your love - นิยาย your love : Dek-D.com - Writer
×

    your love

    krislay

    ผู้เข้าชมรวม

    140

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    140

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 มิ.ย. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เพราะว่าไม่พูด ไม่คุยกัน อะไรๆมันก็เลยบานปลายกลายเป็นต่อไม่ติด ทั้งที่หัวใจมันก็เรียกร้องหากัน”

    ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

    ความเงียบกำลังปกคลุมผมกับคนที่นั่งข้างๆผม เรานั่งตรงนี้มาหลายชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรมันเป็นสถานะการณ์ที่อึดอัดซึ่งผมไม่ชอบเลย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ไม่รู้จะคุยอะไรกัน มันเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้มันรู้สึกว่า...เราจะไปต่อได้จริงๆหรอ? “เฮีย...กลับบ้านเถอะเย็นแล้ว...” และในที่สุดเลย์ก็ต้องเป็นคนเอยปากขึ้นมาเอง ผมรู้ว่าเขาก็คงอึดอัด ผมก็ไม่ต่างกันหรอก “กลับก็กลับ..” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนมองเขานิดนึง ก่อนจะเดินโดยมีเลย์เดินตามหลังมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงไม่ใช่แบบนี้ ผมคงยืนรอเขาและเราก็จะเดินออกไปพร้อมกันคงหยอกล้อกันจนเสียงดังลั่น จนคนอื่นมอง แต่ตอนนี้มันเงียบเหลือเกินเหมือนต่างคนต่างคิดอะไรอยู่ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าเราคุยกันน้อยลง น้อยลงมากๆ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะนิสัยคิดมาก ขี้น้อยใจ และทิฐิสูงของผม หรือ เพราะการกระทำขี้ประชด ขี้งอน และมีอะไรไม่ชอบพูดของเขาหรือป่าวที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ หลายครั้งที่เราพยายามคุยกันบทสรุปจะออกมาแบบนี้

    “ทำอะไรอยู่?”

    “ทำงาน”

    “กินไรยัง?”

    “กินแล้ว”

    “อาบน้ำยัง”

    “ยัง”

    “อือ”

    “อือ”

    “.........”

    ผมรู้สึกว่าเราเริ่มกลายเป็นคนอื่น  เพราะเรื่องบางเรื่องที่เขาได้บอกผม ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมและเขาต่างก็เปลี่ยนไป

    “กลับคนเดียวได้มั๊ย?”

    “ได้”

    “อือ กลับดีๆล่ะ”

    “อือ บาย”

    ผมกับเขาพูดแค่นั้นก่อนที่เขาจะเดินเล่นโทรศัพท์ขึ้นรถเมล์ไป พอรถออกไปผมจึงเดินมาที่สวนสาธารณะที่เดิม ผมมองไปรอบ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเก่าๆคืนวันเก่าๆภาพเก่าๆ อะไรๆที่มันเคยดีกว่า ผมทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ตัวยาวแถวนั้น ผมเป็นห่วงเขาจัง เลย์เป็นคนซุ่มซ่าม เอ๋อๆแต่น่ารัก ผมหลงรักรอยยิ้มของเขา ผมชอบจับมือเขามันทำให้ผมรู้สึกว่าผมปกป้องคนคนนี้ได้ แต่ตอนนี้แค่คุยกันยังยากเลย ผมรู้ว่าหลายคนคงสงสัยสินะว่าเรื่องอะไรทำไมผมกับเขาถึงเป็นแบบนี้ เอาล่ะเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังนะ

    ในเย็นวันนึงผมพึ่งกลับมาจากโรงเรียน กว่าผมจะถึงบ้านก็เกือบจะสามทุ่มได้แล้ว วันนั้นผมไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวออกไปด้วย ผมกลับมาบ้านก็ต้องพบว่ามีข้อความจากเลย์ส่งมาหาผมหลายข้อความ

    “เฮีย!!! กลับบ้านยังมีไรจะบอก เฮียทำไมไม่ตอบ!!!!!!!!

    “กลับมาแล้วพึ่งถึงบ้านเตี้ยมีไรจะบอกล่ะ บอกมา”

    “เอ่อ........”

    “ว่าไง มีไร”

    “มีคนมาบอกชอบผมด้วย”

    “ห๊ะ!! ใครล่ะ?”

    “เพื่อนผมที่ชื่อ ไค”

    “....................”

    “เฮียอย่าเงียบดิ!!

    “เฮีย!!!!ๆๆๆๆๆ”

    นั่นล่ะมันเกิดเพราะแบบนี้ สงสัยล่ะสิไค คือใคร ไคเป็นเพื่อนสนิทของเลย์ก็ว่าได้ ผมไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเท่าไหร่ เพราะผมคิดว่าเขาต้องชอบเลย์ และมันก็ใช่ครับ แต่ที่ผมเจ็บมากที่สุดตรงที่ไคเขามีแฟนแล้ว และแฟนของเขาก็คือเพื่อนของผม และตั้งแต่วันนั้นมาผมมักจะเจอภาพหรือการกระทำที่มันบาดตาบาดใจผมระหว่างเลย์กับไค ซึ่งสิ่งที่ผมทำได้เวลาเจอก็คือ การทำเป็นมองไม่เห็นเขาสองคน ผมรู้ว่าบางครั้งผมก็ทำให้เลย์เจ็บ ผมเคยถามเลย์ว่าคิดกับเขาแบบไหน เลย์ก็บอกว่าแค่เพื่อนผมดีใจนะ ดีใจมาก แต่พอวันต่อมาก็ต้องมาเจอภาพที่มันทำให้ผมเดินหนีแถบไม่ทัน และนั้นล่ะผมกับเขาก็เริ่มห่างกันเรื่อยๆผมจะอยู่กับเพื่อน เขาก็อยู่กับเพื่อนของเขา จากที่เช้าๆเจอกันเราจะทักกันกลายเป็นว่าต่างทำเป็นมองไม่เห็นกัน ผมพยายามจะทำลายกำแพงของเราลงมาหลายครั้งแต่อะไรหลายๆอย่างก็ทำให้ผมท้อ จนมาถึงวันนี้มันเกือบเดือนแล้วที่ผมกับเขาไม่ได้เดินจับมือกัน ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้ส่งข้อความหากัน เฮ้อออ... อ่า~เย็นซะแล้ว ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู นี้หกโมงเย็นแล้ว ผมจึงลุกขึ้นยืนเดินออกมาจากสวนสาธารณะ ป่านนี้เขาจะถึงบ้านหรือยังนะ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอยากจะโทรหาเขาแต่ก็ไม่กล้า ผมเปิดดูรูปในโทรศัพท์  รูปในโทรศัพท์ผมส่วนใหญ่เป็นรูปเขา เขาชอบมาถ่ายรูปเครื่องผมผมก็ไม่ว่านะ ดีด้วยได้เห็นรอยยิ้มที่ผมชอบJ

    ผมเดินดูรูปในโทรศัพท์มาเรื่อยๆและในที่สุดก็ถึงบ้านผม “กลับมาแล้วครับม๊า...!!”ผมตะโกนบอกม๊าที่กำลังเดินออกมาจากในครัวพอดี “อ้าววว...แล้วเลย์ล่ะไหนบอกไปหาเลย์ เลย์ไม่มากินข้าวด้วยกันหรอ?” “เลย์กลับไปแล้วครับJ” “อ้าวซะงั้นปกติมาบ้านออกจะบ่อย ช่วงนี้ไม่ค่อยมาเลยนะ”ม๊าผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในครัวอีกรอบ ผมเลยได้แต้ถอนหายใจ “ทะเลาะกันหรอเฮีย...”ผมที่กำลังเดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ต้องชะงักกับเสียงของน้องชาย “ป่าว...” ผมปฏิเสธก่อนจะเดินหนีลู่หานน้องชายผม “อย่าโกหกนะเฮีย”ลู่ห่านพูดพร้อมกับดึงผมไว้ “ก็ไม่ได้โกหก” ผมปฏิเสธอีก ก็จริงหนิไม่ได้ทะเลาะ แค่ไม่คุยกัน ไม่มองหน้ากันแค่นั้นเอง “แน่ใจหรอเฮีย....ห่านไม่รู้นะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเฮียกับเลย์ แต่เฮียเปลี่ยนไปนะ เฮียเย็นชาขึ้นห่านดูก็รู้ว่าทุกวันที่ยิ้มที่ร่าเริงมันฝืน”




    “มันดูออกขนาดนั่นเลยหรือไง?” ผมถามย้อนลู่ห่าน ผมไม่คิดว่าลู่ห่านจะดูออกขนาดนี้  “ทำไมจะดูไม่ออก เฮียเป็นพี่ชายผมนะ ผมมีอะไรจะบอกเฮีย” “อะไรล่ะ?” ผมถามลู่ห่านผมไม่เคยเห็นลู่ห่านมันจริงจังขนาดนี้มาก่อน
    “เฮีย...เฮียรู้มั๊ย นกที่อยู่ในกรง เวลาคนมองต่อให้มองยังไงมันก็สดชื่นเพราะว่านกกับกรงอยู่คู่กันกรงดูมีชีวิตชีวาเพราะมีสิ่งมีชีวิต กำลังโบกบินอยู่ในกรง แต่ถ้าหากวันใดที่นกบินจากกรงไป คนที่เขามองมาที่กรงต่อให้เขามีความสุขแค่ไหนแต่เมื่อเห็นว่ากรงมันว่างเปล่าไม่มี สีสันอยู่ในนั่นเขาก็หมนหม่องตามกรงไป” ผมมองลู่ห่านอย่างอึ้งๆผมเข้าใจที่ลู่ห่านพูดดี “เฮียจะยอมให้ใครที่ไหนมาเปิดกรง แล้วปล่อยนกของเฮียไปหรอ?” ผมยังคงอึ้งและคิดวนไปวนมากับคำของลู่ห่าน “ผมไปกินข้าวก่อนนนะ” “อะ...อือ” ผมมองลู่ห่านเดินลงบันไดบ้านไป  ก่อนที่ผมจะหมุนตัวเขาห้อง ผมเดินมานั่งที่เตียงในหัวของผมคิดวนไปวนมากับคำของลู่ห่าน  หรือผม.....จะต้องทำอะไรอีกสักอย่าง

     

    วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์ครับผมตื่นเช้าเป็นพิเศษนิดหน่อย เพราะผมนัดกับพวกเพื่อนๆไว้ว่าเราจะไปเที่ยวกัน แน่นอนว่าเลย์ไม่ได้ไปด้วยเพราะเขาไม่ว่าง ติดซ้อมกีฬา ใกล้แข่งแล้ว โอเคผมเขาใจ ตอนนี้ผมกำลังเดินออกจากบ้านเพื่อมารอรถที่จะไปห้างสรรพสินค้าที่นัดกับเพื่อนๆไว้ อ่า~~ผมรู้สึกว่าตาขวาผมกระตุก แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้งนะ รถเมล์มาแล้ว ผมขึ้นมาบนรถ สงสัยผมจะมาเช้าเกินไปบนรถเลยไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ผมเลือกนั่งติดริมหน้าต่าง มันทำให้ผมนึกถึงวันวานที่ผมกับเลย์ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แต่ก่อนผมคิดว่าการไปเที่ยวกันแค่สองคนมันคงอึดอัดแต่พอผมไปกับเลย์ ผมกับรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สนุกไปอีกแบบ ผมนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดอะไรไปเรื่อยๆรู้สึกตัวอีกทีก็รู้แค่ว่ามีคนมานั่งด้วย แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมอง “หนิคริสนายจะไม่ทักฉันบ้างหรอ!!!”  ผมหันไปตามเสียงโวกเวกโวยวายที่ดังอยู่ข้างๆก็ต้องพบกับชานยอลที่นั่งอยู่ข้าง “อ้าวยอลฉันไม่รู้ว่าเป็นนาย โทษทีๆ5555555” “ฉันนึกว่านายได้กับหน้าต่างรถเมล์ไปแล้วล่ะคริส” ชานยอลพูดพร้อมกับเอาหัวหยอยๆของเขามาซบไหล่ผม ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยชินกับการที่ชานยอลทำตัวขี้อ้อนกับผมสักเท่าไหร่ เพราะเราสองคนมักจะโดนล้อว่ากิ๊กกันแต่ที่จริงแล้วชานยอลเขาคิดกับผมแค่เพื่อนเท่านั่นแหละ เพราะชานยอลเขามีน้องแบคฮยอนอยู่เป็นตัวเป็นตนแล้วล่ะ “หนิ ชานยอลฉันแปลกใจอ่ะ?”   “อะไรอ่ะคริส?” ชานยอลมองหน้าผมพร้อมกับทำหน้าสงสัย “ฉันสงสัยว่าวันนี้นายไปทันนัดคนอื่นได้ยังไง เพราะปกติมีแต่นายคนเดียวที่สาย” ผมพูดพร้อมกับหัวเราะ ทำให้ชานยอลแอบหัวเสีย และแอบจิ๊กกัดผม “ทีนายอ่ะคริส ปกติเห็นพกเมียมาด้วยตลอดวันนี้ไปไหนซะล่ะ?” ผมมองหน้าชานยอลนิดนึงก่อนจะหันไปที่ริมหน้า แล้วพูดตอบชานยอล “ติดซ้อมอ่ะ มาไม่ได้” “หนินายกับเลย์ยังไม่คุยกันอีกหรอคริส นานแล้วนะ รีบๆดีกันสักที ฉันเบื่อที่เห็นนายมานั่งเฉาเป็นต้นไม้ไม่ได้น้ำอยู่แบบนี้” ชานยอลพูดพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่รถเมล์จอดหน้าห้างสรรพสินค้าพอดี “ไปๆลงๆ ไปช้าเดี๋ยวเฉินด่าอีก”ผมพูดพร้อมกับเดินนำชานยอลลงรถเมล์  “คริสสสสสสสสสสส!!!! ยอลลลลลลลลลลลลลลลลล!!!!”เสียงซิ่วหมินตะโกนเรียกผมกับชานยอลที่กำลังเดินไปหาพวกเขาที่ยืนรออยู่ตรงประตูทางเข้าห้าง “เบาๆก็ได้หมิน หูจะแตก คนก็เยอะอายเขา” เฉินหันไปดุซิ่วหมินทันทีที่ซิ่วหมินพูดจบ ซึ่งซิ่วหมินก็เลยได้แต่มองค้อนเฉินวงใหญ่  “ไปๆเข้าข้างในกัน”ผมพูดพร้อมกับเดินนำ อีกสามคนเข้าไป “กินข้าวก่อนได้ป่ะ ฉันหิวข้าว”ซิ่วหมินเดินมาดึงผมไปทางร้านอาหาร โดยที่มีเฉินและชานยอลตามเข้ามา ผมนั่งมองซิ่วหมินสั่งอาหารอย่างชำนาญโดยมีเฉินค่อยบ่นนู่นบ่นนี้ตามว่าจะกินหมดมั๊ย “นี้ๆกินข้าวเสร็จไปดูหนังกันมั๊ยอ่ะ ฉันอยากดู”ชานยอลพูดเสนอขึ้นและผมก็เห็นด้วย เพราะผมก็อยากดูหนังพอดี “ก็ดีนะ...” ผมพูดขึ้นและอีกสองคนก็เห็นด้วย

     

    ณ หน้าโรงหนัง

    “ยอลฉันอยากดูเรื่องนี้!!!” “แต่ฉันอยากดูเรื่องนั่นอ่ะหมิน!!!!” “เรื่องนี้!!!!”  “เรื่องนั่น!!!!!” ผมและเฉินยืนมองซิ่วหมินกับชานยอลที่ทะเลาะกันเรื่องหนัง “มานี้ๆ!!!ฉันเลือกเอง” เฉินที่ท่าทางจะทนไม่ไหว เดินเข้าไปแยกสองคนนั่น ผมจึงเดินตามเข้าไป “นายจะดูเรื่องไหนเฉิน ??” “เรื่องที่ไม่ใช่ของสองคนนี้อ่ะ” เฉินตอบอบ่างจริงจัง นั่นแปลว่าซิ่วหมินและชานยอลอดดูเรื่องที่ตัวเอง อยากดู  ตอนนี้เฉินไล่ให้ซิ่วหมินไปซื้อตั๋ว ส่วนชานยอลก็ไปซื้อน้ำกับป็อบคอร์น  “เอ่อ.....คริส” ผมหันไปตามเสียงเรียกของซิ่วหมิน “ว่าไง มีไรหมิน ?” ผมมองซิ่วหมินที่อึกอักไม่ยอมพูดสักที “อ๋อ ป่าวไม่มีอ่ะคริส ฉันแค่จะบอกว่า เมื่อกี้ ใครก็ไม่รู้แม่งเดินชนฉันกระเด็นเลยอ่ะ แล้วไม่ยอมขอโทษด้วยอ่ะ” “อ้าวแล้วเป็นไรมากป่าวหมิน?” ผมถามซิ่วหมินด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าเราเข้าไปนั่งรอในโรงหนังกันอีกแปปเดียว หนังจะเข้าแล้ว” ซิ่วหมินพูดพร้อมกับลากผมเข้าไปในโรงหนัง โดยที่ชานยอลและเฉินเดินตามหลังมา “เอ๊ะ!!” “มีไรหรอคริส?” ซิ่วหมันหันมาถามผมคณะที่พวกเรากำลังเดินไปที่นั่ง ผมรู้สึกเหมือนผมเห็นเลย์ แต่ว่าเขาไปซ้อมกีฬานิ คงแค่คนที่คล้ายๆกันมั้ง “ไม่มีไรหรอกหมิน ฉันแค่นึกว่าคนรู้จักอ่ะ คล้ายๆกัน” “อ๋ออออออออ แล้วไป” และซิ่วหมินก็ลากผมไปนั่งที่ที่นั่งของพวกเรา

    2ชม.ผ่านไป

    “หนังสนุกมากเลยอ่ะ!!”เสียงซิ่วหมินพูดขึ้นหลังจากที่พวกเราเดินออกมาจากโรงหนัง “นี้ฉันว่า...พวกเราไปเดินเล่นกันดีกว่า” ผมพูดขึ้น “อ่าใช่ๆฉันว่าเรารีบไปจากตรงนี้กันเถอะฉันอยากเดินเล่นแล้วอ่ะ”ชานยอลพูดขึ้นพร้อมกับพยายามที่จะลากผมออกจากตรงนี้ อะไรของชานยอล “เดี๋ยวก่อนแปปนึง ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”ผมค้านขึ้นเพราะผมรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำตั้งแต่ในโรงหนัง “ไปเข้าที่อื่นก็ได้นะคริส ฉันอยากเดินเล่นแล้ว” ชานยอลพูดพร้อมกับดึงผมเพื่อพยายามจะไปจากตรงนี้ ผมสงสัยว่าชานยอลต้องมีอะไรแน่ๆ “มีอะไรหรือป่าวยอล นายมีอะไรบอกฉันก่อนฉันถึงจะไป” ผมพูดเสียงเข้มใส่ชานยอล ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ชานยอลไม่มีวันบอกผมแน่ “เอ่อ.....ป่าวหนิ” “อย่ามาโกหกยอล!!”มีอะไรบอกมาเลย”ผมพูดเสียงเข้มใส่ชานยอลอีก ชานยอลมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่เขาเป็นอะไรของเขากัน “คริส...ฉันว่านายหันไปดูข้างหลังเองเหอะ” “หื้อ....?”เป็นเฉินที่ปริปากพูดออกมา ผมเห็นเขาเงียบมานานแล้ว ด้วยความที่เฉินบอกให้ผมหันไปดูข้างหลัง ผมจึงหันไปมองทางที่ผมพึ่งเดินมา ภาพของบุคคลตรงหน้าทำให้ผมอึ้งเป็นอย่างมาก ภาพที่คนสองคนกำลังเดินออกมาจากโรงหนังด้วยใบหน้าระรื่น “เลย์.......”ผมครางชื่อของอีกคนออกมาเบาๆ ก่อนที่เลย์จะหันมาสบตากับผมพอดี ใช่เขาคือเลย์คนที่บอกผมว่าวันนี้ไม่ว่างมากับผม แต่ตอนนี้เขาว่างมากับอีกคน ไค ผมยืนมองเขานิ่งๆอยู่แบบนั่นจนชานยอลเดินมาจับไหล่ผม ผมหันหน้าหนีเลย์ ไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่าทำไมเขามากับผมไม่ได้ ไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่าทำไมต้องโกหกผม ในใจผมตอนนี้ผมอยากร้องไห้ซะเหลือเกินแต่ผมร้องไม่ได้  ผมเดินนำหน้าทุกคนออกมาจากตรงนั่น ผมเดินมาไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีคนเดินตามผมมามั๊ย ผมรู้แค่ว่าขอให้เดินมาไกลพอที่จะอยู่ห่างจากเขาคนนั่น ผมมายืนอยู่ในแผนกตุ๊กตา ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉิน

    “คริส!!! อยู่ไหนอ่ะ!!!

    “ป่าว พวกแกเดินเล่นกันต่อไปเถอะ ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ”

    “กลับคนเดียวได้หรอว่ะ”

    “ได้ แค่นี้นะ”

    ตึ๊ด .

    ผมพูดแค่นั่นก่อนจะตัดสายเฉินและเดินออกมาหน้าห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะขึ้นรถกลับบ้าน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสียบหูฟังและเปิดเพลงฟัง ผมยืนอยู่สักพักรถเมล์ก็มา ผมขึ้นมานั่งบนรถเมล์ตรงริมหน้าต่าง ขนาดนี้เขายังไม่คิดจะโทรมาหาผมเลย เหอะ! ผมฟังเพลงไปเรื่อยๆจนมาถึงเพลงเพลงนึงที่ผมชอบมาก

    “ จะขอยอมปล่อยมือของเธอให้ไปเจอรักใหม่(ตามแต่ใจเธอ) และจะไม่เรียกร้อง ฉันเกิดมาเพื่อยอมเธอเสมอทั้งหัวใจถ้าเธอก็คงไม่เหลือคำใด...นอกจากขอให้เธอโชคดี...”

    ผมนั่งฟังเพลงนี้วนไปวนมาจนมาถึงหน้าสวนสาธารณะตรงแถวๆบ้านผม ผมเดินลงจากรถและเดินฟังเพลงเข้าไปที่สวนสาธารณะ  นี้คงเป็นอีกวันที่ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้  ถามว่าผมชินมั๊ย ผมคงตอบได้ว่าไม่ชิน แต่ผมทำอะไรไม่ได้หนิผมเคารพในการตัดสินใจของเขาตลอด ถึงจะเป็นแฟนกันก็จริงแต่ว่าผมไม่มีสิทธิ์   Rrrrrrrrr~~ผมที่ฟังเพลงอยู่เงียบๆก็ต้องตกใจกับเสียงโทรศัพท์  เบอร์ใครกันไม่คุ้นเลย

    “สวัสดีครับ”

    “นั่นใช่..คุณ อู๋อี้ฟานหรือป่าวครับ?”

    “อ๋อ ใช่ครับ นี้ใครครับมีอะไรหรือป่าว”

    “ผมโทรมาจากโรงเรียน XXX ที่คุณได้สอบชิงทุนไปเรียนต่อที่แคนาดาไว้น่ะครับ”

    “อ๋อ เอ่อ....แล้วไงต่อครับ?”

    ผมรู้สึกว่าผมเหมือนจะได้ยินข่าวดีและข่าวร้ายยังไงไม่รู้

    “คือผมจะบอกว่าคุณอู๋ สอบชิงทุนติดที่แคนาดานะครับ ถ้าคุณอู๋สนใจที่จะไปเรียนต่อให้ติดต่อเรากลับมาภายในสองอาทิตย์นะครับ เพราะเราจะได้จัดส่งเรื่องและเดินทางในเดือนหน้า โอเคนะครับ”

    “อ๋อครับโอเคครับ”

    “งั้นผมรบกวนแค่นี้นะครับ ขอบคุณครับ”

    ติ๊ด.

    ผมนั่งมองโทรศัพท์อยู่อย่างนั่น ผมรู้แล้วล่ะว่าข่าวดีกับข่าวร้ายคืออะไร....

    ผมคิดได้ดังนั่นจึงรีบวิ่งกลับบ้านทันที

    ทันทีที่ผมถึงบ้านผมตะโกนเรียกม๊ากับลู่หานทันที  “ม๊า!!!!!อาลู่!!!อยู่ไหนกันอ่ะ ผมมีข่าวจะบอก” “ตะโกนอะไรห๊ะ อาคริสม๊าตกใจหมด” ม๊าตีผมเบาๆก่อนที่ผมจะดึงม๊าเข้ามากอด “ม๊าผมสอบชิงทุนไปแคนาดาได้แล้ว!!” “จริงหรอคริส!!ลูกแม่เก่งจริงๆเลย แม่รักลูกนะ” “ผมก็รักม๊าครับ” ผมกอดม๊าแน่น ม๊าก็ไม่ต่างกัน “คริส แล้วเลย์รู้หรือยังลูก?” ผมเลิกกอดม๊าก่อนจะมองหน้า “ยัง...ครับม๊า” ผมพูดกับม๊าเบาๆ “เป็นอะไรกันนะคริส ทะเลาะกันล่ะสิรีบตัดสินใจซะคริส เอายังไงก็เอา เพราะถ้าเราไป เราจะไม่ได้อยู่กับน้องแล้วนะลูก 4ปีเลยนะคริส” ผมยืนฟังที่แม่พูด ก่อนที่แม่จะเดินออกไป ผมทิ้งตัวนั่งที่โซฟา คิดว่าผมจะไปดีมั๊ย หรือผมจะทิ้งความฝันอยู่กับคนที่ผมรัก ตอนนี้ผมสองจิตรสองใจ  .......ผมต้องโทรหาเลย์!!!

    ผมรีบวิ่งขึ้นห้องแล้วโทรหาเลย์ทันที  ผมรออยู่สักพักเขาก็รับโทรศัพท์

    “ว่าไง...เฮีย?”

    “เอ่อ........”

    “มีไรว่าไง ?”

    “เอ่อออ.....มีไรจะบอก...”

    “.......”

    “เฮียได้ทุนไปเรียนต่อที่แคนาดาอ่ะ....”

    “อือ....แล้วไง?”

    “...เฮียโทรมาถามว่าจะไปดีมั๊ย?”

    “แล้วแต่เฮียดิ...ความฝันของเฮียหนิ....”

    “แล้วเตี้ยล่ะ.....”

    “ผมหรอ ไม่เป็นไรหรอกผมอยู่ได้ เฮียไปทำตามสิ่งที่เฮียต้องการเหอะ... J

    “แต่....เฮียเป็นห่วงเตี้ยนะ”

    “ผมไม่เป็นไรหรอก ผมรักเฮียนะ ไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงผม รักมากนะ”

    “อือ เฮียก็รักเตี้ยมากนะขอบคุณนะ...งั้นแค่นี้นะ”

    “อือ บายฮะ”

    “...........................”

    ผมมองดูหน้าจอโทรศัพท์ เลย์วางไปแล้ว เท่าที่เลย์พูดมาเขาคงอยากให้ผมไปตามความฝันสินะ เพราะเขาเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าผมอยากไปแค่ไหน เขาคงพยายามให้ผมตัดใจจากเขาสินะ เขาพยายามพูดให้ผมไม่เป็นห่วงเขา ซึ่งนั่นมันยิ่งทำให้ผมไม่อยากไปจากเขา ผมรักเขาคนเดียว....

    ณ โรงเรียน XXZZ

    “เฮ้!! คริสนี้นายได้นอนบ้างหรือป่าวว่ะ?” เสียงซื่วหมินถามผมในขณะที่ผมเดินเข้ามาในห้องเรียน ผมไม่ได้ตอบอะไรซิ่วหมินผมเดินมาที่โต๊ะของผมแล้วฟุบหน้างลกับโต๊ะเตรียมหลับทันที ใช่แล้วครับผมไม่ได้นอนเลย มัวแต่คิดมากเรื่องไปเรียนต่อ ซึ่งเพื่อนๆของผมรู้หมดแล้ว ผมจะทำไงดีผมไม่อยากทิ้งเลย์...

    “คริส.....”

    ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ มองชานยอลที่วางมืออยู่บนบ่าผม

    “มีอะไรหรอยอล?”

    “นายรู้เรื่องไคกับโด้หรือยัง?”

    “เรื่องอะไร?”

    “โด้มัน.....เลิกกับไคแล้วนะ”

    “..................................”

    ผมเงียบไปมองหน้าเพื่อนๆที่ยืนล้อมโต๊ะผมอยู่ ก่อนที่ดีโอเพื่อนของผมอีกคนจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วย ดีโอดูซึมเศร้าผิดจากดีโอคนเดิม ดีโอเป็นคนร่าเริงยิ้มเก่ง แต่วันนี้เขาเงียบมากแทบตายังบวมดูก็ร็ว่าร้องไห้ทั้งคืน

    “โด้...ฉันอยากคุยไรกับแก่หน่อย..”

    ผมเรียกดีโอให้หลุดออกจากภวังค์

    “ว่าไงคริสมีไร?”

    ดีโอมองหน้าผมเพื่อนคนอื่นก็เช่นกัน ทุกคนมองหน้าผมอย่างสงสัยว่าผมจะพูดอะไร

    “เลิกกันแล้วหรอ...”

    “อือ....เลิกแล้ว”

    ดีโอส่งยิ้มน้อยๆมาให้ผม ผมรู้ว่าดีโอฝืนมันแค่ไหน

    “ทำไมถึงเลิกกัน?”

    ผมยังคงถามต่อและตอนนี้ก็กลายเป็นว่าเพื่อนทุกคนคงเห็นด้วยกับผมที่ผมถามต่อ เพราะพวกมันก็อย่างรู้

    “เขาบอกว่า...กูไม่มีเวลาให้”

    “......” ทุกคนเงียบรอให้ดีโอเล่าต่อ

    “กูเลยบอกว่างั้น...งั้นไคก็ไปอยู่กับคนที่มีเวลาให้เถอะ...แล้วก็บอกว่าเลิกกันเถอะ”

    กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกคนมองหน้าดีโอพวกมันคงสงสัยแบบเดียวกับผมว่าทำไมดีโอถึงบอกเลิกไค เพราะมันรักไคมากยอมให้ทุกอย่างใครๆก็รู้

    “โด้..ทำไมมึงกล้าบอกเลิกว่ะ?”

    ซิ่วหมินถามขึ้น ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย

    “มึงจะให้กูทนอะไร เขาไปกับคนอื่นกูก็รู้หมด ไปไหนทำอะไรกุรู้หมดแค่กูไม่พูด!!กูกลัวเขาทิ้งกู ยิ่งครั้งล่าสุดที่เขาไปดูหนังกับคนนั้น...............”

    “มึงรู้ใช่มั๊ยโด้”

    ดีโอเงียบไปผมเลยพูดขึ้น

    “.............”

    “มึงรู้ใช่มั๊ยโด้.....ว่าคนนั้นเป็นเลย์”

    “คริส!!..........มึงรู้ได้ไง??”

    “เอาเป็นว่ากูรู้”

    พอผมพูดเสร็จทุกคนก็พากันเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรจนอาจารย์เข้ามาสอน

    ตลอดเวลาที่อาจารย์สอนผมยอมรับว่าผมไม่ได้ฟังเลย ผมมัวแต่นั่งคิดเรื่องต่างๆนาๆที่ผ่านมาจนในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว...และทันทีที่ผมคิดได้ผมจึงรีบวิ่งออกจากห้องทันที

    เกรด 11 ห้อง A (lay)

    “เลย์ๆๆ!!...มีคนมาหาอ่ะ”

    ผมที่นั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ หันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนในห้องอีกคนที่ตะโกนเรียกผม

    “มีไรอ๋อ??”

    “มีคนมาหานายอ่ะ...เขารออยู่หน้าห้องอ่ะ”

    ผมที่สงสัยว่าใครมาหา ก็รีบเดินออกไปดูหน้าห้อง ทันทีที่เห็นเขาผมก็จำได้ทันที คนที่มีความสูงขนาดนั้นคงไม่ใช่ใคร...

    “เฮีย....” ผมร้องเรียกชื่อเขาเบาๆ ก่อนที่เขาจะหันมามองผมแล้วยิ้มบางๆให้

    “มาหาผม...มีไรหรอ?” ผมรู้ว่าการมองหน้าเขาครั้งนี้มันทำให้ผมใจหายแปลกๆ

    “เอ่อออ.....เฮีย..จะมา......”

    “มาทำไม??”

    “เอ่อออ.....เฮียจะมา...ลาเตี้ยไง”

    “........................”

    End lay

     

    ผมได้แต่มองเลย์ที่ตอนนี้เขาได้แต่เงียบไป ผมรู้ว่าเขาคงกำลังคิดอะไรอยู่แต่ผมไม่สามารถเดาได้

    “เฮีย...จะไปต่อแคนาดานะ...”ผมพูดไปแบบนั้น ทั้งที่ผมพยายามจะกลั้นน้ำตาอยู่ ผมมองหน้าเลย์นิ่งๆ

    “อืม.....ไปเถอะ”

    ผมที่เมื่อได้ยินดังนั้นถึงกลับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มบางๆให้เขา

    “เตี้ย...เฮียรักเตี้ยนะ”

    “เตี้ยก็รักเฮีย....”

    ผมมองหน้าอีกคนต่อ เมื่อในไม่มีใครพูดอะไรต่อ ผมจึงเดินหันหลังออกมาจากตรงนั้น ผมรู้สึกว่าผมทำถูกแล้วที่ทำแบบนี้ แต่ผมกลับเจ็บจนอธิบายไม่ถูก จนน้ำตาที่กลั้นไว้มันไหลออกมา ผมหยิบโทรศัพท์ติดต่อทางโรงดรียนxxxว่าผมต้องการที่จะไปเรียนต่อที่แคนาดา เมื่อผมคุยเสร็จเรียบร้อยผมจึงเดินกลับไปที่ห้องเรียนของผม

    “เฮ้ยยยยคริสไปไหนมา!!อยู่ดีๆก็วิ่งไป?”

    ชานยอลเดินตรงเข้ามาถามผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้อง เสียงที่เคยดังภายในห้องเงียบลงเหมือนจะอยากรู้เรื่องของผมกัน

    “ไป....ลาเลย์มา ฉันจะไปเรียนต่อที่แคนาดา”

    เพื่อนทุกคนเมื่อได้ยินที่ผมพูดก็เงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ แม้แต่กลุ่มเพื่อนของผมก็ด้วย พวกมันรู้ว่าถ้าผมตัดสินใจอะไรแล้วผมทำจริงๆ

    “แน่ใจแล้วหรอคริส...” เป็นดีโอที่เดินเข้ามาตบบ่าผม ผมพยักหน้าเบาๆแทนการให้คำตอบ ผม....ผมแน่ใจ

     

    ตั้งแต่ช่วงบ่ายผมไม่ได้เข้าเรียนเลยได้เตร็ดเตร็อยู่ในโรงเรียน จนผมเดินมาถึงโรงยิมผมยอมรับว่าผมไม่ค่อยชอบที่นี้ซะแล้วทั้งที่แต่ก่อนผมมักมาจะมาหามารับใครบางคนกลับบ้านบ่อยๆ ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงยิม ผมเดินไปที่ประตูอีกฝั่งที่เป็นห้องเก็บของผมมานั่งข้างนอกเพื่อรับลมเย็นๆ ผมนั่งไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนจะมีคนเข้ามาเล่นกีฬาในนี้ ผมได้ยินเสียงลูกบาสกระทบกับพื้นและเสียงของคนสองคนที่ผมคิดว่าผมคุ้นดี

    “พี่เขาจะไปแคนาดาแล้วหรอ...”

    “อืม ใช่ถามทำไม?”

    “ป่าวหรอก”

    ผมเดินไปที่ประตูเพื่อที่จะได้มองเห็นคนทั้งสองคนในโรงยิมได้ถนัด แต่แล้วภาพที่ทำให้ผมผิดหวังก็เกิดขึ้น.....เลย์จูบกับไค

    “ไครักเลย์นะ...เป็นแฟนกับไคได้มั๊ยเลย์?”

    “อืม....ได้สิไค”

    ผมยืนมองทั้งสองคนอยู่ตรงนั้น ผมได้ยินทุกอย่างชัดเจน ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล นี้ตกลง....เลย์กับผมไม่ได้เป็นไรกันแล้วสินะ...เราไม่ได้รักกันแล้ว... ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงยิมเดินไปหยุดอยู่กลางสนาม สองคนนั้นจึงหันมามองที่ผมอย่างตกใจ

    “อ้าวววว...ซ้อมบาสกันอยู่หรอ ใกล้แข่งแล้วสินะ ขอให้ชนะนะ ไปล่ะบายส์”

    “เฮีย!!!!!

    ผมพูดพร้อมกับเดินออกมาจากตตรงนั้น แต่เลย์ก็วั่งมาจับแขนผมไว้

     

    “เฮีย...ได้ยินใช่มั๊ย?”

    “ได้ยินอะไรหรอ...”

    ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ทั้งที่ผมได้ยินมันตั้งแต่ต้นจนจบ

    “เฮียได้ยินใช่มั๊ย!!!!บอกผมมาสิ!!!

    เลย์เขย่าตัวผมอย่างแรงแต่ผมไม่ได้พูดอะไร จนในที่สุดผมก็กลั้นไว้ไม่ไหว

    “ผมได้ยินที่นายพูดกันทุกอย่างแหละ...ได้ยินมันชัดเจนทุกคำพูด...”

    ผมพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมา ผมเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกเลย์ ผมกำลังปล่อยเลย์ไปกับคนที่เขารัก...คนใหม่ ผมจับมือเลย์ที่เลย์จับแขนผมอยู่ออก ผมรู้ว่าเขาคงเจ็บมากแต่ผมก็เจ็บไม่ต่างกัน

    “นาย...เลิกเรียกผมว่าเฮียได้แล้วนะ...ผมไม่ใช่คนคนนั้นของนายแล้ว...ลาก่อน”

    เลย์มองหน้าผมอย่างอึ้งๆ ผมมองเขาที่ร้องไห้จนตาเริ่มบวมแดง ผมไม่ชอบให้เลย์ร้องไห้แต่ตอนนี้ผมทำเขาร้องไห้

    “ได้ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมเรียก...ผมก็จะไม่เรียก!!

    ผมมองหน้าเลย์อยู่อย่างนั่นปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลออกมา ก่อนที่ผมจะตัดสินใจจับมือเลย์เดินไปหาไค เขายืนมองผมสองคนอยู่ตลอดเวลา ผมปล่อยมือเลย์ก่อนที่จะพูดกับไค

    “ดูแลเขาหน่อยนะ...เจ้าเตี้ยเนี๊ยมันชอบเล่นโทรศัพท์จนดึก...ฉันไปล่ะ”



    ผมพูดจบก็เดินออกมาจากตรงนั่น...ด้วยน้ำตา ผมรักเลย์มาก เลย์เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมเลิกเจ้าชู้ ทำให้ผมเลิกเที่ยว เลย์ทำให้ผมมาเรียนทุกวันไม่ขาดเรียนเหมือนแต่ก่อน เลย์ทำให้ผมตั้งใจเรียนเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาดูถูกเลย์ว่ามีแฟนไม่เอาไหน ผมจะเป็นคนคอยรับคอยส่งเลย์ทุกทีเพราะกลัวเลย์มีคนมาจีบ ผมชอบให้เลย์นอนเร็วๆ แต่เลย์ชอบอยู่เป็นเพื่อนผมดูบอลตอนดึกๆ ผมชอบตื่นสายแต่ผมก็ยังมีนาฬิกาปลุกที่ชื่อว่าเลย์....แต่นับตั้งแต่นี้ไปผมจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเลย์อีกแล้ว...

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    สวัสดีค่ะ นี้เป็นฟิคเรื่องแรกของไรท์เลยอ่ะ
    (><) ตอนแรกไรท์ว่าจะทำเป็นเรื่องสั้น แต่ตอนี้อยากรู้ว่าลีดที่เขามาอ่านอยากใ
    ห้แต่งต่อมั๊ย-..-
    ยังไงช่วยเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะค่ะ #โค้ง

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น