คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter3
Chapter3
ลมทะเลยามเช้าพัดโดนผิวกาย เสียงคลื่นทะเลทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น
“เป็นไงบ้าง เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” คุณหมอสาวเดินเข้ามาหาคนไข้ของตนเองที่กำลังยืนตากลมทะเลอยู่
“อืมสบายดีค่ะ หลังจากที่คุณส่งฉันนอนแล้วฉันก็ไม่ฝันด้วย” เอมยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“นอนสบายเลยสิใช่ไหม สงสัยต้องให้คุณหมอส่งเข้านอนทุกคืนมั้ง” คุณหมอหยอกเล็กน้อย
“ที่น้ำหลับสบายไม่ใช่เพราะเอมหรอก” น้ำปฏิเสธ ทั้งสองค่อยเดินไปตามชายหาดทรายสีขาว
“แน่ใจหรอ ถ้าจะให้เอมส่งเข้านอนต้องต่อคิวนะฮาๆๆๆ” คุณหมอยังหยอกไม่เลิก
“หมอเอมเจ้าชู้ววววว” น้ำทำหน้าทะเล้นใส่เอมแล้วรีบวิ่งหนี
“เอมไม่ได้เจ้าชู้สักหน่อย แต่หน้าตาดีทำไงได้” เอมวิ่งไปจับน้ำที่กำลังวิ่งหนีไว้ เมื่อน้ำได้ยินประโยคหลังแทบอยากจะตะโกนใส่หน้าว่าเอากระจกไหมทันที
“เอาที่สบายใจเลยเอม” แต่ก็ทำได้แค่พูดไป
“เราเดินมาไกลแล้วกลับกันเถอะ” น้ำพยักหน้าแล้วเดินตามเอมกลับไป
“อ้าวกลับมากันแล้วหรอ แม่สั่งอาหารเช้ามาให้แล้วมากินกันสิ” แม่น้ำที่นั่งอยู่ที่โซฟาหันไปมองทั้งสองที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ค่ะ เดี๋ยวน้ำไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” น้ำเดินมาบอกแม่ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
“เอมนั่งเลยลูก” คุณหมอสาวเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารตามที่แม่น้ำบอก
“ฝากดูแลน้ำด้วยนะจ้ะ” แม่ฝากฝัง
“คุณแม่คะเอมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” หลังจากที่นั่งลงที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยเอมก็ตัดสินใจถามแม่น้ำออกไป
“ได้เลยจ้ะ ว่าแต่จะถามอะไรแม่หรอจ้ะ” แม่น้ำเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเอม
“คือว่าคุณแม่พอจะรู้จักกับเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับน้ำและก็เพื่อนผู้ชายที่สนิทไหมคะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตคุณหมอก็ถามคำถามที่มีประโยชน์ต่อการรักษาคนไข้ตัวเอง
“ไหนมีอะไรกินบ้างแม่” แต่ไม่ทันที่จะได้คำตอบคนไข้เจ้าของเคสก็เดินเข้ามาซะก่อน
แม่และเอมหันมามองหน้ากันอย่างตกใจ
“มีอะไรรึป่าวคะ” น้ำเห็นทั้งสองเงียบไปจึงถามขึ้น
“ป่าวจ้ะ อ่ะนี่ของน้ำกินซะนะ” แม่เบนความสนใจไปทางอื่น
“หูววว น่ากินจังกินแล้วนะคะ” ได้ผลน้ำหันไปสนใจอาหารแทน
แม่และเอมหันมาสบตากันอย่างรู้สึกรอดตาย
“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆเนอะ” พ่อน้ำพูดขึ้นหลังจากที่เวลา3วัน2คืนผ่านไปอย่างรวดเร็วและถึงเวลาที่จะบอกลาลมทะเลและกลับไปใช้ชีวิตในเมืองตามปกติ
“อยากอยู่ต่อจังเลย พ่อแม่วันหลังมาใหม่นะ” น้ำหันไปบอกพ่อกับแม่ที่ขึ้นไปนั่งรออยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว
“วันพรุ่งนี้เจอกันที่โรงพยาบาลนะ” น้ำพยักหน้ารับ ทั้งสองโบกมือลากันและกันแล้วน้ำก็เดินขึ้นรถตู้ไป
“หนูเอมนี่น่ารักเนอะ” แม่เป็นคนพูดขึ้นมาคนแรกหลังจากขึ้นมาบนรถ
“อืมเทคแคร์ผู้ใหญ่ดีมาก” พ่อเสริม
“ดูไว้ใจได้ เราสบายแล้วล่ะพ่อ” แม่หันไปพูดกับพ่อแล้วหัวเราะกันสองคน น้ำได้แต่นั่งมองทั้งสองที่หัวเราะอย่างน่าสงสัย
“หัวเราะไรกันนนนน” น้ำทำท่าจับผิดทั้งสองคน
“ป่าวซะหน่อย” ทั้งคู่เลิกหัวเราะแล้วแกล้งหลับไม่รู้เรื่อง ปล่อยให้น้ำนั่งงงคนเดียว
“happy valentine นะน้ำ” ผู้ชายคนหนึ่งเดินมากับตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งและดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอก
“ขอบคุณนะอาร์มน่ารักจัง” น้ำรับของจากผู้ชายคนนั้น
“น้ำเราก็คุยกันมาสักพักแล้วอ่ะ เราขอขยับสถานะได้มั้ยเป็นแฟนกับเรานะน้ำ” น้ำยืนอึ้งเมื่อมีคนมาสารภาพและขอเป็นแฟนต่อหน้าขนาดนี้แถมไม่ได้อยู่กันแค่สองคนยังมีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ด้วย
ด้วยความเขินทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนบิดไปบิดมาแล้วก็พยักหน้าตอบไป
“ขอบคุณนะน้ำเราดีใจมากเลยอ่ะ” ผู้ชายคนนั้นจับมือน้ำด้วยความดีใจ
“อื้มๆ ลืมไปหรือป่าวคะว่าไม่ได้อยู่กันสองคน” เสียงกระแอมจากผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยดังขึ้น
“ขอโทษครับ ผมดีใจมากไปหน่อย” อาร์มปล่อยมือออกจากน้ำทันที
“แล้วนี่จะกลับบ้านได้ยัง เย็นแล้วเดี๋ยวแม่ว่า” ผู้หญิงคนนั้นไม่สบอารมณ์สักเท่าไร
“เออ..อาร์มงั้นเรากลับบ้านก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างกายอารมณ์ไม่ดีน้ำจึงตัดสินใจกลับบ้าน
“’งั้นเราไปส่งนะ” อาร์มเสนอตัว
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากลับกับ...” น้ำหันไปมองคนข้างกายแล้วดูท่าว่ากลับเองจะดีกว่าให้อาร์มไปส่ง
“อืมกลับดีๆนะ” ผู้ชายคนนั้นโบกมือลา
รถแท๊กซี่จอดหน้าบ้านเดี่ยวสีขาวหลังโต สองสาวเดินลงมาจากรถและกำลังจะเดินเข้าบ้านแต่น้ำดึงอีกคนไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน ...อย่าบอกแม่เรื่องอาร์มนะ” น้ำพูดเชิงขอร้องอีกคน หญิงสาวอีกคนได้แต่พยักหน้ารับส่งๆแล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจคนที่พูดกับตัวเองเลย
“ตัวเองเป็นอะไรเนี่ย” หลังจากที่เข้ามาในห้องแล้วหญิงสาวอีกคนก็ยังมีอาการบึ้งตึงจนน้ำทนกับความอึดอัดไม่ได้จนต้องถามไป
“ป่าว” แต่กับได้รับแค่คำตอบสั้นๆห้วนๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับอาการที่เป็น
“ไม่พอใจอะไรก็บอกเค้าดิ” น้ำยังคงเซ้าซี้
“ก็บอกว่าป่าวไม่ได้เป็นอะไร น้ำเลิกยุ่งกับเค้าสักที” เสียงตะคอกใส่ด้วยความอารมณ์เสีย
“โอเคเค้าจะไม่ยุ่งตัวเองแล้ว” แล้วน้ำก็เดินเข้าห้องน้ำไป
แม้วันนั้นที่สองสาวทะเลาะกันแต่เวลาที่น้ำไปเที่ยวกับอาร์มก็จะมีหญิงสาวอีกคนไปด้วยเพราะน้ำขอร้องไว้
ถึงจะทะเลาะกันขนาดไหนทั้งคู่ก็กลับมาคืนดีกันอยู่ดี
“อาร์มเดี๋ยวเค้าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ...จะไปด้วยกันป่าว” น้ำบอกอาร์มแล้วหันไปถามหญิงสาวอีกคน
“ไม่อ่ะ ขี้เกียจเดินไปปวดขานั่งรออยู่เนี่ยแหล่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ น้ำจึงเดินไปเข้าห้องน้ำคนเดียว
“โอ๊ะ!!! รองเท้ากัดหรอ” อาร์มเห็นผิวหนังที่พองและแดงเมื่ออีกคนถอดรองเท้าแล้วจับๆดูเหมือนเจ็บ
หญิงสาวไม่สนใจที่อีกคนถามแล้วทำเหมือนไม่ได้ยิน อยู่ๆอาร์มก็ก้มลงมาเอาพาสเตอร์มาติดให้ที่รอยแดงที่รองเท้ากัด
“เออ...ขอบคุณนะ” หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกจึงบอกขอบคุณไป อาร์มกลับไปนั่งในท่าเดิม
“เสร็จแล้วไปกันเถอะ” น้ำเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วชวนทั้งสองเดินเที่ยวต่อ
น้ำลืมตาขึ้นจากความฝัน นี่นับเป็นฝันที่นานที่สุดเพราะเมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นแสงอาทิตย์ยามเช้าก็สาดส่องแล้วไม่ใช่การตื่นกลางดึกแบบที่แล้วๆมา
แต่การที่ฝันนานนั้นมันก็ทำให้เธอมีอาการมึนหัวและปวดหัวมากเช่นกัน
ยิ่งเธอพยายามที่จะนึกถึงบุคคลในฝันอาการก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
น้ำควานหายาที่วางไว้หัวเตียงด้วยความยากลำบากจากอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
เธอพยายามเกรงตัวลุกขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จแล้วเธอก็หมดสติไป
น้ำลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เธอหมดสติไป
“ตื่นแล้วหรอ” เสียงคุ้นๆดังจากข้างเตียงน้ำจึงหันไปมอง ก็พบกับคุณหมอสาวนั่งอยู่ข้างเตียง
“หมอเอมมานี่ได้ยังไงคะ” น้ำพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่งคุยกับคุณหมอ
“ไม่ต้องลุกหรอกคุณ ก็ฉันเห็นคุณไม่ไปหาฉันที่โรงพยาบาลเลยโทรหาแต่คุณไม่รับสายเลยให้คุณพยาบาลติดต่อครอบครัวคุณให้ แม่คุณบอกว่าคุณยังไม่ลงมาเลยไปปลุกแต่ไม่มีเสียงตอบรับแม่คุณเลยเข้ามาดูแล้วก็เห็นคุณหมดสติไปก็เลยโทรเรียกฉันให้มาที่นี่” หมอเอมอธิบาย
“เล่าซะยาวเชียว” คนไข้ยังไม่วายที่จะแซวคุณหมอทั้งๆที่ตัวเองหมดสภาพ
“แล้วทำไมถึงหมดสติไปอย่างนั้นล่ะ” คุณหมอถามคนไข้
“เมื่อคืนฉันฝันนานเกินไปหน่ะค่ะตื่นขึ้นมาเลยปวดหัว” คนไข้อธิบายถึงสาเหตุ
“น้ำไม่ได้พยายามนึกหรือคิดอะไรในอดีตใช่ไหม” คุณหมอยังถามต่อ
“ก็นิดหน่อยค่ะ” คนไข้ตอบพร้อมทำหน้าแหย
“ต่อไปนี้เอมขอสั่งห้ามไม่ให้น้ำคิดถึงความทรงจำที่หายไปโดยที่ไม่มีเอมอยู่ด้วยเพราะมันอันตรายมาก” คุณหมอสั่งเสียงเข้ม คนไข้ได้ก้มหน้ายอมรับไป
“แต่ตอนนี้ถึงเวลากินข้าวแล้วลุกขึ้นมากินก่อนดีกว่า” คุณหมอช่วยจับพยุงคนไข้ขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง
แล้วเอาโต๊ะตัวเล็กวางไว้บนเตียงให้คนไข้ได้กินข้าวในจานได้สะดวก
“มองอะไร” น้ำหันไปมองคนที่นั่งจ้องตัวเองอยู่
“ก็มองอยากให้คุณกินเยอะๆจะได้หายไวๆ” หมอเอมยังนั่งเท้าคางมองคนไข้กินต่อไป
เมื่อกินเสร็จเอมจึงยกโต๊ะที่มีจานข้าวไปเก็บ
“เอมคุยกับแม่น้ำแล้วนะ เอมจะให้น้ำไปแอดมิตที่โรงพยาบาล” หลังจากเอาของไปเก็บเรียบร้อยเอมก็กลับมานั่งที่เดิม
“แล้วทำไมน้ำต้องไปนอนที่โรงพยาบาลด้วยอ่ะ” คนไข้ถามขึ้นเพราะตัวเองไม่อยากไปพักที่โรงพยาบาลสักเท่าไร
“เพราะอาการมันเริ่มรุนแรงขึ้นและมันก็อันตรายมากถ้าเกิดอาการตอนอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นน้ำไปอยู่ใกล้ๆเอมแหล่ะดีแล้ว” คุณหมออธิบายถึงเหตุผลที่ต้องพาคนไข้ไปอยู่ด้วยที่โรงพยาบาล
“เก็บของเร็วเสร็จแล้วจะได้ไปกัน” เมื่อคุณหมอเอ่ยปากคนไข้ถึงกับงง
“ไปวันนี้เลยเนี่ยนะ” แม้ปากจะถามแต่ตัวก็คลานไปเก็บเสื้อผ้าสัมภาระอย่างลำบาก
“ใช่” คำตอบสั้นๆจากปากคุณหมอ
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ เอมจะดูแลน้ำอย่างดีเลยค่ะไม่ต้องห่วง” เอมกล่าวลาพ่อแม่น้ำที่ออกมาส่งหน้าบ้าน
“จ้ะฝากด้วยนะจ๊ะ” แม่ฝากฝังน้ำไว้กับเอม
“บ๊ายบาย เค้าไม่อยู่บ้านอย่างคิดถึงเค้านะ” น้ำกอดพ่อกับแม่ไว้อย่างไม่อยากปล่อย
“ไปได้แล้วน้ำ ไปแล้วนะคะคุณพ่อคุณแม่” เอมจับน้ำให้เข้านั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วหันมาบอกลาผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้ง
หลังจากที่เอมกลับไปนั่งประจำที่คนขับเรียบร้อยรถเบนซ์คันหรูก็ขับออกไป
____________________________________________
มาลงให้แล้วนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
เดี๋ยววันจันทร์ไรท์เปิดเทอมแล้วอาจจะไม่ได้ลงถี่แบบนี้
ตอนนี้เริ่มเฉลยตัวละครทีละนิดละค่ะ
อีกไม่กี่ตอนก็จะได้รู้แล้วว่าคนในฝันคือใคร
ฝากติดตามด้วยค่ะ
ความคิดเห็น