คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Known..แค่รู้ว่ารัก ________ ตอนที่ 6
Known..แค่รู้ว่ารัก
ตอนที่ 6
By :: เบบี้เยลโล่
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับเจ้านาย?”
คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินไปเคลียเอกสารกับลูกน้องของตนเสร็จเดินเข้ามาหาผู้เป็นนาย
สายตาคมจ้องมองไปที่เครื่องมือติดต่อสื่อสารเครื่องบางพร้อมกับมือหนาที่บรรจงกดลงไปแรงๆ
ตามอารมณ์จนคนรอบข้างสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ
แม้แต่ตอนที่คนตัวเล็กส่งสายตาไปถามบอดี้การ์ดที่เป็นรุ่นพี่
ก็ได้เพียงแค่อาการส่ายหน้าตอบกลับมาเท่านั้น
แล้วหน่วยกล้าตายจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เขาคนนี้ บุคคลที่ทนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
ของเจ้านายได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย
แม้ใบหน้าหล่อที่นั่งทำหน้านิ่งสนิทอยู่ตรงหน้าจะแสดงอาการหงุดหงิดออกมาให้เห็นแค่เพียงเล็กน้อยตามฉบับของเจ้าตัว
แต่มีหรือที่คนทำงานด้วยกันมานานอย่างเขาแถมยังเรียกว่าซี้ปึกโคตรๆ จะมองไม่เห็น
โดคยองซูได้แต่ถอนหายใจน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร”
ลู่หานพ่นลมหายใจออกมา พร้อมกับตอบกลับเลขาเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคู่สนทนา
มือหนากำโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือไว้แล้วหลับตาลงอย่างข่มกลั้นความรู้สึก
นี่มันเวลางานเขาต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองแม้จะรู้สึกหงุดหงิดมากแค่ไหนก็ตาม
“ติดต่อคุณซิ่วหมินไม่ได้หรอครับ?”
คยองซูเอ่ยถามคำถามกว้างๆ ที่คิดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงมากที่สุดและสามารถทำให้เจ้านายของตนร้อนรนได้มากที่สุดออกไป
พร้อมกับลอบสังเกตอาการของผู้เป็นนายแล้วก็ได้คำตอบเมื่อลู่หานปรายตามามองแล้วถอนหายใจอีกครั้ง
“ตั้งแต่เมื่อคืน..”
ลู่หานตัดสินใจตอบออกไป
แม้จะพูดออกมาแค่นั้นแต่เลขาคู่ใจกลับพยักหน้ารับเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นนายต้องการจะเอ่ยบอก
ดวงตากลมโตหรี่ลงอย่างใช้ความคิดมือเรียวค่อยๆ
กระชับแฟ้มที่อยู่ในมือเข้ามาแนบกับอก
“อาจจะมัวทำอะไรเพลินจนลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วยก็ได้นะครับ
เจ้านายคิดมากไปหรือเปล่า” เอ่ยแนะออกไปตามอย่างใจคิด
ดวงตากลมโตกระพริบขึ้นลงมองคนที่นั่งจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์นิ่ง
ลู่หานเพียงแค่พยักหน้ารับก่อนมือหนาจะตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ไว้ในสูท
ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปพยักหน้าให้กับบอดี้การ์ดที่ตนร่วมงานด้วยอย่างคุ้นเคย
ทั้งคิมคิบอมและหานฮันคยองหันไปพยักหน้ารับรู้ให้ผู้ว่าจ้างน้อยๆ
สีหน้าเรียบสนิทที่แม้แต่คยองซูยังรู้สึกยำเกรงยามที่ต้องสนทนากัน
ไม่รู้ว่าสองบอดี้การ์ดของเจ้านายตนนั้นเป็นใครมาจากไหน
หรือเคยทำอะไรมาจะถามก็ไม่กล้าเพราะแม้แต่จะเอ่ยถามว่าทั้งสองทานกาแฟมารึยังเขายังไม่กล้าจะปริปากเอ่ยถามเลยด้วยซ้ำ
แล้วนับประสาอะไรกับประวัติส่วนตัวที่ตนเองนั้นสงสัย
ใครจะไปกล้าถามกันเกิดถามอะไรที่ไม่เข้าหูขึ้นมาแล้วอีกคนไม่พอใจหยิบปืนขึ้นมาจ่อหัวเขาใครจะรับผิดชอบชีวิตของเขากัน
แม้ว่าตนจะสนิทกับผู้เป็นนายมากแค่ไหน แต่กับบอดี้การ์ดสองคนที่จ้างมาด้วยราคา
“พิเศษ” แบบนั้น เขาก็ชักไม่แน่ใจว่าเจ้านายจะช่วยเขาได้มากน้อยแค่ไหน
ก็แน่ล่ะ
เจ้านายจ้างทั้งสองคนนั่นมาให้คุ้มครองเจ้านายแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอะไรกับคนของเจ้านายได้นิ
แล้วเรื่องอะไรเขาจะต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกันเล่าแม้จะอยากรู้จนอยากจะเอ่ยถามผู้เป็นนายออกไปก็หลายครั้ง
แต่เพราะรู้ว่าถามไปเจ้านายเขาก็คงจะโบ้ยให้เขาไปถามเจ้าตัวเองแน่ๆ
ร่างเล็กจึงได้แต่มุ่ยหน้าใส่ผู้เป็นทั้งเจ้านายและรุ่นพี่งอนๆ ทุกครั้ง
กับพี่จงอินยังไม่เคยรู้สึกว่าบอดี้การ์ดน่ากลัวเลยสักครั้ง
แต่กับบุคคลที่แม้แต่เจ้านายยังนับถือเป็นเสมือนพี่
บอกเลยว่ามันห่างจากคำว่าบอดี้การ์ด(เฉยๆ)
มากบอกว่าเป็นนักฆ่าเขายังเชื่อเลยนะให้ตายสิ
“ครับพี่”
ลู่หานต่อสายตรงไปหารุ่นพี่คนสนิทที่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่เกาหลี
/ว่าไงลู่หาน/ มาเฟียหนุ่มตอบรับกลับมา
ปลายสายมีเสียงหอบเบาๆ บ่งบอกเป็นนัยว่าเจ้าตัวคงไม่ค่อยสะดวกสนทนาเท่าใดนัก
“ผมติดต่อซิ่วหมินไม่ได้”
ลู่หานบอกออกไปตามตรง เสียงเข้มเปร่งออกไปสั้นๆ
บ่งบอกถึงความหนักใจที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังประสบอยู่หวังจะได้ความกระจ่างจากคนที่ตนสนทนาอยู่
ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนจะได้ยินเสียงขลุกขลักแล้วเงียบไป
/โทษที ช่วงนี้มีเรื่องยุ่งๆ เลยต้องลงมาจัดการเองเมื่อกี้พี่ให้ลูกน้องโทรไปหาคนที่เฝ้าเมียนายอยู่ทางนั้นบอกว่าซิ่วหมินไม่ได้ออกไปไหนเจ้าตัวอยู่แต่ในบ้าน
ลูกน้องพี่ก็เฝ้าอยู่แถวๆ หน้าบ้านของเจ้าตัวนั่นแหละ มีธุระด่วนอะไรงั้นหรือ/ อู๋อี้ฟานเอ่ยบอกรุ่นน้องด้วยอาการเหนื่อยหอบ
เพราะก่อนที่รุ่นน้องของตนจะโทรเข้ามาเขาเองก็กำลังจัดการ “ธุระ” เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจส่วนตัวของตนเมื่อมีไอ้พวกปลายแถวที่มันคิดจะเหิมเกริมไม่ได้เกรงกลัวอำนาจของเขาแถมยังท้าทายด้วยการเข้าไปป่วนผับของเขาจนต้องลงมาสั่งสอนให้พวกมันรู้ฝีมือกันบ้าง
“ไม่มีอะไรครับแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยดีผมก็เบาใจแล้ว
ผมไม่กวนพี่แล้วนะ” ลู่หานครางรับในลำคอแล้วตอบกลับ ปลายสายตอบรับก่อนจะกดวางสาย
“หลังจากเสร็จงานแล้วคุณช่วยเลื่อนตั๋วเครื่องบินให้ได้ไฟล์ทที่เร็วที่สุดให้ผมด้วยนะหรือถ้าไม่ได้จริงๆ
ก็ทำยังไงก็ได้ให้ผมกลับเกาหลีได้เร็วที่สุด” ลู่หานเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเผยให้เห็นมาดนักธุรกิจหนุ่มหล่อ
แล้วหันไปพูดสั่งกับเลขาคนสนิท
ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะพักสักวันก่อนแล้วค่อยกลับแต่จนกระทั่งตอนนี้เขายังติดต่อคนรักไม่ได้มันผิดปกติกลัวเหลือเกินว่าอีกคนจะได้รับอันตรายใดๆ
อีก ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับซิ่วหมินเขาคงอยู่ไม่ได้
“ครับเจ้านาย”
คยองซูกระชับแฟ้มในมือก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่ง พร้อมกับก้าวไวๆ
ตามขบวนของลู่หานไปไวๆ
ก็เพราะคนที่เขาเดินตามอยู่ตอนนี้แต่ละคนขนาดขาของเขาเทียบไม่ได้เลยสักคนเลยได้แต่ก้าวฉับๆ
ตามอีกคนเข้าห้องประชุมไปให้ได้เร็วที่สุด
หากใครมาเห็นคงจะได้ขำเขาทุกครั้ง
แม้แต่ผู้เป็นนายยังเคยแซวเขาขำๆ
ถึงขนาดขาที่ต่างกันอยู่บ่อยครั้งจนเขาเริ่มจะทำใจ
สงสัยเจ้านายจะลืมไปว่าคนอย่างโดคยองซูน่ะ “เล็กพริกขี้หนู”
++++++++++++++++++++++++++++
“สวัสดีครับนม”
สองมือยกขึ้นไหว้บุคคลที่ตนเคารพหลังจากร่างเพรียวก้าวลงจากรถหรูคู่กาย
หญิงสูงวัยกว่ารับไหว้น้อยๆ
ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยท่าทีที่เป็นกังวล
“คุณหนูอยู่บนห้องนะคะ
ยังไม่ลงมาเลยตั้งแต่เมื่อวาน” รีบเอ่ยบอกโดยไม่ต้องเอ่ยถาม
เพราะคุณหนูที่เธอเลี้ยงมากับมือไม่ยอมลงมาร่วมโต๊ะอาหารหรือกินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน
ไม่ว่าเธอจะเคาะประตูเรียกทั้งอ้อนวอนและขู่เพียงใดใบหน้าขาวก็ไม่ยอมเปิดประตูรับตนเลยแม้แต่น้อย
เป็นเธอเองที่ร้อนรนจนทนไม่ไหว
เป็นฝ่ายต่อสายหาเพื่อนสนิทของคุณหนูซิ่วหมินเอง
เมื่อปลายสายตอบรับว่าจะมาตนก็รีบมายืนดักรอที่หน้าบ้านทันที
“มันไม่สบาย
หรือพูดอะไรแปลกๆ หรือเปล่าครับนม?”
ชานยอลเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อได้ฟังเสียงรายงานจากบุคคลที่ตนเองเคารพพอๆ
กับบิดามารดาของเพื่อนสนิท ตัวเขาเองก็เพิ่งจะเคลียงานเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของศิลปินในสังกัดเสร็จ
ไม่สิเรียกว่าเกือบเสร็จจะดีกว่าเมื่อคืนเขาก็แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะอยากควบคุมการผลิตเองทุกขั้นตอน
แม้ว่าอัลบั้มนี้จะเป็นอัลบั้มที่สองของไอรีนแต่เขาก็อยากให้อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จเหมือนกับตอนเปิดตัวอัลบั้มแรก
เขาจึงใช้เวลาทั้งหมดทุ่มให้กับมัน
แม้แต่สายจาก
“แขก” เจ้าประจำเขายังไม่ค่อยจะกดรับสายเลย
“ไม่เลยคะ
อยู่ดีๆ คุณหนูก็บอกว่าอยากอยู่คนเดียวจนคุณท่านเองยังจนใจที่จะสอบถามจากปากคุณหนูเลยคะ
เป็นนมเองที่ทนไม่ไหวต้องโทรไปรบกวนคุณชานยอลให้ช่วยเข้ามาดูคุณหนูเธอ”
ร่างท้วมตอบกลับพร้อมกับส่ายหัวน้อยๆ สีหน้าแสดงให้เห็นถึงความกังวลของเจ้าตัว
ชานยอลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วเดินไปยังห้องประจำที่เขาเข้าออกได้เสมือนเจ้าของห้องเอง
ก๊อก
ก๊อก ก๊อก
มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นมาเคาะที่ประตูหนา
อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ ก็ไม่เห็นว่าเพื่อนของเขามันจะโทรเข้ามาฟ้องหรือระบายเรื่องที่ตนเองหนักใจอะไร
จึงค่อนข้างแปลกใจที่อยู่ๆ ก็มีสายจากนมของมันโทรเรียกตัว
“ซิ่วหมิน
ซิ่วหมิน ไอ้เตี้ย ออกมาเปิดประตูให้กูหน่อย” เอ่ยเรียกพรางเคาะประตูไปด้วย
เมื่อเสียงด้านในห้องยังเงียบสนิท
แกร็ก
“ไอ่นี่กว่าจะยอมเปิด”
ชานยอลบ่นออกไปไม่จริงๆ หลังจากตอนแรกที่ชะงักไปนิดเมื่อเห็นสภาพของอีกคน
ดวงตากลมโตที่เคยสดใสมีแววหม่นเศร้า แถมยังมีอาการบวมเป่งชัดเจนขนาดนี้แสดงว่า
“ไม่ปกติ” แล้วล่ะ
“มึงมาได้ไง”
ซิ่วหมินที่เดินตามเข้ามาในห้องหลังจากก้าวลงจากเตียงไปเปิดประตูห้องให้เพื่อนสนิทเอ่ยถาม
“ทำม่ะ?
มาไม่ได้?” ชานยอลหันมาถามเพื่อนตัวเล็กกลับกวนๆ
ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาแล้วเอนหลังลง เท้าสองข้างยกขึ้นมาวางพาดกับโต๊ะ
“ถ้าจะมากวนตีนก็กลับไปเลยป่ะ” ซิ่วหมินขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยปากไล่อีกคน
เพราะหมั่นไส้กับอาการของมันเต็มที
ก่อนที่ตัวเองจะก้าวไปนั่งลงที่ปลายเตียงแล้วมองอีกคนตาดุ
“โอ้โห่
กวนนิดกวนหน่อยทำเป็นมีอาการน่ะมึงไอ่เตี้ย” ชานยอลเอ่ยเหย้าเพื่อนสนิทยิ้มๆ
เพราะหวังจะกวนประสาทให้อีกคนรู้สึกผ่อนคลายและลืมเรื่องที่กังวลอยู่
เพื่อที่เขาจะได้ถามถึงสาเหตุได้แบบเนียนๆ โดยที่อีกคนไม่ทันได้ยั้งคิด หึหึ
“เรื่องของกู”
ซิ่วหมินตอบกลับเหวี่ยงๆ ใบหน้าสวยงอง้ำ แววตาใสเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างเงียบๆ
ร่างสูงของชานยอลมองตามใบหน้าสวยที่เขาเฝ้ามองมาตลอด
ใบหน้าสวยหวานน่ารักที่เป็นเสน่ห์ของเจ้าตัว
สิ่งที่เขาเคยอยากเอาชนะความขี้ขลาดแล้วก้าวข้ามไปบอกความรู้สึกกับอีกคนแต่ปากเขามันหนักเกินกว่าจะเอ่ยออกไปได้
“ผัวมึงกลับเมื่อไหร่ว่ะ”
ถามออกไปหยั่งเชิง และมันก็ได้ผลเมื่อเห็นแววตาไหววูบจากเพื่อนสนิท
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอีกครั้งเหมือนกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง
ชานยอลร้องหึในลำคอเมื่อเขาเจอสาเหตุของปัญหาแล้ว
“....”
“มีอะไรที่กูยังไม่รู้หรือมึงไม่อยากบอกกูรึเปล่าวะ” ชานยอลลุกขึ้นนั่ง มือสองข้างประสานกันไว้ที่หน้าตักและเอ่ยถามเพื่อนสนิทออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาเรียวมองตรงไปที่อีกคนเหมือนกดดันเล็กๆ คล้ายกำลังจับผิดไปในที
“ก..กู”
ซิ่วหมินพูดครางในลำคอ
สองมือเล็กประสานกันไว้ที่หน้าตักและบีบแน่นเพื่อไม่ให้มันสั่นไปมากกว่านี้
เขาลำบากใจ ใจหนึ่งก็อยากจะระบายให้คนตรงหน้าฟังถึงความรู้สึกจุกเสียดแน่นในอกตอนนี้
แต่อีกใจก็ไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเขา
ลู่หานและผู้หญิงคนนั้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจชานยอล แต่ไอ่เพื่อนเขานิสัยยังไง เขานี่แหละรู้ดีที่สุด
เพราะงี้ไงเลยไม่อยากบอก
“กูเพื่อนมึงไหม?”
ชานยอลเลือกหยิบไม้เด็ดออกมากดดันเพื่อนตัวเล็กอีกครั้ง
พร้อมกับเลิกคิ้วถามเหมือนรอคำตอบ
ดวงตากลมโตของซิ่วหมินหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับถอนหายใจเมื่อเจอชานยอลมาไม้นี้อีกแล้ว
แต่ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่เจอไม้นี้แล้วต้องยอม
ถ้าเป็นเขาที่เป็นเจ้าของคำถามก่อนหน้า
เขาก็เชื่อว่าชานยอลก็ไม่มีทางปฏิเสธที่จะไม่ตอบคำถาม
มือเรียวเล็กยื่นไปหยิบเครื่องมือสื่อสารคู่กายที่วางอยู่ใกล้ๆ
มากดหยิกๆ สองสามครั้ง ก่อนจะมองกลับไปที่ชานยอลอีกครั้งอย่างชั่งใจ
และเหมือนอีกคนจะรู้ว่าสิ่งที่จะช่วยไขข้อข้องใจของคำถามมันอยู่ในมือเขา
เพราะสายตาของมันก็จับจ้องมาที่โทรศัพท์ของเขาแล้วเลิกคิ้วว่ามันเกี่ยวอะไรกับอาการของเขาตรงไหน
“อ่ะ
เอาไปดู”
ซิ่วหมินตัดสินใจยื่นมือออกไปหาชานยอลเพื่อยื่นโทรศัพท์เครื่องสวยของตนให้อีกคน
ชานยอลเลิกคิ้วก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์จากมือเขา ก่อนจะก้มดูสิ่งที่เขาเปิดค้างไว้ให้ดูที่หน้าจอ
ซิ่วหมินเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะก้มมองไปที่มือตัวเองที่ประสานกันวางไว้บนหน้าตัก
“เหี้ย..”
ชานยอลสบถออกมาทันทีหลังจากที่เห็นภาพบนหน้าจอ
นี่มันไอ่ลู่หานกับชู้รักเก่าของมันนี่ หลักฐานแรกคือรูปที่ชายหญิงคู่หนึ่งยืนคุยกันหน้าห้องด้วยสภาพไม่เรียบร้อย
และอีกรูป..
ไอ่สัส
ชานยอลสบถในใจอีกครั้ง
นี่มึงกล้าไปทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงลับหลังเพื่อนกูขนาดนี้เลยหรอไอ้ลู่หาน
“ใครส่งมามึงรู้ไหม”
ชานยอลวกกลับเข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาหม่นๆ
ของซิ่วหมินเงยขึ้นมาสบตากับเขานิ่ง ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ
“คิมแทยอน”
พร้อมกับเอ่ยชื่อของบุคคลที่ชานยอลเอ่ยถาม
“หึ
กูว่าที่เขาทำทุกวิถีทางให้ตัวเองได้ไปงานนี้ด้วยคงไม่ใช่แค่อยากดูงานเหมือนที่เคยกล่าวอ้าง
แต่กูว่าเขาอยากใช้โอกาสนี้เพื่อไอ่ลู่หานที่มันไปทำงานโดยไร้เงาของมึงตามไปคุม
เพื่อที่เขาจะได้งาบผัวมึงได้สะดวกขึ้นมากกว่า” ชานยอลพูดไปตามอารมณ์
ที่เริ่มพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ตามความโกรธ มือเรียวกำเข้าหากัน
“....”
หมับ
ชานยอลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างเล็กของเพื่อนสนิทก่อนที่มือเรียวจะยื่นไปวางบนบ่าเล็กเบาๆ
และออกแรงบีบ
“กูว่ารอมันกลับมาก่อนค่อยว่ากัน
มึงเองก็อย่าเพิ่งคิดไปไกลอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ชานยอลถอนหายใจแรงๆ
ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปตรงข้ามกับสิ่งที่อยากพูด
สุดท้ายเขาก็เลือกจะพูดในสิ่งที่จะทำให้ซิ่วหมินรู้สึกดีขึ้น มากกว่าการพูดในสิ่งที่อาจจะทำร้ายจิตใจอีกคนไปมากกว่านี้อยู่ดี
ไอ่ขี้เก็กมันรู้หรือเปล่า?
คำถามที่อยู่ดีๆ
ก็ผุดขึ้นมาในความคิด
“อื้ม
กูก็คิดแบบนั้นลู่หานน่าจะมีคำตอบให้กู” ซิ่วหมินพยักหน้ารับแล้วฉีกยิ้มน้อยๆ
ให้เพื่อนสนิท
“ถ้างั้นก็กินอะไรหน่อย
เดี๋ยวกูบอกให้ป้านมยกขึ้นมาให้ขอไปจัดการอะไรนิดหน่อยเดี๋ยวมา” ชานยอลรีบเสนอ
เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะขึ้นมานมของไอ่เพื่อนตัวเล็กบอกว่ามันยังไม่ยอมลงไปกินอะไรเลย
เกิดเป็นอะไรขึ้นมาเขานี่แหละจะร้อนรนกว่าใครเพราะทนเป็นห่วงมันไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงน่ากูอยู่ได้”
ซิ่วหมินเอ่ยบอกชานยอล ก่อนจะล้มตัวนอนราบไปกับเตียงนอนสีสะอาดตา
ชานยอลปรายตามองอีกคนพร้อมกับกัดกรามอีกแล้วนะมึงไอ่เวรลู่หาน
หลังจากที่เขาเดินลงมาจากห้องของซิ่วหมิน
แล้วก้าวไปหาหญิงสูงวัยร่างท้วมที่ยืนรออยู่ด้านล่าง
เขาเอ่ยปากบอกให้อีกคนยกอาหารขึ้นไปให้ซิ่วหมินพร้อมกับบอกให้อีกคนวางใจว่าซิ่วหมินไม่ได้เป็นอะไรมาก
ไม่ต้องเป็นห่วงแค่เบื่อๆ อาหารก็เท่านั้น อีกคนมีสีหน้าดีขึ้นก่อนจะรับคำของเขาแล้วรีบกระตือรือร้นเข้าไปในครัว
ร่างสูงเพรียวของชานยอลยืนมองอีกคนเดินเข้าไปในครัวจนลับตา
เขาจึงเดินออกมาจากตัวบ้านเพื่อก้าวไปยังรถคันหรูของตน
มือเรียวหยิบเอาโทรศัพท์ของตนออกมากดหาเบอร์โทรที่เพิ่งโทรเข้ามาหาเขาแต่ไม่ได้รับสายหลังจากก้าวเข้ามานั่งในตัวรถ
“นึกยังไงถึงโทรหาฉันได้?”
ปลายสายกดตอบรับหลังจากที่มือเรียวกดต่อสายหาบุคคลที่มักเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาด้วยความบังเอิญบ่อยๆ
รอสายได้ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับด้วยน้ำเสียงแปลกใจจนคนฟังอย่างเขาต้องเบ๋ปาก
ชิส์
มีอะไรให้แปลกใจนักหนา
“รู้ไหมว่าไอ่ลู่หานมันไปทำเหี้eอะไรไว้!?” นอกจากจะไม่ตอบคำถามในสิ่งที่อีกฝ่ายถามแล้ว
ชานยอลกลับตะโกนถามกลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ปลายสายเงียบไปสักพักเพราะไม่ทันระวังว่าจะโดนอีกฝ่ายระเบิดอารมณ์ใส่
ได้แต่เอียงหูที่แนบอยู่กับโทรศัพท์ให้ออกห่างจากกัน
“ทำอะไร?”
อู๋ฟานตอบกลับมาเสียงเรียบ
ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วก่อนจะวางมือที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่พร้อมกับเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่
คนตัวเพรียวช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าตอนนี้อู๋ฟานกำลังนั่งจมอยู่กับกองเอกสารของตัวเองในห้องทำงานที่จัดอยู่ชั้นบนของคลับหรูที่เขาเป็นคนสร้างมากับมือ
วันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้ก้าวออกไปจากห้องนี้เลยด้วยซ้ำ ที่นี่เป็นคลับโฮสต์อันดับต้นๆ
ที่ไม่มีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอี้ฟานอยากให้คลับแห่งนี้เป็นธุรกิจที่เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นธุรกิจใสสะอาด
ลูกค้าของเขามีแต่ระดับพวกคนรวยเข้ามาใช้บริการ
“น้องรักของแกไงไอ่ขี้เก็ก!”
“หื้ม ใครหรือว่าลู่หาน?” อู๋อี้ฟานขมวดคิ้ว
ไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงโวยวายของปลายสายสักนิด
สงสัยเขาคงจะเริ่มชินกับอารมณ์ของอีกคนไปแล้วกระมัง คุยกันทีไรเป็นต้องตะเบ็งเสียงหรือไม่ก็ตะคอกเสียงคุยกับเขาทุกที
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้มันไปพรอดรักกับเมียเก่าอยู่ที่ไหนห๊ะ!?”
ชานยอลโพล่งถามออกไปอีก
“เธอเอาอะไรมาพูด”
คนใจเย็นก็ยังคงใจเย็นอยู่วันยังค่ำ ริมฝีปากหนาเอ่ยถามออกไปเนิบๆ
ก็เมื่อวานเขาเพิ่งจะคุยกับลู่หานมาหยกๆ
เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายบอกกับตัวเขาเองว่าต้องบินไปทำงาน
แถมก่อนหน้าที่จะไปยังไหว้วานให้เขาส่งคนไปคอยติดตามภรรยาหน้าสวยของตนเองอีก
แล้วแม่ตัวดีของเขาเอาอะไรมาพูดว่าน้องชายเขาไปพรอดรักกับอดีตรักเก่า
“ความจริงไง!
น๊อยปากก็บอกว่าไปทำงานทำทุกอย่างเพื่อเมียที่ไหนได้เห๊อะ!”
ชานยอลพ่นลมออกมาทางจมูกเหมือนเย้ยหยันในสิ่งที่ลู่หานทำ
ดวงตากลมโตแข็งกร้าวอยากลงโทษไอ้คนที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเสียน้ำตา
กี่ครั้งแล้วที่มันทำให้ซิ่วหมินต้องร้องไห้ อภัยให้ไม่ได้!
“แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
อู๋ฟานเลี่ยงที่จะพูดถึงลู่หานก่อนจะเอ่ยถามอีกคน
แม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกก็เถอะว่าตอนนี้อีกคนอยู่ที่ไหน
เขารู้ตั้งแต่ชานยอลออกจากบริษัทแล้วขับรถไปที่บ้านเพื่อนสนิทของเจ้าตัว
รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้ชานยอลยังไม่ออกมาจากบ้านของซิ่วหมินด้วยซ้ำ
ร่างสูงยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ ชักจะโรคจิตมากขึ้นทุกวัน
เพราะเธอคนเดียวเลยนะ..ปาร์คชานยอล
“หื้ม ถามทำไม?
อย่ามาโยกโย่เปลี่ยนเรื่องนะไอ่มาเฟีย” ชานยอลชะงักไปนิด
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่ออยู่ดีๆ อีกคนก็เบี่ยงประเด็น ไม่ได้กินหรอกนะมุกนี้
“หึ
ฉันไม่ได้เบี่ยงประเด็นแต่ฉันแค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังกล่าวหาน้องชายฉันนะชานยอลเธอมีหลักฐานอะไรถึงได้หาว่าน้องชายฉันกลับไปคบหากับแม่สาวสวยคนนั้น?”
อู๋ฟานหลุดขำในลำคอเมื่อโดนอีกคนจับได้ว่าจงใจเบี่ยงประเด็น
ให้ตายสิชานยอลทำให้เขาหลุดยิ้มมากี่รอบแล้วนะวันนี้
“ชิส์ เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง”
ปากเรียวบ่นพึมพำ เมื่ออีกคนรู้ว่าเขาหมายถึงใครแถมยังเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่สาวสวยอีก
ไอ้สวยน่ะยอมรับแต่นิสัยน่ะรับไม่ได้อย่างแรง!
“เธอว่าอะไรนะ?”
“อะระ ไม่มีอะไรนิ
แค่นี้แหละเสียเวลาจริงๆ” ชานยอลเบ๋ปากด้วยความหมั่นไส้
ก่อนจะรีบตัดบทเมื่อไม่ได้ข้อมูลในสิ่งที่ต้องการแถมยังได้ความหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุเพิ่มขึ้นมาอีก
ไม่ได้ดั่งใจปาร์คชานยอลคนนี้เลยจริงๆ ให้ตาย
“เดี๋ยว
ไม่อยากรู้แล้วหรือว่าตอนนี้ลู่หานอยู่ที่ไหนและจะกลับเมื่อไหร่?” อู๋ฟานรีบเอ่ยรั้งปลายสายไว้ด้วยน้ำเสียงยียวน
อะไรกันมาทำให้คิดถึงแบบนี้แล้วคิดว่าเขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง ไหนๆ
ก็เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อนแล้วก็ต้องมารับบทลงโทษที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขาหน่อยก็แล้วกัน
“รู้ก็บอกมาเลยสิจะอมพะนำไว้ทำไม”
ชานยอลว่ากลับด้วยความหงุดหงิด จะเล่นตัวทำไมนักหนาวะไอ่ขี้เก็กนี่
เดี๋ยวปั๊ดตามไปอาละวาดถึงที่
“ถ้าอยากรู้ก็มาหาฉันสิ เดี๋ยวส่งแผนที่ไปให้ในมือถือแค่นี้ก่อนนะฉันกำลังยุ่ง”
“เห้ยเดี๋ยว!!”
ติ๊ด
“ปั๊ดโธ่เว้ย!!”
ชานยอลดึงโทรศัพท์ที่แนบอยู่กับหูออกห่างจากตัว
ตาเรียวมองไปที่จอโทรศัพท์ที่ดับไปแล้วสบถด้วยความหงุดหงิด
ไอ่มาเฟียนี่มันต้องการอะไรจากเขา ทั้ง ๆ ที่ก็สามารถคุยผ่านเครื่องมือสื่อสารได้แล้วจะให้เขาถ่อไปหาถึงที่เพื่ออะไร
คนเขามีการมีงานทำนะเว้ย
_______________________________________
Talk ::
ฮ่าๆ ตอนนี้ไม่มีชื่อตอนแหละ ยอมแล้วว่าคิดชื่อตอนไม่ออกจริงๆ ต่อไปคงต้องใช้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ยังไงก็ฝากนิยายฟิคลู่หมิน คริสยอลกันด้วยนะคะ ถูกใจไม่ถูกใจยังไงก็บอกกันได้นะ อ่อ อีกนิด บบยล. ไม่ได้มีอคติอะไรกับแทยอนเลยนะคะ จริงๆ เบบี้เยลโล่ชอบคิมแทยอนมากนะคะ กลัวทุกคนเข้าใจผิดที่เอามาเล่นเป็นตัวร้ายเน๊าะ ส่วนรูปไปจิ๊กเขามาเห็นน่ารักดี ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยค้าบ
ไม่เม้นไม่เป็นไร Fav.ไว้ก็พอ คันไม้คันมืออยากเม้นเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน
รักรีดเดอร์ทุกคนนะครับ^^
อีกนิด..ฝากเพจ FB :: เบบี้เยลโล่ TWT :: @Baby_Yellowza ด้วยนะครับผม
ขอบคุณทุกๆ คอมเม้น ทุกๆ ไลท์ในเพจนะค่ะ บบยล.
ตามอ่านทุกเม้นนะไม่ปฏิเสธว่าทุกเม้นเป็นแรงเสริมให้มีกำลังใจในการแต่ง เน๊าะ
ขอบคุณมากๆ ค้าบ
ความคิดเห็น