คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ โอเซฮุน
Known..แค่รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 มาเล่นแท็ก #FicKnown กัน ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยค้าบ ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สายตาคมของลู่หานละจากการเซ็นเอกสารในแฟ้มหนาไปมองที่ประตู
ก่อนจะพบกับร่างเล็กของเลขาคนสนิทที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับหอบแฟ้มหนาหลายแฟ้ม
“ผมเอาแฟ้มงานสรุปเรื่องการเซ็นสัญญาที่ผ่านมารวมถึงยอดกำไรในช่วงสองไตรมาสมาให้ครับ”
คยองซูเอ่ยบอกคนเป็นนาย มือเรียวค่อยๆ
วางแฟ้มงานที่ได้รายงานอีกคนลงบนโต๊ะทำงานของผู้เป็นนายทีละแฟ้ม
“บ่ายนี้มีนัดอะไรไหม?”
ลู่หานถามในขณะที่มือยังเซ็นเอกสารไม่หยุด
“บ่ายนี้เจ้านายมีนัดทานข้าวกับท่านรัฐมนตรีเพื่อคุยเกี่ยวกับสัมปทานที่กำลังจะเปิดประมูลครับ”
เสียงใสกล่าวรายงานออกมาทันทีที่ผู้เป็นนายเอ่ยถาม ก็ตารางงานของเจ้านายน่ะ
โดคยองซูคนนี้จำแม่นยิ่งกว่าอะไรซะอีก ลู่หานขมวดคิ้วเล็กๆ
อย่างใช้ความคิดก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาน้อยๆ แล้วพยักหน้ารับ
“เจ้านายมีอะไรหรือเปล่าครับ มีธุระอะไรด่วนให้ผมเคลียเรื่องนัดกับท่านรัฐมนตรีออกไปก่อนไหมครับ?”
คยองซูที่ยืนเอามือกุมกันไว้ที่ระดับเข็มขัดเอ่ยถามผู้เป็นนายตามหน้าที่
เหตุการณ์แทรกคิวหรือสลับคิวนัดของเจ้านายน่ะเขาเจอมาจนนับครั้งไม่ถ้วน
ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่เลขาอย่างเขาจะต้องสามารถบริหารจัดการเวลาให้ได้ตามที่อีกคนต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
ใครบอกว่างานเลขาจะสบายกัน
“ไม่เป็นไรงานนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน” ลู่หานส่ายหัวพร้อมกับเอ่ยปฏิเสธ
“ผมได้ยินข่าวว่าเจ้านายยังไม่กลับไปนอนที่บ้านอีกหรอครับ?”
คยองซูเอ่ยถามต่อเพราะเขาครางแครงใจกับประเด็นนี้มาหลายวัน
หลังจากที่กลับจากอเมริกาซิ่วหมินก็ขอนอนที่บ้านหนึ่งคืน
เขาก็ยอมอีกฝ่ายแต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องอยู่เคลียงานที่บริษัทเปิดโอกาสให้อีกคนได้หาข้ออ้างขอค้างที่บ้านต่อ
ตั้งใจว่าหากบ่ายนี้ไม่มีอะไรจะไปรับอีกคนกลับมานอนกอดที่บ้านให้ได้
“ก็ว่าจะกลับวันนี้แหละ”
ลู่หานตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนมือหนาจะค่อยๆ
ยิ้มแฟ้มที่วางเรียงกันอยู่มาเปิดอ่านแล้วเซ็นต่อ
หวังจะให้งานที่วางกองอยู่ตรงหน้าลดลงบ้าง
“ดีแล้วครับเจ้านาย
ผมเห็นเจ้านายนอนที่นี่มาหลายวันแล้วกลับไปรับคุณซิ่วหมินกลับบ้านดีกว่า”
คยองซูพยักหน้ารับคำพูดเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยขอตัว
ลู่หานชะงักมือที่กำลังเซ็นชื่อตัวเองลงบนเอกสาร
ใบหน้าหล่อเลื่อนไปมองกรอบรูปที่ตักอยู่บนโต๊ะทำงานซึ่งเป็นรูปของเขากับคนรัก
ใบหน้าหวานของซิ่วหมินยิ้มกว้างจนดวงตาปิด ร่างสูงถอนหายใจยาวๆ
ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือแล้วเซ็นต่อ
ครืด ด ด
ร่างเล็กของเลขาหน้าห้องก้มลงหยิบมือถือที่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงหลังจากหันไปปิดประตูห้องทำงานของเจ้านายตัวเองลงอย่างเบามือ
“ฮะพี่จงอิน” มือเรียวกดรับ
/เป็นยังไงบ้าง/ ปลายสายถามออกมาห้วนๆ
คยองซูยิ้มขำก่อนขาเล็กจะก้าวยาวๆ ไปนั่งที่โต๊ะทำงานส่วนตัวแล้ววางแฟ้มในมือลงบนโต๊ะ
ใบหน้าหวานได้รูปยู่ปากก่อนจะเอ่ยตอบพี่คนสนิท
“ถามถึงผมหรือว่าเจ้านายล่ะ”
/ทั้งสอง/ คิมจงอินตอบกลับ
คยองซูเบ๋ปากงอนๆ แม้จะรู้ว่าคนปลายสายคงไม่เห็นปฏิกิริยาของตน
เขาน่ะสนิทกับพี่จงอินก่อนจะมาทำงานกับลู่หานซะอีก แรกๆ ที่รู้จักกันก็เกร็งๆ
เพราะอีกคนนิ่งซะเหลือเกิน แต่พอได้คุยได้รู้จักกันก็พอจะรู้นิสัยว่าคิมจงอินน่ะเป็นคนไม่เก่งในการสื่อสาร
แต่ฝีมือการต่อสู้ไม่เคยเป็นสองรองใคร
“เจ้านายกินอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วเพราะเคลียเรื่องโปรเจ็คที่เพิ่งไปเซ็นสัญญามา
ผมต้องเป็นคนกลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้แถมยังต้องส่งข้าวส่งน้ำให้อีกแม้จะดูนิ่งๆ
แต่ก็น่าเป็นห่วงฮะเล่นทำงานหามรุ่งหามค่ำผมว่าคงเพราะอยากรีบเคลียให้จบจะได้ไปรับคุณซิ่วหมิน”
ปากเล็กเอ่ยรายงานอีกคนเหมือนเป็นกิจวัตร
แม้คิมจงอินจะถูกเรียกให้ไปคอยอารักขานายหญิง แต่ร่างสูงก็อดไม่ได้ที่จะไต่ถามถึงความเป็นไปของผู้เป็นนาย
“ส่วนผมก็สบายดี ยุ่งเหมือนเดิมแหละ”
คยองซูว่าต่อ
พร้อมกับขาเล็กที่ดีดขากับพื้นเพื่อดันเก้าอี้ให้เลื่อนไปยังตำแหน่งเป้าหมาย
พรางเอียงคอหนีบโทรศัพท์เครื่องเล็กของตนไว้แล้วเอื้อมไปหยิบเอกสารที่วางอยู่บนเครื่องโทรสารสีขาว
คิ้วเรียวขมวดเล็กๆ ก่อนจะไล่สายตาอ่านเอกสารคร่าวๆ แล้วยันขากับพื้นอีกครั้งเพื่อเลื่อนเก้าอี้กลับมายังตำแหน่งเดิม
มือเรียวเลื่อนไปหยิบปากกาไฮไลท์แล้วขีดลงบนใจความสำคัญของเอกสาร
“เห็นเซฮุนบอกฉันว่าช่วงนี้นายกลับดึกบ่อยๆ
ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ” มือเรียวที่กำลังจดหยิกๆ
ลงบนเอกสารหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคห่วงใยส่งมาจากคนในสาย
ปากเล็กหยักยิ้มกับตัวเอง พี่จงอินโทรถามเซฮุนหรอเนี้ย ไม่อยากจะเชื่อ
“รู้แล้วน่า
ว่าแต่พี่เถอะอย่าปล่อยให้ตัวเองถูกยิงเหมือนคราวที่แล้วอีกนะ
เห็นแก่คุณซิ่วหมินที่ปลอดภัยถ้าผิดสัญญาอีกผมจะไม่หายโกรธจริงๆ ด้วย
เตะต่อยยังพอรับได้แต่ถูกยิงน่ะมันเกินไปแล้วนะรู้ไหม” คยองซูเอ็ดอีกฝ่าย
คิมจงอินขำน้อยๆ ในลำคอเมื่ออีกคนทวงสัญญาจากเขากลายๆ
สัญญานะว่าจะไม่ทำให้ตัวเองได้รับอันตราย
ใบหน้าเล็กของอีกคนเอ่ยพูดเสียงจริงจังกับเขา
พรางยกนิ้วก้อยขึ้นมาชูตรงหน้า
แต่พี่เป็นบอดี้การ์ดนะ
คิมจงอินตอบกลับร่างเล็กของอีกคนกลับ
ใบหน้าหวานของโดคยองซูงอง้ำด้วยความขัดใจ
ไม่รู้ล่ะยังไงพี่ต้องสัญญากับผม!
ร่างเล็กในวัยเด็กไม่ฟังไม่พอ
ยังเอ่ยออกมาอย่างเอาแต่ใจ น้ำใสเริ่มรื่นเต็มหน่วยตา จงอินถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับ
เพราะเขาเพิ่งตอบรับลู่หานเรื่องการมารับตำแหน่งบอดี้การ์ดฝึกหัดจึงมาบอกคยองซูที่เป็นเหมือนน้องชายของเขา
“พี่ไม่อยากสัญญาในสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำได้ร้อยเปอร์เซ็น”
จงอินบอกออกมาอย่างหนักใจ
“ถ้าพี่ไม่สัญญาผมจะไปสมัครเป็นบอดี้การ์ดด้วย!”
คยองซูเอ่ยบอกเสียงดัง จงอินเงยหน้าไปมองร่างเล็กของอีกคน
ใบหน้าหล่อคมถอนหายใจก่อนจะยื่นมือสองข้างไปวางที่ไล่เล็กแล้วออกแรงบีบเบาๆ
“สิ่งที่พี่สัญญาได้มีแค่อย่างเดียวคือพี่จะไม่ตายก่อนที่จะวางใจได้ว่าเราจะมีคนที่ดูแลได้ดีกว่าพี่
พี่จะไม่ตายจนกว่าโดคยองซูคนนี้จะเจอคนที่รักเขามากกว่าชีวิต”
ใบหน้าคมจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานของอีกคนแล้วพูดเสียงหนักแน่น
เขาไม่อยากเป็นคนผิดสัญญา
เขารู้ว่าหากเลือกเดินในอาชีพนี้มีโอกาสสูงที่เขาจะตายเพื่อปกป้องคนเป็นนาย
เพื่อสายเลือดที่สืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่นสายเลือดที่เกิดมาเพื่อปกป้องคนในตระกูลเสี่ยว
แต่คิมจงอินคนนี้จะไม่ยอมตายง่ายๆ!
“หมาลอบกัด” คิมจงอินตอบกลับ
คยองซูจึงได้แต่พ่นลมหายใจออกมาทางจมูก เขาก็แค่เป็นห่วง
พี่จงอินน่ะทำอะไรไม่เคยนึกถึงตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่จะทำยังไงได้ในเมื่ออีกคนก็สายเลือดบอดี้การ์ดเข้มข้นซะขนาดนั้นจึงได้แต่เอ่ยเตือนอีกคนซ้ำไปซ้ำมาทุกครั้งที่อีกคนออกไปปฏิบัติภารกิจ
“กินข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะ
ผมต้องทำงานแล้วล่ะ เจ้านายต้องออกไปพบท่านรัฐมนตรีฮันซึงโฮบ่ายนี้”
ร่างเล็กเอ่ยบอกปลายสายก่อนจะเอ่ยขอตัว จงอินรับคำสั้นๆ ก่อนจะกดตัดสายไป
ก๊อก
ก๊อก
เสียงเคาะโต๊ะทำให้โดคยองซูที่กำลังหัวหมุนอยู่กับการจัดเอกสารเข้าแฟ้มเงยหน้าขึ้น
พรางเลิกคิ้วถาม
“ว่าไงเซฮุน” คยองซูเอ่ยถามเด็กชายที่สวมชุดนักเรียนไฮสคูล
เสื้อนักเรียนที่ถูกปล่อยออกมาจากขอบกางเกง สะพายกระเป๋าเป้แถมยังชอบใส่หูฟังอยู่ตลอดเวลา
‘โอเซฮุน’ บอดี้การ์ดฝีมือดีรองลงมาจากคิมจงอิน
แม้จะอายุยังน้อยแต่ฝีมือนับว่าไม่ธรรมดา
ถึงบางครั้งจะติดนิสัยขี้เล่นแต่เวลาทำงานกลับเป็นคนที่จริงจังและเด็ดขาด
มีจุดเด่นอยู่ที่สามารถทำงานได้อย่างเงียบเชียบเพราะเจ้าตัวได้รับการฝึกฝนให้เป็นนินจามาตั้งแต่ยังเด็ก
นอกจากจะรับทำงานให้กับเสี่ยวลู่หานแล้ว
โอเซฮุนยังมีศักดิ์เป็นน้องชายของคิมจงอิน เพราะแม่ของเขาเป็นน้าสาวของคิมจงอิน
เซฮุนไม่ใช่สายเลือดบอดี้การ์ดประจำตระกูลเสี่ยวโดยตรงแต่เพราะเป็นคนรักสนุกและชอบลองในสิ่งที่ท้าทายจึงรับทำงานให้ลู่หานลับๆ
ข้อดีอีกข้อของโอเซฮุนก็คือ..เขาเป็นเพียงเด็กวัยมัธยมปลาย
ทำให้ตัวเองไม่เคยถูกเพ่งเล็งจากศัตรู
เป็นข้อดีที่ทำให้เขาสามารถทำงานได้สะดวกมากขึ้น
“ขอเข้าไปหน่อยสิพี่”
ใบหน้าหล่อใสเกลี้ยงเกลายื่นหน้าเข้าไปชิดกับคยองซูสองมือท้าวไปกับโต๊ะทำงานจนอีกฝ่ายต้องผละออกเองเอ่ยบอกพรางยิ้มตาหยีจนแทบไม่เห็นดวงตา
เพี้ยะ
“โอ้ยพี่! นี่มือหรือตีนเนี้ยหนักชะมัด”
โอเซฮุนร้องโอดครวญพรางยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองบริเวณที่โดนคนตัวเล็กฟาดมือลงมาแบบไม่คิดจะยั้งแรง
“นายมาแกล้งฉันก่อนทำไมเล่า!”
คยองซูว่ากลับพรางจ้องอีกคนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาบอกหรือยังว่าเขาไม่กินเส้นกับโอเซฮุนคนนี้
ไอ้บ้านี่ชอบแกล้งเขาทุกครั้งที่เจอ ไอ้เด็กโรคจิต!
“โห่เขาไม่ได้เรียกแกล้ง
เขาเรียกว่าทักทายแบบโคลสอัพ!” เซฮุนเถียงกลับน้ำขุ่นๆ
ใบหน้าหล่อกระพริบตาปริบๆ เน้นย้ำคำพูดที่จริงจังของตน
คยองซูยืนท้าวสะเอวพรางจิ๊ปาก
“มีธุระไม่ใช่หรอ รีบเข้าไปสิ!”
ก็รู้อยู่แล้วว่าต่อปากต่อคำกับโอเซฮุนน่ะไม่สนุก
ไม่น่าไปเสวนากับไอ้เด็กนี่เลย คยองซูเอ่ยปากไล่อีกคน
เซฮุนหลุดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหยิบช็อกโกแลตในกระเป๋ากางเกงออกมากองบนโต๊ะคยองซู
“อ่ะผมให้” ว่าจบก็ก้าวยาวๆ
ไปเปิดประตูห้องของลู่หานแล้วหายเข้าไปในห้อง
“ไอ้เด็กนี่!”
คยองซูถลึงตาโตมองตามร่างสูงเพรียวของเซฮุน พรางบ่นด้วยความหงุดหงิด
มาทีไรก็เอาขนมมาให้เขาตลอด จนน้ำหนักขึ้นไม่รู้ตัวแล้วเนี้ย
มันเห็นเขาเป็นเด็กติดขนมหรือยังไงกัน!
ก๊อก ก๊อก
“อ้าวมาแล้วหรอ”
ลู่หานหันไปทักคนที่เปิดประตูห้องทำงานเขาเข้ามาแล้ววางปากกาลง เซฮุนตีสีหน้าเงียบขรึม
ปรับโหมดจากคนขี้เล่นเมื่อกี้กลายเป็นจริงจังเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะของลู่หานแล้วโค้งหัว
“นั่งสิ
เรื่องที่ให้ไปจัดการได้ความว่ายังไง?”
เซฮุนโค้งให้ลู่หานอีกครั้งก่อนจะเลื่อนก้าวอี้ออกเล็กน้อยแล้วแทรกตัวลงนั่ง
ลู่หานจึงเอ่ยเปิดประเด็น
“นี่คือข้อมูลส่วนตัวของท่านรัฐมนตรีฮันซึงโฮครับ”
เซฮุนเปิดกระเป๋าของตนเองแล้วหยิบเอาแฟรชไดร้ฟสีดำสนิทของตัวเองออกมาเลื่อนส่งให้ผู้เป็นนาย
ลู่หานเลิกคิ้วมองสิ่งที่เซฮุนยื่นให้นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด
“ลับแค่ไหน?” ริมฝีปากหยักเอ่ยถาม
เซฮุนเลื่อนสายตาขึ้นไปประสานกับลู่หานอย่างไร้ความรู้สึก
“ลับสุดยอด”
++++++++++++++++++++++++++
คยองซูกระชับแฟ้มในมือที่กอดไว้
พรางก้าวตามผู้เป็นนายตามหลังมาด้วยบอดี้การ์ดของลู่หานสองคน ตลอดทางที่เดินเข้ามาดวงตากลมโตพยายามสอดส่องทางที่เดินตามผู้เป็นนายเข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลตามสัญชาตญาณของเลขา
ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมืองแห่งนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวท่านรัฐมนตรีฮันซึงโฮตามความเข้าใจของคนภายนอกแต่จริงๆ
แล้วก็คือธุรกิจของท่านรัฐมนตรีที่เอาชื่อของคนในครอบครัวมาอ้างเป็นฉากบังหน้าเท่านั้น
“สวัสดีครับ” ขาเล็กหยุดตามผู้เป็นนาย
เมื่อลู่หานหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องๆ หนึ่งพร้อมกับคนนำทาง
คนของท่านรัฐมนตรีก้าวออกมาต้อนรับร่างสูงของลู่หานกระชับสูทก่อนจะค่อมหัวให้อีกฝ่ายตามมารยาท
“ผมเสี่ยวลู่หานมาพบท่านรัฐมนตรีตามที่ได้นัดไว้”
ลู่หานเอ่ยบอกเสียงเรียบ
“เชิญคุณลู่หานนั่งรอท่านสักพักนะครับ
ผมจะไปตามท่านให้”
เลขาของฮันซึงโฮผายมือเชิญลู่หานเข้าไปยังห้องรับรองด้านในที่จัดอาหารไว้รออยู่แล้ว
ลู่หานพยักหน้ารับน้อยๆ พรางหันไปพยักหน้าเรียกคยองซูให้ก้าวตามเข้าไปด้านใน ส่วนบอดี้การ์ดสองคนที่ตามมายืนรออยู่หน้าห้องรับรอง
ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่ท่านรัฐมนตรีกำหนดเอาไว้
“รอนานไหมคุณเสี่ยว”
ร่างหนาของฮันซึงโฮก้าวเข้ามาในห้องรับรองหลังจากที่ลูกน้องมารายงานได้สักพักว่าเสี่ยวลู่หานประธานบริษัท
Luxia
กรุ๊ปมาถึงแล้ว ลู่หานลุกขึ้นยืนพร้อมกับคยองซูก่อนจะโค้งหัวให้บุคคลที่มาใหม่
“ไม่ครับ” ลู่หานตอบ
ก่อนจะนั่งลงตามร่างหนาที่ก้าวมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขายิ้มๆ
ด้วยชุดเสื้อโปโลคอปกและกางเกงสแล็คสีดำแม้จะแต่งกายธรรมดาแต่ก็ดูภูมิฐานสมกับวัยและตำแหน่งรัฐมนตรี
“งั้นเราทานกันไปคุยกันไปสบายๆ
ดีกว่านะ ผมไม่ชอบอะไรที่มันเคร่งเครียดหรือน่าอึดอัด” ฮันซึงโฮว่าต่อยิ้มๆ
ก่อนจะดึงผ้ากันเปื้อนมากางแล้ววางลงบนตัก ลู่หานพยักนหน้ารับ
มือหนาเลื่อนไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่วางอยู่บนจานมาวางไว้บนตักเช่นเดียวกับรัฐมนตรีฮันซึงโฮ
“ผมอ่านข้อเสนอที่คุณส่งมาแล้วนะคุณเสี่ยว”
ฮันซึงโฮเปิดประเด็นพรางใช้มีดตัดสเต็กในจานช้าๆ แล้วใช้ซ่อมจิ้มเนื้อเข้าปาก
ลู่หานชะงักมีดในมือแล้วเลื่อนหน้าขึ้นสบตากับชายวัยกลางคนชั่วครู่แล้วขยับมือตัดเนื้อในจานต่อโดยไม่พูดอะไรเพื่อเปิดโอกาสให้ฮันซึงโฮพูดต่อ
“คุณรู้หรือเปล่าว่าฝั่งนั้นเขาเสนอให้ผมมากกว่าคุณหลายเท่า”
ฮันซึงโฮพูดพรางหยิบน้ำขึ้นมาจิบ พร้อมกับเลิกคิ้วถาม
ลู่หานยิ้มเป็นการยอมรับกลายๆ
“มันเสี่ยงนะกับการที่จะยกคะแนนให้กับฝั่งของคุณ”
ฮันซึงโฮยักไหล่ให้ลู่หาน
เขานึกว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ซะอีกว่าคู่แข่งเสนอผลตอบแทนให้เขาเท่าไหร่จึงได้เปรยออกไป
เผื่ออีกคนจะฮึดสู้ให้ผลตอบแทนเขามากกว่า แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะใจไม่ถึงพอ
ฮันซึงโฮนึกเยาะเย้ยลู่หานในใจ
“เลขาของท่าน..” ลู่หานเปรยขึ้นยิ้มๆ
ฮันซึงโฮชะงักมีดในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเลิกคิ้วให้เด็กหนุ่มรุ่นลูก
“เลขาของฉันทำไมรึ?”
“มองๆ ดูแล้วก็มีส่วนคล้ายผู้หญิงอยู่เหมือนกันนะครับ”
ลู่หานบอกต่อยิ้มๆ
ใบหน้าหล่อพูดโดยไม่มองคู่สนทนาเหมือนประเด็นที่พูดอยู่เป็นเพียงเรื่องไร้สาระที่หยิบขึ้นมาพูดฆ่าเวลา
กึก
ฮันซึงโฮชะงัก
ดวงตาคมเข้มน่าเกรงขามที่ดูเป็นคนง่ายๆ
ในตอนแรกที่ได้สบตาแปรเปลี่ยนเป็นคมกร้าวขึ้นทีละน้อย
ลู่หานลอบมองสังเกตอาการก่อนจะลอบยิ้มในใจ พอใจกับข้อมูลที่เซฮุนหามาได้
“ผมว่าเขาก็ดูปกติดี
คุณอาจจะอยู่กับภรรยามากไปเลยมองว่าผู้ชายบางคนก็สวยได้
ผมว่าคุณอาจจะพักผ่อนน้อยควรหาเวลาพักผ่อนบ้างนะคุณลู่หาน”
ฮันซึงโฮบอกเสียงเรียบพร้อมเปลี่ยนสรรพนามเรียกลู่หาน
สายตาคมดุปรายตาไปยังเลขาที่ยืนนิ่งอยู่ตรงมุมห้อง ก่อนจะเพยิดหน้าไล่
เลขาของฮันซึงโฮที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของลู่หานและคยองซูโค้งหัวให้ฮันซึงโฮก่อนจะก้าวออกไปจากห้องตามคำสั่ง
ลู่หานลอบยิ้มอีกครั้ง
“ก็อาจจะเป็นไปได้ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ”
“แต่จะว่าไปทำไมวันนี้ไม่พาภรรยาของคุณมาทานข้าวกับผมล่ะ
เจอกันที่งานวันนั้นผมก็ยุ่งๆ อยู่กับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ไม่มีโอกาสเข้าไปทักทาย
ภรรยาของคุณสบายดีใช่ไหม” ฮันซึงโฮนึกฉุนกับอาการของคู่สนทนา หึ
ไอ้เด็กเมื่อวานซึนคิดจะมาลูบคมรัฐมนตรีอย่างเขางั้นหรือช่างเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เจียมกะลาหัวของตัวเองซะจริงๆ
ฮันซึงโฮลอบมองลู่หานด้วยแววตาวาวโรจน์ก่อนจะเอ่ยเปลี่ยนประเด็นที่เขาก็รู้ว่ามันคือจุดอ่อนของไอ้เด็กนี่
ซึ่งก็ได้ผลเมื่อลู่หานชะงักไปนิดก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มมุมปากให้เขา
“ตอนนี้ภรรยาผมเขากลับไปอยู่ที่ตระกูลคิมชั่วคราวเพราะงานของผมที่ยุ่งจนไม่มีเวลา
แต่ท่านไม่ต้องห่วงนะครับตระกูลคิมดูแลภรรยาผมเป็นอย่างดีก็ลูกคนเล็กของท่านคิมแจกุกทั้งคนนิครับ”
ลู่หานแกล้งแสดงสีหน้าตกใจให้ฮันซึงโฮเห็นแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
ก่อนจะเอ่ยบอกฮันซึงโฮพร้อมกับเน้นย้ำให้อีกคนเห็นว่าหากแตะต้องคนของเขาแล้วจะเจอกับอะไร
แน่นอนว่าตระกูลคิมคงไม่อยู่เฉยพอๆ กับเขา
ฮันซึงโฮพึงพอใจในตัวภรรยาเขา..
นี่คืออีกความลับหนึ่งที่โอเซฮุนล้วงมาได้
“หึ
คุณยังอ่อนประสบการณ์มากนักคุณลู่หาน ฮ่าๆ ผมชอบความตรงไปตรงมาของคุณจริงๆ
แต่ผมขอเตือนด้วยความหวังดีในฐานะที่ผมอาบน้ำร้อนมาก่อนคุณว่าความตรงไปตรงมาของคุณอาจจะทำให้คุณพลาดงานสำคัญๆ
ก็ได้” ฮันซึงโฮกำช้อนแน่นเมื่อโดนลู่หานส่งคำขู่กลายๆ มาหาเขา
ร่างท้วมมองลู่หานด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะเอ่ยเตือนออกไปด้วยใบหน้ายิ้มๆ
แต่มีหรือที่จะหลุดรอดสายตาของลู่หาน ในเมื่ออีกคนยิ้มแต่ปากกับหน้าแต่ดวงตาแข็งกร้าวที่พุ่งตรงมาที่ร่างสูงมันชัดเจนจนคนที่ยืนอยู่ด้านหลังลู่หานอย่างโดคยองซูยังสัมผัสได้
“ครับ
ผมยอมรับว่าประสบการณ์ของผมยังน้อยนักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
แต่ผมอยากให้ท่านดูของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมตั้งใจเอามาฝากท่านสักหน่อย”
ลู่หานรับคำ ก่อนมือหนาจะเลื่อนไปหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลที่คยองซูยื่นให้แล้วยื่นส่งต่อให้ฮันซึงโฮ
ร่างท้วมของฮันซึงโฮหรี่ตามองซองกระดาษที่ลู่หานส่งมาให้พร้อมกับเลื่อนมือไปหยิบมาเปิดดู
ก่อนที่ฮันซึงโฮจะขบกรามแน่นจนเป็นสันด้วยความโกรธ
“คุณคิดจะทำอะไร!!?” ฮันซึงโฮสบถดังลั่น พรางเขวี้ยงรูปภาพทิ้งจนเกลื่อนห้องอย่างบรรดาลโทสะ
“การประมูลครั้งนี้สำคัญกับผมมากผมหวังว่าท่านจะให้การสนับสนุนผม
อีกอย่างผมว่าท่านคงไม่อย่างเสี่ยงหลุดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีง่ายๆ ด้วยเรื่องฉาวโฉ่ที่ท่านทำหรอกนะครับ
ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้หวังว่าเราคงจะได้ร่วมงานกันอีก”
ลู่หานลุกขึ้นยืนตรงพรางกระชับสูท
สายตาคมสบตามองตรงกับฮันซึงโฮก่อนจะบอกต่อด้วยเสียงจริงจังดุจราชสีห์
ขายาวก้าวออกจากก้าวอี้เล็กน้อยก่อนจะค่อมหัวให้ฮันซึงโฮแล้วก้าวออกไปจากห้องทิ้งให้ร่างท้วมที่อยู่ด้านหลังกวาดทุกทิ้งทุกอย่างบนโต๊ะกระจายไปทั่วห้อง
++++++++++++++++++++++++++
|
ความคิดเห็น