ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Known..แค่รู้ว่ารัก - Lumin, Krisyeol - EXO

    ลำดับตอนที่ #7 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ ตอนที่ 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 466
      11
      15 มิ.ย. 58







    Known..แค่รู้ว่ารัก  ตอนที่ 6
    By :: เบบี้เยลโล่

     


     



                “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับเจ้านาย?” 



                  คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินไปเคลียเอกสารกับลูกน้องของตนเสร็จเดินเข้ามาหาผู้เป็นนาย สายตาคมจ้องมองไปที่เครื่องมือติดต่อสื่อสารเครื่องบางพร้อมกับมือหนาที่บรรจงกดลงไปแรงๆ ตามอารมณ์จนคนรอบข้างสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ

     


                แม้แต่ตอนที่คนตัวเล็กส่งสายตาไปถามบอดี้การ์ดที่เป็นรุ่นพี่ ก็ได้เพียงแค่อาการส่ายหน้าตอบกลับมาเท่านั้น แล้วหน่วยกล้าตายจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เขาคนนี้ บุคคลที่ทนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเจ้านายได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย

     


                แม้ใบหน้าหล่อที่นั่งทำหน้านิ่งสนิทอยู่ตรงหน้าจะแสดงอาการหงุดหงิดออกมาให้เห็นแค่เพียงเล็กน้อยตามฉบับของเจ้าตัว แต่มีหรือที่คนทำงานด้วยกันมานานอย่างเขาแถมยังเรียกว่าซี้ปึกโคตรๆ จะมองไม่เห็น โดคยองซูได้แต่ถอนหายใจน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

     


                “ไม่มีอะไร” ลู่หานพ่นลมหายใจออกมา พร้อมกับตอบกลับเลขาเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคู่สนทนา มือหนากำโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือไว้แล้วหลับตาลงอย่างข่มกลั้นความรู้สึก นี่มันเวลางานเขาต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองแม้จะรู้สึกหงุดหงิดมากแค่ไหนก็ตาม

     


                “ติดต่อคุณซิ่วหมินไม่ได้หรอครับ?” คยองซูเอ่ยถามคำถามกว้างๆ ที่คิดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงมากที่สุดและสามารถทำให้เจ้านายของตนร้อนรนได้มากที่สุดออกไป พร้อมกับลอบสังเกตอาการของผู้เป็นนายแล้วก็ได้คำตอบเมื่อลู่หานปรายตามามองแล้วถอนหายใจอีกครั้ง

     


                “ตั้งแต่เมื่อคืน..” ลู่หานตัดสินใจตอบออกไป แม้จะพูดออกมาแค่นั้นแต่เลขาคู่ใจกลับพยักหน้ารับเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นนายต้องการจะเอ่ยบอก ดวงตากลมโตหรี่ลงอย่างใช้ความคิดมือเรียวค่อยๆ กระชับแฟ้มที่อยู่ในมือเข้ามาแนบกับอก

     

                “อาจจะมัวทำอะไรเพลินจนลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วยก็ได้นะครับ เจ้านายคิดมากไปหรือเปล่า” เอ่ยแนะออกไปตามอย่างใจคิด ดวงตากลมโตกระพริบขึ้นลงมองคนที่นั่งจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์นิ่ง ลู่หานเพียงแค่พยักหน้ารับก่อนมือหนาจะตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ไว้ในสูท ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปพยักหน้าให้กับบอดี้การ์ดที่ตนร่วมงานด้วยอย่างคุ้นเคย

     

                ทั้งคิมคิบอมและหานฮันคยองหันไปพยักหน้ารับรู้ให้ผู้ว่าจ้างน้อยๆ สีหน้าเรียบสนิทที่แม้แต่คยองซูยังรู้สึกยำเกรงยามที่ต้องสนทนากัน ไม่รู้ว่าสองบอดี้การ์ดของเจ้านายตนนั้นเป็นใครมาจากไหน หรือเคยทำอะไรมาจะถามก็ไม่กล้าเพราะแม้แต่จะเอ่ยถามว่าทั้งสองทานกาแฟมารึยังเขายังไม่กล้าจะปริปากเอ่ยถามเลยด้วยซ้ำ

     

                แล้วนับประสาอะไรกับประวัติส่วนตัวที่ตนเองนั้นสงสัย ใครจะไปกล้าถามกันเกิดถามอะไรที่ไม่เข้าหูขึ้นมาแล้วอีกคนไม่พอใจหยิบปืนขึ้นมาจ่อหัวเขาใครจะรับผิดชอบชีวิตของเขากัน แม้ว่าตนจะสนิทกับผู้เป็นนายมากแค่ไหน แต่กับบอดี้การ์ดสองคนที่จ้างมาด้วยราคา “พิเศษ” แบบนั้น เขาก็ชักไม่แน่ใจว่าเจ้านายจะช่วยเขาได้มากน้อยแค่ไหน

     

                ก็แน่ล่ะ เจ้านายจ้างทั้งสองคนนั่นมาให้คุ้มครองเจ้านายแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอะไรกับคนของเจ้านายได้นิ แล้วเรื่องอะไรเขาจะต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกันเล่าแม้จะอยากรู้จนอยากจะเอ่ยถามผู้เป็นนายออกไปก็หลายครั้ง แต่เพราะรู้ว่าถามไปเจ้านายเขาก็คงจะโบ้ยให้เขาไปถามเจ้าตัวเองแน่ๆ ร่างเล็กจึงได้แต่มุ่ยหน้าใส่ผู้เป็นทั้งเจ้านายและรุ่นพี่งอนๆ ทุกครั้ง

     

                กับพี่จงอินยังไม่เคยรู้สึกว่าบอดี้การ์ดน่ากลัวเลยสักครั้ง แต่กับบุคคลที่แม้แต่เจ้านายยังนับถือเป็นเสมือนพี่ บอกเลยว่ามันห่างจากคำว่าบอดี้การ์ด(เฉยๆ) มากบอกว่าเป็นนักฆ่าเขายังเชื่อเลยนะให้ตายสิ

     


                “ครับพี่” ลู่หานต่อสายตรงไปหารุ่นพี่คนสนิทที่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่เกาหลี



                /ว่าไงลู่หาน/ มาเฟียหนุ่มตอบรับกลับมา ปลายสายมีเสียงหอบเบาๆ บ่งบอกเป็นนัยว่าเจ้าตัวคงไม่ค่อยสะดวกสนทนาเท่าใดนัก

     

                “ผมติดต่อซิ่วหมินไม่ได้” ลู่หานบอกออกไปตามตรง เสียงเข้มเปร่งออกไปสั้นๆ บ่งบอกถึงความหนักใจที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังประสบอยู่หวังจะได้ความกระจ่างจากคนที่ตนสนทนาอยู่ ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนจะได้ยินเสียงขลุกขลักแล้วเงียบไป

     

                /โทษที ช่วงนี้มีเรื่องยุ่งๆ เลยต้องลงมาจัดการเองเมื่อกี้พี่ให้ลูกน้องโทรไปหาคนที่เฝ้าเมียนายอยู่ทางนั้นบอกว่าซิ่วหมินไม่ได้ออกไปไหนเจ้าตัวอยู่แต่ในบ้าน ลูกน้องพี่ก็เฝ้าอยู่แถวๆ หน้าบ้านของเจ้าตัวนั่นแหละ มีธุระด่วนอะไรงั้นหรืออู๋อี้ฟานเอ่ยบอกรุ่นน้องด้วยอาการเหนื่อยหอบ เพราะก่อนที่รุ่นน้องของตนจะโทรเข้ามาเขาเองก็กำลังจัดการ “ธุระ” เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจส่วนตัวของตนเมื่อมีไอ้พวกปลายแถวที่มันคิดจะเหิมเกริมไม่ได้เกรงกลัวอำนาจของเขาแถมยังท้าทายด้วยการเข้าไปป่วนผับของเขาจนต้องลงมาสั่งสอนให้พวกมันรู้ฝีมือกันบ้าง

     

                “ไม่มีอะไรครับแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยดีผมก็เบาใจแล้ว ผมไม่กวนพี่แล้วนะ” ลู่หานครางรับในลำคอแล้วตอบกลับ ปลายสายตอบรับก่อนจะกดวางสาย



                “หลังจากเสร็จงานแล้วคุณช่วยเลื่อนตั๋วเครื่องบินให้ได้ไฟล์ทที่เร็วที่สุดให้ผมด้วยนะหรือถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ทำยังไงก็ได้ให้ผมกลับเกาหลีได้เร็วที่สุด” ลู่หานเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเผยให้เห็นมาดนักธุรกิจหนุ่มหล่อ แล้วหันไปพูดสั่งกับเลขาคนสนิท ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะพักสักวันก่อนแล้วค่อยกลับแต่จนกระทั่งตอนนี้เขายังติดต่อคนรักไม่ได้มันผิดปกติกลัวเหลือเกินว่าอีกคนจะได้รับอันตรายใดๆ อีก ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับซิ่วหมินเขาคงอยู่ไม่ได้

     

                “ครับเจ้านาย” คยองซูกระชับแฟ้มในมือก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่ง พร้อมกับก้าวไวๆ ตามขบวนของลู่หานไปไวๆ ก็เพราะคนที่เขาเดินตามอยู่ตอนนี้แต่ละคนขนาดขาของเขาเทียบไม่ได้เลยสักคนเลยได้แต่ก้าวฉับๆ ตามอีกคนเข้าห้องประชุมไปให้ได้เร็วที่สุด

     

                หากใครมาเห็นคงจะได้ขำเขาทุกครั้ง แม้แต่ผู้เป็นนายยังเคยแซวเขาขำๆ ถึงขนาดขาที่ต่างกันอยู่บ่อยครั้งจนเขาเริ่มจะทำใจ สงสัยเจ้านายจะลืมไปว่าคนอย่างโดคยองซูน่ะ “เล็กพริกขี้หนู”




    ++++++++++++++++++++++++++++



     

    “สวัสดีครับนม” สองมือยกขึ้นไหว้บุคคลที่ตนเคารพหลังจากร่างเพรียวก้าวลงจากรถหรูคู่กาย หญิงสูงวัยกว่ารับไหว้น้อยๆ ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยท่าทีที่เป็นกังวล

     


          “คุณหนูอยู่บนห้องนะคะ ยังไม่ลงมาเลยตั้งแต่เมื่อวาน” รีบเอ่ยบอกโดยไม่ต้องเอ่ยถาม เพราะคุณหนูที่เธอเลี้ยงมากับมือไม่ยอมลงมาร่วมโต๊ะอาหารหรือกินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน ไม่ว่าเธอจะเคาะประตูเรียกทั้งอ้อนวอนและขู่เพียงใดใบหน้าขาวก็ไม่ยอมเปิดประตูรับตนเลยแม้แต่น้อย

     


    เป็นเธอเองที่ร้อนรนจนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายต่อสายหาเพื่อนสนิทของคุณหนูซิ่วหมินเอง เมื่อปลายสายตอบรับว่าจะมาตนก็รีบมายืนดักรอที่หน้าบ้านทันที



                “มันไม่สบาย หรือพูดอะไรแปลกๆ หรือเปล่าครับนม?” ชานยอลเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อได้ฟังเสียงรายงานจากบุคคลที่ตนเองเคารพพอๆ กับบิดามารดาของเพื่อนสนิท ตัวเขาเองก็เพิ่งจะเคลียงานเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของศิลปินในสังกัดเสร็จ ไม่สิเรียกว่าเกือบเสร็จจะดีกว่าเมื่อคืนเขาก็แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะอยากควบคุมการผลิตเองทุกขั้นตอน แม้ว่าอัลบั้มนี้จะเป็นอัลบั้มที่สองของไอรีนแต่เขาก็อยากให้อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จเหมือนกับตอนเปิดตัวอัลบั้มแรก เขาจึงใช้เวลาทั้งหมดทุ่มให้กับมัน

     


                แม้แต่สายจาก “แขก” เจ้าประจำเขายังไม่ค่อยจะกดรับสายเลย



                “ไม่เลยคะ อยู่ดีๆ คุณหนูก็บอกว่าอยากอยู่คนเดียวจนคุณท่านเองยังจนใจที่จะสอบถามจากปากคุณหนูเลยคะ เป็นนมเองที่ทนไม่ไหวต้องโทรไปรบกวนคุณชานยอลให้ช่วยเข้ามาดูคุณหนูเธอ” ร่างท้วมตอบกลับพร้อมกับส่ายหัวน้อยๆ สีหน้าแสดงให้เห็นถึงความกังวลของเจ้าตัว ชานยอลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วเดินไปยังห้องประจำที่เขาเข้าออกได้เสมือนเจ้าของห้องเอง

     


                ก๊อก ก๊อก ก๊อก



                มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นมาเคาะที่ประตูหนา อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ ก็ไม่เห็นว่าเพื่อนของเขามันจะโทรเข้ามาฟ้องหรือระบายเรื่องที่ตนเองหนักใจอะไร จึงค่อนข้างแปลกใจที่อยู่ๆ ก็มีสายจากนมของมันโทรเรียกตัว

     


                “ซิ่วหมิน ซิ่วหมิน ไอ้เตี้ย ออกมาเปิดประตูให้กูหน่อย” เอ่ยเรียกพรางเคาะประตูไปด้วย เมื่อเสียงด้านในห้องยังเงียบสนิท

     


                แกร็ก

     


                “ไอ่นี่กว่าจะยอมเปิด” ชานยอลบ่นออกไปไม่จริงๆ หลังจากตอนแรกที่ชะงักไปนิดเมื่อเห็นสภาพของอีกคน ดวงตากลมโตที่เคยสดใสมีแววหม่นเศร้า แถมยังมีอาการบวมเป่งชัดเจนขนาดนี้แสดงว่า “ไม่ปกติ” แล้วล่ะ

     

                “มึงมาได้ไง” ซิ่วหมินที่เดินตามเข้ามาในห้องหลังจากก้าวลงจากเตียงไปเปิดประตูห้องให้เพื่อนสนิทเอ่ยถาม

     

                “ทำม่ะ? มาไม่ได้?” ชานยอลหันมาถามเพื่อนตัวเล็กกลับกวนๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาแล้วเอนหลังลง เท้าสองข้างยกขึ้นมาวางพาดกับโต๊ะ

     

                “ถ้าจะมากวนตีนก็กลับไปเลยป่ะ”  ซิ่วหมินขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยปากไล่อีกคน เพราะหมั่นไส้กับอาการของมันเต็มที ก่อนที่ตัวเองจะก้าวไปนั่งลงที่ปลายเตียงแล้วมองอีกคนตาดุ



                “โอ้โห่ กวนนิดกวนหน่อยทำเป็นมีอาการน่ะมึงไอ่เตี้ย” ชานยอลเอ่ยเหย้าเพื่อนสนิทยิ้มๆ เพราะหวังจะกวนประสาทให้อีกคนรู้สึกผ่อนคลายและลืมเรื่องที่กังวลอยู่ เพื่อที่เขาจะได้ถามถึงสาเหตุได้แบบเนียนๆ โดยที่อีกคนไม่ทันได้ยั้งคิด หึหึ

     

                “เรื่องของกู” ซิ่วหมินตอบกลับเหวี่ยงๆ ใบหน้าสวยงอง้ำ แววตาใสเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างเงียบๆ ร่างสูงของชานยอลมองตามใบหน้าสวยที่เขาเฝ้ามองมาตลอด ใบหน้าสวยหวานน่ารักที่เป็นเสน่ห์ของเจ้าตัว สิ่งที่เขาเคยอยากเอาชนะความขี้ขลาดแล้วก้าวข้ามไปบอกความรู้สึกกับอีกคนแต่ปากเขามันหนักเกินกว่าจะเอ่ยออกไปได้


     

                “ผัวมึงกลับเมื่อไหร่ว่ะ” ถามออกไปหยั่งเชิง และมันก็ได้ผลเมื่อเห็นแววตาไหววูบจากเพื่อนสนิท ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอีกครั้งเหมือนกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ชานยอลร้องหึในลำคอเมื่อเขาเจอสาเหตุของปัญหาแล้ว

     

                “....”



                “มีอะไรที่กูยังไม่รู้หรือมึงไม่อยากบอกกูรึเปล่าวะ” ชานยอลลุกขึ้นนั่ง มือสองข้างประสานกันไว้ที่หน้าตักและเอ่ยถามเพื่อนสนิทออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาเรียวมองตรงไปที่อีกคนเหมือนกดดันเล็กๆ คล้ายกำลังจับผิดไปในที 


                “ก..กู” ซิ่วหมินพูดครางในลำคอ สองมือเล็กประสานกันไว้ที่หน้าตักและบีบแน่นเพื่อไม่ให้มันสั่นไปมากกว่านี้ เขาลำบากใจ ใจหนึ่งก็อยากจะระบายให้คนตรงหน้าฟังถึงความรู้สึกจุกเสียดแน่นในอกตอนนี้ แต่อีกใจก็ไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเขา ลู่หานและผู้หญิงคนนั้น

     


                ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจชานยอล แต่ไอ่เพื่อนเขานิสัยยังไง เขานี่แหละรู้ดีที่สุด

     

                เพราะงี้ไงเลยไม่อยากบอก

     


                “กูเพื่อนมึงไหม?” ชานยอลเลือกหยิบไม้เด็ดออกมากดดันเพื่อนตัวเล็กอีกครั้ง พร้อมกับเลิกคิ้วถามเหมือนรอคำตอบ ดวงตากลมโตของซิ่วหมินหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับถอนหายใจเมื่อเจอชานยอลมาไม้นี้อีกแล้ว

     

                แต่ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่เจอไม้นี้แล้วต้องยอม ถ้าเป็นเขาที่เป็นเจ้าของคำถามก่อนหน้า เขาก็เชื่อว่าชานยอลก็ไม่มีทางปฏิเสธที่จะไม่ตอบคำถาม

     

                มือเรียวเล็กยื่นไปหยิบเครื่องมือสื่อสารคู่กายที่วางอยู่ใกล้ๆ มากดหยิกๆ สองสามครั้ง ก่อนจะมองกลับไปที่ชานยอลอีกครั้งอย่างชั่งใจ และเหมือนอีกคนจะรู้ว่าสิ่งที่จะช่วยไขข้อข้องใจของคำถามมันอยู่ในมือเขา เพราะสายตาของมันก็จับจ้องมาที่โทรศัพท์ของเขาแล้วเลิกคิ้วว่ามันเกี่ยวอะไรกับอาการของเขาตรงไหน

     

     

                “อ่ะ เอาไปดู” ซิ่วหมินตัดสินใจยื่นมือออกไปหาชานยอลเพื่อยื่นโทรศัพท์เครื่องสวยของตนให้อีกคน ชานยอลเลิกคิ้วก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์จากมือเขา ก่อนจะก้มดูสิ่งที่เขาเปิดค้างไว้ให้ดูที่หน้าจอ ซิ่วหมินเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะก้มมองไปที่มือตัวเองที่ประสานกันวางไว้บนหน้าตัก

     

     

                “เหี้ย..” ชานยอลสบถออกมาทันทีหลังจากที่เห็นภาพบนหน้าจอ นี่มันไอ่ลู่หานกับชู้รักเก่าของมันนี่ หลักฐานแรกคือรูปที่ชายหญิงคู่หนึ่งยืนคุยกันหน้าห้องด้วยสภาพไม่เรียบร้อย และอีกรูป..

     

                ไอ่สั

     

     

                ชานยอลสบถในใจอีกครั้ง นี่มึงกล้าไปทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงลับหลังเพื่อนกูขนาดนี้เลยหรอไอ้ลู่หาน

     

     

                “ใครส่งมามึงรู้ไหม” ชานยอลวกกลับเข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาหม่นๆ ของซิ่วหมินเงยขึ้นมาสบตากับเขานิ่ง ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ

     

                “คิมแทยอน” พร้อมกับเอ่ยชื่อของบุคคลที่ชานยอลเอ่ยถาม

     

                “หึ กูว่าที่เขาทำทุกวิถีทางให้ตัวเองได้ไปงานนี้ด้วยคงไม่ใช่แค่อยากดูงานเหมือนที่เคยกล่าวอ้าง แต่กูว่าเขาอยากใช้โอกาสนี้เพื่อไอ่ลู่หานที่มันไปทำงานโดยไร้เงาของมึงตามไปคุม เพื่อที่เขาจะได้งาบผัวมึงได้สะดวกขึ้นมากกว่า” ชานยอลพูดไปตามอารมณ์ ที่เริ่มพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ตามความโกรธ มือเรียวกำเข้าหากัน

     

     

                “....”

     

                หมับ

     

                ชานยอลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างเล็กของเพื่อนสนิทก่อนที่มือเรียวจะยื่นไปวางบนบ่าเล็กเบาๆ และออกแรงบีบ

     

                “กูว่ารอมันกลับมาก่อนค่อยว่ากัน มึงเองก็อย่าเพิ่งคิดไปไกลอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ชานยอลถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปตรงข้ามกับสิ่งที่อยากพูด สุดท้ายเขาก็เลือกจะพูดในสิ่งที่จะทำให้ซิ่วหมินรู้สึกดีขึ้น มากกว่าการพูดในสิ่งที่อาจจะทำร้ายจิตใจอีกคนไปมากกว่านี้อยู่ดี

     

                ไอ่ขี้เก็กมันรู้หรือเปล่า?

     

                คำถามที่อยู่ดีๆ ก็ผุดขึ้นมาในความคิด

     

                “อื้ม กูก็คิดแบบนั้นลู่หานน่าจะมีคำตอบให้กู” ซิ่วหมินพยักหน้ารับแล้วฉีกยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อนสนิท

     

                “ถ้างั้นก็กินอะไรหน่อย เดี๋ยวกูบอกให้ป้านมยกขึ้นมาให้ขอไปจัดการอะไรนิดหน่อยเดี๋ยวมา” ชานยอลรีบเสนอ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะขึ้นมานมของไอ่เพื่อนตัวเล็กบอกว่ามันยังไม่ยอมลงไปกินอะไรเลย เกิดเป็นอะไรขึ้นมาเขานี่แหละจะร้อนรนกว่าใครเพราะทนเป็นห่วงมันไม่ได้

     

                “ไม่ต้องห่วงน่ากูอยู่ได้” ซิ่วหมินเอ่ยบอกชานยอล ก่อนจะล้มตัวนอนราบไปกับเตียงนอนสีสะอาดตา ชานยอลปรายตามองอีกคนพร้อมกับกัดกรามอีกแล้วนะมึงไอ่เวรลู่หาน


     

                หลังจากที่เขาเดินลงมาจากห้องของซิ่วหมิน แล้วก้าวไปหาหญิงสูงวัยร่างท้วมที่ยืนรออยู่ด้านล่าง เขาเอ่ยปากบอกให้อีกคนยกอาหารขึ้นไปให้ซิ่วหมินพร้อมกับบอกให้อีกคนวางใจว่าซิ่วหมินไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงแค่เบื่อๆ อาหารก็เท่านั้น อีกคนมีสีหน้าดีขึ้นก่อนจะรับคำของเขาแล้วรีบกระตือรือร้นเข้าไปในครัว

     

                ร่างสูงเพรียวของชานยอลยืนมองอีกคนเดินเข้าไปในครัวจนลับตา เขาจึงเดินออกมาจากตัวบ้านเพื่อก้าวไปยังรถคันหรูของตน มือเรียวหยิบเอาโทรศัพท์ของตนออกมากดหาเบอร์โทรที่เพิ่งโทรเข้ามาหาเขาแต่ไม่ได้รับสายหลังจากก้าวเข้ามานั่งในตัวรถ

     


                “นึกยังไงถึงโทรหาฉันได้?”



    ปลายสายกดตอบรับหลังจากที่มือเรียวกดต่อสายหาบุคคลที่มักเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาด้วยความบังเอิญบ่อยๆ รอสายได้ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับด้วยน้ำเสียงแปลกใจจนคนฟังอย่างเขาต้องเบ๋ปาก

     

    ชิส์ มีอะไรให้แปลกใจนักหนา

     


                “รู้ไหมว่าไอ่ลู่หานมันไปทำเหี้eอะไรไว้!?” นอกจากจะไม่ตอบคำถามในสิ่งที่อีกฝ่ายถามแล้ว ชานยอลกลับตะโกนถามกลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ปลายสายเงียบไปสักพักเพราะไม่ทันระวังว่าจะโดนอีกฝ่ายระเบิดอารมณ์ใส่ ได้แต่เอียงหูที่แนบอยู่กับโทรศัพท์ให้ออกห่างจากกัน

     


                “ทำอะไร?” 


                 อู๋ฟานตอบกลับมาเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วก่อนจะวางมือที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่พร้อมกับเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ คนตัวเพรียวช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าตอนนี้อู๋ฟานกำลังนั่งจมอยู่กับกองเอกสารของตัวเองในห้องทำงานที่จัดอยู่ชั้นบนของคลับหรูที่เขาเป็นคนสร้างมากับมือ วันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้ก้าวออกไปจากห้องนี้เลยด้วยซ้ำ ที่นี่เป็นคลับโฮสต์อันดับต้นๆ ที่ไม่มีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอี้ฟานอยากให้คลับแห่งนี้เป็นธุรกิจที่เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นธุรกิจใสสะอาด ลูกค้าของเขามีแต่ระดับพวกคนรวยเข้ามาใช้บริการ

     

                “น้องรักของแกไงไอ่ขี้เก็ก!

     

    “หื้ม ใครหรือว่าลู่หาน?” อู๋อี้ฟานขมวดคิ้ว ไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงโวยวายของปลายสายสักนิด สงสัยเขาคงจะเริ่มชินกับอารมณ์ของอีกคนไปแล้วกระมัง คุยกันทีไรเป็นต้องตะเบ็งเสียงหรือไม่ก็ตะคอกเสียงคุยกับเขาทุกที

     

    “ก็ใช่น่ะสิ แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้มันไปพรอดรักกับเมียเก่าอยู่ที่ไหนห๊ะ!?” ชานยอลโพล่งถามออกไปอีก

     

    “เธอเอาอะไรมาพูด” คนใจเย็นก็ยังคงใจเย็นอยู่วันยังค่ำ ริมฝีปากหนาเอ่ยถามออกไปเนิบๆ ก็เมื่อวานเขาเพิ่งจะคุยกับลู่หานมาหยกๆ เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายบอกกับตัวเขาเองว่าต้องบินไปทำงาน แถมก่อนหน้าที่จะไปยังไหว้วานให้เขาส่งคนไปคอยติดตามภรรยาหน้าสวยของตนเองอีก แล้วแม่ตัวดีของเขาเอาอะไรมาพูดว่าน้องชายเขาไปพรอดรักกับอดีตรักเก่า

     

             

                “ความจริงไง! น๊อยปากก็บอกว่าไปทำงานทำทุกอย่างเพื่อเมียที่ไหนได้เห๊อะ!” ชานยอลพ่นลมออกมาทางจมูกเหมือนเย้ยหยันในสิ่งที่ลู่หานทำ ดวงตากลมโตแข็งกร้าวอยากลงโทษไอ้คนที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเสียน้ำตา กี่ครั้งแล้วที่มันทำให้ซิ่วหมินต้องร้องไห้ อภัยให้ไม่ได้!

     


                “แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” อู๋ฟานเลี่ยงที่จะพูดถึงลู่หานก่อนจะเอ่ยถามอีกคน แม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกก็เถอะว่าตอนนี้อีกคนอยู่ที่ไหน เขารู้ตั้งแต่ชานยอลออกจากบริษัทแล้วขับรถไปที่บ้านเพื่อนสนิทของเจ้าตัว รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้ชานยอลยังไม่ออกมาจากบ้านของซิ่วหมินด้วยซ้ำ ร่างสูงยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ ชักจะโรคจิตมากขึ้นทุกวัน

     


                เพราะเธอคนเดียวเลยนะ..ปาร์คชานยอล

     


                “หื้ม ถามทำไม? อย่ามาโยกโย่เปลี่ยนเรื่องนะไอ่มาเฟีย” ชานยอลชะงักไปนิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่ออยู่ดีๆ อีกคนก็เบี่ยงประเด็น ไม่ได้กินหรอกนะมุกนี้

     

                “หึ ฉันไม่ได้เบี่ยงประเด็นแต่ฉันแค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังกล่าวหาน้องชายฉันนะชานยอลเธอมีหลักฐานอะไรถึงได้หาว่าน้องชายฉันกลับไปคบหากับแม่สาวสวยคนนั้น?” อู๋ฟานหลุดขำในลำคอเมื่อโดนอีกคนจับได้ว่าจงใจเบี่ยงประเด็น ให้ตายสิชานยอลทำให้เขาหลุดยิ้มมากี่รอบแล้วนะวันนี้

     

                “ชิส์ เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง” ปากเรียวบ่นพึมพำ เมื่ออีกคนรู้ว่าเขาหมายถึงใครแถมยังเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่สาวสวยอีก ไอ้สวยน่ะยอมรับแต่นิสัยน่ะรับไม่ได้อย่างแรง!

     

                “เธอว่าอะไรนะ?”

     

                “อะระ ไม่มีอะไรนิ แค่นี้แหละเสียเวลาจริงๆ” ชานยอลเบ๋ปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะรีบตัดบทเมื่อไม่ได้ข้อมูลในสิ่งที่ต้องการแถมยังได้ความหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ได้ดั่งใจปาร์คชานยอลคนนี้เลยจริงๆ ให้ตาย

     

                “เดี๋ยว ไม่อยากรู้แล้วหรือว่าตอนนี้ลู่หานอยู่ที่ไหนและจะกลับเมื่อไหร่?” อู๋ฟานรีบเอ่ยรั้งปลายสายไว้ด้วยน้ำเสียงยียวน อะไรกันมาทำให้คิดถึงแบบนี้แล้วคิดว่าเขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง ไหนๆ ก็เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อนแล้วก็ต้องมารับบทลงโทษที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขาหน่อยก็แล้วกัน

     

                “รู้ก็บอกมาเลยสิจะอมพะนำไว้ทำไม” ชานยอลว่ากลับด้วยความหงุดหงิด จะเล่นตัวทำไมนักหนาวะไอ่ขี้เก็กนี่ เดี๋ยวปั๊ดตามไปอาละวาดถึงที่

     

                “ถ้าอยากรู้ก็มาหาฉันสิ เดี๋ยวส่งแผนที่ไปให้ในมือถือแค่นี้ก่อนนะฉันกำลังยุ่ง”

     

                “เห้ยเดี๋ยว!!

     

                ติ๊ด

     

                “ปั๊ดโธ่เว้ย!!” ชานยอลดึงโทรศัพท์ที่แนบอยู่กับหูออกห่างจากตัว ตาเรียวมองไปที่จอโทรศัพท์ที่ดับไปแล้วสบถด้วยความหงุดหงิด ไอ่มาเฟียนี่มันต้องการอะไรจากเขา ทั้ง ๆ ที่ก็สามารถคุยผ่านเครื่องมือสื่อสารได้แล้วจะให้เขาถ่อไปหาถึงที่เพื่ออะไร

     

                คนเขามีการมีงานทำนะเว้ย




     _______________________________________
    Talk ::

    ฮ่าๆ ตอนนี้ไม่มีชื่อตอนแหละ ยอมแล้วว่าคิดชื่อตอนไม่ออกจริงๆ ต่อไปคงต้องใช้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ยังไงก็ฝากนิยายฟิคลู่หมิน คริสยอลกันด้วยนะคะ ถูกใจไม่ถูกใจยังไงก็บอกกันได้นะ อ่อ อีกนิด บบยล. ไม่ได้มีอคติอะไรกับแทยอนเลยนะคะ จริงๆ เบบี้เยลโล่ชอบคิมแทยอนมากนะคะ กลัวทุกคนเข้าใจผิดที่เอามาเล่นเป็นตัวร้ายเน๊าะ ส่วนรูปไปจิ๊กเขามาเห็นน่ารักดี ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยค้าบ

               ไม่เม้นไม่เป็นไร Fav.ไว้ก็พอ คันไม้คันมืออยากเม้นเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน

    รักรีดเดอร์ทุกคนนะครับ^^

               อีกนิด..ฝากเพจ FB :: เบบี้เยลโล่  TWT :: @Baby_Yellowza ด้วยนะครับผม 
               ขอบคุณทุกๆ คอมเม้น ทุกๆ ไลท์ในเพจนะค่ะ บบยล. ตามอ่านทุกเม้นนะไม่ปฏิเสธว่าทุกเม้นเป็นแรงเสริมให้มีกำลังใจในการแต่ง เน๊าะ ขอบคุณมากๆ ค้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×