ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Known..แค่รู้ว่ารัก - Lumin, Krisyeol - EXO

    ลำดับตอนที่ #15 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ ได้เวลาที่เสือจะกินแมว (nc คริสยอล)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 804
      12
      22 ก.ค. 60





    Known..แค่รู้ว่ารัก  ตอนที่ 14
    By :: เบบี้เยลโล่








    #FicKnown

    - เสือกินแมว 

     

     

                เมื่อออกจากร้านอาหารทั้งชานยอลและอู๋ฟานก็ต่างคนต่างนิ่งเงียบ จนพาหนะคันหรูเคลื่อนมาถึงผับ อู๋ฟานก็ปลีกตัวขึ้นไปทำงานต่อที่ห้องทำงานชั้นบนสุด แม้ตอนแรกอู๋ฟานตั้งใจจะพาเจ้าของร่างสูงโปร่งขึ้นไปที่ห้องทำงานด้วย แต่เมื่ออีกคนยังดื้อแพ่งจึงตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อ เจ้าของฉายามาเฟียเพียงเปรยบอกชานยอลเอาไว้ว่าหากเบื่อก็ให้ขึ้นไปหาเขาที่ห้องทำงานแล้วเขาจะไปส่งที่บ้าน ห้ามกลับเอง

     

                ทางด้านร่างโปร่งที่โดนทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง (แม้จะมีหวงจื่อเทาคอยยืนทำหน้าที่บริการอยู่ไม่ห่าง) ก็นั่งดื่มเงียบๆ ดื่มไปดื่มมาคนหน้าขาวก็ขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ถึงรสชาติเหล้าที่เปลี่ยนไป ปาร์คชานยอลยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองแล้วเยาะเย้ยตัวเองในลำคอ เรื่องแค่นี้จะร้องไห้ทำไมวะ

     

                ...อ่อนชะมัด

     

                มันไม่สนใจก็ช่างมันสิ จะไปแคร์ทำไม!

                 

                ทางด้านอู๋ฟาน เพราะในใจกำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวใบหน้าหล่อจึงเรียบสนิท ในห้องทำงานสุดหรูได้ยินเพียงเสียงลมหายใจบรรดาลูกน้องพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองให้เงียบที่สุดเกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กี่เจ้านาย แม้แต่เลย์ที่ยืนเป็นเงามืดอยู่ตรงมุมห้องยังคอยเหลือบมองผู้เป็นเจ้านายอยู่เป็นระยะ

     

    ความจริงอู๋ฟานอยากบังคับคนแสนดื้อดึงให้ขึ้นมาที่ห้องทำงานด้วย เพราะถึงแม้จะมีเรื่องให้ขุ่นข้องหมองใจกัน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ปาร์คชานยอลห่างหายไปจากสายตา เมื่อขอแล้วอีกคนยังดื้อรั้น เจ้าของฉายามาเฟียจึงทำได้เพียงหันหลังกลับไปที่ห้องทำงานแล้วรีบเคลียร์งานบนโต๊ะเพราะรู้ว่ามีงานที่รอให้เขาตัดสินใจและรอไม่ได้

     

    ดวงตาคมดุเหลือบมองจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏรูปร่างของคนในดวงใจนั่งดื่มเหล้าคนเดียวบนโต๊ะมุมหนึ่งในผับเป็นระยะ สลับกับอ่านเอกสารในแฟ้มหนาที่เลขาประจำตัวทำสัญลักษณ์ตรงจุดที่มีเนื้อหาสำคัญเอาไว้

     

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแล้วคลายออก ปากกาในมือของอู๋ฟานถูกวางลงกับโต๊ะ เมื่อเห็นปาร์คชานยอลขยับลุกออกจากโต๊ะเดิม เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ห่างจากโต๊ะเดิมสามช่วงโต๊ะ ซึ่งในโต๊ะนั้นมีหญิงสาวแสนสวยและเซ็กซี่ยิ้มรับร่างโปร่งที่เดินเข้าไปนั่งด้านข้าง

     

    “ยกแฟ้มพวกนี้ไปจัดการต่อ” เลย์ส่งสัญญาณให้ลูกน้องทื่ยืนอยู่ตรงประตูขยับมายกแฟ้มเอกสารด้านขวามือของโต๊ะตามคำสั่งของผู้เป็นนาย

     

    “นายครับ” เสียงของจื่อเทาดังผ่านวิทยุสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน อู๋ฟานชะงักมือที่กำลังเอื้อมหยิบแฟ้มทางด้านซ้ายมือ ตาเข้มดุเหลือบมองหน้าปกแฟ้มแล้วหยิบมาเปิดค้างไว้

     

    หางตาเหลือบไปมองหน้าจอมอนิเตอร์อีกครั้งแล้วออกคำสั่งสั้นๆ “ปล่อย” เขารู้ดีว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังเมาได้ที่ ทำไมเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ของคนร่างโปร่ง เพราะเขารู้ดียังไงล่ะถึงยังนั่งเฉยอยู่ที่โต๊ะทำงาน พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น แม้ในใจจะอัดแน่นไปด้วยความไม่สบอารมณ์ ภายใต้ใบหน้าเรียบสนิท

     

    “ครับ”

     

    “จะไม่ห้ามหน่อยเหรอครับ” เลย์ส่งเสียงถามอยู่ตรงมุมห้อง หากเป็นลูกน้องคนอื่นคงไม่กล้าสอดปากถาม แต่เพราะเลย์เป็นเลย์ เขาเคารพผู้เป็นนายดั่งเจ้าชีวิต แต่เพราะร่วมเป็นร่วมตายกับอู๋ฟานมาตั้งแต่อีกคนเริ่มก้าวขาเข้าวงการมืด ทำให้เลย์มีสถานะที่ดีกว่าคำว่าบอดี้การ์ดทั่วไปอยู่หลายขั้น

     

    อู๋ฟานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอ

     

    “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงสนใจเด็กคนนั้น”

     

    “...”

     

                “ถ้าเขาเป็นแค่คนธรรมดาเหมือนคนอื่น เขาก็คงอยู่ข้างกายฉันไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ปล่อยให้เสือล่าเหยื่อให้เต็มที่ หลังจากนั้น...ฉันถึงจะเป็นฝ่ายออกล่า” ดวงตาคมดุวาววับ จ้องมองคนของตัวเองคลอเคลียกับสาวสวยบนโต๊ะ ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปรามในเมื่อผู้เป็นนายไม่มีคำสั่ง

     

                หวงจื่อเทายืนมองร่างโปร่งของปาร์คชานยอลด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ คุณชานยอลนะคุณชานยอล ทำไมถึงได้ขยันยั่วให้เจ้านายโมโหนัก เรื่องเก่ายังไม่ได้เคลียร์ก็สร้างเรื่องใหม่ซะแล้ว ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่ายั่วให้เสือหื่นกระหายออกล่าน่ะ มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ!

     

                “พี่จื่อเทา” เมเนเจอร์ประจำผับเดินเข้ามายืนขนาบข้างร่างสูงโปร่งของหวงจื่อเทาเอ่ยเรียกเสียงร้อนร้น ใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อผุดขึ้นตามไรผม หวงจื่อเทาตอบรับคำเรียกในลำคอ สายตายังคงจ้องร่างโปร่งของผู้ครอบครองดวงใจเจ้านายไม่วางตา

     

                “ทำไมนายถึงยังไม่ลงมาอีกล่ะ” เมเนเจอร์คนเดิมเริ่มยืนไม่ติดที่

     

                “เรื่องของเจ้านาย นายมีสิทธิ์ก้าวก่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ใกล้ได้เวลาปิดร้านแล้ว นายไปดูแลแขกเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง ปิดร้านเร็วหน่อยก็ดี” หวงจื่อเทาหันไปตอบเสียงดุ ก่อนเอ่ยไล่ลูกน้องคนสนิทที่เขาปั้นมากับมือ ใครจะรู้ว่าก่อนที่จื่อเทาจะมาทำหน้าที่บอดี้การ์ดประจำให้อู๋อี้ฟาน หวงจื่อเทาเคยรับงานพิเศษเป็นเมเนเจอร์ประจำผับแห่งนี้อยู่หลายปีในช่วงที่ยังเรียนอยู่มัธยม

     

    ต่อให้อายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าผับแล้วอย่างไร

     

                ใครจะกล้ามาเอาเรื่องคนของตระกูลอู๋

     

                “คุณชานยอลจะไปไหนครับ” หวงจื่อเทาขยับเข้าไปขวางร่างโปร่งของชานยอลที่มีร่างนุ่มนิ่มของสาวสวยเกาะแขนไม่ห่าง หญิงสาวขยับเข้าไปแนบชิดลำแขนของปาร์คชานยอลใช้ความนุ่มนิ่มถูแขนเจ้าของร่างโปร่ง ดวงหน้าขาวยิ้มยั่วยวน ปากอวบอิ่มบวมขึ้นเล็กน้อยจากสัมผัสก่อนหน้า ยิ่งทำให้หญิงสาวดูเซ็กซี่ขึ้นเป็นกอง

     

                “กลับ” ปาร์คชานยอลตอบทั้งที่ไม่มองหน้าจื่อเทา มือข้างหนึ่งโอบกระชับหญิงสาวข้างกายเข้ามาแนบชิดลำตัวแล้วก้าวไปตรงประตูทางออก แต่เดินยังไม่ถึงประตูทางออกก็มีการ์ดมาขวางทางเอาไว้ ปาร์คชานยอลมองหน้าผู้เข้ามาขวางอย่างหาเรื่อง

     

                “ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็หลบไป”

     

                “ขอโทษครับ” ลูกน้องของอู๋ฟานตอบกลับเสียงขรึมพร้อมก้มหัวให้ชานยอล แม้จะยอมก้มหัวให้ แต่ก็ยังยืนปักหลักขวางร่างของคนสองคนเอาไว้ไม่ยอมให้ออกไปจากผับได้ ปาร์คชานยอลเม้มปากอย่างไม่พอใจเตรียมอาละวาด

     

                “นี่...อ๊ะ!

     

    ยังไม่ทันที่เจ้าของร่างโปร่งจะได้แผลงฤทธิ์หญิงสาวข้างกายก็ถูกกระชากออกไปจากแขนแล้วหายไปท่ามกลางฝูงชน ปาร์คชานยอลอ้าปากค้างเมื่อกี้เขาแทบไม่ได้ยินเสียงร้องจากปากอิ่มเลยสักคำ

     

    หญิงสาวโดนลากออกไปต่อหน้าต่อตาเขาแท้ๆ!!

     

    ปาร์คชานยอลหันกลับไปทางด้านหลังเตรียมเอาเรื่องคนของผับทันที แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากด่าร่างโปร่งก็ผงะถอยหลังครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เมื่อหันมาเจอกับร่างสูงของคนคุ้นเคยยืนมองเขาอยู่แล้วด้วยใบหน้าที่ชวนขนหัวลุก

     

                “ไง...” อู๋ฟานทักทายร่างโปร่งยิ้มๆ แต่ดวงตาเรียบสนิท ปาร์คชานยอลเผลอกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนจะเชิดหน้าใส่เจ้าของฉายามาเฟีย ทำใจดีสู้เสือ ลูกน้องของอู๋ฟานต่างก้มหน้านิ่งไม่ขยับ หวงจื่อเทาและเลย์ยืนสงบนิ่งอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย

               

                “เงียบทำไมล่ะ” อู๋ฟานขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อลดระยะห่างระหว่างเขากับร่างโปร่ง ปาร์คชานยอลกัดริมฝีปากของตัวเอง ตากลมโตเหลือบมองด้านข้างไม่ยอมสบตาคนถาม มือสองข้างกำแน่นเข้าหากัน

     

                “เป็นเธอนี่ก็ดีนะ โกรธก็เงียบ ไม่พอใจก็เงียบ เวลาจะรั้น...ก็รั้นเหลือทน” ปาร์คชานยอลหันขวับมาจ้องหน้าคนที่พูดต่อว่าตัวเองตาวาว ไอ้มาเฟียบ้าอำนาจมันกล้าต่อว่าเขา! กล้าบอกว่าเขาเป็นคนไม่มีเหตุผล!

     

                “เป็นมึงนี่ก็ดีเนอะ...เหี้ยดี บ้าอำนาจ ชอบใช้กำลัง คิดว่าตัวเองวิเศษมากจากไหน” ปากอิ่มตอกกลับอีกคนทันทีด้วยความไม่พอใจ ตากลมโตจ้องหน้าอู๋ฟานเขม็ง อารมณ์แห่งความไม่พอใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก

     

                วันนี้มันกล้าไม่สนใจเขา!!!

     

                อู๋อี้ฟานยกยิ้มรับคำ “เด็กน้อย...วันนี้สนุกพอรึยัง ถ้าสนุกพอแล้วก็มาคุยกันหน่อย” พูดจบก็ยื่นมือไปกุมแขนปาร์คชานยอลแล้วกระชากแขนให้เดินตามตัวเองโดยไม่สนใจคำสบถด่าอย่างหยาบคายที่หลุดออกมาจากปากเจ้าของร่างโปร่ง บรรดาลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างก้าวหลีกทางให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน ขืนกล้ายื่นเท้าเข้าไปขวางก็ไม่ต่างกับเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง ต่อให้จะรู้สึกเอ็นดูคุณชานยอลมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าเอาชีวิตไปให้นายยิงทิ้งเล่นหรอก

     

                “ปล่อยนะ!!! บอกให้ปล่อย เหี้ยเอ้ย!” ปาร์คชานยอลพยายามกระชากแขนให้หลุดจากข้อมือใหญ่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดและไม่มีทีท่าจะอู๋ฟานจะใส่ใจท่าทางขัดขืนของตนสักนิดจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียดแสดงความไม่พอใจ

     

                ขายาวหยุดยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันไดชั้นสองเหมือนนึกขึ้นได้ ก่อนจะหันมาหาหวงจื่อเทาแล้วออกคำสั่ง “ห้ามใครขึ้นไปข้างบนถ้าฉันไม่ได้เรียก”

     

    หวงจื่อเทาก้มหัวรับคำสั่งผู้เป็นนาย อู๋ฟานจึงออกแรงลากปาร์คชานยอลขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานส่วนตัว “ปล่อยนะ! หูแตกรึไง บอกให้ปล่อย!!” หวงจื่อเทามองตามหลังผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง เขากลัวว่าเจ้านายจะเผลอทำอะไรรุนแรง กลัวว่าพอได้สติผู้เป็นนายอาจจะรู้สึกเสียใจในภายหลัง

     

                “ทำไมทำหน้าแบบนั้น” หัวหน้าหน่วยมังกรพยัคฆ์ใช้ไหล่สะกิดผู้เป็นคู่หูขณะเดินไปยืนประจำการอยู่ตรงบันไดทางขึ้นชั้นสอง หวงจื่อเทาหันมาเลิกคิ้วให้เลย์แล้วส่ายหัว

     

                “แค่เป็นห่วง”

     

                “นายควรจะเชื่อมั่นในตัวเจ้านาย”

     

    หวงจื่อเทาชะงักขา นั่นสิ นี่เขากำลังเป็นอะไรไป เขากำลังคลางแคลงใจในการกระทำของผู้เป็นนายเหนือหัวอย่างนั้นหรือ หวงจื่อเทาเหมือนได้สติ เขาเริ่มตำหนิตัวเองที่ทำเกินหน้าที่

     

    เลย์เดินเข้าประจำที่เพื่อเตรียมอารักขาผู้เป็นนาย ก่อนจะหันมาจ้องหน้าเพื่อนสนิทด้านข้างแล้วพูดต่อด้วยความหวังดี “ยังทัน...ที่นายจะดึงใจกลับมา อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้ ฉันเตือน...ในฐานะเพื่อน”

     

                “ฉันไม่ได้...”

     

    หวงจื่อเทาอ้าปากปฏิเสธ แต่ก็โดนผู้ที่มีสถานะทั้งเพื่อนสนิทและหัวหน้าพูดตัดบท

     

    “นาย...ไม่มีอะไรที่สู้เจ้านายได้เลยหวงจื่อเทา”

     

    หวงจื่อเทาเม้มปากเงียบสนิท เลย์ทำหน้าเย็นชาใส่เพื่อนสนิทควบตำแหน่งคู่หูบอดี้การ์ด ช่างเถอะ ถือว่าเขาได้เตือนในฐานะเพื่อนไปแล้ว หวงจื่อเทาจะตัดใจหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

     

    เหอะ จื่อเทาคิดว่าเจ้านายโง่นักรึไง ที่ยังมีเงาหัวอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะเจ้านายไม่เก็บเอาความคิดไร้สาระของหวงจื่อเทามาใส่ใจหรอกหรือ เจ้านายเมตตาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกบุญคุณ!

     

    ยิ่งมองเห็นเพื่อนทำหน้าสำนึกผิดก็ยิ่งทำให้เลย์รู้สึกหงุดหงิด ผู้เป็นหัวหน้ากองกำลังตระกูลอู๋หันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องในสังกัดที่ฝีมือดีอีกคนมายืนอารักขาผู้เป็นนายแทนตำแหน่งตัวเองชั่วคราว ส่วนตัวเขาผละออกไปติดตามงานที่ได้รับมอบหมายชิ้นล่าสุด ปล่อยให้หวงจื่อเทาจมอยู่กับความคิด

     

                ปัง!

     

                อู๋ฟานลากชานยอลเข้ามาในห้องทำงานแล้วปิดประตูเสียงดัง ใบหน้าหล่อเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดบ่งบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ ปาร์คชานยอลยกมือข้างที่โดนลากขึ้นมานวดด้วยความเจ็บทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

     

                “บอกฉันซิ ว่าทำแบบนี้ทำไม”

     

                “กูสิต้องถาม ทำแบบนี้ทำไม” ปาร์คชานยอลชี้มือเข้าหาตัวเองแล้วถามกลับ

     

                “ฉันทำอะไร”

                 

                “ก็มึง!!...” ปากอิ่มเตรียมตะวาดกลับด้วยความเคืองจัดแต่ก็ยั้งปากไว้ได้ทัน ตามนิสัยคนกลัวเสียฟอร์ม ใครจะไปกล้าพูดว่าที่แกล้งยั่วคั่วผู้หญิงเมื่อกี้เป็นเพราะต้องการประชดที่ไอ้มาเฟียขี้เก็กมันไม่สนใจ ฆ่าให้ตายก็ไม่มีทางพูดออกมาเด็ดขาด เมื่อพูดไม่ได้ปาร์คชานยอลจึงได้แต่กัดปากฉับ

     

                “ฉันทำไม” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะขยับขาเข้าใกล้ปาร์คชานยอล อู๋ฟานขยับเข้าใกล้หนึ่งก้าว ปาร์คชานยอลก็ถอยหลังหนึ่งก้าวเช่นกันจนแผ่นหลังชิดผนังห้องตากลมโตยังคงจ้องตามองสบกับผู้เป็นเจ้าของห้อง

     

    “มึงทำอะไรเธอ เธอไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยเธอไปซะ”

     

     “หืม...” อู๋ฟานเลิกคิ้ว

     

    “อย่าทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แล้วก็ถอยไปห่างๆ ด้วย” ปาร์คชานยอลยกมือสองข้างขึ้นมาดันแผงอกของอู๋ฟานที่เบียดตัวเข้าแนบชิดร่างโปร่งของตัวเอง แต่มีหรือที่แรงมือของปาร์คชานยอลจะกระทบกระเทือนร่างสูงของอู๋ฟาน นอกจากจะไม่สะเทือน เจ้าของฉายามาเฟียยังยกมือสองข้างขึ้นมาเป็นกรงขังร่างของปาร์คชานยอลไว้

     

    “นี่ที่รัก...เธอควรรู้อะไรไว้สักอย่างนะ”

     

    “...”

     

    “ฉันไม่เคยถือ ถ้าคนของฉันเกิดอยากจะพยศขึ้นมาบ้าง จะเอาแต่ใจแค่ไหนฉันก็ไม่เคยนึกเบื่อ หรือแม้แต่ต่อให้พลั้งมือฆ่าคนตายสักคนฉันก็ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ...” ว่าจบก็จับคางร่างโปร่งในอ้อมแขนให้เงยขึ้นสบตา

     

    “อึก...”

     

    “แต่ถ้ามีใครสักคนที่มันบังอาจมายุ่งกับของๆ ฉัน มันคนนั้นก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะตาย...” อู๋ฟานยักไหล่ “ช่วยไม่ได้เพราะฉันมันโคตรหวงของ”

     

    ปาร์คชานยอลใจหายวาบ “แต่นั่นผู้หญิงนะ” เจ้าของฉายามาเฟียยิ้มกริ่ม “เกี่ยวอะไรกับฉันกันล่ะเบบี๋ ผู้ชายรึผู้หญิงเกิดมาครั้งเดียวก็ตายครั้งเดียวเหมือนกันทั้งนั้น” ก็ไหนเคยบอกว่าไม่ทำร้ายผู้หญิง!!

     

    ปาร์คชานยอลยืนตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อเคลื่อนหน้าเข้าหาตัวเอง “จะ...จะทำอะไร” จมูกโด่งเว้นระยะห่างจากซอกคอขาวของเขาไว้แพงนิดเดียวเท่านั้น มันใกล้! ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกคน ปาร์คชานยอลขนลุกเกรียวแม้แต่เสียงที่ถามออกไปยังสั่นจนรู้สึกได้

     

    ให้ตายเหอะ โคตรขายหน้า!!

     

    เจ้าของฉายามาเฟียยกยิ้ม ก่อนจะแกล้งเคลื่อนใบหน้าขึ้นเฉียดแก้มขาวของปาร์คชานยอล “เธอยังไม่ตอบคำถามของฉัน” ปากถามแต่เคลื่อนหลังมือมาเกลี่ยใบหน้าขาวของคนที่โดนกักขังด้วยวงแขนแกร่ง

     

    “ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ อึดอัด...ก็แค่หาที่ระบาย ผิดตรงไหนกัน มันเรื่องปกติของผู้ชาย” คนที่ไม่รู้ตัวว่าผิดยังคงทำใจกล้าต่อปากต่อคำ

     

    ปากดี...

     

    อู๋ฟานยกยิ้มกว้างกว่าเก่า ปาร์คชานยอลขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงง ทั้งที่ตั้งใจจะยั่วโมโหไอ้มาเฟียหน้าโหดนี่เพื่อต้องการให้มันโกรธแล้วปล่อยตัวเขา แต่แทนที่มันจะโกรธดันยิ้มกว้างกว่าเดิม!

     

    “ยิ้มทำไม”

     

    “แค่กำลังคิดว่า ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปก็คงไม่ผิดเหมือนกัน...” ปาร์คชานยอลขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม อะไรของมัน!

     

    “เฮ้ย!!” ปาร์คชานยอลหลุดสบถ เมื่ออยู่ดีๆ ก็โดนอู๋ฟานรวบขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว พร้อมกับเดินตรงไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน คนอวดเก่งก่อนหน้านี้ถึงกับหน้าซีดเผือดจนลืมขัดขืน รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสฟูกหนานุ่ม ตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ที่ตามมาทาบทับร่างโปร่งโดยใช้สองมือกักขังลำตัวคนด้านล่างเอาไว้

     

    “นี่...อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ นะ” ปาร์คชานยอลยกมือขึ้นจับลำแขนของอู๋ฟานไว้แน่น เพราะเริ่มคาดเดาได้แล้วว่าไอ้มาเฟียตรงหน้าคิดจะทำอะไร อย่าบอกว่ามันโมโหจนขาดสติแล้วคิดอยากจะเก็บบัญชีทบต้นทบดอกหรอกนะ อยู่ในถิ่นของมันแบบนี้ ตากลมโตเริ่มมองหาทางหนีทีไล่เพื่อเอาตัวรอด แต่บ้าฉิบ ห้องนี้มีแต่เตียงนอนกว้างๆ เท่านั้น

     

    “อะไรที่เรียกว่าบ้า”

     

    “ก็ที่ทำอยู่นี่ไง!

     

    “เบบี๋...ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอจัด เซ็กส์ อยู่ในนิยามของคำว่าบ้า”

     

    ปาร์คชานยอลอ้าปากค้าง ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสี ทั้งที่ตัวเองก็คุ้นชินกับคำหยาบโลนพวกนั้นมามาก แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินจากปากของอู๋ฟานถึงได้รู้สึกขัดเขินจนมือไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ที่ไหน ได้แต่กำแขนเสื้อของคนด้านบนไว้

     

    “ฉันปล่อยให้เธอมีเวลาทำใจที่จะเป็นฝ่ายรับมาระยะหนึ่งแล้ว และฉันไม่คิดที่จะรอ...รอให้เธอบ่ายเบี่ยง ฉันอดทนมามากพอแล้ว มากพอจนฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นที่จะต้องอดทนอีกต่อไป” อู๋อี้ฟานอธิบายเพราะต้องการให้ปาร์คชานยอลเข้าใจและยอมรับเขาดีๆ เขาไม่อยากบังคับขืนใจ คิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม เด็กดื้อของเขาก็จะได้เลิกประชดโดยการควงคนอื่นเสียที ประเด็นสำคัญเขาเองก็จะได้อ้างสิทธิ์ในการห้ามปรามอีกคนได้อย่างเต็มที่

     

    แต่แทนที่การอธิบายของเจ้าของฉายามาเฟียจะทำให้ปาร์คชานยอลเข้าอกเข้าใจ กลับทำให้เจ้าของร่างโปร่งเข้าใจไปอีกทาง

     

    “ใครใช้ให้อดทน อดทนไม่ได้ก็ปล่อยกูไปสิ ปล่อยกู...แล้วเราไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก” เจ้าของร่างโปร่งน้ำตารื่นขึ้นมาทันที อดทนมามากพอแล้วหึ การที่มันคอยตามตื้อเขานั่นเพราะอดทนทำอย่างนั้นเหรอ ไอ้ขี้เก็กมันคิดว่ามีแค่มันที่ต้องเสียสละหรือยังไง เขาเองที่รู้ตัวอยู่เต็มอกว่าหากอยู่กับมันคงไม่มีทางปีนขึ้นเป็นฝ่ายรุกได้ ปาร์คชานยอลคนนี้ต้องใช้กำลังใจมากแค่ไหนในการยอมรับกับตัวเองว่าหวั่นไหว ที่ยอมให้ลากไปนู่นมานี่ได้ตามใจเหมือนตุ๊กตากระเบื้องนี่ ตัวเขาเองก็ยินยอมถอยให้อีกฝ่ายมากแล้ว

     

    ยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่คร่อมอยู่ด้านบนก็ยิ่งทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกเสียใจ เขาไม่น่าไปให้โอกาสมันเลย!

     

     “คิดไปถึงไหนหื้ม...” อู๋ฟานใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มคนเข้าใจผิด ที่เขาถอนหายใจก็เพราะนึกเอ็นดูคนที่เขินจนฟังคำพูดของเขาแล้วเข้าใจผิดไปเอง

     

    “ถ้าไม่อยากสนใจกัน ก็ไม่ควรมาทำดีด้วยตั้งแต่แรก” ปาร์คชานยอลเปรยขึ้นมาเสียงตัดพ้อ

     

    “...”

     

    “มาทำให้รู้สึกดีด้วยทำไม”

     

    “เธอกำลังตัดพ้อว่าการแสดงออกของฉันมันยังไม่ชัดเจนพอรึเปล่า”

     

    “ข่าวที่มึงใช้ให้ลูกน้องเอาเงินปิดข่าวไว้น่ะ กูเห็นหมดแล้ว” ปาร์คชานยอลเอ่ยถึงประเด็นที่เขาเก็บไว้ในใจมาตลอดหลายวัน ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเคยสารภาพความรู้สึกกับเขาแล้ว แต่ปาร์คชานยอลตอนนี้กำลังถูกสั่นคลอนความมั่นใจ อู๋ฟานมองสบตากลมโต “แล้วยังไง”

     

    “มึงมีอะไรกับเธอจริงรึเปล่า”

     

    “ถ้าตอบว่าไม่จะเชื่อมั้ย” ปาร์คชานยอลตอบกลับประโยคคำถามในทันที “ไม่”

     

    อู๋อี้ฟานหัวเราะในลำคอ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าปาร์คชานยอลจะรู้เรื่องนี้ ดูถูกร่างโปร่งตรงหน้าไม่ได้จริงๆ ทั้งที่เขาสั่งให้จุนตามปิดข่าวทันทีที่สายส่งข่าวด้วยซ้ำ

     

    “เชื่อเถอะว่าตั้งแต่เจอเธอ ฉันไม่เคยอนุญาตให้ใครสัมผัสมันเลย...นอกจากไอ้นี่” อู๋ฟานใช้สายตากวาดมองไปที่มือของตัวเอง ปาร์คชานยอลจึงมองตามสายตาของร่างสูง ก่อนใบหูขาวจะแดงเถือกเมื่อเข้าใจสารที่อีกคนต้องการสื่อ

     

    “อย่าบอกนะว่าที่เลือกประชดฉันด้วยวิธีนี้ ก็เพราะข่าวนั่น”

     

    ปาร์คชานยอลไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ

     

    “ชอบฉันขึ้นมาบ้างแล้วสินะ” อู๋ฟานยิ้มอย่างอารมณ์ดี พลางเอ่ยเย้าคนด้านล่าง ปาร์คชานยอลเม้มปาก เขาแฟร์ต่อความรู้สึกของตัวเองอยู่แล้ว ชอบก็ชอบสิ

     

    “ขอโทษนะที่ทำรุนแรง” อู๋ฟานเลื่อนสายตาไปที่ข้อมือขาวที่มีรอยแดงปรากฏอยู่ ปาร์คชานยอลยู่ปาก ส่งสายตาตำหนิ ความรู้สึกช้าเกินไปหรือเปล่า

     

    “หึ เธอยั่วโมโหฉันก่อน” ว่าจบก็ทาบริมฝีปากลงประกบปากนิ่มหนึ่งที ดูดคลึงหนักๆ ก่อนจะผละออก

     

    “จะไว้ใจคุณได้แค่ไหน” ปาร์คชานยอลเม้มปากถาม ทั้งที่หน้าเห่อร้อน เป็นครั้งแรกที่เขาเต็มใจให้อู๋อี้ฟานจูบ

     

    “ฉันไม่เคยผิดคำพูด ทั้งยังไม่ใช่คนหลายใจ อย่าเพิ่งเถียง...” อู๋ฟานก้มลงจูบปิดปากชานยอลอีกครั้งเมื่อร่างโปร่งทำท่าจะค้านคำพูดของเขา “ฉันหมายถึงในกรณีที่มีคนที่ฉันคบด้วยจริงจังแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีแค่คนเดียวเท่านั้น และเราก็จบกันด้วยดี” ตากลมโตฉายแววสงสัยทันที อู๋ฟานทั้งฉิวทั้งขัน

     

    “เขามีครอบครัวไปแล้ว ฉันไม่อยากเอ่ยถึงอีก” ปาร์คชานยอลพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ปฏิกิริยานี้เรียกรอยยิ้มจากเสือยิ้มยาก

     

    “ฉันสัญญาว่าตราบใดที่เรายังคบกัน ฉันจะมีแค่เธอคนเดียว”

     

    “...”

     

    “เพราะฉะนั้น...เป็นของฉันเถอะนะ”

     

    ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่ง

     



    - nc ต่อจากนี้เจอกันที่เดิมนะฮะ -



    +++++++++++++++++++++++

    Talk :: ในที่สุดพี่เสือยิ้มยากก็ได้รวบหัวรวบหางกินน้องแมวไปพุงกาง





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×