คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ ได้เวลาที่เสือจะกินแมว (nc คริสยอล)
By :: เบบี้เยลโล่
เมื่อออกจากร้านอาหารทั้งชานยอลและอู๋ฟานก็ต่างคนต่างนิ่งเงียบ
จนพาหนะคันหรูเคลื่อนมาถึงผับ อู๋ฟานก็ปลีกตัวขึ้นไปทำงานต่อที่ห้องทำงานชั้นบนสุด
แม้ตอนแรกอู๋ฟานตั้งใจจะพาเจ้าของร่างสูงโปร่งขึ้นไปที่ห้องทำงานด้วย แต่เมื่ออีกคนยังดื้อแพ่งจึงตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อ
เจ้าของฉายามาเฟียเพียงเปรยบอกชานยอลเอาไว้ว่าหากเบื่อก็ให้ขึ้นไปหาเขาที่ห้องทำงานแล้วเขาจะไปส่งที่บ้าน
ห้ามกลับเอง
ทางด้านร่างโปร่งที่โดนทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
(แม้จะมีหวงจื่อเทาคอยยืนทำหน้าที่บริการอยู่ไม่ห่าง) ก็นั่งดื่มเงียบๆ
ดื่มไปดื่มมาคนหน้าขาวก็ขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ถึงรสชาติเหล้าที่เปลี่ยนไป
ปาร์คชานยอลยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองแล้วเยาะเย้ยตัวเองในลำคอ
เรื่องแค่นี้จะร้องไห้ทำไมวะ
...อ่อนชะมัด
มันไม่สนใจก็ช่างมันสิ จะไปแคร์ทำไม!
ทางด้านอู๋ฟาน
เพราะในใจกำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวใบหน้าหล่อจึงเรียบสนิท ในห้องทำงานสุดหรูได้ยินเพียงเสียงลมหายใจบรรดาลูกน้องพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองให้เงียบที่สุดเกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กี่เจ้านาย
แม้แต่เลย์ที่ยืนเป็นเงามืดอยู่ตรงมุมห้องยังคอยเหลือบมองผู้เป็นเจ้านายอยู่เป็นระยะ
ความจริงอู๋ฟานอยากบังคับคนแสนดื้อดึงให้ขึ้นมาที่ห้องทำงานด้วย
เพราะถึงแม้จะมีเรื่องให้ขุ่นข้องหมองใจกัน
แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ปาร์คชานยอลห่างหายไปจากสายตา เมื่อขอแล้วอีกคนยังดื้อรั้น
เจ้าของฉายามาเฟียจึงทำได้เพียงหันหลังกลับไปที่ห้องทำงานแล้วรีบเคลียร์งานบนโต๊ะเพราะรู้ว่ามีงานที่รอให้เขาตัดสินใจและรอไม่ได้
ดวงตาคมดุเหลือบมองจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏรูปร่างของคนในดวงใจนั่งดื่มเหล้าคนเดียวบนโต๊ะมุมหนึ่งในผับเป็นระยะ
สลับกับอ่านเอกสารในแฟ้มหนาที่เลขาประจำตัวทำสัญลักษณ์ตรงจุดที่มีเนื้อหาสำคัญเอาไว้
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแล้วคลายออก
ปากกาในมือของอู๋ฟานถูกวางลงกับโต๊ะ เมื่อเห็นปาร์คชานยอลขยับลุกออกจากโต๊ะเดิม
เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ห่างจากโต๊ะเดิมสามช่วงโต๊ะ ซึ่งในโต๊ะนั้นมีหญิงสาวแสนสวยและเซ็กซี่ยิ้มรับร่างโปร่งที่เดินเข้าไปนั่งด้านข้าง
“ยกแฟ้มพวกนี้ไปจัดการต่อ”
เลย์ส่งสัญญาณให้ลูกน้องทื่ยืนอยู่ตรงประตูขยับมายกแฟ้มเอกสารด้านขวามือของโต๊ะตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
“นายครับ” เสียงของจื่อเทาดังผ่านวิทยุสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
อู๋ฟานชะงักมือที่กำลังเอื้อมหยิบแฟ้มทางด้านซ้ายมือ ตาเข้มดุเหลือบมองหน้าปกแฟ้มแล้วหยิบมาเปิดค้างไว้
หางตาเหลือบไปมองหน้าจอมอนิเตอร์อีกครั้งแล้วออกคำสั่งสั้นๆ
“ปล่อย” เขารู้ดีว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังเมาได้ที่
ทำไมเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ของคนร่างโปร่ง
เพราะเขารู้ดียังไงล่ะถึงยังนั่งเฉยอยู่ที่โต๊ะทำงาน พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น
แม้ในใจจะอัดแน่นไปด้วยความไม่สบอารมณ์ ภายใต้ใบหน้าเรียบสนิท
“ครับ”
“จะไม่ห้ามหน่อยเหรอครับ”
เลย์ส่งเสียงถามอยู่ตรงมุมห้อง หากเป็นลูกน้องคนอื่นคงไม่กล้าสอดปากถาม
แต่เพราะเลย์เป็นเลย์ เขาเคารพผู้เป็นนายดั่งเจ้าชีวิต
แต่เพราะร่วมเป็นร่วมตายกับอู๋ฟานมาตั้งแต่อีกคนเริ่มก้าวขาเข้าวงการมืด
ทำให้เลย์มีสถานะที่ดีกว่าคำว่าบอดี้การ์ดทั่วไปอยู่หลายขั้น
อู๋ฟานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอ
“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงสนใจเด็กคนนั้น”
“...”
“ถ้าเขาเป็นแค่คนธรรมดาเหมือนคนอื่น
เขาก็คงอยู่ข้างกายฉันไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ปล่อยให้เสือล่าเหยื่อให้เต็มที่
หลังจากนั้น...ฉันถึงจะเป็นฝ่ายออกล่า” ดวงตาคมดุวาววับ
จ้องมองคนของตัวเองคลอเคลียกับสาวสวยบนโต๊ะ
ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปรามในเมื่อผู้เป็นนายไม่มีคำสั่ง
หวงจื่อเทายืนมองร่างโปร่งของปาร์คชานยอลด้วยใจตุ้มๆ
ต่อมๆ คุณชานยอลนะคุณชานยอล ทำไมถึงได้ขยันยั่วให้เจ้านายโมโหนัก
เรื่องเก่ายังไม่ได้เคลียร์ก็สร้างเรื่องใหม่ซะแล้ว ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่ายั่วให้เสือหื่นกระหายออกล่าน่ะ
มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ!
“พี่จื่อเทา”
เมเนเจอร์ประจำผับเดินเข้ามายืนขนาบข้างร่างสูงโปร่งของหวงจื่อเทาเอ่ยเรียกเสียงร้อนร้น
ใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อผุดขึ้นตามไรผม หวงจื่อเทาตอบรับคำเรียกในลำคอ
สายตายังคงจ้องร่างโปร่งของผู้ครอบครองดวงใจเจ้านายไม่วางตา
“ทำไมนายถึงยังไม่ลงมาอีกล่ะ” เมเนเจอร์คนเดิมเริ่มยืนไม่ติดที่
“เรื่องของเจ้านาย
นายมีสิทธิ์ก้าวก่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ใกล้ได้เวลาปิดร้านแล้ว นายไปดูแลแขกเถอะ
ทางนี้ฉันจัดการเอง ปิดร้านเร็วหน่อยก็ดี” หวงจื่อเทาหันไปตอบเสียงดุ ก่อนเอ่ยไล่ลูกน้องคนสนิทที่เขาปั้นมากับมือ
ใครจะรู้ว่าก่อนที่จื่อเทาจะมาทำหน้าที่บอดี้การ์ดประจำให้อู๋อี้ฟาน
หวงจื่อเทาเคยรับงานพิเศษเป็นเมเนเจอร์ประจำผับแห่งนี้อยู่หลายปีในช่วงที่ยังเรียนอยู่มัธยม
ต่อให้อายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าผับแล้วอย่างไร
ใครจะกล้ามาเอาเรื่องคนของตระกูลอู๋
“คุณชานยอลจะไปไหนครับ”
หวงจื่อเทาขยับเข้าไปขวางร่างโปร่งของชานยอลที่มีร่างนุ่มนิ่มของสาวสวยเกาะแขนไม่ห่าง
หญิงสาวขยับเข้าไปแนบชิดลำแขนของปาร์คชานยอลใช้ความนุ่มนิ่มถูแขนเจ้าของร่างโปร่ง
ดวงหน้าขาวยิ้มยั่วยวน ปากอวบอิ่มบวมขึ้นเล็กน้อยจากสัมผัสก่อนหน้า ยิ่งทำให้หญิงสาวดูเซ็กซี่ขึ้นเป็นกอง
“กลับ”
ปาร์คชานยอลตอบทั้งที่ไม่มองหน้าจื่อเทา มือข้างหนึ่งโอบกระชับหญิงสาวข้างกายเข้ามาแนบชิดลำตัวแล้วก้าวไปตรงประตูทางออก
แต่เดินยังไม่ถึงประตูทางออกก็มีการ์ดมาขวางทางเอาไว้
ปาร์คชานยอลมองหน้าผู้เข้ามาขวางอย่างหาเรื่อง
“ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็หลบไป”
“ขอโทษครับ”
ลูกน้องของอู๋ฟานตอบกลับเสียงขรึมพร้อมก้มหัวให้ชานยอล แม้จะยอมก้มหัวให้ แต่ก็ยังยืนปักหลักขวางร่างของคนสองคนเอาไว้ไม่ยอมให้ออกไปจากผับได้
ปาร์คชานยอลเม้มปากอย่างไม่พอใจเตรียมอาละวาด
“นี่...อ๊ะ!”
ยังไม่ทันที่เจ้าของร่างโปร่งจะได้แผลงฤทธิ์หญิงสาวข้างกายก็ถูกกระชากออกไปจากแขนแล้วหายไปท่ามกลางฝูงชน
ปาร์คชานยอลอ้าปากค้างเมื่อกี้เขาแทบไม่ได้ยินเสียงร้องจากปากอิ่มเลยสักคำ
หญิงสาวโดนลากออกไปต่อหน้าต่อตาเขาแท้ๆ!!
ปาร์คชานยอลหันกลับไปทางด้านหลังเตรียมเอาเรื่องคนของผับทันที
แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากด่าร่างโปร่งก็ผงะถอยหลังครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เมื่อหันมาเจอกับร่างสูงของคนคุ้นเคยยืนมองเขาอยู่แล้วด้วยใบหน้าที่ชวนขนหัวลุก
“ไง...” อู๋ฟานทักทายร่างโปร่งยิ้มๆ
แต่ดวงตาเรียบสนิท ปาร์คชานยอลเผลอกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนจะเชิดหน้าใส่เจ้าของฉายามาเฟีย
ทำใจดีสู้เสือ ลูกน้องของอู๋ฟานต่างก้มหน้านิ่งไม่ขยับ หวงจื่อเทาและเลย์ยืนสงบนิ่งอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย
“เงียบทำไมล่ะ”
อู๋ฟานขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อลดระยะห่างระหว่างเขากับร่างโปร่ง ปาร์คชานยอลกัดริมฝีปากของตัวเอง
ตากลมโตเหลือบมองด้านข้างไม่ยอมสบตาคนถาม มือสองข้างกำแน่นเข้าหากัน
“เป็นเธอนี่ก็ดีนะ
โกรธก็เงียบ ไม่พอใจก็เงียบ เวลาจะรั้น...ก็รั้นเหลือทน” ปาร์คชานยอลหันขวับมาจ้องหน้าคนที่พูดต่อว่าตัวเองตาวาว
ไอ้มาเฟียบ้าอำนาจมันกล้าต่อว่าเขา! กล้าบอกว่าเขาเป็นคนไม่มีเหตุผล!
“เป็นมึงนี่ก็ดีเนอะ...เหี้ยดี
บ้าอำนาจ ชอบใช้กำลัง คิดว่าตัวเองวิเศษมากจากไหน”
ปากอิ่มตอกกลับอีกคนทันทีด้วยความไม่พอใจ ตากลมโตจ้องหน้าอู๋ฟานเขม็ง
อารมณ์แห่งความไม่พอใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก
วันนี้มันกล้าไม่สนใจเขา!!!
อู๋อี้ฟานยกยิ้มรับคำ “เด็กน้อย...วันนี้สนุกพอรึยัง
ถ้าสนุกพอแล้วก็มาคุยกันหน่อย”
พูดจบก็ยื่นมือไปกุมแขนปาร์คชานยอลแล้วกระชากแขนให้เดินตามตัวเองโดยไม่สนใจคำสบถด่าอย่างหยาบคายที่หลุดออกมาจากปากเจ้าของร่างโปร่ง
บรรดาลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างก้าวหลีกทางให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน ขืนกล้ายื่นเท้าเข้าไปขวางก็ไม่ต่างกับเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง
ต่อให้จะรู้สึกเอ็นดูคุณชานยอลมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าเอาชีวิตไปให้นายยิงทิ้งเล่นหรอก
“ปล่อยนะ!!!
บอกให้ปล่อย เหี้ยเอ้ย!” ปาร์คชานยอลพยายามกระชากแขนให้หลุดจากข้อมือใหญ่
แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดและไม่มีทีท่าจะอู๋ฟานจะใส่ใจท่าทางขัดขืนของตนสักนิดจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียดแสดงความไม่พอใจ
ขายาวหยุดยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันไดชั้นสองเหมือนนึกขึ้นได้
ก่อนจะหันมาหาหวงจื่อเทาแล้วออกคำสั่ง “ห้ามใครขึ้นไปข้างบนถ้าฉันไม่ได้เรียก”
หวงจื่อเทาก้มหัวรับคำสั่งผู้เป็นนาย อู๋ฟานจึงออกแรงลากปาร์คชานยอลขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานส่วนตัว
“ปล่อยนะ! หูแตกรึไง บอกให้ปล่อย!!”
หวงจื่อเทามองตามหลังผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง
เขากลัวว่าเจ้านายจะเผลอทำอะไรรุนแรง กลัวว่าพอได้สติผู้เป็นนายอาจจะรู้สึกเสียใจในภายหลัง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
หัวหน้าหน่วยมังกรพยัคฆ์ใช้ไหล่สะกิดผู้เป็นคู่หูขณะเดินไปยืนประจำการอยู่ตรงบันไดทางขึ้นชั้นสอง
หวงจื่อเทาหันมาเลิกคิ้วให้เลย์แล้วส่ายหัว
“แค่เป็นห่วง”
“นายควรจะเชื่อมั่นในตัวเจ้านาย”
หวงจื่อเทาชะงักขา นั่นสิ นี่เขากำลังเป็นอะไรไป
เขากำลังคลางแคลงใจในการกระทำของผู้เป็นนายเหนือหัวอย่างนั้นหรือ
หวงจื่อเทาเหมือนได้สติ เขาเริ่มตำหนิตัวเองที่ทำเกินหน้าที่
เลย์เดินเข้าประจำที่เพื่อเตรียมอารักขาผู้เป็นนาย
ก่อนจะหันมาจ้องหน้าเพื่อนสนิทด้านข้างแล้วพูดต่อด้วยความหวังดี “ยังทัน...ที่นายจะดึงใจกลับมา
อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้ ฉันเตือน...ในฐานะเพื่อน”
“ฉันไม่ได้...”
หวงจื่อเทาอ้าปากปฏิเสธ แต่ก็โดนผู้ที่มีสถานะทั้งเพื่อนสนิทและหัวหน้าพูดตัดบท
“นาย...ไม่มีอะไรที่สู้เจ้านายได้เลยหวงจื่อเทา”
หวงจื่อเทาเม้มปากเงียบสนิท เลย์ทำหน้าเย็นชาใส่เพื่อนสนิทควบตำแหน่งคู่หูบอดี้การ์ด
ช่างเถอะ ถือว่าเขาได้เตือนในฐานะเพื่อนไปแล้ว
หวงจื่อเทาจะตัดใจหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
เหอะ จื่อเทาคิดว่าเจ้านายโง่นักรึไง
ที่ยังมีเงาหัวอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะเจ้านายไม่เก็บเอาความคิดไร้สาระของหวงจื่อเทามาใส่ใจหรอกหรือ
เจ้านายเมตตาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกบุญคุณ!
ยิ่งมองเห็นเพื่อนทำหน้าสำนึกผิดก็ยิ่งทำให้เลย์รู้สึกหงุดหงิด
ผู้เป็นหัวหน้ากองกำลังตระกูลอู๋หันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องในสังกัดที่ฝีมือดีอีกคนมายืนอารักขาผู้เป็นนายแทนตำแหน่งตัวเองชั่วคราว
ส่วนตัวเขาผละออกไปติดตามงานที่ได้รับมอบหมายชิ้นล่าสุด
ปล่อยให้หวงจื่อเทาจมอยู่กับความคิด
ปัง!
อู๋ฟานลากชานยอลเข้ามาในห้องทำงานแล้วปิดประตูเสียงดัง
ใบหน้าหล่อเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดบ่งบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ
ปาร์คชานยอลยกมือข้างที่โดนลากขึ้นมานวดด้วยความเจ็บทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
“บอกฉันซิ ว่าทำแบบนี้ทำไม”
“กูสิต้องถาม ทำแบบนี้ทำไม”
ปาร์คชานยอลชี้มือเข้าหาตัวเองแล้วถามกลับ
“ฉันทำอะไร”
“ก็มึง!!...”
ปากอิ่มเตรียมตะวาดกลับด้วยความเคืองจัดแต่ก็ยั้งปากไว้ได้ทัน
ตามนิสัยคนกลัวเสียฟอร์ม
ใครจะไปกล้าพูดว่าที่แกล้งยั่วคั่วผู้หญิงเมื่อกี้เป็นเพราะต้องการประชดที่ไอ้มาเฟียขี้เก็กมันไม่สนใจ
ฆ่าให้ตายก็ไม่มีทางพูดออกมาเด็ดขาด เมื่อพูดไม่ได้ปาร์คชานยอลจึงได้แต่กัดปากฉับ
“ฉันทำไม” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วขึ้น
ก่อนจะขยับขาเข้าใกล้ปาร์คชานยอล อู๋ฟานขยับเข้าใกล้หนึ่งก้าว
ปาร์คชานยอลก็ถอยหลังหนึ่งก้าวเช่นกันจนแผ่นหลังชิดผนังห้องตากลมโตยังคงจ้องตามองสบกับผู้เป็นเจ้าของห้อง
“มึงทำอะไรเธอ เธอไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยเธอไปซะ”
“หืม...”
อู๋ฟานเลิกคิ้ว
“อย่าทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แล้วก็ถอยไปห่างๆ ด้วย”
ปาร์คชานยอลยกมือสองข้างขึ้นมาดันแผงอกของอู๋ฟานที่เบียดตัวเข้าแนบชิดร่างโปร่งของตัวเอง
แต่มีหรือที่แรงมือของปาร์คชานยอลจะกระทบกระเทือนร่างสูงของอู๋ฟาน
นอกจากจะไม่สะเทือน เจ้าของฉายามาเฟียยังยกมือสองข้างขึ้นมาเป็นกรงขังร่างของปาร์คชานยอลไว้
“นี่ที่รัก...เธอควรรู้อะไรไว้สักอย่างนะ”
“...”
“ฉันไม่เคยถือ ถ้าคนของฉันเกิดอยากจะพยศขึ้นมาบ้าง
จะเอาแต่ใจแค่ไหนฉันก็ไม่เคยนึกเบื่อ
หรือแม้แต่ต่อให้พลั้งมือฆ่าคนตายสักคนฉันก็ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ...”
ว่าจบก็จับคางร่างโปร่งในอ้อมแขนให้เงยขึ้นสบตา
“อึก...”
“แต่ถ้ามีใครสักคนที่มันบังอาจมายุ่งกับของๆ ฉัน มันคนนั้นก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะตาย...”
อู๋ฟานยักไหล่ “ช่วยไม่ได้เพราะฉันมันโคตรหวงของ”
ปาร์คชานยอลใจหายวาบ “แต่นั่นผู้หญิงนะ” เจ้าของฉายามาเฟียยิ้มกริ่ม
“เกี่ยวอะไรกับฉันกันล่ะเบบี๋
ผู้ชายรึผู้หญิงเกิดมาครั้งเดียวก็ตายครั้งเดียวเหมือนกันทั้งนั้น” ก็ไหนเคยบอกว่าไม่ทำร้ายผู้หญิง!!
ปาร์คชานยอลยืนตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อเคลื่อนหน้าเข้าหาตัวเอง
“จะ...จะทำอะไร” จมูกโด่งเว้นระยะห่างจากซอกคอขาวของเขาไว้แพงนิดเดียวเท่านั้น
มันใกล้!
ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกคน
ปาร์คชานยอลขนลุกเกรียวแม้แต่เสียงที่ถามออกไปยังสั่นจนรู้สึกได้
ให้ตายเหอะ โคตรขายหน้า!!
เจ้าของฉายามาเฟียยกยิ้ม
ก่อนจะแกล้งเคลื่อนใบหน้าขึ้นเฉียดแก้มขาวของปาร์คชานยอล “เธอยังไม่ตอบคำถามของฉัน”
ปากถามแต่เคลื่อนหลังมือมาเกลี่ยใบหน้าขาวของคนที่โดนกักขังด้วยวงแขนแกร่ง
“ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ อึดอัด...ก็แค่หาที่ระบาย
ผิดตรงไหนกัน มันเรื่องปกติของผู้ชาย” คนที่ไม่รู้ตัวว่าผิดยังคงทำใจกล้าต่อปากต่อคำ
ปากดี...
อู๋ฟานยกยิ้มกว้างกว่าเก่า ปาร์คชานยอลขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงง
ทั้งที่ตั้งใจจะยั่วโมโหไอ้มาเฟียหน้าโหดนี่เพื่อต้องการให้มันโกรธแล้วปล่อยตัวเขา
แต่แทนที่มันจะโกรธดันยิ้มกว้างกว่าเดิม!
“ยิ้มทำไม”
“แค่กำลังคิดว่า ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปก็คงไม่ผิดเหมือนกัน...”
ปาร์คชานยอลขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม อะไรของมัน!
“เฮ้ย!!”
ปาร์คชานยอลหลุดสบถ เมื่ออยู่ดีๆ ก็โดนอู๋ฟานรวบขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว
พร้อมกับเดินตรงไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน
คนอวดเก่งก่อนหน้านี้ถึงกับหน้าซีดเผือดจนลืมขัดขืน
รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสฟูกหนานุ่ม ตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ที่ตามมาทาบทับร่างโปร่งโดยใช้สองมือกักขังลำตัวคนด้านล่างเอาไว้
“นี่...อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ นะ”
ปาร์คชานยอลยกมือขึ้นจับลำแขนของอู๋ฟานไว้แน่น
เพราะเริ่มคาดเดาได้แล้วว่าไอ้มาเฟียตรงหน้าคิดจะทำอะไร อย่าบอกว่ามันโมโหจนขาดสติแล้วคิดอยากจะเก็บบัญชีทบต้นทบดอกหรอกนะ
อยู่ในถิ่นของมันแบบนี้ ตากลมโตเริ่มมองหาทางหนีทีไล่เพื่อเอาตัวรอด แต่บ้าฉิบ
ห้องนี้มีแต่เตียงนอนกว้างๆ เท่านั้น
“อะไรที่เรียกว่าบ้า”
“ก็ที่ทำอยู่นี่ไง!”
“เบบี๋...ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอจัด ‘เซ็กส์’ อยู่ในนิยามของคำว่าบ้า”
ปาร์คชานยอลอ้าปากค้าง ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสี
ทั้งที่ตัวเองก็คุ้นชินกับคำหยาบโลนพวกนั้นมามาก
แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินจากปากของอู๋ฟานถึงได้รู้สึกขัดเขินจนมือไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ที่ไหน
ได้แต่กำแขนเสื้อของคนด้านบนไว้
“ฉันปล่อยให้เธอมีเวลาทำใจที่จะเป็นฝ่ายรับมาระยะหนึ่งแล้ว
และฉันไม่คิดที่จะรอ...รอให้เธอบ่ายเบี่ยง ฉันอดทนมามากพอแล้ว
มากพอจนฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นที่จะต้องอดทนอีกต่อไป”
อู๋อี้ฟานอธิบายเพราะต้องการให้ปาร์คชานยอลเข้าใจและยอมรับเขาดีๆ
เขาไม่อยากบังคับขืนใจ คิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม เด็กดื้อของเขาก็จะได้เลิกประชดโดยการควงคนอื่นเสียที
ประเด็นสำคัญเขาเองก็จะได้อ้างสิทธิ์ในการห้ามปรามอีกคนได้อย่างเต็มที่
แต่แทนที่การอธิบายของเจ้าของฉายามาเฟียจะทำให้ปาร์คชานยอลเข้าอกเข้าใจ
กลับทำให้เจ้าของร่างโปร่งเข้าใจไปอีกทาง
“ใครใช้ให้อดทน อดทนไม่ได้ก็ปล่อยกูไปสิ ปล่อยกู...แล้วเราไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก”
เจ้าของร่างโปร่งน้ำตารื่นขึ้นมาทันที ‘อดทนมามากพอแล้ว’
หึ การที่มันคอยตามตื้อเขานั่นเพราะอดทนทำอย่างนั้นเหรอ ไอ้ขี้เก็กมันคิดว่ามีแค่มันที่ต้องเสียสละหรือยังไง
เขาเองที่รู้ตัวอยู่เต็มอกว่าหากอยู่กับมันคงไม่มีทางปีนขึ้นเป็นฝ่ายรุกได้ ปาร์คชานยอลคนนี้ต้องใช้กำลังใจมากแค่ไหนในการยอมรับกับตัวเองว่าหวั่นไหว
ที่ยอมให้ลากไปนู่นมานี่ได้ตามใจเหมือนตุ๊กตากระเบื้องนี่ ตัวเขาเองก็ยินยอมถอยให้อีกฝ่ายมากแล้ว
ยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่คร่อมอยู่ด้านบนก็ยิ่งทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกเสียใจ
เขาไม่น่าไปให้โอกาสมันเลย!
“คิดไปถึงไหนหื้ม...”
อู๋ฟานใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มคนเข้าใจผิด
ที่เขาถอนหายใจก็เพราะนึกเอ็นดูคนที่เขินจนฟังคำพูดของเขาแล้วเข้าใจผิดไปเอง
“ถ้าไม่อยากสนใจกัน ก็ไม่ควรมาทำดีด้วยตั้งแต่แรก” ปาร์คชานยอลเปรยขึ้นมาเสียงตัดพ้อ
“...”
“มาทำให้รู้สึกดีด้วยทำไม”
“เธอกำลังตัดพ้อว่าการแสดงออกของฉันมันยังไม่ชัดเจนพอรึเปล่า”
“ข่าวที่มึงใช้ให้ลูกน้องเอาเงินปิดข่าวไว้น่ะ
กูเห็นหมดแล้ว” ปาร์คชานยอลเอ่ยถึงประเด็นที่เขาเก็บไว้ในใจมาตลอดหลายวัน
ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเคยสารภาพความรู้สึกกับเขาแล้ว แต่ปาร์คชานยอลตอนนี้กำลังถูกสั่นคลอนความมั่นใจ
อู๋ฟานมองสบตากลมโต “แล้วยังไง”
“มึงมีอะไรกับเธอจริงรึเปล่า”
“ถ้าตอบว่าไม่จะเชื่อมั้ย”
ปาร์คชานยอลตอบกลับประโยคคำถามในทันที “ไม่”
อู๋อี้ฟานหัวเราะในลำคอ นึกไม่ถึงจริงๆ
ว่าปาร์คชานยอลจะรู้เรื่องนี้ ดูถูกร่างโปร่งตรงหน้าไม่ได้จริงๆ
ทั้งที่เขาสั่งให้จุนตามปิดข่าวทันทีที่สายส่งข่าวด้วยซ้ำ
“เชื่อเถอะว่าตั้งแต่เจอเธอ ฉันไม่เคยอนุญาตให้ใครสัมผัสมันเลย...นอกจากไอ้นี่”
อู๋ฟานใช้สายตากวาดมองไปที่มือของตัวเอง ปาร์คชานยอลจึงมองตามสายตาของร่างสูง ก่อนใบหูขาวจะแดงเถือกเมื่อเข้าใจสารที่อีกคนต้องการสื่อ
“อย่าบอกนะว่าที่เลือกประชดฉันด้วยวิธีนี้ ก็เพราะข่าวนั่น”
ปาร์คชานยอลไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
“ชอบฉันขึ้นมาบ้างแล้วสินะ” อู๋ฟานยิ้มอย่างอารมณ์ดี
พลางเอ่ยเย้าคนด้านล่าง ปาร์คชานยอลเม้มปาก เขาแฟร์ต่อความรู้สึกของตัวเองอยู่แล้ว
ชอบก็ชอบสิ
“ขอโทษนะที่ทำรุนแรง”
อู๋ฟานเลื่อนสายตาไปที่ข้อมือขาวที่มีรอยแดงปรากฏอยู่ ปาร์คชานยอลยู่ปาก ส่งสายตาตำหนิ
ความรู้สึกช้าเกินไปหรือเปล่า
“หึ เธอยั่วโมโหฉันก่อน” ว่าจบก็ทาบริมฝีปากลงประกบปากนิ่มหนึ่งที
ดูดคลึงหนักๆ ก่อนจะผละออก
“จะไว้ใจคุณได้แค่ไหน” ปาร์คชานยอลเม้มปากถาม
ทั้งที่หน้าเห่อร้อน เป็นครั้งแรกที่เขาเต็มใจให้อู๋อี้ฟานจูบ
“ฉันไม่เคยผิดคำพูด ทั้งยังไม่ใช่คนหลายใจ
อย่าเพิ่งเถียง...”
อู๋ฟานก้มลงจูบปิดปากชานยอลอีกครั้งเมื่อร่างโปร่งทำท่าจะค้านคำพูดของเขา
“ฉันหมายถึงในกรณีที่มีคนที่ฉันคบด้วยจริงจังแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีแค่คนเดียวเท่านั้น
และเราก็จบกันด้วยดี” ตากลมโตฉายแววสงสัยทันที อู๋ฟานทั้งฉิวทั้งขัน
“เขามีครอบครัวไปแล้ว ฉันไม่อยากเอ่ยถึงอีก”
ปาร์คชานยอลพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ปฏิกิริยานี้เรียกรอยยิ้มจากเสือยิ้มยาก
“ฉันสัญญาว่าตราบใดที่เรายังคบกัน ฉันจะมีแค่เธอคนเดียว”
“...”
“เพราะฉะนั้น...เป็นของฉันเถอะนะ”
ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่ง
- nc ต่อจากนี้เจอกันที่เดิมนะฮะ -
+++++++++++++++++++++++
Talk :: ในที่สุดพี่เสือยิ้มยากก็ได้รวบหัวรวบหางกินน้องแมวไปพุงกาง
ความคิดเห็น