ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] SiLLy Game,, (WonCin, KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #6 : SiLLy Game 03

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 52


    SiLLy Game 03

     

     

     

     

     

     

                   

     

                    “ไปนอนเถอะกี้... พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่รึไง?”

     

                    ฮินชอลเห็นน้องชายคนเล็กยังนั่งรอแฝดพี่ของตัวเองอยู่ที่ด้านหน้าของหอ... บอกด้วยความห่วงใย...

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ชอลจิ... ผมอ่านหนังสือเต็มที่แล้วล่ะ~ ^^

     

                    “เข้าไปข้างในเถอะ... เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาไม่ได้ไปสอบกันพอดี” ฮินชอลยังยืนกรานให้คยูฮยอนเข้าไปข้างใน

     

                    “แต่ว่า...พี่ชอล...” คยูฮยอนตั้งท่าจะคัดค้าน

     

                    “เดี๋ยวพี่รอเองน่า... ”

     

                    คยูฮยอนคิดสักครู่ก่อนจะยอมเข้าไปข้างในหอพักอย่างว่าง่าย...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                    การเริ่มงานกลางคืนในคืนแรกของฮีชอลดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งๆที่เป็นผับที่มีสาวนั่งดริงค์หน้าตาจัดจ้านกว่า 20 คนคอยต้อนรับลูกค้า.. แต่ฮีชอลก็ยังไม่วายโดนลูกค้าแทะโลมตอนที่ไปเสิร์ฟอาหารบ่อยๆ

     

     

                    “มามะคนสวย~ มานั่งด้วยกันดีกว่าน่า...” ชายหนุ่มหน้าตาเหมือนจะดีคนหนึ่งพยายามดึงมือฮีชอลให้นั่งด้วยกัน

     

                    “เอ่อ... บังเอิญผมเป็นแค่เด็กเสิร์ฟน่ะครับ” พูดพลางออกแรงดึงมือของตัวเองกลับมา

     

                    “งานมันเยอะมากเลย ขอตัวก่อนนะครับ” ไม่ต้องรอให้ชายคนเดิมพูดต่อ ร่างบางก็รีบเดินออกมาให้ไกลๆจากโต๊ะเสียก่อน

     

     

     

                    “ฟู่ววว” ฮีชอลถอนหายใจยาวเมื่อกลับมาถึงด้านหลังของผับ

     

                    “ไหวรึเปล่าเนี่ย..นายน่ะ?” มือเรียวบางวางลงบนไหล่ของฮีชอลอย่างแผ่วเบา

     

                    “ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละน่า~” ฮีชอลหันกลับไปยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

     

                    “แค่เจอพวกหน้าตาไม่ดี... แถมนิสัยดันแย่กว่าหน้าก็เท่านั้นแหละ ฮิฮิ ขอบใจนะมีโซที่อุตส่าห์เป็นห่วงฉัน”

     

                    “งั้นก็ดีแล้วล่ะ... ฉันกลับไปทำงานต่อนะ เดี๋ยวมาม่าซังหักเงิน” มีโซปล่อยฮีชอลให้อยู่หลังบาร์เช่นเดิม ส่วนตัวเองก็ออกไปดูแลลูกค้าตามหน้าที่

     

     

                    สายตาคู่สวยของฮีชอลมองดูนาฬิกาที่แขวนบนผนังในครัว

     

                    จะตีสองแล้ว... อีกแป๊บเดียวน่าฮีชอล เดี๋ยวผับก็ปิดแล้ว... จะได้กลับบ้านสักที...

     

     

     

              หลังจากที่ตั้งสติตัวเองให้มั่นคงได้แล้ว ฮีชอลก็พร้อมที่จะกลับเข้าไปทำงานต่อ... ร่างบางหมุนตัวจะหันกลับเข้าไปในผับ.. แต่กลับได้ยินเสียงบางอย่างผิดปกติ...

     

                    ตุ๊บ!!!

     

              เสียงเหมือนอะไรสักอย่างตกลงบนพื้น... ฮีชอลกวาดสายตามองหาไปรอบๆหลังร้าน... เผื่อว่ามันอาจะเป็นถุงเงินถุงทองที่พ่อกับแม่โยนมาให้จากสวรรค์เพื่อช่วยฮีชอลกับน้องๆก็เป็นได้ - -+

     

                    “มะ... เมี้ยวว... มะแมวเหมียวเมี้ยววว...”

     

                    เสียงแมวร้องเวอร์ชันที่ไม่น่าจะเป็นแมวร้องจริงๆดังขึ้นมา...

     

                    “เอ๋? แมวตกหลังคาน่ะเอง...” ฮีชอลจงใจพูดเสียงดัง

     

                    “มะเมี้ยววว... เยสๆ... เมี้ยวๆๆๆ... มะแมวเหมียวเมี้ยววว...” เสียงแมวเสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงจะออกแนวดีใจจนออกนอกหน้า เฮ้ย.. ออกนอกเสียง...

     

              “โถ~ เจ้าเหมียวร้องใหญ่เลย... สงสัยคงจะตกลงมาเจ็บสินะ...” ฮีชอลยังคงพูดเสียงดังกับแมว(?)อีกครั้ง

     

                    “มะเมี้ยววว... เมี้ยววว กระซิกๆ มะแมวเหมียวเมี้ยววว...”

     

                    “จะออกมาดีๆ รึต้องให้เอาไม้กวาดตีหัวแล้วลากออกมา -*- ” ฮีชอลเปลี่ยนโทนเสียง

     

                    ฮินชอลก้าวออกมาจากมุมมืดระหว่างซอกตึก...

     

                    “มาทำไมอ่ะชอลจิ? บอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วง...”

     

                    “ใครบอกว่าห่วง... ประสาท... แค่ออกมาซื้อกาแฟแล้วเลยมาเดินเล่นอ่ะ” ฮินชอลตอบหน้าตายพร้อมทั้งยืงนกาแฟอีกกระป๋องในมือให้กับฮีชอล “แล้วนี่ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ?”

     

                    “ขอบใจนะ” มือบางยื่นออกไปรับกาแฟกระป๋อง

     

                    “คงอีกประมาณซักครึ่งชั่วโมงแหละ เดี๋ยวต้องเก็บร้านอีก..” ฮีชอลบอก “ว่าแต่แกทิ้งกี้ไว้ที่บ้านคนเดียวเหรอเนี่ย?”

     

                    “ตอนออกมาเห็นหลับไปแล้ว... อีกครึ่งชั่วโมงใช่มั้ย? งั้นกลับพร้อมกันนี่แหละ”

     

                    พูดจบแฝดคนน้องก็นั่งลงที่ด้านหลังของผับโดยไม่ต้องรอความเห็นจากฮีชอล...

     

                    “เอ้า! ตามใจ... งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ.. แกอย่ากัดกับหมาหลังร้านล่ะ ฮ่าๆๆๆ”

     

                    “นั่นปากเหรอวะ -*- ”

     

     

     

     

     

     

                    หลังจากที่ฮีชอลเข้ากลับไปในผับ.. ฮินชอลหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาสูบเพื่อคลายความหนาว... กระป๋องกาแฟที่ตอนนี้ว่างเปล่าถูกวางลงบนพื้นคอนกรีต...

     

                    ฮินชอลเงื้อขาเตะกระป๋องออกไปสุดแรง... คงเป็นการเตะไซค์โค้งที่งดงาม... หากว่ากระป๋องนั้นไม่ไปตกลงบนหัวใครเสียก่อน

     

                    “โอ๊ยยย!!!” เสียงโอดครวญดังขึ้นหลังจากที่คนเตะได้ยินเสียงกระป๋องตกกระทบอะไรสักอย่าง

     

                    เจ้าตัวรีบเดินเข้าไปหาผู้เคราะห์ร้ายทันที..

     

                    “เฮ้! คุณเป็นไงบ้าง?” ฮินชอลช่วยพยุงคนเจ็บที่ล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้น

     

                    “ก็เจ็บอ่ะดิ... ถามแปลกๆ อูย...” มือหนึ่งกุมศีรษะด้านที่โดนกระป๋องกระแทกไว้

     

                    “โทษทีๆ ไม่นึกว่าจะมีคนอยู่แถวนี้ แหะๆ” ฮินชอลพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนความผิด

     

                    “เออๆ” คนเจ็บโบกมือไปมาในอากาศก่อนจะปลีกตัวเดินกลับเข้าไปในผับ

     

                    “ขอโทษจริงๆนะ” ฮินชอลตะโกนไล่หลังตามไป แต่คนเจ็บก็ไม่ได้หันกลับมามอง

     

     

     

     

     

     

     

     

                    “ออกไปไหนซะนานเลยวะฮงกิ?” ชีวอนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะถาม “แล้วนั่นหัวไปโดนอะไรมา.. ทำไมมันปูดออกมาซะน่ากลัวขนาดนี้เนี่ย ฮ่าๆๆๆ” แถมด้วยการหัวเราะเยาะเป็นการตอกย้ำ

     

                    “ออกไปโทรศัพท์ แต่ซวยนิดหน่อยว่ะ..” ฮงกิตอบแบบเซ็งๆ

     

                    ชีวอนหยิบแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันส่งให้ฮงกิดื่มเพื่อบรรเทาความเจ็บลง

     

                    “แล้วเมื่อไหร่ฮันเกิงจะมาซักทีวะ.. นานแล้วนะเว้ย” พูดเสร็จก็กระดกน้ำเมาเข้าปากจนหมดแก้ว

     

                    “เดี๋ยวคงมาแหละ..” ชีวอนตอบ “นั่นไง.. พูดถึงก็มา ตายยากชะมัดยาด..”

     

                    ฮันเกิงในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีดำ และกางเกงสีครีมอ่อนเดินเข้ามาในผับ.. สาวๆนั่งดริงค์ต่างพากันห้อมล้อมลูกค้าคนใหม่จนออกนอกหน้า

     

                    “ว๊ายยย สุดหล่อเพิ่งมาครั้งแรกใช่ม๊า~ งั้นคืนนี้ให้กาอินดูแลน๊า~” สาวสวยดวงตากลมโตเข้าไปเกาะแขนข้างหนึ่งของฮันคยองแล้วออดอ้อน

     

                    “นาบีว่างนะคะ... ไปกับนาบีดีกว่า...” สาวสวยอีกคนเข้ามาเกาะแขนอีกข้าง

     

                    “อะไรยะยัยชะนีนาบี... ฉันชวนก่อนย่ะ!!” สงครามย่อยๆเริ่มก่อตัวขึ้น

     

                    “ต๊ายยยย!! มันอยู่ที่ว่าสุดหล่อเค้าจะเลือกใครย่ะ!” อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้ “จริงมั้ยค๊า~

     

                    “พอดีผมนัดเพื่อนไว้แล้ว.. ขอตัวก่อนนะครับ” ฮันเกิงแกะมือปลาหมึกออกจากแขนทั้งสองข้างแล้วรีบเดินออกไป.. ทิ้งให้สาวสวยทั้งสองคนยืนเหวอมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปออเซาะลูกค้าคนอื่นต่อไป

     

     

     

     

     

     

                    “หวัดดีๆชีวอน ฮงกิ” ฮันเกิงทักทายเพื่อนเก่าทั้งสองคนเมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะ

     

                    “เออ.. หวัดดี... ฮงกิจะส่งมือปืนไปเก็บอยู่แล้ว ถ้าแกมาช้ากว่านี้” ชีวอนบอก

     

                    “ฮ่าๆๆ พอดีไปส่งซารังน่ะ เลยมาช้าไปหน่อย”

     

                    “ซารัง?.. เดือนก่อนแกบอกว่าแฟนแกชื่อจังมีไม่ใช่เหรอ?” ฮงกิถามขึ้นมา

     

                    “พอดี.. ฉันกับจังมีเข้ากันไม่ได้น่ะ... ว่าแต่เราไม่ได้มานั่งดื่มกันอย่างนี้นานแล้วสินะ”

     

                    “ก็ใครใช้ให้แกกลับไปจีนล่ะ” ชีวอนบอก

     

                    “แกก็ด้วยแหละวะ... หนีไปอเมริกาซะงั้น” ฮันเกิงตอกกลับ

     

                    “พอๆๆๆ พวกนายสองคนล่ะตัวดีนัก” ฮงกิขึ้นเสียง “ทิ้งฉันไว้ที่เกาหลีคนเดียวได้ไงวะ??”

     

                    ทั้งชีวอนและฮันเกิงพากันหัวเราะในความขี้งอนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของฮงกิ... ทั้งสามคนบ้านเคยอยู่ติดกัน เลยทำให้ได้เรียนที่เดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัย... นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้สนิทสนมกันมาก

     

     

              “คราวนี้เกิงจะอยู่เกาหลีกี่วันล่ะ” ฮงกิถามฮันเกิง

     

                    “อาทิตย์นึงมั้ง?” ฮันเกิงหรือเกิงที่เป็นชื่อเล่นที่เพื่อนสนิทใช้เรียกตัวเองตอบ

     

                    “อะไรวะ อาทิตย์เดียวเองเหรอ? ฉันมาตั้งเดือนนึงเลยนะเว้ย” ชีวอนโวยวาย

     

                    “เอาน่า... ฉันก็กลับมาเรื่อยๆน่ะแหละ... แล้วแกมาทำอะไรที่เกาหลีตั้งเดือนเลยวะวอน”

     

                    “กลับมาสะสางเรื่องบางอย่าง” คนพูดตอบด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

     

                    “มีอะไรให้ช่วยก็บอกมานะเว้ย” ฮันเกิงบอก

     

                    “ไม่... งานนี้ฉันอยากจัดการด้วยมือของฉันเอง...”

     

                    ฮันเกิงและฮงกิมองชีวอนด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น... แม้ทั้งสามจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถ้าใครได้มาเห็นสายตาอันเย็นชาของชีวอนในตอนนี้คงหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง...

     

     

     

     

                   

     

    หลังผับปิด

     

     

                    สามหนุ่มเพื่อนสนิทพากันออกมานอกผับ เตรียมแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน... ระหว่างที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถ ฮงกิก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งใบหน้าคุ้นๆยืนอยู่ด้านหน้าผับ

     

                    เป็นฮินชอลนั่นเองที่มายืนรอฮีชอลอยู่ด้านหน้า

     

                    “อ๊ะ.. นายคนที่เตะกระป๋องใส่หัววฉันนี่นา” ฮงกิพูดพร้อมทั้งชี้ไปที่ฮินชอล

     

                    “ว่าไงนะ?! มันทำร้ายนายงั้นเหรอ?” ชีวอนที่เมาที่สุดพูดออกมา เตรียมพร้อมเดินเข้าไปเอาเรื่อง

     

                    “เฮ้... แกน่ะ!! เตะกระป๋องใส่เพื่อนฉันงั้นเหรอ?” ชีวอนเดินตรงเข้าไปหาฮินชอลพร้อมทั้งชี้หน้า “กล้าดียังไงวะมาทำร้ายเพื่อนฉันน่ะ!!

     

                    ฮงกิรีบตามไปห้าม “ไม่เป็นไรหรอก.. ไม่เจ็บเท่าไหร่..” พยายามลากเพื่อนกลับไปที่จอดรถ

     

                    “ผมไม่ได้ตั้งใจ... อีกอย่างก็ขอโทษคุณคนนั้นไปแล้วด้วย” ฮินชอลสบตาฮงกิ

     

                    “ถ้าขอโทษแล้วมันจบ จะมีตำรวจไว้ทำไมวะ?!” ชีวอนเองก็ยังไม่ยอมง่ายๆ

     

                    “เอาน่า... ฮงกิเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร... แกน่ะเมามากแล้ว ไปๆกลับบ้านซะ” คราวนี้เป็นฮันเกิงที่ตามมาฉุดเพื่อนรักกลับ

     

     

                    “เฮ้ย... ปล่อยสิวะ... อย่างนี้มันต้องเจอกับลินดา!!!” ชีวอนสะบัดเพื่อนรักทั้งสอง แล้วเดินเข้าไปหาฮินชอลอีกครั้ง ซึ่งฮินชอลเองก็ไม่ได้หนี แต่เตรียมตัวตั้งรับเต็มที่...

     

                    “หยุดนะ!! ทำอะไรกันน่ะ!!” เสียงหนึ่งดังขึ้น... ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว

     

                    “มีเรื่องอะไรกันน่ะชอลจิ” ฮีชอลก้าวไปใกล้น้องชายของตน แล้วถาม

     

                    “เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ... แต่ไอ้นี่มันไม่เข้าใจ” ฮินชอลมองไปที่ชีวอน

     

                    “เอ่อ... ถ้าน้องชายผมทำอะไรที่ล่วงเกินพวกคุณละก็.. ผมขอโทษแทนด้วยครับ” ฮีชอลก้มหัวขอโทษแทน

     

                    “นี่มันเรื่องของฉัน... แกไม่เกี่ยวน่าชอล” ฮินชอลดึงตัวของฮีชอลขึ้น “จะเอาไงก็ว่ามา...”

     

                    “ไม่มีอะไรหรอกครับ.. พอดีเพื่อนของผมดื่มหนักไปนิด... ขอโทษด้วยครับ” ฮันเกิงพูดกับฮินชอลแต่สายตากรุ้มกริ่มกลับมองฮีชอลอย่างไม่วางตา

     

                    แน่นอนว่าทั้งฮงกิและฮินชอลจับแววตาแปลกๆนั้นได้

     

                    “งั้นก็แล้วไป...” ฮินชอลพูดก่อนจะหันไปจับมือฮีชอล “เราก็กลับกันได้แล้วชอล!

     

                    “เฮ้ย! คิดจะหนีรึไงวะ?” ชีวอนตะโกนโวยวาย

     

                    “พอแล้วน่า... จะเดินกลับไปที่รถดีๆ รึให้ฉันปล่อยหมัดซัดแกให้สลบซะก่อน” ฮันเกิงขู่แล้วก็ลากเพื่อนตัวดีขึ้นรถไปจนได้

     

     

     

     

     

     

                    “แกเลิกงานที่นั่นดีกว่านะชอล...” ฮินชอลทำลายความเงียบระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินกลับบ้าน

     

                    “ทำไมล่ะ? เงินดีนะเว้ยชอลจิ”

     

                    “ไม่เห็นรึไงไอ้เจ๊กหน้าหื่นนั่นมองแกตาเป็นมัน” ฮินชอลพูด

     

                    “ถ้าฉันไม่มองตอบซะอย่าง มันก็จบ”

     

                    “....”

     

                    “เชื่อดิ๊... ตอนนี้ฉันห่วงแต่เรื่องปากท้องของพวกเราเท่านั้นแหละ” ฮีชอลกอดคอน้องชายตัวเองและตบไหล่เบาๆ

     

                    “อืม...”

     

                    “ดีมากไอ้น้องชาย.. ^^ ว่าแต่วันหลังแกไม่ต้องไปแล้วนะเว้ย ไปหาเรื่องลูกค้าที่ผับซะเปล่า - -*

     

                    “เรื่องของฉันน่า...”

     

                    สองพี่น้องเดินกอดคอทะเลาะกันไปจนถึงหอพัก

     

                   

     

                   

     

     

     

     ^w^*
    มาตามสัญญาเรียบร้อยนะ ok?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×