 

      พฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจะสัตว์ที่รวมฝูงแบบนี้เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับสัตว์อื่นๆทุกชนิด เรื่อยมาตั้งแต่เริ่มต้นของการวิวัฒนาการจนมาถึง ณ ปัจจุบันนี้ แม้แต่ในคนเองก็มีพฤติกรรมของการเลือกคู่ที่ถูกผลักดันด้วย natural selection ที่เกิดมาจากสัญชาตญาณเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าในคนนั้นจะมีความสลับซับซ้อนของปัจจัยทางด้านสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง จนไม่สามารถอธิบายถึงรูปแบบของการแสดงออกที่ชัดเจนได้มากนัก แต่ก็มีการแสดงออกมาที่เห็นได้ทั่วไปคือ การที่ผู้ชายจะเลือกผู้หญิงที่หน้าตา ผิวพรรณดี หุ่นดี (มีหน้าอกและสะโพกที่ใหญ่) ซึ่งการแสดงออกเหล่านี้เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่จะทำให้ได้ แม่พันธุ์ที่ดี สำหรับการสืบทอดลูกหลาน เพราะผู้หญิงที่มีหน้าตาแจ่มใส ปากแดง แก้มมีเลือดฝาด ผิวพรรณดีนั้น บ่งบอกถึงสุขภาพในที่แสดงความสมบูรณ์ออกมา มีหน้าอกที่ใหญ่นั้นแสดงว่า จะมีน้ำนมที่จะเป็นแหล่งอาหารที่มากพอให้กับทารก และการมีสะโพกที่ใหญ่นั้น จะมีลักษณะดีสำหรับการคลอดตามธรรมชาติ ทำให้ทารกมีโอกาสรอดมากยิ่งขึ้น แต่ความสลับซับซ้อนของปัจจัยทางด้านสังคมที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มนุษย์รู้จักการเสริมแรงดึงดูดทางเพศนั้นออกมาได้ ด้วยการแต่งหน้า เพื่อให้มีผิวพรรณที่ผ่องใส ปัดแก้มให้มีสีชมพู ทาปากให้มีสีแดง มีการศัลกรรมต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นการบ่งบอกถึงปัจจัย natural selection ของทางสังคมของมนุษย์ ที่นอกเหนือจากความสมบูรณ์ทางด้านร่างกายแล้ว เงินยังเป็นปัจจัยที่สำคัญในการอยู่รอด ซึ่งเงินจะเป็นตัวแทนของการได้มาในทุกๆไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเลี้ยงดูทารกให้อยู่รอด โอกาสในการได้อาหารที่เพียงพอและดีกว่า โอกาสในการได้รับที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย โอกาสในการเข้าถึงบริการด้านความสะดวกสบาย หรือบริการทางการแพทย์ที่มีสูงกว่า ทำให้คนมีชีวิตที่ดีกว่า มีโอกาสในการอยู่รอดมากว่า ซึ่งในความจริงแล้วลักษณะของการมีเงิน มันก็เป็นความบ่งบอกในด้าน ของความสามารถ สติปัญญา ที่จำนำไปสู่ความสำเร็จและฐานะทางการเงินของคนนั้นๆ

      natural selection ยังเป็นตัวที่ช่วยในการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอีกด้วย และเป็นต้นกำเนิดของการเกิดความหลากหลายของสัตว์ต่างๆ อย่างที่เห็นกันในปัจจุบันนี้ ซึ่งการเกิดปรากฏการณ์นี้จะเกิดเนื่องมาจากการปรับตัว และนำไปสู่การเกิดวิวัฒนาการ และถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกหลายต่อไป ยกตัวอย่างเช่น การปรับตัวของนกฟินซ์ เมื่ออาศัยอยู่ในแหล่งหากินเดียวกัน เช่นบนต้นไม้ต้นเดียวกัน เมื่อจำนวนของนกเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการแย่งชิงอาหารซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด วิธีการที่จะทำให้สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้คือ การเปลี่ยนไปกินอาหารชนิดอื่น หรือแบ่งพื้นที่ในการหากินที่แตกต่างกัน เพื่อจะได้ไม่มีการแย่งชิงอาหารกันเอง เช่น นกกลุ่มหนึ่งก็จะเปลี่ยนมาหากินที่บริเวณรอบๆโคนต้น อีกกลุ่มหนึ่งก็จะหากินตามลำต้น อีกกลุ่มหนึ่งก็จะเปลี่ยนไปหากินตามยอดไม้แทน ทำให้เกิดนกขึ้นมาหลายๆสปีชีส์ จากนกเดิมเพียงชนิดเดียว ซึ่งสัตว์ชนิดอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้ทำให้มีความหลากทางชีววิทยาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นจำนวนแค่ 0.01 % ของจำนวนสปีชีส์ทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้

        แม้แต่มนุษย์เองก็เกิดความหลากหลายขึ้นมาจากกระบวนการเหล่านี้เช่นเดียวกัน เช่น การแยกตัวออกมาจากลิงชิมแพนซีเมื่อ ประมาณ 5-7 พันล้านปีที่แล้ว หรือตัวอย่างง่ายๆที่เห็นได้ชัดเจน ของการปรับตัวคือ ความแตกต่างระว่างคนในแต่ละพื้นที่ เช่น พวกที่อาศัยอยู่ในบริเวณแถบใกล้เส้นศูนย์สูตร มีการได้รับแสงแดดมากทำให้มีเม็ดสี หรือเมลานิน มากเพื่อช่วยในการป้องกันอันตรายจากแสงแดดที่มีมากเกินไป ทำให้คนกลุ่มนี้มีผิวดำ ผมดำ ตาสีดำ แต่พวกชาวยุโรป หรือทางตอนเหนือของโลก ที่ได้รับแสงแดดน้อย นั้นร่างกายยังจำเป็นต้องได้รับวิตามินดี จากแสดงแดดจึงทำให้มีเม็ดสีน้อย ทำให้มีผมสีทอง ตาสีฟ้าและผิวขาว เป็นต้น แต่ก็มีกรณียกเว้นสำหรับชนพื้นเมืองดั้งเดิมของอลาสก้า ในสหรัฐอเมริกา ทั้งที่คนพวกนี้อาศัยอยู่บริเวณแถบขั้วโลกที่มีอากาศหนาว และได้รับแสงน้อย แต่กลับมีผิวสีแทนเหมือนคนเอเชีย เนื่องจากคนพวกนี้ทานปลาเป็นอาหารหลัก ทำให้ได้รับวิตามินดีที่มากพออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องได้เพิ่มจากแสงแดดมากนัก นี่แสดงให้เห็นลักษณะของการปรับตัวอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้ขึ้นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่จะเกิดจากหลายๆสิ่งร่วมกัน ทำให้เกิดความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย

      นอกจากนี้ก็ยังมีพฤติกรรมที่แสดงออกมา เพื่อทำให้ความสำเร็จในการสืบพันธุ์เพิ่มขึ้นเช่น ชีปะขาว ที่เมื่อผสมพันธุ์และวางไข่เสร็จก็จะตายจากไป เนื่องจากการมีชีวิตอยู่ต่อนั้นจะต่อใช้อาหารและพลังงาน ซึ่งจะเป็นการแย่งชิงอาหารของตัวอ่อนที่จะเกิดมา เป็นผลให้การอยู่รอดของตัวอ่อน (fitness) ลดลง หรือการที่ตัวเต็มวัยก็เลือกที่จะกินอาหารคนละคนชนิดกับตัวอ่อนเพื่อไม่ให้แย่งอาหารกันเอง เช่นแมลงปอ ที่ตัวอ่อนจะหากินอยู่ในน้ำ ส่วนตัวเต็มวันก็จะอาศัยอยู่บนบก บางชนิดก็จะต้องใช้เวลายาวนานเพื่อเตรียมความพร้อมให้ตัวอ่อนแข็งแรงและอยู่รอดได้มากที่สุด หรือการมีพฤติกรรมที่จะดูแลลูกอ่อนไปจนกว่าจะโตพอ (mother care) ซึ่งถือว่าคนนั้นประสบความสำเร็จสูงสุดในพฤติกรรมนี้

      จะเห็นได้ว่าการปรับตัวและการคัดเลือกของธรรมชาตินั้น เกิดขึ้นมาจากหลายๆรูปแบบ หลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของพันธุกรรมที่ดี เรื่องของอาหาร ที่อยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม นักล่า หรือความอยู่รอด ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการอยู่รอดของสิ่งชีวิตทั้งสิ้น สิ่งมีชีวิตตัวที่แข็งแรงที่สุด หรือสายพันธุ์ที่มีการปรับตัวได้ดีที่สุด ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่รอดและดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้  แม้แต่มนุษย์เองก็ยังต้องเดินตามกฎเกณฑ์ของ natural selection อย่างเลี่ยงไม่ได้

      จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นจะเห็นแล้วว่าการต่อสู้กันของสิ่งมีชีวิตในการดำรงเผ่าพันธุ์กับ natural selectionนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในสัตว์นั้นมีเฉพาะสัญชาตญาณ และความต้องการตามธรรมชาติเป็นตัวคัดเลือก แต่สำหรับมนุษย์แล้ว ยังมีปัจจัยด้านสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้มนุษย์มีสิ่งที่ทำให้อยู่รอดมากกว่า การมีพันธุกรรมที่ดี มีร่างกายที่แข็งแรง หรือมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างเดียว สิ่งนี้ถือว่าเป็นการปรับตัวที่ทำได้ง่ายแล้วรวดเร็ว คือ การสร้างระบบทางสังคมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ระบบการปกครอง ศาสนา หรือแม้แต่กฎเกณฑ์  ที่กำหนดขึ้นใช้ในกลุ่มย่อย หรือระดับประเทศ ที่ทำให้คนมีความอยู่รอดได้มากขึ้น โดยไม่ได้คำนึงถึงความแข็งแรง ความสมบูรณ์ของร่างกายเพียงอย่างเดียว และความสามรถในการอยู่รอดเพียงอย่างเดียว ระบบทางสังคมได้พยายามสร้างสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นต่อความอยู่รอดของมนุษย์ ซึ่งในสมัยโบราณ เช่นการกำหนดชั้นวรรณะ ของกลุ่มคนต่างๆ เป็นอย่างหนึ่งของโครงสร้างทางสังคมที่ทำให้คนอยู่ในกฎเกณฑ์ของบังคับของกลุ่ม และทำตามหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเพื่อความอยู่รอดของกลุ่ม หรืออย่างยุคสมัยของอียิปต์ โรมัน กรีก เปอร์เซีย ที่เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในกลุ่มต่างๆที่มีเชื้อสายที่ต่างกัน ก็จะมีการปกครอง การสร้างอาณาจักร และการทำสงครามระหว่างกลุ่ม ระหว่างเชื้อชาติ เพื่อให้กลุ่มหรือเชื้อชาติของตัวเองมีพื้นที่ แหล่งอาหาร ความแข็งแกร่ง ทำให้สามารถอยู่รอดได้มากที่สุด ซึ่งถือเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง และก็ยังสืบทอดมาเรื่อยๆ จนถึงยุคสมัยใหม่ ซึ่งแม้ว่าการต่อสู้และรูปแบบของสงครามหรือการแข่งขันจะเปลี่ยนแปลงไป และมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ปัจจุบันความร่วมมือกันของคนกลุ่มต่างซึ่งแบ่งเป็นประเทศอย่างในปัจจุบัน จะมีความร่วมมือกันมากขึ้น โดยถือว่ามนุษย์ทุกคนสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน หรือที่เรียกว่า สิทธิมนุษยชน (human rights) ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตและได้รับการจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม คนป่วยจะได้รับการรักษา คนพิการจะได้รับการดูแล คนที่อ่อนแอ จะได้รับการปกป้อง ด้วยวิทยาการ เทคโนโลยี ต่างๆ ที่ทำให้การคัดเลือกตามธรรมชาตินั้นมีผลน้อยลงไปเรื่อยๆ  

      จะเห็นแล้วว่ามนุษย์ประสบความสำเร็จแค่ไหนในการดำรงเผ่าพันธุ์ ในการเอาชนะสายพันธุ์อื่นๆ ในการเอาชนะกฎเกณฑ์จากการคัดเลือกตามธรรมชาติ หรือ natural selectionไปได้ ด้วยมันสมอง และระบบการบวนการทางสังคมที่สลับซับซ้อน แล้วผลจากระบบทางสังคมเหล่านี้ที่ไปลดผลของการคัดเลือกตามธรรมชาตินี้ จะมีผลให้มนุษย์กลายเป็นสายพันธุ์ที่อ่อนแอลงหรือไม่ แล้วประชากรของมนุษย์จะเพิ่มมากขึ้นกว่าจำนวนทรัพยากรที่มีอยู่หรือไม่ และถ้าเป็นการดำเนินตามค่านิยม หรือระบบทางสังคมที่ผิดนั้นจะนำไปสู่ความล่มสลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ ซึ่งคำถามเหล่านี้มีผู้คนจากหลายศาสตร์หลายแขนงที่ได้พยายามหาคำตอบและอธิบายไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง  natural selection ก็มีคำอธิบายเหล่านี้ไว้เช่นเดียวกัน เช่น ปัญหาประชากรล้นโลก ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่นั้นไม่มีเพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์  natural selection ได้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า เพศที่ 3 เกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการลดสืบพันธุ์และจำนวนประชาการลง หรือการที่มนุษย์พยายามพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาการต่างๆต่างใช้ในการดำรงชีวิต เช่นการตัดต้อนไม้มาสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็จะเป็นผลให้เกิดภาวะโลกร้อน น้ำไปสู่ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น ก็ทำให้มนุษย์ต้องพบและรับมือความความยุ่งยากที่มากขึ้นและซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆตามเทคโนโลยีที่มีนั้นเอง หรือจะเป็นในด้านของโรคภัยไข้เจ็บที่มนุษย์พยายามเรียนรู้ ควบคุมและกำจัดออกไป เช่น ยารักษาโรคหลายชนิดที่มนุษย์ประสบความสำเร็จ สามารถทำให้โรคนั้นหายไปจากโลกนี้ได้เลยอย่าง ฝีดาษ แต่ทุกปีก็มีโรคใหม่ๆเกิดขึ้นมาเพื่อคร่าชีวิตของมนุษย์อยู่เสมอ 

      และที่สำคัญนอกเหนือไปจากการพยายามเอาชนะด้วยโครงสร้างทางสังคม ที่ให้มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะอยู่รอดได้นั้น โครงสร้างทางสังคมเหล่านั้นเองก็เป็นตัวคัดเลือกตามธรรมชาติด้วยเช่นเดียวกัน เริ่มจากกการกำหนดกฎเกณฑ์ แนวทางหรือวิถีของทางสังคม ที่ผู้กำหนดขึ้นนั้นเห็นว่าดีแล้ว มีประโยชน์และจะทำให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่สุด ผู้ที่ละเมิดกฎของสังคม เช่นการทำผิดกฎหมาย การฆ่าคนตาย สร้างความเดือดร้อนต่างๆเหล่านี้ ล้วนมีผลทำให้มีผลต่อการดำรงเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้น แม้จะเป็นเพียงส่วนน้อยก็ตาม แต่คนเหล่านี้ก็จะต้องถูกกำจัดพฤติกรรมเหล่านี้ออกไป ด้วยวิธีการที่เรียกว่าการลงโทษ ซึ่งมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับความผิดและกฎของที่นั้นๆ  หรือแม้แต่ค่านิยมของเงินและการประสบความสำเร็จ ก็เป็นตัวคัดเลือกคนที่ต้องมีความฉลาด มีความเข็มแข็ง มีความมุ่งมั่น ถึงจะได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นที่ยอมรับของสังคม และมีโอการได้รับปัจจัยในการอยู่รอดมากว่าผู้ที่มีเงินน้อย หรือไม่ประสบความสำเร็จ

      natural selection มีผลต่อสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกใบนี้ natural selection เป็นตัวตัดสินว่าใครควรจะได้รับสิทธิ์ให้สารมารถมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ได้ natural selection เป็นตัวสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีเป้าหมายเดียวกันในการเกิดมาบนโลกใบนี้ คือ การดำรงเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอด ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสงครามแห่งวิวัฒนาการนี้ ไม่ใช่ผู้ที่ตัวใหญ่ที่สุด มีกำลังมากที่สุด เป็นนักล่าที่ดีที่สุด หรือมีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่งมากที่สุด แต่ผู้ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลานั้นได้ คือผู้อยู่รอด แม้แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์เองก็เกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้จากกฎเกณฑ์ของธรรมชาตินี้ และไม่มีวันหนีพ้นแม้จะมีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปมากมายแค่ไหน การปรับตัวสร้างสมดุลให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เท่านั้น จึงจะทำให้มนุษย์เป็นสายพันธุ์ที่อยู่รอดในโลกนี้ได้ต่อไป

       

       

       

       

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×