คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ Intro
By :: เบบี้เยลโล่
เขาว่ากันว่าความรักคือสิ่งสวยงาม…
แต่สำหรับผม ความรัก คือคำโกหกหลอกลวงที่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งหยิบยื่นมันมาให้กับผม
“หมินครับ วันนี้ผมมีประชุมด่วนนะที่รัก” เสียงปลายสายจากคนที่ผมเฝ้านั่งคิดถึงเขาทั้งวันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปนออดอ้อนนิดๆ เรียกรอยยิ้มตรงมุมปากของผมได้เป็นอย่างดี
“แล้วจะค้างที่บริษัทเลยเหรอ” ผมถามกลับไป ทั้งที่ในใจก็รู้คำตอบมันดีอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่บริษัทก็มีคนคอยช่วยงานมากมาย ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่บริษัทกำลังไปได้สวย ทั้งๆ ที่อนาคตของเราสองคนกำลังเรียกว่าประสบความสำเร็จที่สุด แต่ทำไมคนที่ผมรักถึงมัวแต่ประชุม ประชุม และก็ประชุม จนลืมไปเลยว่ามีผมคนนี้นั่งรอให้เขากลับมาที่บ้าน คิดแล้วก็นึกสมเพชตัวเองขึ้นมา น้ำตาพาลจะไหลทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องวันนั้น...
วันที่ผมแอบไปหา ลู่หาน ที่บริษัท เพียงแค่อยากทำให้เขาตกใจเล่นๆ แต่กลับผิดคาด! เพราะคนที่ต้องตกใจกลับเป็นตัวของผมเอง ทั้งๆ ที่ คยองซู เลขาของลู่หาน ห้ามผมไว้แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไรเลือกที่จะเดินเข้าไปโดยไม่ฟังเสียงห้ามของคยองซู
ซิ่วหมินเปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือเพราะกลัวคนด้านในจะได้ยิน ตากลมมองหาร่างสูงของคนที่อยากเจอที่สุด แต่มันกลับทำให้ซิ่วหมินตาค้าง เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือลู่หานยืนจูบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ซิ่วหมินคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี คิมแทยอน ลูกสาวของนักการเมืองชื่อดัง คนรักเก่าของลู่หาน
เป็นคุณ...คุณจะเสียใจมั้ย ที่คนที่คุณรักกำลังยืนจูบแลกลิ้นกับคนที่ไม่ใช่คุณ จูบกับใครอีกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่เหมาะสม จูบกับใครอีกคนที่เป็นคนรักเก่าของเขา...
“ครับผม นอนคนเดียวได้ใช่มั้ย อย่าลืมล็อกประตูด้วยนะผมเป็นห่วง” ปลายสายเอ่ยถามเหมือนปกติ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงแอบอมยิ้มกับคำพูดห่วงใยพวกนั้น แต่วันนี้...วันที่ผมรู้แล้วว่าตัวเองโดนสวมเขามาตั้งนาน เป็นคนโง่ให้ใครหลายๆ คนหัวเราะเย้ยหยัน
“ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าลืมหาอะไรทานด้วย หมินรักคุณนะ ” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงร่าเริงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะจับน้ำเสียงได้ว่าตอนนี้ ผมกำลังอยากจะร้องไห้
“ครับ สัญญาด้วยเกียรติของคนรักของคุณเลย” ถ้าหวังจะได้ยินคำว่ารักของอีกคน ผมว่าชาตินี้ ผมคงไม่มีวันได้ยินมันอีกแล้ว แค่คำว่าคนรัก แค่นี้ใช่ไหมที่เขายังทนอยู่กับคนอย่างผม
เมื่อคิดได้อย่างนั้น คนหน้าสวยก็กดสายโทรออกหาเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน ปาร์ค ชานยอล เพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านของเขาสองคนอยู่หลังติดกัน แถมพ่อแม่ของเขาทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีก จึงไม่แปลกที่ซิ่วหมินจะสนิทกับชานยอล ผู้ชายที่สาวๆ ทั่วทั้งมหาลัยต่างคลั่งไคล้นักหนา เพราะบุคลิกมาดกวนบวกด้วยหน้าตาหล่อเหลาแถมยังสามารถเล่นดนตรีได้หลายชนิด จึงไม่แปลกที่เมื่อก่อนซิ่วหมินจะโดนสาวๆ ทั้งมหาลัยเขม่น
“ชานยอลว่างมั้ย” เสียงใสเอ่ยถามเพื่อนสั่นๆ ในเมื่อลู่หานไม่ยอมกลับบ้าน แล้วทำไมต้องเป็นเขาที่ต้องอยู่ล่ะว่ามั้ย ก่อนที่คนตัวเล็กจะตกลงปลงใจมาอยู่กับลู่หาน ก็ขึ้นชื่อว่าได้เป็นหนุ่มฮอตเดือนคณะของสถาปัตถ์ส่วนชานยอลเพื่อนรักของเขาก็เป็นถึงเดือนคณะนิเทศศาสตร์ เราสองคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาลก่อนจะแยกย้ายกันไปก็ตอนขึ้นมหาวิทยาลัยเพื่อไปตามความฝันของแต่ละคน
“หื้ม...มีอะไรรึเปล่าวะ” เสียงติดออกจะแหบนิดๆ ตอบรับ
"เปล่า แค่เบื่อๆ” ซิ่วหมินตอบกลับเสียงเซ็งๆ
“ไอ้ลู่หานมันไม่กลับบ้านอีกแล้วล่ะสิ” เสียงที่แสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนของมันถามกลับมามันทำให้ซิ่วหมินถึงกับพูดไม่ออก ใช่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องโทรหามันในช่วงที่ลู่หานไม่อยู่ แต่ตลอดหนึ่งเดือนมานี้เรียกว่าแทบจะทุกวัน
“เหอะน่า...อย่าถามมากได้มั้ย กูถามแค่ว่าว่างมั้ย ไม่ได้ให้มึงมาซักไซ้อะไรกู” ซิ่วหมินตอบกลับเสียงฉุน
“โห่ เรื่องแค่นี้ถึงกับขึ้นมึงขึ้นกูเลยเหรอวะ กูนึกว่าเลิกนิสัยนี้ไปแล้วซะอีกตั้งแต่ไปอยู่กินกับมัน” สงสัยมั้ยครับว่าทำไมชานยอลถึงเรียกลู่หานว่ามัน สองคนนี้ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ แต่เพราะเรื่องอะไรเขาเองก็ไม่รู้หรอกนะ ถามทั้งสองคนทีไรก็มักจะบ่ายเบี่ยงตลอดจนคนตัวเล็กขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย
“...”
“อ้าวเฮ้ย ซิ่วหมิน มึงอย่าเงียบ ซิ่วหมิน ซิ่วหมิน! เออๆ กูขอโทษก็ได้ แม่ง ขี้งอนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะมึง” ซิ่วหมินแกล้งเงียบก่อนจะได้ยินเสียงปลายสายโวยวายเมื่อเขาไม่ยอมตอบกลับ ร่างเล็กแอบขำเพื่อนสนิทในใจ
มึงก็ง้อกูไม่เปลี่ยนเหมือนกันนั่นแหละ...
“เออ มึงก็ต้องง้อกูอยู่ดีปะ สรุปว่าว่างไหม เจอกันที่เดิมนะ” ซิ่วหมินสรุปอีกครั้ง ที่จริงไม่ต้องถามความเห็นของอีกคนหรอก ฝั่งนั้นเคยขัดใจเจ้าตัวซะที่ไหน
“พูดมาขนาดนี้ กูคงจะขัดมึงได้หรอกนะ เออๆ แล้วกูจะรีบไป” ปลายสายตอบกลับเซ็งๆ ซิ่วหมินแอบขำปฏิกิริยาของเพื่อนรักก่อนจะกดวางสายแล้วมองโทรศัพท์ยิ้มๆ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนไอ้นิสัยโวยวายไว้ก่อนนี่ไม่เคยจะเปลี่ยนไปเลย
++++++++++++++++++++++++++++++
“ฮึก...”
แค่เปิดประตูเข้ามาในห้องคาราโอเกะ ร้านประจำที่ทั้งคู่มักจะมาใช้บริการอยู่บ่อยๆ ก็ได้ยินเสียงสะอื้นของเพื่อนตัวเล็กคนเก่งทำให้ขายาวต้องหยุดชะงักไปนิด ก่อนจะทำทีเป็นมองไม่เห็นเดินเข้าไปเนียนๆ
“ซ้อมบทละครรึไงมึง หรือว่าครั้งนี้ได้เล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตา” คนตัวสูงกว่าแกล้งแย่เล่นขำๆ ไม่ใช่ว่าอยากกวนอะไรหรอกนะ แค่ไม่อยากให้อีกคนเครียด
“สัด! ซ้อมบทละครพ่องมึงสิ ฟาย!” ร่างเล็กตอบกลับมาเสียงแวด ทำเอาอีกคนถึงกับหลุดขำกับปฏิกิริยานี้ เมื่อกี้ยังนั่งซึมกอดเข่าน้ำตาไหลอยู่ข้างขวดเหล้าอยู่เลย
“จะอะไรนักหนาวะ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว” ชานยอลเดินไปนั่งข้างๆ ไอ้เพื่อนตัวดี พลางลูบหัวมันเล่น เพื่อนของเขามันก็เป็นแบบนี้ ไม่เคยมีอะไรในโลกนี้ที่เพื่อนตัวบางคนนี้จะยอมแพ้ยกเว้นเรื่องเดียวก็คือเรื่องของมัน...ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น
ทุกคนคงสงสัยกันใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงเกลียดมันนักหนา ก็ไม่มีอะไรมากแค่รู้สึกหมั่นไส้ไอ้หน้าหล่อนั่นเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง สมัยเรียนก็เกรดสูงลิ่วเกือบติดเพดาน พอออกมาทำธุรกิจก็สามารถสร้างตัวเองจนร่ำรวย เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่อนาคตไกล คนอะไรจะเพอร์เฟ็คได้ขนาดนี้ นี่มันไม่ใช่คนชัดๆ มีอยู่อย่างเดียวที่เขารู้สึกว่าเหนือกว่ามันก็คือหน้าตาเพราะเขาดูดีกว่ามัน (จากผลโหวตหนุ่มฮอตประจำมหาวิทยาลัย) แต่ก็อย่างว่า...
เพราะมันมีพร้อมทุกอย่าง ทำให้ทั้งผู้หญิงไม่เว้น เก้ง กระเทย ก็อยากได้มันไปทำพันธุ์ แรกๆ มันก็ทำตัวดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครเลยตั้งแต่เริ่มคบกับเพื่อนของเขา แต่หลังๆ มานี้ เหมือนจะได้กลิ่นแปลกๆ ว่ามันจะกลับไปคั่วกับคนรักเก่าของมัน!
จากที่เหม็นขี้หน้ามันอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เปรียบได้ว่าถ้าที่ไหนมีเขาอยู่ก็ต้องไม่มีมันอยู่ จนมาถึงทุกวันนี้นั่นแหละ...
“ไอ้ชานยอล...คนเดียวที่มึงว่าน่ะ คือคนเดียวที่กูรักนะ” ซิ่วหมินพูดเสียงยานพลางซบหน้าตาลงบนไหล่ของเพื่อนรัก ร่างสูงส่ายหัวขำๆ ร้องไห้ขี้มูกโป่งขนาดนี้ ยังจะมีอารมณ์มาเถียงกลับ
“เออๆๆ กูรู้แล้วว่ามึงรักมัน แล้วมึงเคยถามมันมั้ย ว่าทุกวันนี้มันยังรักมึงรึเปล่าหื้มเตี้ย” ชานยอลเอ่ยรับคำปัดๆ ก่อนจะเผลอเอ่ยเย้าเพื่อนกลับ แต่เมื่อเห็นว่าคำพูดของเขาทำให้เพื่อนตัวเล็กชะงักไป พร้อมทำท่าจะเป่าปี่อีกรอบก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ
“เฮ้ยซิ่วหมิน...กูพูดเล่น ไม่ได้ตั้งใจให้มึงรู้สึกไม่ดีนะ” ร่างสูงเอ่ยพูดไปเสียงรนๆ เมื่อเห็นอีกคนก้มหน้าเงียบก็เริ่มจะใจไม่ดี
เพราะรู้ดีว่าหากอีกฝ่ายเงียบใส่ตัวเองจะต้องตามงอนง้อไปอีกหลายอาทิตย์จึงต้องรีบเปลี่ยนคำพูด ถ้าถามว่าปาร์คชานยอลคนนี้กลัวอะไรมากที่สุด ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ากลัวซิ่วหมินเวอร์ชั่นงอนเงียบ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะกล้าขัดใจเพื่อน
“เตี้ย ซิ่วหมิน หมิน เฮ้ย อย่าเงียบดิ” ร่างสูงออกแรงขยับตัวเบาๆ จนเริ่มรู้สึกถึงน้ำหนักตัวของร่างซิ่วหมินที่เทมาทางตัวเอง ก่อนที่หัวทุยๆ นั่นจะหล่นมาอยู่ที่ตัก
แม่งหลับ...
เขาก็นึกว่าโดนอีกคนโกรธไปแล้วซะอีก ได้แต่หวังว่าอีกคนจะไม่ยินประโยคเมื่อกี้ที่เขาหลุดปากพูดออกมา
เพราะรู้ดีว่าเพื่อนตัวเล็กเป็นคนคิดมาก คิดเล็ก คิดน้อย แถมยังปากหนักไม่ยอมปริปากอะไรออกมาง่ายๆ จนกว่าจะทนไม่ไหวจริงๆ ต้องโทษไอ้คนที่มันทำให้เพื่อนของเขาต้องเป็นแบบนี้
มันคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบ
ไอ้ลู่หาน ไอ้เวรเอ้ย!
___________________________________
Talk :: EDIT 30/01/60
หวังว่าจะชอบกันนะ
ชอบรึไม่ชอบบอกกันบ้างเน้อ
สุดท้ายนี้ไม่ "เม้น" ไม่เป็นไร ขอแค่กด Fav. เราก็พอ มันก็ปฏิเสธไม่ได้เน๊าะว่าคอมเม้นท์มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนแต่งนิยายตาดำๆ อย่างเราๆ มีกำลังใจในการแต่งนิยายต่อไป ถ้าชอบก็ฝากแชร์ต่อด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ คอมเม้นที่มีให้เบบี้เยลโล่ รักรีดเดอร์ทุกคนนะค้าบ...
อีกนิด...ฝากเพจ FB :: เบบี้เยลโล่ TWT :: @Baby_Yellowza
ความคิดเห็น