คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ ตอนที่ 7
Known..แค่รู้ว่ารัก ตอนที่ 7
By :: เบบี้เยลโล่
มาเล่นแท็ก #FicKnown กัน
“สวัสดีครับคุณชานยอล”
ใบหน้าหล่อเรียบก้มโค้งหัวให้ชานยอลเล็กน้อย
ก่อนจะเอ่ยทักร่างเพรียวสูงของคนที่เปิดประตูลงจากรถคู่ใจก่อนจะฉีกยิ้มมุมปากให้น้อยๆ
ใบหน้าสวยหวานพูดบึ้งแต่ก็ยังก้มหัวรับอย่างรักษามารยาท
ดวงตากลมโตกวาดมองด้านนอกของผับอย่างสำรวจ
ไม่อยากจะเชื่อว่านี่จะเป็นสถานที่ทำงานของไอ่มาเฟียขี้เก็กนั่น
สถานที่โอ่อ่าที่แม้แต่มองจากด้านนอกยังรู้สึกว่าตกแต่งได้อย่างลงตัวและหรูหรา
คราวหลังคงต้องหาโอกาสมาบ่อยๆ
“ตามผมมาเลยครับบอสกำลังรออยู่”
ร่างสูงของหัวหน้าบอดี้การ์ดพ่วงด้วยตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวของหัวหน้ามาเฟียเอ่ยชวน
พร้อมมือหนาที่ผายออกอย่างให้เกียรติ ชานยอลเม้มปากน้อยๆ
ก่อนขายาวจะก้าวเดินตามร่างสูงของชายชุดดำไป
ทำไมมาเฟียต้องชอบในใส่ชุดดำ
แถมยังต้องทำหน้านิ่งเวลาคุยกับฝ่ายตรงข้ามเขาล่ะไม่เข้าใจจริงๆ
หรือว่านี่เป็นกฏอีกข้อหนึ่งของการเป็นมาเฟียหรอกหรือ
ชานยอลได้แต่กวาดสายตาสำรวจคนที่เดินนำอยู่ตอนนี้
พร้อมสายตากลมที่สอดส่องไปยังบริเวณรอบๆ ขณะเดินเข้ามาในผับหรู
มีพนักงานที่กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในผับ ไม่อยากจะเอ่ยชมหรอกนะว่าพนักงานในร้านนี้คัดเลือกบุคคลเข้ามาทำงานจากหน้าตาหรือยังไง
ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหญิงหรือชายต่างก็เต็มไปด้วยบุคคลหน้าตาดีทั้งนั้น
ไปเป็นดาราได้สบาย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ร่างเพรียวหันกลับมาจ้องที่หน้าประตูหนาที่มีร่างสูงบุคคลที่เขาเคยเห็นติดตามอู๋อี้ฟายอยู่บ่อยครั้งยืนอยู่หน้าประตูทั้งสองฝั่ง
ทั้งสองคนค่อมหัวให้ชานยอลเล็กน้อยก่อนที่คนที่ยืนฝั่งซ้ายมือเขาจะก้าวไปเคาะประตูและเอ่ยบอกคนด้านในว่าตอนนี้เขามาถึงแล้ว
“บอสครับคุณชานยอลมาแล้วครับ”
“เชิญ” คนด้านในบอกออกมาเสียงเรียบ
ชานยอลเบ๋ปากเล็กๆ อย่างหมั่นไส้
“เชิญครับคุณชานยอล” คนตัวสูงที่มีขอบใต้ตาดำผายมือเชิญชานยอลแล้วยิ้มน้อยๆ
ชานยอลพยายามนึกชื่อเขาเท่าไหร่ก็จำไม่ได้นึกตำหนิตัวเองที่ไม่ค่อยใส่ใจสิ่งรอบข้าง
มันค่อนข้างเสียมารยาททั้งๆ ที่เขาก็เคยเจออีกฝ่ายหลายครั้ง
ก็มาพร้อมๆ
กับไอ่คนขี้เก็กของเขานั่นแหละ
“มาแล้วหรือ” เสียงเข้มเอ่ยถามพร้อมกับฉีกยิ้มให้ชานยอล
แต่ทำไมชานยอลถึงรู้สึกว่าช่างเป็นรอยยิ้มที่แปลกจนเขารู้สึก..หนาวๆ รู้อนๆ
“ก็เห็นอยู่”
ปากเรียวเอ่ยบอกออกไปพร้อมกับเชิ่ดหน้าขึ้นน้อยๆ
ก่อนจะก้าวไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่
ส่วนอีกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวโตในสภาพพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นสองข้างไม่ใส่สูททำให้อีกคนดูแปลกตาไปนิด
ก๊อก ก๊อก
สายตาเรียวหันกลับไปที่ประตูหนาอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้ว
เมื่อร่างสูงที่เขาเพิ่งเจอเมื่อกี้โผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับมือที่ถือถาดแก้วน้ำมาให้
“น้ำครับ”
ชานยอลยิ้มน้อยๆ
พร้อมกับยื่นมือไปรับแก้วน้ำอย่างเกรงใจ
“ขอบใจเทาหมดหน้าที่ของนายแล้ว”
สายตาคมกริบมองตามร่างบอดี้การ์ดคู่ใจ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเรียบ นึกหงุดหงิดเล็กๆ
ที่ร่างเพรียวส่งยิ้มให้กับคนของเขา ทีกับเขานี่ขู่เอาขู่เอา
รอยยิ้มของอีกคนมันควรจะเป็นของเขาคนเดียวสิ
เจ้าของชื่อเพียงหันมามองก่อนจะยิ้มรับอย่างรู้ใจคนเป็นนาย
ก็รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาจะต้องเจออีกคนทำเสียงเข้มใส่แต่มันก็หน้าที่ของเขาอยู่แล้วที่ต้องเอาน้ำมาให้แขกเพียงแต่หน้าที่นี้เอาแย่งมาจากแม่บ้านเท่านั้นเอง
“คุณจะไปว่าเขาทำไม”
หลังจากร่างสูงคนเทาออกไปแล้ว ชานยอลจึงหันกลับมาต่อว่าอีกคนเสียงขุ่น อู๋ฟานเลิกคิ้วสายตาคมจ้องมองไปที่อีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนจะเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ตัวสูงสองมือยกขึ้นมากอดอก
“คนของฉัน ฉันมีสิทธิ์”
เอ่ยกวนอีกคนออกไป พร้อมกับเลิกคิ้ว ชานยอลตาโตเมื่อโดนอีกคนกวนกลับ
“กวนตีน”
ปากเรียวเอ่ยต่อว่าอีกคนเสียงเบาเหมือนกำลังบ่นกับตัวเอง
พร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นจิบหวังช่วยให้น้ำเย็นดับอารมณ์ร้อนของตนเอง
“หึ ฉันได้ยิน” อู๋ฟานขำในลำคอก่อนจะเอ่ยบอกอีกคนว่าตนนั้นได้ยินเต็มสองรูหู
ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
แต่เพราะรอยยิ้มของอีกคนยิ่งทำให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก
“สรุปจะพูดไหม ไม่พูดจะได้กลับ!” ชานยอลกระแทกเสียงกลับ แล้วมองอีกคนตาขวาง
อุตส่าห์ยอมขับรถมาทั้งที่ยังไม่ได้พักเลยสักนิดแต่อีกคนก็เอาแต่กวนอารมณ์ตนอยู่ได้
“ใจเย็นๆ สิอย่าเพิ่งใจร้อน
ฉันไม่รีบ” ดูเหมือนอู๋ฟานจะอารมณ์ดีซะเหลือเกินถึงได้กวนอีกคนต่อแบบนี้
ชานยอลกำมือแน่นทั้งสองข้างเมื่อเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
เขาไม่ใช่คนใจเย็น
“สภาพของเธอเหมือนคนยังไม่ได้นอนฉันว่า..”
ฟิ้ว!!
เพร้ง!!
“......”
“โอเคกูกลับละ”
หมับ
อู๋ฟานที่ตั้งสติได้หลังจากเอี้ยวตัวหลบแก้วน้ำที่อีกคนเขวี้ยงมาใส่หมายจะให้โดนหัวเขา
ขายาวรีบก้าวตามไปขว้าข้อมือเรียวไว้ได้ทัน
เขาก็ลืมไปว่าเสือน้อยตัวดีอารมณ์ร้อนแค่ไหน
แอบรู้สึกผิดเล็กๆ ที่ไปกวนอารมณ์อีกคนมากไปเขาก็แค่อยากให้อีกคนได้พักบ้าง
เขารู้ว่าอีกคนยังไม่ได้นอน
อู๋อู๋ฟานคนนี้ก็แค่เป็นห่วงคนตาสวยนี่เท่านั้น..
หูกางไม่พอยังดุชิบหายถ้าหลบไม่ทันเมื่อกี้สงสัยจะเป็นเขาเองที่ต้องไปนอนพักที่โรงพยาบาลแทน
หลบกระสุนศัตรูมาตั้งเท่าไหร่ถ้าต้องมาตกม้าตายเพราะฝีมือเขวี้ยงแก้วของอีกคนได้อายพวกลูกน้องมันแย่
“ปล่อย!”
ชานยอลหันกลับมาบอกอีกคนเหวี่ยงๆ อีกมือพยายามแกะมือหนาที่เกาะกุมอยู่ที่มือของตัวเองออก
“ไม่ ถ้าเมื่อกี้เกิดโดนฉันขึ้นมาเธอเจอดีแน่”
อู๋ฟานรั้งแขนอีกคนให้เข้ามาชิดตัวมือหนาอีกข้างสอดเข้าไปที่เอวบางเพื่อจับยึดไม่ให้อีกคนดิ้นหนีแล้วเอ่ยเตือนเสียงเข้ม
ชานยอลยกมือสองข้างขึ้นมากันอีกคนไม่ให้อกชิดกับอีกฝ่ายไม่อย่างนั้นหน้าของเขากับอีกคนคงจูบกันไปแล้ว
“นี่!! ปล่อยนะบอกให้ปล่อยไง!” ชานยอลพยายามดิ้นหนีอีกคน
แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนจะโดนอีกคนรัดแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
ทำให้ตอนนี้ส่วนครึ่งบนของชานยอลกับอู๋ฟานไม่มีส่วนใดเลยที่มีช่องว่าง
และดูเหมือนจะเข้าทางอู๋ฟานมากยิ่งขึ้นเมื่อร่างหนาดันอีกคนไปติดอยู่ที่ประตูก่อนใบหน้าหล่อจะโน้มเข้าไปชิดใบหูขาวจนอีกคนต้องหย่นหอหนี
“พูดดีๆ แล้วฉันจะปล่อย”
แม้ปากบอกว่าจะปล่อยแต่ใบหน้าหล่อกลับซุกอยู่ที่ซอกคอขาว
ลมหายใจที่ปล่อยออกมารดต้นคออีกคนของร่างสูงกว่าส่งผลให้ปาร์คชานยอลถึงกับตัวแข็งทื่อ
ลมหายใจสะดุด
“อึก ก กูไม่ใช่คนของมึง
ไม่ต้องมาสั่ง” ชานยอลกัดฟันตอบ
“ฮ่ะๆ
แต่รู้อะไรไหมเด็กน้อย..ในบรรดาคนทั้งหมดมีเธอแค่คนเดียวที่ฉันอยากได้มาเป็นคนของฉัน”
อู๋ฟานเอ่ยบอกชิดหูอีกคน หากอีกคนได้เห็นสายตาที่เขาทอดมองอยู่ตอนนี้คงต้องหลอมละลายไปกับสายตากรุ้มกริ่มนั่นเป็นแน่
ชานยอลเอียงคอหนีเมื่อจมูกโด่งของอีกคนสัมผัสกับลำคอขาวจนเขารู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“อื้อ! ปล่อยนะโว้ยไม่งั้นจะแหกปากให้คนช่วยจริงๆ
ด้วย!” ชานยอลขู่ออกไปเสียงดัง
มือสองข้างพยายามดันอีกคนให้ออกห่างจากร่างกาย
“หึหึ ลืมไปแล้วหรือว่านี่มันผับของฉัน”
อู๋ฟานขำแมวตัวน้อยที่ตัวเองกำลังกอดอยู่น้อยๆ
ก่อนจะเอ่ยบอกอีกคนทั้งที่จมูกโด่งยังคงปัดป่ายไปที่ลำคอขาวไม่ห่างแต่ไม่ได้ล่วงเกินอีกคนมากไปกว่านั้น
“......” อู๋ฟานอมยิ้มนิดๆ เมื่อโดนอีกคนดื้อเงียบใส่
“โอเค งั้นจะอยู่คุยกันดีๆ ไหม?” คนตัวสูงเอ่ยยื่นข้อเสนอเมื่อพึงพอใจกับการแกล้งอีกคนแล้ว
ชานยอลร้องหึในลำคอ
“กูคุยดีๆ อยู่แล้วมีแต่มึงนั่นแหละกวนอยู่ได้”
ฟอด ด ด
ร่างสูงผละออกห่างจากอีกคนน้อยๆ
ก่อนจะยื่นหน้าไปกดจูบที่แก้มขาวหนักๆ เพื่อเป็นการลงโทษ
ชานยอลอ้าปากค้างเมื่อโดนอีกคนจู่โจม
“จำไว้นะถ้าคิดจะทำร้ายร่างกายกันอีกฉันจะลงโทษด้วยการจูบและแน่นอนว่าฉันไม่ได้ขู่เธอเล่นๆ
แน่” กล่าวคาดโทษอีกคนไว้ ก่อนจะพูดขัดเมื่ออีกคนทำท่าจะเอ่ยค้านเขา
ชานยอลได้แต่เม้มปากแน่นเมื่อโดนอีกคนดักทางไว้
“ว่าไง?”
อู๋ฟานเอ่ยเร่งพร้อมกับเลิกคิ้วทวงคำตอบ
“เออ!!”
“หึหึ”
มือหนายกขึ้นมายีหัวอีกคนด้วยความเอ็นดูก่อนจะยอมถอยห่างแล้วรั้งแขนเรียวให้เดินตามมานั่งที่โซฟาตัวเดิม
“ไอ้คนบ้าอำนาจ”
ชานยอลบ่นอุบอิบเมื่อเริ่มยอมรับว่าตนเองคงสู้แรงอีกคนไม่ไหว
เพื่อเป็นการป้องกันการโดนลวนลามเอ้ยโดนอีกคนทำร้ายร่างกาย เขาต้องอยู่ห่างจากอีกคนเอาไว้
จะยอมข้องเกี่ยวแค่ตอนจำเป็นเท่านั้นปาร์คชานยอลคนนี้สาบาน
“เอาล่ะ
ไหนลองเล่าให้ฉันฟังสิว่าไปรู้อะไรมา”
อู๋ฟานทิ้งตัวลงนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามกับคนหน้าสวย
ชานยอลสบตามองตรงไปที่ร่างสูงก่อนจะเอ่ยปากเล่าสิ่งที่ตนรับรู้มาให้อีกคนฟังด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ก็....”
++++++++++++++++++++++++++++
“เจ้านายจะเข้าบริษัทก่อนหรือเปล่าครับ”
ร่างเล็กที่กำลังก้าวไวๆ เดินตามเจ้านายเอ่ยถาม
แล้วแกล้งมองไม่เห็นสายตาไม่พอใจจากหญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับผู้เป็นนาย
“ไม่ละฉันจะไปรับซิ่วหมินที่บ้านก่อน”
ลู่หานหันกลับมาตอบ ก่อนจะพยายามตำหนิหญิงสาวข้างๆ
ทางสายตาเมื่ออีกคนพยายามเกาะติดกับแขนเขาไม่ห่าง
“ลู่หานคะ แทหิวมากเลยเราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมคะ”
เสียงหวานว่าขึ้นมาพร้อมกับยิ้มหวานเอาใจ
“คยองซู” ลู่หานเอ่ยเรียกเลขาคนสนิท
คยองซูยิ้มรับอย่างรู้ใจ ก่อนที่ร่างเล็กจะรีบเดินเข้าไปแทรกกลางคล้ายจะเข้าไปรับคำสั่งผู้เป็นนาย
“ครับ” ตอบรับพลางยิ้มให้จนตาหยี
แทยอนเซเล็กๆ เหมือนโดนคนที่ตัวหนากว่าเบียดเข้ามาก่อนจะกัดฟันอย่างเจ็บใจ
“ไปส่งหุ้นส่วนของผมให้ถึงบ้านงานแค่นี้คงไม่ยากไปใช่ไหม?”
ลู่หานเอ่ยบอกก่อนจะเดินแยกไปอีกทางพร้อมกับบอดี้การ์ดหน้าหล่ออีกสองคนที่เพียงอมยิ้มนิดๆ
แล้วเดินตามผู้ว่าจ้าง
“อ๊ะ! คุณแทยอนครับ”
คยองซูก้าวเข้าไปขวางคิมแทยอนที่กำลังจะก้าวตามร่างสูงของผู้เป็นนายก่อนจะฉีกยิ้มน้อยๆ
แทยอนจ้องร่างเล็กของอีกคนตาขวาง
“แกจะมายืนขวางฉันทำไมไอ้บ้า!” ริมฝีปากบางเอ่ยต่อว่าอีกคนเสียงดัง
ก่อนจะพยายามตามหลังร่างสูงของลู่หานที่เดินไปพร้อมกับบอดี้การ์ดหน้าหล่อที่เธอพยายามส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรตลอดเวลาที่ไปติดต่องาน
“ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะครับแต่พอดีเจ้านายเขาสั่งให้ผมเป็นคนไปส่งคุณแทยอน”
คยองซูเอ่ยตอบกลับไป
“ไม่ต้อง ฉันจะไปกับลู่หานไม่ใช่นาย”
คิมแทยอนว่ากลับ
“คุณคงไม่อยากให้เจ้านายของผมต้องลำบากใจหรอกใช่ไหมครับ
ระวังคะแนนที่เร่งทำอยู่จะลดเอาน๊า” คยองซูพูดลอยๆ ก่อนจะเลิกคิ้วน้อยๆ
คิมแทยอนชะงักไปนิดใบหน้าสวยหันกลับมามองที่คนตัวเล็กแล้วเม้มปาก
นั่นสิ
ถ้าเกิดดึงดันที่จะทำในสิ่งที่อีกคนบอกคะแนนที่เธอเร่งทำอยู่ตอนนี้ต้องลดฮวบลงอีกแน่ๆ
ครั้งนี้เธอจะยอมปล่อยไปก่อนก็ได้
คิมแทยอนยิ้มน้อยๆ ให้กับตัวเอง
ยังก่อน..ยังมีเวลาให้เธอทำคะแนนอีกเยอะ
“นำไปสิ”
ริมฝีปากสวยเอ่ยสั่งก่อนจะเชิ่ดหน้าขึ้นน้อยๆ คยองซูยิ้มรับก่อนจะเป็นฝ่ายผายมือเชิญอีกคนแล้วเดินนำร่างเล็กยิ้มกับตัวเอง
ภารกิจแยกคิมแทยอนออกจากเจ้านาย..มิชชั่นคอมพลีส
“ผมมารับซิ่วหมินครับ” ร่างสูงของลู่หานเอ่ยบอกผู้เป็นมารดาของคนรักยิ้มๆ
ด้วยใบหน้าอิดโรย
คุณนายคิมที่ออกมายืนต้อนรับลูกเขยคนโปรดยิ้มรับอย่างใจดีก่อนจะกวักมือเรียกลู่หานเข้าบ้าน
“เข้ามาข้างในก่อนสิลู่หานเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ
ใช่ไหม” ลู่หานยิ้มน้อยๆ
รับคำของมารดาคนรักก่อนจะเดิมตามหญิงวัยกลางคนที่ยังสวยไม่สร่างทั้งใบหน้าสวยหวานที่คนรักของเขาได้รับเชื้อมาเต็มๆ
และผิวเนียนที่ส่งให้อีกคนยังดูอ่อนกว่าอายุอยู่มาก
หลังจากที่แยกกับบอดี้การ์ดข้างตัวทั้งสองคนอย่างคิมคิบอมและหานฮันคยองที่เดินมาส่งเขาบริเวณลานจอดรถที่มีคนของเขาที่เกาหลีรอรับอยู่ทั้งสองก็ขอแยกตัวกับเขาทันทีเพราะถือว่าภารกิจคุ้มครองเขาในต่างแดนลุล่วงแล้ว
ก่อนกลับจากอเมริกาเขาได้เรียกทั้งสองคนมาทำข้อตกลงใหม่เนื่องจากตอนนี้เขาได้ให้จงอินที่เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดประจำตระกูลไปคอยอารักขาคนรัก
จึงอยากได้บอดี้การ์ดฝีมือดีมาร่วมงานเพิ่มและคนที่เขาสนใจคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากสองคนนี้
ในครั้งแรกทั้งสองคนปฏิเสธเขาเสียงแข็งที่จะไม่รับงานนี้เนื่องจากทั้งสองเคยรับปากกับภรรยาอย่างคิมทงเฮและหานฮยอกแจไว้แล้วว่าจะไม่รับงานบอดี้การ์ดแบบเต็มเวลา
พวกเขาจะรับเพียงงานคุ้มครองบุคคลเป็นภารกิจสั้นๆ เท่านั้น
ลู่หานถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมขมับเพราะไม่ว่าเขาจะเสนอทางเลือกให้ทั้งสองมากมายสักเพียงใดทั้งคิมคิบอมและหานฮันคยองที่ยืนเอามือไขว้หลังกันไว้สองข้างอยู่ตรงหน้าก็ทำเพียงส่งสายตาปรึกษากันแล้วก็ส่ายหัวปฏิเสธเขาเหมือนเดิม
สุดท้ายเป็นเขาที่ต้องขอยอมแพ้กับความมุ่งมั่นของบอดี้การ์ดฝีมือดีทั้งสอง
งานนี้ลู่หานคงต้องกลับไปจ้างบอดี้การ์ดจากเกาหลีแทน จะว่าไปการจะหาบอดี้การ์ดฝีมือดีสักคนสองคนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนอย่างเสี่ยวลู่หาน
แต่การหาใครสักคนที่สามารถไว้วางใจได้นั่นแหละคือสิ่งที่คนอย่างลู่หานคิดว่ายังหาไม่เจอ
“อ้าวกลับมาแล้วหรือคะคุณ”
เสียงของหญิงสูงวัยอีกคนที่ก้าวเข้ามาเห็นเขาเอ่ยทักขึ้น
ลู่หานหันไปพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้แม่นมประจำบ้านอย่าง “ซอมีเร”
“ไปตามคุณหนูลงมาหน่อยสิมีเร”
เสียงของคุณนายคิมหันไปเอ่ยสั่งคนสนิทที่อยู่กับเธอมานาน
มีเรหันมายิ้มให้นายหญิงคนสนิทก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นสองของบ้าน
“คะคุณผู้หญิง”
“นั่งสิจ๊ะ
เห็นซิ่วหมินบอกว่าไปติดต่อเรื่องธุรกิจใหม่ที่อเมริกาเรียบร้อยดีไหม”
คุณนายคิมหันมาบอกลูกเขยที่มีสีหน้าอิดโรย ใบหน้าหล่อมีแววตาแห่งความกังวลเล็กๆ
แต่ยังคงความเรียบนิ่งไว้ในแบบของเจ้าตัวก่อนจะเอ่ยถาม
“เรียบร้อยดีครับ”
ร่างสูงตอบกลับสั้นๆ
ก่อนที่สายตาจะหันไปโฟกัสที่ร่างเล็กของใครบางคนที่เดินตามแม่นมของตนลงมาช้าๆ
ลู่หานส่งยิ้มให้ซิ่วหมินในขณะที่ซิ่วหมินชะงักไปนิดก่อนจะฉีกยิ้มมุมปากให้ผู้เป็นสามีน้อยๆ
ก่อนจะเดินเบือนสายตาไปยิ้มให้มารดาอย่างเอาใจพร้อมกับก้าวไปนั่งข้างๆ
คุณนายคิมแทนการเดินไปนั่งข้างลู่หาน
แม้จะแปลกใจกับอาการของผู้เป็นภรรยา
แต่ลู่หานก็สลัดความคิดด้านลบออกจากหัวเพราะเขามั่นใจว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรให้ภรรยาของตนโกรธเลยสักนิด
หรือซิ่วหมินอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจอะไร?
แล้วทำไมอีกคนถึงไม่ยอมบอกเขาหรือรับโทรศัพท์จากเขากันเล่า
“ว่าไงเราลู่หานเขามารับแน่ะจ๊ะ”
คุณนายคิมหันไปบอกลูกคนเล็ก มือเรียวแตะที่แขนของลูกชายคนโปรดน้อยๆ
ซิ่วหมินยิ้มรับคำมารดาน้อยๆ ก่อนจะเอนตัวไปกอดมารดาสุดที่รักอย่างออดอ้อน
“ยังไม่อยากกลับเลยครับ
ขอนอนต่ออีกสักวันไม่ได้หรอ” ร่างเล็กเอ่ยขอมารดา ลู่หานยิ้มน้อย ๆ
ให้กับอาการแสนน่ารัก
ก่อนจะส่ายหัวให้กับมารดาของคนรักเมื่อคุณนายคิมหันมาเลิกคิ้วถามเขาพร้อมกับยิ้มล้อคนเป็นลูกเขย
“หื้ม
แล้วไม่คิดถึงลู่หานเขารึไงดูสิกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ยังต้องมารับเราอีก”
คุณนายคิมเอ่ยเหย้า หากแต่ใบหน้าขาวหม่นลงเล็กๆ ก่อนจะเม้มปากเป็นเส้นตรง
ก่อนหน้านี้ยังยืนพูดกับตัวเองอยู่หน้ากระจกอยู่เลยว่าหากลู่หานกลับมาจะต้องพูด ‘เรื่องนั้น’
กันให้รู้เรื่องให้ได้
แต่พอเจอใบหน้าหล่อของคนรักเท่านั้นแหละที่เคยพูดเก่ง ๆ
ไปกับเพื่อนสนิทเป็นอันพังครื้น
ซิ่วหมินเบือนหน้าไปสบตากับลู่หานที่มองอยู่
ก่อนใบหน้าเล็กจะเอนชิดไปกับแขนของมารดาสองมือกอดไปที่เอวบางของมารดา
อาการแบบนี้ทำให้ลู่หานถึงกับต้องแอบถอนหายใจออกมาเล็กๆ
ก็รู้หรอกพออีกคนมาไม้นี้
ก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่จะใจอ่อน
“จะไม่กลับไปกับผมจริงๆ หรอ”
ลู่หานเปิดปากพูดขึ้นบ้าง ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
เขาจะลองถามดูเผื่อว่าอีกคนจะเปลี่ยนใจ
“ขออีกแค่คืนเดียวนะ”
ซิ่วหมินเม้มปากน้อยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยต่อรองกับร่างสูง
จะหาว่าคนอย่างซิ่วหมินป๊อดก็ได้
ทั้งที่ในใจก็ร่ำร้องอยากจะรู้ความจริงจากปากของคนรักใจจะขาด
อยากรู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น อยากรู้จากปากของคนรักว่าเป็นเขาที่คิดไปเอง
แต่ให้ตายเหอะคนอย่างเขากลับกลัวที่จะได้ยินในสิ่งที่ตนเองไม่อยากได้ยิน
เพี้ยะ
“นี่แน่ะวันนี้ทำไมดื้อละจ๊ะพ่อลูกชาย”
ซิ่วหมินถึงกลับสะดุ้งเมื่อโดนมารดาฟาดมือลงมาใส่แขน
แม้จะตีแบบไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้เจ็บแต่ก็ทำให้ใบหน้ากลมนั่นงอง้ำลงทันที
“คุณม๊า~”
“ถ้างั้นลู่หานก็ค้างซะที่นี่เลยก็แล้วกันนะจ๊ะ
กลับมาเหนื่อยๆ ควรจะพักผ่อนนะ” คิมฮานึลไม่ได้สนใจเสียงงอแงของร่างเล็กข้างๆ
ใบหน้าสวยอ่อนกว่าวัยหันไปสนทนากับร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้าม ลู่หานยิ้มรับ
เพราะเขาเองก็อยากนอนในที่ๆ มีคนรักอยู่ด้วยจะเป็นที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น
“ครับคุณแม่”
ความคิดเห็น