ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] SiLLy Game,, (WonCin, KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #14 : SiLLy Game 08 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 52


    SiLLy Game 08

     

     

     

     

     

     

     

                    ด้วยความช่วยเหลือของฮันเกิง ตอนนี้ฮีชอลจึงย้ายจากที่นั่งพิเศษในสระน้ำมาเป็นที่นั่งปกติภายในตัวบ้านแทน ฮีชอลออกจะรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะต้องอยู่กันตามลำพังภายในบ้านหลังใหญ่ หรือเพราะว่าสายตาคมของฮันเกิงที่จ้องมองมาอย่างไม่ลดละกันแน่

     

     

                    “เอ่อ... คุณฮันเกิงมาหาชี... เอ่อ... มาหานายท่านเหรอครับ?” ฮีชอลไม่อยากเรียกชื่อคนเลวคนนั้นให้ระคายปาก จึงเลือกที่จะเรียกชื่อเดียวกันที่เซตะใช้เรียกแทน

     

                    “เปล่าหรอกครับ... ผมมาหาคุณ ^^” รอยยิ้มถูกส่งมาให้ฮีชอลจนคนรับรู้สึกเก้อเขิน

     

                    “มีธุระอะไรรึเปล่าครับ?” ฮีชอลถามต่อ

     

                    “แค่ลมคิดถึงมันพัดผมมาน่ะครับ อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะพอเรียกว่าเป็นธุระได้รึเปล่า?” สำนวนชวนคลื่นเหียนในความคิดของฮีชอลถูกเปล่งออกมาจากปากคนตรงหน้า... ฮีชอลถึงกับพูดไม่ออก

     

                    “ผมเอาอาหารจีนที่บ้านมาฝากด้วยครับ ลองชิมดูนะครับรับรองว่าต้องติดใจแน่ๆ” ฮันเกิงหยิบถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ข้างในบรรจุกล่องอาหารไว้อยู่

     

                    “ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมจะเอาไปจัดลงจานมาให้” เพราะเจียมตัวว่าอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะอะไร ฮีชอลจึงเตรียมลุกขึ้นไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง

     

                    “อย่าเลยครับ!” ฮันเกิงจับข้อมือบางไว้ แล้วดึงลงให้นั่งที่เดิมก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นแทน

     

                    “เดี๋ยวผมจัดการเอง!” ฮันเกิงคว้าถุงที่ตัวเองพามาเดินเข้าไปในห้องครัว ส่วนฮีชอลได้แต่นั่งมองตามหลังไปแล้วถอนหายใจออกมา

     

     

     

                    สักครู่อาหารก็ถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อย ฮันเกิงจึงเดินกลับมาหาฮีชอลที่นั่งรออยู่ด้านนอก มือหนาพยุงตัวฮีชอลให้ลุกขึ้นอย่างเบามือที่สุด

     

                    “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าเขาใช้ให้คุณล้างสระว่ายน้ำด้วยอย่างนี้” ฮันเกิงพูดขณะที่กำลังพยุงฮีชอลให้ค่อยเดินๆไปทีละนิด ขาซ้ายของฮีชอลยังคงบวมเป่ง

     

                    “ไม่หรอกครับ เพราะผมเองก็เข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคนรับใช้อยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะใช้ผมทำอะไรผมก็ต้องทำ” ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงสมเพชตัวเอง... ใช่... ทำทุกอย่างจริงๆ แม้กระทั่งเป็นที่รองรับอารมณ์!!

     

                    “คุณนั่งทานอยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมมา ^^” ฮันเกิงดันไหล่ฮีชอลให้นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว ซึ่งฮีชอลเองก็ไม่ได้ถามอะไร ยอมรับว่าตอนนี้กระเพาะมันกำลังโหยหาอาหาร จึงลงมือทานอาหารไป

     

     

     

                    ฮันเกิงกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมด้วยกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะนั่งลงบนพื้น แล้วหยิบยกข้อเท้าข้างที่บวมเป่งของฮีชอลขึ้นมาทายาให้ด้วยความทะนุถนอม

     

                    “คุณฮันเกิง!!” ฮีชอลเรียกชื่อด้วยความตกใจ

     

                    “ครับ! ไม่ต้องเรียกเสียงดังก็ได้ ผมก็นั่งอยู่ใกล้แค่นี้เอง” ฮันเกิงพูดไปนวดคลึงข้อเท้าไป

     

                    “เจ็บก็บอกนะครับ... โชคดีที่สมัยเรียนผมชอบเล่นบาสก็เลยข้อเท้าแพลงบ่อยๆ จนคนอื่นๆเรียกผมว่าฮันเกิงนิ้วทอง นวดเก่งเป็นที่หนึ่ง!” ฮันเกิงอดนึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนไม่ได้ จึงเผลอตัวเล่าออกมาให้ฟัง

     

                    “อิอิ นิ้วทองจริงๆด้วยล่ะ รู้สึกว่ามันค่อยๆหายปวดแล้วล่ะ” ฮีชอลพูดด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่แสดงให้ฮันเกิงเห็น

     

                    “ทานต่อไปเถอะครับ รับรองผมจะไม่รบกวนเวลาอาหาร! ^^” ฮันเกิงถึงกับยิ้มจนตาหยีที่ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของฮีชอล

     

     

     

                    เป็นครั้งแรกที่ฮีชอลรู้สึกว่าได้รับความสำคัญจากคนอื่น  ถ้าไม่นับรวมน้องรักอีกสองคนกับคุณลุงปาร์ค... ฮันเกิงเป็นคนแรกที่อ่อนโยนและใจดีกับฮีชอล ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าค่อยๆคลายหายไปทีละนิด ก่อนจะจัดการใช้ผ้ายืดสีชมพูพันข้อเท้าไว้ให้เป็นสเต็ปสุดท้าย

     

                    “ขอบคุณมากนะครับ ผมว่าถ้าคุณฮันเกิงไปเป็นหมอคงจะรุ่ง” ฮีชอลบอก

     

                    “งั้นคงยากล่ะครับ เพราะผมจะดูแลเฉพาะคนสำคัญเท่านั้น” ฮันเกิงพูดแล้ววางกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาลลงบนโต๊ะ ก่อนจะย้ายขึ้นมานั่งบนเก้าอี้

     

                    “อ่า... แล้วไอ้ชอลจิกับกี้เป็นยังไงบ้างครับ?” ฮีชอลเปลี่ยนหัวข้อเรื่องคุย

     

                    “สบายดีครับ ดูเหมือนสองคนนั้นจะชอบบ้านใหม่มาก” ฮันเกิงเล่าพลางสังเกตุสีหน้าของคนฟัง แค่เพียงพูดถึงเรื่องสองคนนั้นฮีชอลถึงกับตั้งใจฟัง เชื่อแล้วจริงๆว่าพี่น้องสามคนนี้รักกันมาก

     

                    “ดูเหมือนคยูฮยอนจะชอบสวนข้างบ้านมากเลยครับ เห็นฮินชอลพูดบ่อยๆว่าชอบไปขลุกอยู่ที่นั่น” ฮันเกิงพูดต่อ

     

     

                    ฮีชอลเผลอยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น ปกติน้องชายคนเล็กของตัวเองไม่ค่อยจะออกไปไหน ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง หวังว่าแสงแดดและความเขียวขจีของแมกไม้จะช่วยให้น้องเล็กร่าเริงขึ้น

     

     

                    “แล้ว... ไอ้ชอลจิมันดูแลกี้ดีมั้ยครับ?” ฮีชอลถาม

     

                    “เท่าที่ผมดูก็ดีนะครับ! เสียอยู่อย่างเดียว...” ฮันเกิงเงียบเสียงไป

     

                    “ทำไมครับ?? ไอ้ชอลจิมันทำอะไร?? มันปล่อยให้กี้อดอยากใช่มั้ย?? หรือว่า... หรือว่ามันผันตัวไปเป็นโจรแล้ว!! โธ่~ ไม่น่าเลย... ผมไม่น่าเป่าหูมันบ่อยๆเลย!!” ฮีชอลพูดออกมายาวพรืด

     

                    “เสียตรงที่คุณเรียกน้องชายสองคนซะสนิทสนม แต่กลับเรียกผมว่า คุณฮันเกิงไม่ยอมเปลี่ยนสักทีต่างหากล่ะ” รอยยิ้มทรงเสน่ห์ถูกโปรยออกมาอีกครั้ง

     

                    “เอ่อ...” ฮีชอลอึกอักที่จะตอบ... จะให้บอกว่าสองคนนั้นคือครอบครัว แต่คุณไม่ใช่... ก็ไม่น่าจะพูดออกไป ฮีชอลจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาหลบไม่อยากตอบคำถาม

     

                    “ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่ผมช่วยนวดข้อเท้าให้.. ช่วยเรียกผมว่าเกิงเฉยๆก็ได้ครับ” ฮันเกิงเห็นฮีชอลนิ่งเงียบไปเลยจัดการตัดสินใจให้เสร็จสรรพ

     

                    “แต่มันออกจะ...” ฮีชอลพยายามอธิบายให้ฮันเกิงเข้าใจแต่ฮันเกิงกลับพูดแย้งขึ้นมาก่อนว่า

     

                    “มันออกจะดีแล้วล่ะ ตกลงเรียกผมว่าเกิง แล้วผมจะเรียกว่าฮีชอลเฉยๆก็แล้วกันนะครับ!” ฮันเกิงบอก

     

                    “ถ้าฮีชอลกินเสร็จแล้ว เราสองคนออกไปข้างนอกกันดีกว่า มาครับเดี๋ยวช่วยพยุง” ฮันเกิงไม่เปิดโอกาสให้ฮีชอลได้โต้เถียงได้อีก รีบเข้าไปช่วยพยุงให้เดินออกไปจากครัว

     

     

     

                    ฮีชอลจึงต้องจำใจรับปากอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็นึกขอบคุณอยู่ในใจไม่น้อยที่ให้เกียรติคนจนอย่างฮีชอลมากขนาดนี้

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     

     

     

     [55%]

     

     

                    เซตะกลับมาถึงบ้านตอนห้าโมงเย็น จำเป็นต้องรีบกลับมาเตรียมอาหารให้ทันก่อนที่ชีวอนจะกลับ ที่สำคัญคือต้องให้ชีวอนเห็นหน้าไม่งั้นจะรู้ได้ว่าแอบโดดงานไปเที่ยวเล่นมาทั้งวัน

     

     

                    เมื่อเข้ามาถึงบ้านก็ลงมือสำรวจงานบ้านทุกอย่างก็พบว่าฮีชอลทำได้เรียบร้อยหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งสระว่ายน้ำก็ถูกขัดถูซะเอี่ยมอ่อง นึกขอบใจฮีชอลไม่น้อย... เพราะทั้งหมดนี่เซตะจะได้หน้าคนเดียวไปเต็มๆ

     

     

     

                    “กลับมาแล้วเหรอเซตะ~” ฮีชอลรีบปรี่เข้าไปหาเซตะ แต่ก็ยังเดินกะโผลกกะเผลกอยู่บ้าง

     

                    “อือ... ไม่กลับมาแล้วจะเห็นเหรอ?” เซตะเดินผ่านฮีชอลไปอย่างไม่ใสใจ แต่แอบคิดอยากจะเดินกระแทกแกล้งเหยียบขาข้างที่มีผ้าพันไว้นั่นสักที.... แล้วจะคิดเฉยๆทำไมล่ะ?!

     

                    “ฮีชอล~ นายช่วยเอาถุงพวกนี้ไปไว้ในครัวหน่อยสิ เดินมาทั้งวันเมื่อยแขนไปหมดแล้ว” เซตะปรับน้ำเสียงให้ตอแหลที่สุดแล้วพูดจาออดอ้อน

     

                    “ได้ๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ฮีชอลยอมช่วยโดยไม่เกี่ยงงอน ถึงแม้ว่าขาข้างหนึ่งจะยังเจ็บอยู่ก็ตาม มือบางยกถุงทั้งหมดเดินเข้าไปในครัว

     

     

                    เซตะแกล้งเอามือแตะที่หัวของตัวเองแล้วเดินเซไปปะทะกับฮีชอลจนล้มลงกับพื้น ก่อนจะจงใจเตะเข้าไปซ้ำที่ข้อเท้าแรงๆหนึ่งครั้งด้วยความสะใจ

     

                    “โอ๊ย!!” ฮีชอลใช้มือจับข้อเท้าตัวเองไว้ ท่าล้มเมื่อกี๊ทำให้ขาพลิกไปอีกรอบ

     

                    “ตายแล้ว!! ฮีชอลนายเป็นยังไงบ้าง? เจ็บมั้ย? โธ่~ เพราะฉันแท้ๆเลย... เพราะเดินตากแดดแล้วก็ถือของหนักมาทั้งวัน จนรู้สึกหน้ามืดตามัวอย่างนี้ ฉันนี่มันแย่จริง!!” น้ำเสียงและคำพูดเหมือนสำนึกผิดเสียเต็มประดา แต่ถ้าเพียงฮีชอลหันกลับมามองสักนิดคงเห็นว่ามันตัดกับแววตาเยาะเย้ยของเซตะอย่างเด่นชัด

     

                    “ไม่เป็นไรๆ มันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก...” ฮีชอลกัดฟันตอบ ทั้งที่ความจริงแล้วมันเจ็บจนขยับไม่ได้เลยต่างหาก!

     

                    “งั้นเดี๋ยวฉันยกของเอง... จะห้าโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย?? งั้นฉันเข้าครัวเตรียมของให้นายท่านก่อนนะ!” เมื่อดัดจริตแกล้งทำตัวเป็นคนดีเสร็จก็ยกของทั้งหมดเข้าไปในครัวเองด้วยความสบายใจ

     

     

     

     

     

                    ฮีชอลพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นทรงตัวได้ แต่แค่ข้อเท้าขยับร่างบางก็ทรุดลงไปกับพื้นอีกรอบ ความเจ็บปวดถูกกลั่นออกมาน้ำตาใสๆรื้นอยู่ตรงขอบตา มือบางพยายามบีบนวดข้อเท้าอย่างที่ฮันเกิงเคยทำให้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

     

                    “ทำอะไร?!” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ฮีชอลต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เมื่อรู้ว่าเป็นเสียงของใครก็รีบเช็ดน้ำตาทิ้งทันที... ไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนๆนี้อีก

     

                    “ฉันถามว่าทำอะไร?!” ชีวอนกระแทกเสียงถามอีกครั้ง รู้สึกขัดใจจริงๆ ปกติไม่เคยมีใครกล้าเพิกเฉยต่อคำถามของเขาเลยสักครั้ง

     

                    “ไม่... ไม่ได้ทำอะไร...” ฮีชอลก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้น สายตาที่คอยแต่จะดูถูกถากถางคนอื่น

     

                    “โกหก!!” ชีวอนคว้าเข้าที่แขนบอบบางแล้วดึงตัวฮีชอลขึ้นมา

     

                    “โอ๊ย!!!” ฮีชอลร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อข้อเท้าจู่ๆก็กระทบกับพื้นเพราะแรงกระชากที่แขน

     

                    “เธอ... ข้อเท้าเป็นอะไร?” ชีวอนเพิ่งสังเกตุเห็นผ้าที่พันรอบข้อเท้าไว้

     

                    “ไม่เกี่ยวกับนายท่านหรอก!! ปล่อยผมเถอะ!!” ฮีชอลพยายามสะบัดแขนให้หลุดออกมาจากการเกาะกุมของชีวอน

     

                    “นี่มันบ้านฉัน ทุกอย่างคือเรื่องของฉัน!!” ชีวอนตะคอก

     

     

                    ฮีชอลช้อนสายตาตวัดมองชีวอนด้วยแววตาไม่พอใจ ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน แต่ก็ไม่เถียงอะไรกลับไป... ประสบการณ์มันสอนให้รู้ว่าคนๆนี้ไม่เคยยอมรับความคิดของใคร จะพูดอะไรก็คงเสียพลังงานไปซะโดยเปล่าประโยชน์

     

     

                    “เดินมานี่!!” ชีวอนลากฮีชอลไปนั่งลงบนโซฟา

     

                    “โอ๊ย! เบาๆสิ!!” ฮีชอลร้องเสียงหลง

     

                    “ไหนมาดูซิ!” เหมือนจะเป็นคนดีที่จะช่วยดูข้อเท้าให้ แต่มือหนากลับกระชากเท้าอย่างแรง

     

                    “โอ๊ย!! จะช่วยรึจะฆ่ากันแน่~” ฮีชอลจ้องหน้าชีวอน

     

                    “แค่นี้ทำจะเป็นจะตาย... ไกลหัวใจตั้งเยอะ!” ชีวอนบอกพลางค่อยๆแกะผ้าที่พันข้อเท้าไว้ออก รู้ทันทีว่าใครเป็นคนพันไว้ให้ รูปแบบเดียวกับที่ฮันเกิงเพื่อนสนิทเคยทำให้สมัยเรียน

     

                    “วันนี้มีใครมาที่นี่รึเปล่า?” ชีวอนถามน้ำเสียงเคร่งเครียด

     

                    “ไม่... ไม่มีนี่~” ฮีชอลตอบไปตามที่ตกลงกับฮันเกิงใว้ เพราะฮันเกิงบอกว่าหากชีวอนรู้ว่าแอบอู้งานมาหาฮีชอลก็จะโดนไล่ออกได้ ยังไงฮีชอลก็ไม่อยากให้ใครโชคร้ายเหมือนตัวเองอีก

     

                    “งั้นเหรอ” ชีวอนไม่ได้ซักอะไรต่ออีก ก่อนจะลงมือนวดข้อเท้าให้ฮีชอล

     

     

                    ความรู้สึกมันต่างจากตอนที่ฮันเกิงนวดให้อย่างสิ้นเชิง ตอนนั้นมันรู้สึกสบายผ่อนคลาย แต่พอเปลี่ยนมือมาเป็นชีวอนกลับรู้สึกร้อนวูบวาบพิลึก มันไม่เจ็บที่ข้อเท้าแต่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้มันกำลังวิ่งแล่นเข้าไปในหัวใจ... อึดอัดเหมือนมันจะระเบิด

     

     

                    นั่นเพราะฉันรังเกียจนาย... เพราะฉันเกลียดนาย... ชีวอน!!ฮีชอลได้แต่เน้นย้ำความคิดนี้ในสมองตัวเองซ้ำๆ

     

     

     

     

                    “ดีขึ้นมั้ย?” ชีวอนถาม

     

                    “หึ... มันคงเทียบไม่ได้กับการกระทำป่าเถื่อนเมื่อคืนหรอก!!” ฮีชอลตอบประชดประชัน ความเจ็บแค่นี้มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ได้รับมาเมื่อวาน

     

                    “งั้นก็ลุกไปได้แล้ว!!!” เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำดีกับศัตรูมากเกินไปจนกล้าดีมานั่งต่อปากต่อคำได้ขนาดนี้ ชีวอนจึงผลักไสฮีชอลออกไปให้ห่างจากตัวเอง

     

                    “โอ๊ย!! นายนี่มัน!!” ฮีชอลสูดหายใจลึกแล้วตัดใจไม่พูดอะไร แต่หันหลังเดินเข้าไปข้างใน

     

     

     

                    ถึงนายนั่นจะเลวทรามยังไง แต่ครั้งนี้ก็ถือได้ว่าช่วยตัวเองไว้แล้วหนึ่งครั้ง จึงยอมสงบปากสงบคำไม่โต้เถียงอะไรเป็นการทดแทนเพื่อไม่ให้มีหนี้บุญคุณติดค้างระหว่างกัน!

     

     

     

     

     

     

                    เซตะเดินออกมาเห็นชีวอนกำลังนวดข้อเท้าให้ฮีชอลอยู่พอดี... นี่หรือสถานะระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง? ขี้ข้าควรได้รับการปฏิบัติถึงขนาดนี้เหรอ? การกระทำมันช่างสวนทางกับความจริงสิ้นดี!!

     

                    “แกมันน่ารังเกียจจริงๆฮีชอล...”

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     [70%]

     

     

     

     

     

                    “ซองมิน~

     

     

     

                    วันนี้ทั้งวันซองมินได้ยินแต่เสียงเรียกจากเพื่อนบ้านตลอด ทั้งเช้า เที่ยง บ่าย และยังจะตอนเย็นอีก นี่ไม่รู้ว่าจะมีรอบดึกด้วยรึเปล่า??

     

     

     

                    “มาอีกแล้วเหรอ? ตกลงบ้านนายมันหลังโน้นรึหลังนี้กันแน่?!” คนตัวอวบถามกลับไป รอบนี้เห็นขนเอาขนมมาเต็มไม้เต็มมือด้วย ทำเหมือนจะมาปิกนิกที่นี่ก็ไม่ปาน

     

                    “อย่าใจร้ายหน่อยเลยน่า~” คยูฮยอนย่นจมูกใส่ด้วยความน่ารัก

     

                    “ฉันเอาขนมมาฝากด้วย! อีกอย่างพี่ชอลจิก็ออกไปข้างนอก อยู่คนเดียวมันเบื่อๆน่ะ” จัดการนั่งลงแล้วแกะขนมกินเสร็จสรรพ make yourself at home จริงๆ

     

                    “ไปย้ายของมาอยู่นี่เลยมั้ย?” ซองมินส่ายหัวช้าๆด้วยความเหนื่อยใจ

     

                    “เอ๊ะ! ได้เหรอๆ” เหมือนคยูฮยอนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าที่พูดมาทั้งหมดนั่นเป็นแค่การประชดประชัน

     

                    “ไม่ได้! -_______-^^^” ซองมินจึงต้องรีบปฏิเสธก่อนที่จะเข้าใจผิดกันเข้าไปใหญ่

     

                    “อะไรของเธอนะเนี่ย...” แขกผู้มาเยือนจ้องมองหน้าเจ้าบ้านอย่างไม่เข้าใจ... เดี๋ยวชวน เดี๋ยวไล่ ผมปรับอารมณ์ตามไม่ทันนะครับ

     

                    “นี่ถามจริงเถอะ... นายคิดบ้างมั้ยว่ามันอาจจะเป็นการรบกวนฉันก็ได้นะ” ซองมินทำสีหน้าบวกกับสายตาบ๊องแบ๊วถามออกไป โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่านี่แหละเสน่ห์ของบ้านหลังนี้ที่ทำให้คยูฮยอนอยากมาบ่อยๆ

     

                    “ก็คิดนะ คิดว่าคงรบกวนมาก เพราะฉะนั้นเลยต้องยิ่งมาให้บ่อยขึ้นไงล่ะ!” คยูฮยอนตอบอย่างฉะฉานและมั่นใจในตัวเอง

     

                    “ฉันไม่เข้าใจ” เจ้าบานยิ่งงงหนักเข้าไปอีก ง.งูสองตัวเลื้อยมาฉกเข้าเต็มรัก

     

                    “มาน้อย... รบกวน แต่ถ้ามาบ่อย... มันจะกลายเป็นความคุ้นเคย ^^” คยูฮยอนเฉลย

     

                    “นี่นายสะกดคำว่าเกรงใจเป็นรึเปล่าเนี่ย??”

     

                    “เ-ก-ร-ง-ใ-จ ทำไม? เธอสะกดไม่เป็นเหรอ? หึหึ” คยูฮยอนแกล้งแซว ทั้งๆที่รู้ดีว่าที่คนตัวอวบพูดมานั่นหมายถึงอะไร... น่ารักจนอยากจะแหย่ทั้งวัน! ^^

     

                    “กินๆเข้าไปซะ!” มืออวบหยิบขนมยัดปากเพื่อนบ้านเพื่อไม่ให้พูดอะไรมากอีก

     

                    “กินด้วยกันเถอะ! ^^” คยูฮยอนเชื้อเชิญ

     

                    “แหงล่ะ~ ถ้ามาบ้านฉันแล้วยังไม่ให้ฉันกินด้วยล่ะก็... น่าดู!!” ซองมินชูกำปั้นขึ้นมาขู่

     

     

     

                    กลัวตายล่ะ... น่าร๊ากกก ^^

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     

     

     

     

     

     

                    ชายหนุ่มพร้อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจขับแล่นฝ่าสายลมเย็นในตอนค่ำไปเรื่อยๆโดยไร้จุดหมาย ยิ่งบิดคันเร่งเพิ่มความเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนแรงลมที่มาประทะกับใบหน้าและลำตัวจะช่วยลดความคิดฟุ้งซ่านในสมองลงได้เป็นอย่างดี

     

     

                    ฮินชอลกำลังเครียด.

     

     

                    ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่ปล่อยให้พี่ชายคนโตไกลบ้านไปอย่างนั้น อันที่จริงเรื่องบ้านไปหาห้องเช่าถูกๆก็คงจะพอมีบ้าง ได้บ้านใหญ่มาแต่ต้องเสียพี่ใหญ่ไป สุภาษิตไทยว่าไว้... ได้ไม่คุ้มเสีย

     

                    ถึงจะดูภายนอกว่าฮีชอลร่าเริง แข็งแกร่ง และเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่จริงๆแล้วจิตใจกลับนุ่มนิ่มยิ่งกว่าฟองน้ำ และบอบบางมาก โดยเฉพาะนิสัยที่แก้ไม่หาย... ชอบเป็นห่วงคนอื่นจนมองข้ามความรู้สึกของตัวเองไป

     

                    เพิ่งจะห่างกันเมื่อวานแท้ๆ แต่ฮินชอลกลับเป็นห่วงพี่ชายคนนี้มากมาย ไม่รู้ว่างานที่ทำจะหนักหนาแค่ไหน ได้กินอาหารครบทุกมื้อรึเปล่า พักผ่อนเพียงพอมั้ย? คำถามเหล่านี้สลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ในสมองจนแทบจะระเบิด

     

     

                    ถ้าแทนกันได้ก็คงจะดี...

     

                    ถ้าเปลี่ยนจากฮีชอลเป็นฮินชอล

     

                    ถ้าได้แลกความลำบากกันได้

     

                    ตัวแทน...?

     

                    แลกตัว...!!

     

     

     

     

     

     

                    เอี๊ยดดดดดดดด

     

                    ฮินชอลหยุดรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจโดยกระทันหัน... ใช่แล้ว แลกตัวกันไงล่ะ!        

     

     

     

                    เมื่อคิดได้อย่างนั้นแฝดคนน้องจึงบึ่งรถเข้าไปในตลาดซื้อหาสิ่งของจำเป็นสองสามอย่างเพื่องานนี้ทันที

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     [100%]

     

     

     

     

     

                    ฮันเกิงบอกคนอื่นๆไปว่าจะกลับไปจีนแต่ที่จริงแล้วแอบมาหลบอยู่ที่เกสท์เฮาส์หลังหนึ่ง บ้านลับๆที่ฮันเกิงซื้อไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน... ที่จริงตอนนี้มันก็ยังไม่ถึงกับเป็นเรื่องฉุกเฉินแต่ก็สำคัญมากพอที่จะใช้เป็นที่หลบหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างชีวอนและฮงกิ

     

                    “ครับป๋า... ครับ. เจอแล้วล่ะครับ อีกไม่นานคงพาไปพบป๋าได้” ฮันเกิงพูดผ่านสายโทรศัพท์ทางไกลไปยังประเทศจีน ปลายสายคือพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง

     

                    “ไม่ต้องห่วงครับป๋า ลูกป๋าคนนี้ไม่ทำให้ป๋าเสียหน้าอยู่แล้วครับ” พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

     

                   

     

                    ฮันเกิงรินน้ำสีอำพันลงในแก้วใบใสครึ่งแก้ว ก่อนจะคว้าแก้วเดินตรงไปยังกระดานบอร์ดสีขาวขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้อง สายตาจ้องมองตรงไปยังสิ่งสำคัญบนบอร์ด

     

                    รูปถ่ายสามรูปถูกแปะติดเรียงกัน ฮินชอน ฮีชอล และคยูฮยอน

     

                    เป้าหมายแรก... คิม ฮีชอล

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     

     

     

     

     

     

                    “เซตะ!!” ชีวอนตะโกนเรียกหาเซตะในช่วงหัวค่ำ ทำให้คนถูกเรียกรู้สึกใจเต้นระส่ำ เพราะคิดว่าจะได้รับใช้ในฐานะที่เหนือไปกว่าฐานะที่เป็นอยู่

     

                    “ครับนายท่าน~” เซตะตอบรับเสียงหวานหยดย้อย

     

                    “ไปตามฮีชอลมาพบฉันที่ห้องทำงาน” สิ้นเสียงคำสั่งชีวอนก็เดินตรงไปยังห้องทำงาน ปล่อยให้เซตะยืนขบกัดฟันแน่นจนเป็นนูนเพราะความโกรธเคือง

     

     

     

     

     

                    “ฮีชอล!!” น้ำเสียงกระแทกแดกดันช่างต่างกับตอนที่ใช้พูดคุยกับชีวอนมากนัก

     

                    “มีอะไรเหรอเซตะ?” ฮีชอลเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ผมสีจางยังคงเปียกพรมด้วยน้ำ

     

                    “นายท่านเรียกหานาย... ที่ห้องทำงาน” พูดออกไปทั้งที่ไม่เต็มใจมากนัก

     

                    “เรียกฉันน่ะเหรอ?” ฮีชอลถามซ้ำอีกครั้ง

     

                    “ก็เออน่ะสิ! เห็นมีใครอีกมั้ยล่ะ?”

                    โง่!! ฉันเกลียดแก.... แกน่าจะตายๆไปซะ~!

     

                    “เอ่อ... มีเรื่องอะไรเหรอ?” ฮีชอลถามเลียบเคียงหาธุระที่คนเลวนั่นเรียกพบ กลัว... กลัวว่าอาจจะโดนอย่างคราวก่อน ฮีชอลไม่อยากเสี่ยง

     

                    “ไม่รู้... นายท่านไม่ได้บอก! รีบๆไปสิ รึจะรอให้ดึกกว่านี้จะได้ทำอะไรต่อมิอะไรจนถึงเช้ารึไง?” เซตะพูดเป็นนัยๆแอบประชดประชันทั้งน้ำเสียงและแววตา

     

                    “คือ.. เซตะไปกับฉันด้วยสิ” ฮีชอลชักชวนให้ไปด้วยกัน เพราะถึงยังไงถ้ามีอีกคนอยู่ด้วย ชีวอนคงไม่กล้าทำอะไรตัวเองแน่ๆ

     

                    “จริงเหรอ?! ไปสิๆ ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง!!” ถึงกับตาลุกวาวเมื่อฮีชอลพูดชักชวน คราวนี้คงเข้าไปขัดขวางได้สมใจเซตะสักที

     

     

     

     

     

                    ไม่ช้าทั้งฮีชอลและเซตะก็มาถึงห้องทำงาน ซึ่งชีวอนนั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว

     

                    “เล่นตัวจริงๆนะ มีที่ไหนปล่อยให้เจ้านายรอได้ตั้งนาน” ชีวอนพูดขึ้น

     

                    “ผมเร่งฮีชอลให้แล้วนะครับ ว่าให้รีบๆมาหานายท่าน แต่ฮีชอลกลับชักช้าอยู่ได้~ เห็นมั้ยล่ะนายท่านต้องนั่งรอตั้งนาน!!” เซตะรีบรายงานชีวอน ก่อนจะหันมาคาดโทษใส่ฮีชอล

     

                    “มีธุระอะไร?!” ฮีชอลถามเสียงห้วน

     

                    “อะไรกันฮีชอล!! นายพูดจาแบบนั้นกับนายท่านได้ไง?! ลืมแล้วเหรอว่านายเป็นแค่คนรับใช้...” เซตะออกโรงปกป้องชายในดวงใจทันที

     

                    “พอแล้วเซตะ! ออกไปก่อน” ชีวอนขัดไว้ซะก่อนพร้อมทั้งออกคำสั่ง

     

                    “ห๊า?!” เซตะถึงกลับเผลออุทานออกมา ไม่คิดว่าชีวอนจะไล่เขาออกนอกห้อง

     

                    “ไม่!! เซตะจะอยู่ที่นี่... นายท่านมีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ! พรุ่งนี้ผมมีงานต้องทำอีกมาก!” ฮีชอลบอก

     

                    “ออกไปก่อนเซตะ...” ชีวอนหันไปสั่งเซตะอีกครั้ง เจ้าตัวยืนหันมองฮีชอลให้รั้งตัวเองไว้ในนี้ด้วยใช่... เซตะไม่อยากปล่อยให้ชีวอนอยู่กับฮีชอลสองต่อสอง!

     

                    “บอกแล้วไงว่า...” ฮีชอลตั้งหน้าจะพูดต่อแต่ก็โดนชีวอนตะคอกลั่นห้องว่า

     

                    “หุบปาก!! ออกไปซะเซตะอย่าให้ฉันไล่ซ้ำอีก!

     

                    เซตะถึงกับรีบเดินออกจากห้องด้วยควานลนลาน ใบหน้าชีวอนตอนบูดบึ้งทำให้เซตะมีทางเลือกไม่มากนัก แต่ก็ยังยืนรออยู่หน้าห้อง เผื่อมีอะไรจะได้เข้าไปขัดขวางไว้ได้ทัน

     

     

                   

                    ภายในห้องหลังเหลือแค่ฮีชอลกับชีวอนแค่สองคนเท่านั้น ฮีชอลก็ยิ่งระวังตัวแจ พยายามรักษาระยะระหว่างกันให้มากที่สุด ภาวนาในใจให้เซตะยังอยู่ใกล้ๆเผื่อจะได้ขอความช่วยเหลือได้

     

                    “ทำไม... เธอกลัวฉันอย่างนั้นเหรอ? หึหึ” ชีวอนกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทางหวาดระแวงของร่างบาง

     

                    “ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องกลัว!!” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายกำลังสั่นเพราะความกลัวอยู่จริงๆ

     

                    “นึกว่าเซตะอยู่ด้วยแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรงั้นเหรอ? หรือว่า... เธอมันเป็นพวกชอบโชว์อยากให้คนอื่นอยู่ด้วยตอน...” ชีวอนใช้สายตาโลมเลียร่างบางจนฮีชอลรู้สึกสะอิดสะเอียน

     

                    “ทุเรศ!! สมองนายมันก็มีแต่เรื่องทุเรศพรรค์นั้น!!” ฮีชอลนึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่ก่อนมาที่นี่ไม่หยิบอาวุธติดไม้ติดมือมาสักหน่อย ขาก็ยังเจ็บไม่หาย เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง

     

                    “ความคิดทุเรศแบบนี้ มันก็เหมาะกับคนทุเรศๆแบบเธออยู่แล้วนี่ หึหึ” ร่างสูงไม่สะเทือนกับคำด่าทอเลยสักนิด กลับรู้สึกสะใจไม่น้อยที่เห็นศัตรูเดือดพล่านอย่างนี้

     

                    “มีธุระอะไรพูดมาเลยดีกว่า... ฉันไม่อยากจะเห็นหน้านายมากกว่านี้!!” ฮีชอลพยายามควบคุมอารมณ์ให้คงที่

     

                    “ไม่กลัวลืมหน้าผัวตัวเองรึไง?!” ชีวอนยังไม่ลดละ พยายามแหย่ให้ร่างบางเดือดขึ้นมาอีกรอบ

     

                    “นั่นมันก็แค่... ทำทานให้หมาจรจัด!!” ฮีชอลกัดฟันพูดด้วยความรู้สึกสมเพช

     

                    “เธอ!!” ชีวอนชี้หน้าฮีชอลแต่ก็พูดอะไรไม่ออก

     

                    “พูดจาอย่างนี้คงไม่อยากกลับบ้านไปเจอน้องๆของเธอสินะ?” ยังไงตอนนี้ชีวอนก็ถือไพ่เหนือกว่า

     

                    “หมายความว่าไง?” ฮีชอลถามอย่างไม่เข้าใจ

     

                    “อีกสองวันน้องชายของเธอจะประกาศผลสอบ แต่ปากดีอย่างนี้ก็ไม่ต้องไป!” ชีวอนไม่รู้สึกยี่หระเลยสักนิด ให้กลับไปก็ดี ไม่ให้ไปก็ดี มันไม่สำคัญต่อตัวเขาเลย

     

                    “ไปสิ!! ฉันอยากเจอน้องๆ ฉันจะไป!” ฮีชอลรีบแย้ง

     

                    “หึ เพิ่งด่าฉันว่าเป็นหมาจรจัดมาหมาดๆ เธอคิดว่ายังไงล่ะ? หมาจรจัดตัวนี้มันจะยอมให้ไปมั้ย?” หยิบยกเอาคำพูดของฮีชอลมายอกย้อนกลับให้เจ็บใจเล่น

     

                    “นั่นมันคนละประเด็น! ขอร้องล่ะ ฉันอยากเจอน้องๆจริงๆ” ฮีชอลยอมเกลี้ยกล่อม เพื่อให้ได้เจอครอบครัวจะยอมให้สักครั้ง

     

                    “จะได้ไปรึไม่มันก็ขึ้นอยู่กับเธอ... ถ้าเธอว่าง่ายฉันก็จะอนุญาต” ชีวอนยื่นข้อเสนอให้ การได้เป็นคนที่มีอำนาจเหนือกว่านี่มันช่างรู้สึกดีจริงๆ หึหึหึ

     

                    “ได้! ฉันจะทำงานบ้านอย่างดี รับรองว่าบ้านนายจะยิ่งกว่าเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆซะอีก” ฮีชอลตบปากรับคำอย่างไม่คิดอีกแล้ว เพียงเพราะเป็นเรื่องของครอบครัวฮีชอลก็ตกลงปลงใจรับทำอย่างไม่อิดออด

     

                    “งานของเธอมีอย่างเดียว...” ชีวอนมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ คิดไม่ผิดที่เลือกเอาฮีชอลมา

     

                    “จะงานกี่อย่างฉันก็ทำได้ทั้งนั้น ขออย่างเดียวให้ฉันได้เจอน้องๆ” ฮีชอลพูด

     

                    “ปรนเปรอจนกว่าฉันจะพอใจ!!” ไม่ต่างจากเดิมเลยสักนิด ความเลวของชีวอนไม่เคยลดลงเลย ยิ่งนับวันจะยิ่งดิ่งลงสู่ความเลวจนกู่ไม่กลับ

     

                    “พอสักทีได้มั้ยเรื่องทุเรศๆแบบนั้น!! นายมันโรคจิต!! นายมันเลว!!” ฮีชอลตะโกนด่ากลับไป

     

                    “งั้นก็ดี! ทุกครั้งที่เธอขัดใจฉัน.. ฉันจะท่องไว้ว่าลูกกระสุนปืนของลินดาจะต้องวิ่งไปฝากบนร่างของใครสักคน เริ่มจากใครดี? ฮินชอล... รึคยูฮยอน?” ชีวอนยกปืนพกคู่ใจขึ้นมาลูบไล้เล่นเบามือ สายตากร้าวจ้องมองไปที่ร่างบางเป็นการบอกโดยนัยว่าพูดจริงทำจริง

     

                    “ขอร้องล่ะชีวอน... ฮึก... นายอย่าทำอย่างนี้เลย เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ ฉันไปทำอะไรให้นายเจ็บแค้นนักหนา ฮึอ... บอกมาสิแล้วฉันจะแก้ไขให้ ฉันจะยอมรับความผิดทุกอย่าง แต่... ฮึก.. แต่อย่าไปลงที่คนอื่นๆเลย” ฮีชอลร้องไห้ออกมาโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิด

     

                    “ไม่เอาน่าฮีชอล... ร้องไห้อย่างนี้ฉันก็เหมือนคนเลวน่ะสิ บอกแล้วไงว่าอย่าขัดใจฉันก็พอ” ชีวอนหันมาลูบไล้ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาแทน

     

                    “ถ้านายเกลียดฉันนักก็ฆ่าฉันเลย ฮึก... ยิงฉันให้ตายด้วยมือของนาย” มือบางจับปลายกระบอกปืนมาจ่อตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูง

     

                    ยิงให้ตายงั้นเหรอ... ตายไปแล้วมันจะเจ็บปวดได้ยังไงล่ะ? ความทรมานของคนเป็นมันน่าภิรมย์กว่าเยอะ!!ชีวอนสบสายตาร่างบางนิ่ง ไม่ยอมเหนี่ยวไกปืนทำตามที่ร่างบางร้องขอ

     

                    “ยิงสิ!! แล้วเรื่องทั้งหมดมันจะได้จบลงสักที!!” ฮีชอลพูด

     

                    “นั่นสินะ ยิงเธอซะตรงนี้ แล้วเหยื่อรายใหม่ของฉันจะเป็นน้องของเธอไงล่ะ! ฮ่าๆๆ” ชีวอนหัวเราะอย่างผู้มีชัย

     

                    “นายมัน... อื้อ!!!

     

                    ริมฝีปากอิ่มถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักได้รูปของชีวอนทันที ยิ่งฮีชอลบ่ายหน้าหนีเท่าไหร่ ชีวอนก็ยิ่งไล่ตามบดเบียดด้วยความรุนแรงมากขึ้น

     

                    มือหนาอยู่ไม่เป็นสุขไล่ลูบไปจนทั่ว ฮีชอลเองก็ใช้มือบางตามคอยป้องกันไม่ให้โดนลาบล้วง แต่มีหรือจะต้านทานแรงคนตัวสูงได้ นิ้วแกร่งสัมผัสถูกตุ่มเล็กๆที่หน้าอก ก่อนจะลงมือเคล้าคลึงหยอกเย้าเล่น

     

                   

     

     

     

                    “นายท่าน!! นายท่านครับ!!” เซตะทุบประตูเสียงดังปึงปัง

     

                    ฮีชอลอาศัยช่วงจังหวะนี้ผลักอกแกร่งจนเซถอยหลังออกห่างไป แล้วรีบวิ่งหนีออกมา ชีวอนอยากจะตามไปเอาตัวกลับมาลงโทษเสียให้เข็ดหลาบ แต่ติดตรงที่ลินดายังอยู่ในมือซ้าย อาวุธอันตรายไม่ควรพกพาวิ่งไปไหนมาไหน กว่าจะเก็บลินดาไว้ที่เดิม กว่าจะหันกลับมา ฮีชอลก็หนีไปไกลแล้ว จึงต้องปล่อยไปอย่างน่าเสียดาย...

     

                    “มีอะไรเซตะ? เรียกซะโวยวาย” ชีวอนหันไปถามเซตะ

     

                    “คือ.. คือป้าอึนจองบอกว่าจะกลับมาเร็วๆนี้ครับ” เซตะยกเอาชื่อแม่บ้านขึ้นมาอ้าง เพราะรู้ดีว่าชีวอนออกจะเกรงใจคนเก่าคนแก่อย่างป้าอึนจองอยู่ไม่น้อย

     

                    “อืม” ชีวอนรับคำแล้วเดินเลี่ยงกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง เซจะได้แต่มองตามตาละห้อย ก่อนแววตาจะเปลี่ยนมาดุดัน คิดถึงสภาพตอนที่ฮีชอลวิ่งออกมาแล้วก็พอรู้ว่าถ้าไม่เข้ามาขัดจะเกิดอะไรขึ้นอีก

     

                    “แกนี่มันร่านจริงๆ ฮีชอล!!” คนรับกรรมกลับกลายเป็นฮีชอล

     

     

     

     

     

                    ฮีชอลนั่งลงบนเตียงในห้องนอนของตัวเองด้วยความเหนื่อยหอบ รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ขาข้างที่เจ็บ คงเพราะออกแรงวิ่งทั้งๆที่ยังไม่หายดีเป็นแน่ แต่ก็คงดีกว่ายืนรอให้คนเลวนั่นได้ทำอย่างที่เคยทำ

     

                    “ชอลจิ.. กี้.. พี่จะอดทน!!” ฮีชอลสัญญากับตัวเอง

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

    0010111/0001111/0001110/0000011/0001100/0001110

    W  O  N  C  I  N


    เร็วๆนี้คงได้ประกาศดองฟิกแหงๆ ถ้าอ.ยังสั่งการบ้านระห่ำแบบนี้... (-____- |||)
    โครงการ SF ที่ตั้งไว้ก็ไม่กล้าเปิด... กลัวได้ดองพร้อมกันหมดทีเดียวสี่เรื่อง
    ใครที่จะเป็นครูในอนาคต... ขอร้องนะฮะ... อย่าสั่งงาน+การบ้านทีละเยอะๆ สงสารเด็กบ้าง
    T__________T

    มีคำถาม... ทำไมหลายคนไม่อยากให้แฝดสลับตัวกัน??
    รู้นะว่าคิดอะไรอยู่.... คึคึึคึ >0<

    SG08 แต่งเสร็จหลังจากที่ดู Intimate Note เวอร์ชันซับไทยจนจบแล้ว

    HeeSica~ ฮาสาดด!! แต่ยอมรับว่าคิมฮีสวยจริงๆ ตอนแรกที่เห็นฮยอกว่าสวยแล้วนะ แต่ฮีสวยกว่า~ >[]<

    ยิ่งเห็นคยู.. ก็ยิ่งมองดูว่าน่ารัก! “ผมไม่อยากเป็นน้อง”, “เป็นของผมคนเดียว” ดูแต่ละประโยคของน้องเล็กสิ! จิ้นคยูกะมินไปแล้ว แต่ตอนหลังคุณชายกลับเล่นบอกทุกคนเหมือนกันหมด! 555 5

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×