ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] SiLLy Game,, (WonCin, KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #12 : SiLLy Game 07 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 52


    SiLLy Game 07

     

     

     

     

     

     

    ณ วันใหม่,,

     

     

     

     

                    เช้านี้คยูฮยอนตื่นเร็วเป็นพิเศษ จึงตัดสินใจออกมาดูแลสวนข้างบ้านแทนที่จะนั่งๆนอนๆอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างไร้ประโยชน์ ที่สำคัญ... คยูฮยอนแอบหวังเล็กๆว่าจะได้เจอเพื่อนบ้านคนน่ารักอีกครั้ง

     

     

                    “เอ้า! รดน้ำแล้วก็โตไวๆซะนะ~” คยูฮยอนถือสายยางฉีดไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

     

                    “คิคิคิ นายนี่แปลกจริงๆ คุยกับทุกอย่างไปซะหมด” แล้วก็อย่างคยูฮยอนคิดไว้ เพื่อนบ้านน่ารักๆอย่างซองมินเดินออกมาที่สวนเช่นเดียวกัน ราวกับเจ้าตัวจะรู้ว่ามีใครอยากเจอ

     

                    “อรุณสวัสดิ์นะซองมิน ^^” คยูฮยอนส่งเสียงทักทายเพื่อสร้างความคุ้นเคย

     

                    “อื้ม! อรุณสวัสดิ์~ วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้าเลยเนอะ!” ซองมินทักทายตอบ

     

                    “ปกติก็ตื่นเช้าอยู่แล้วล่ะ” คยูฮยอนพูด ... แต่วันนี้ตื่นเร็วเป็นพิเศษเพราะอยากจะเห็นหน้าซองมินไวๆไงล่ะ~

     

                    “นึกว่ารีบตื่นมารอเจอใครซะอีก~ คิกๆ” ซองมินหัวร่อต่อซิกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปบ้านของตัวเอง ทำให้คนที่อุตส่าห์มารอแต่เช้าถึงกับมองตามตาละห้อย

     

                    ว๊า~ ไปซะแล้ว! เพิ่งคุยกันได้นิดเดียวเอง!คยูฮยอนคิดในใจ

     

     

                    คนน่ารักหันกลับมามองแบบฉับพลัน จนคยูฮยอนเบนหน้าหนีหลบสายตาคู่สวยแทบไม่ทัน มือหนายกสายยางฉีดพรมต้นไม้ไปเรื่อยเพื่อความแนบเนียน

     

                    “ว่างๆก็แวะมาที่บ้านฉันนะ! ^^

     

                    ซองมินทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าบ้านไปจริงๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้นคยูฮยอนก็แทบอยากจะทิ้งสายยางแล้วเดินตามไปในทันทีทันใด แต่เพราะต้องวางท่าไว้สักเล็กน้อย จึงนับหนึ่งถึงร้อยในใจก่อนจะเก็บสายยางเข้าที่แล้วรีบเดินตามไปโดยเร็ว

     

     

                    ก็คนน่ารักชวนทั้งที... ถ้าไม่ไปก็ใจร้ายเกินไปล่ะ!

     

     

     

     

     

     

                    “วาดรูปเหรอ?” คยูฮยอนที่เดินตามเพื่อนบ้านมาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าคนน่ารักกำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่สนามหญ้าเล็กๆหน้าบ้าน และมีอุปกรณ์วาดภาพอย่างแท่นวางภาพ สี พู่กัน และจานสีวางอยู่ระเกะระกะบนพื้นด้านล่าง

     

                    “ทำไม? นายเห็นเป็นเครื่องซักผ้าเหรอ?” ซองมินจ้องตากลับ

     

                    “ก็ไม่ใช่อย่างนั้น...” คยูฮยอนปฏิเสธ “แค่นึกไม่ถึงว่าเธอจะชอบวาดภาพเท่านั้นเอง”

     

                    “อืม.. ฉันชอบวาดรูปเวลาเหงาๆน่ะ” ซองมินตอบ

     

                    “งั้นตอนนี้เธอกำลังเหงาอยู่ล่ะสิ?” คยูฮยอนถามต่อทันที

     

                    ซองมินไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับส่งรอยยิ้มสดใสเป็นคำตอบเสียแทน ก่อนจะหันกลับไปสนใจแผ่นกระดาษที่อยู่ตรงหน้า มืออวบจับพู่กันจรดลายเส้นลงบนกระดาษอย่างชำนิชำนาญจนคนที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับมองตามด้วยความเพลิดเพลิน

     

                    “จะยืนดูอีกนานมั้ย?” มืออวบหยุดเคลื่อนไหว แล้วหันกลับมามองคยูฮยอนที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ทางด้านหลัง

     

                    “งกจัง! ฉันดูอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?” คยูฮยอนเบ้ปากใส่

     

                    “เฮ้อ~ นายนี่มันชอบคิดอะไรไปเองจริงๆ ฉันหมายความว่าให้นายไปหาเก้าอี้มานั่งตะหากล่ะ!” ซองมินพูด

     

                    “จริงด้วยเนอะ! ^^ งั้นขอยืมเก้าอี้ที่นี่หน่อยแล้วกัน” คยูฮยอนพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในบ้านของซองมินด้วยถือว่าเจ้าบ้านได้อนุญาตแล้ว คนตัวอวบมองตาพลางส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะหันกลับมาละเลงสีลงบนภาพต่ออย่างตั้งใจ

     

     

                    คยูฮยอนคว้าได้เก้าอี้หัวโล้นที่วางอยู่ในห้องรับแขกแล้วรีบเดินกลับออกมาเพราะไม่อยากพลาดชมการสรรค์สร้างงานศิลปะของซองมินแม้แต่วินาที พลันคยูฮยอนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

     

     

                    แล้ว... ซองมินรู้ได้ยังไงว่าเราชอบคิดมาก?!

     

     

                    คยูฮยอนชะงักฝีเท้าของตัวเองทันที ยืนค้างเติ่งอยู่ตรงประตูบ้าน พลางใช้ความคิดทบทวนคำพูดที่ผ่านมาระหว่างตนเองและซองมิน แล้วก็ได้คำตอบว่าไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ซองมินทราบถึงขนาดนี้แน่นอน

     

     

                    “นี่~!! มาช่วยฉันเลือกสีหน่อยสิ!” ซองมินตะโกนเรียก คยูฮยอนจึงสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป... บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวเองเป็นคนชอบคิดมาก จึงชอบเอารายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างนี้มาผูกติดเป็นเรื่องราวก็เป็นได้

     

                    สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือซองมินและภาพวาดต่างหากล่ะ อย่าคิดมากสิคยูฮยอน...

     

     

     

     

                    “ไหนๆ ลงสีตรงไหน?” คยูฮยอนวางเก้าอี้ลงข้างๆซองมินแล้วนั่งลง

     

                    “ตรงปีกหงส์.. ส่วนปลายน่ะ นายว่าใช้สีอะไรดี?” ซองมินชี้ไปที่ปลายปีกสยายของรูปหงส์ที่ตนเองวาดขึ้นมาให้คยูฮยอนดู

     

                    “สี... อืม... น้ำเงินจางๆเป็นไง?” คยูฮยอนเสนอ

     

                    “ก็ดีนะ! ^^ อ๊ะ!!” จังหวะที่ซองมินหันหน้ามามองคู่สนทนา ด้วยความที่ไม่รู้ว่าคยูฮยอนขยับมานั่งใกล้ชิดมากขนาดนี้ ระยะห่างระหว่างใบหน้าของคนทั้งสองจึงใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย

     

                    สายตาสบประสานกันเนิ่นนาน ไม่รู้ว่าเพราะกำลังเล่นเกมจ้องตา หรือเพราะไม่สามารถละสายตาจากกันได้กันแน่ ตอนนี้ทั้งคู่จึงได้แต่จ้องมองกันและกันไปมาอย่างไม่รู้สึกเบื่อ ดวงตาเสมือนหน้าต่างของหัวใจจริงๆ เพราะคยูฮยอนรู้สึกเหมือนกับกำลังโดนตาคู่สวยรีดเร้นความลับออกไปเสียอย่างนั้น

     

     

     

                    “แง้ว วว วว”

     

                    เสียงของฮีบอมเรียกสติของทั้งสองคนกลับมาให้อยู่กับเนื้อกับตัวได้อย่างดิบดี ซองมินเป็นฝ่ายหลบสายตาออกมาก่อน แล้วหันไปมองสัตว์เลี้ยงของตัวเองทันที ส่วนคยูฮยอนยังคงมองตามคนน่ารักด้วยสายตาอ้อยอิ่ง เหมือนกับจะอ้อนวอนให้กลับมาเล่นเกมจ้องตากันอีกครั้ง

     

                    “ฮีบอม~ มานี่มา~” ซองมินวางพู่กันลง มืออวบอุ้มแมวตัวโปรดขึ้นมาไว้แนบอก

     

                    “ว่าไงฮีบอม~!” คยูฮยอนยื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสกับขนนุ่มของฮีบอม แต่ทว่าเจ้าแมวน้อยกลับส่งเสียงขู่ฟ่อจนต้องรีบชักมือกลับมา

     

                    “อ้าว! นี่เรายังไม่ญาติดีกันอีกเหรอ?!” คยูฮยอนจิ๊ปากอย่างขัดใจ

     

                    “ฮีบอมเลือกคบเฉพาะคนนิสัยดีน่ะ ^^” ซองมินตอบคำถามแทน

     

                    “นี่ฉันยังดีไม่พออีกเหรอเนี่ย~” คยูฮยอนพูด

     

                    ซองมินปล่อยฮีบอมให้เป็นอิสระอีกครั้ง หางยาวๆของฮีบอมสะบัดไปโดนจานสีที่วางอยู่บนพื้นจนคว่ำ สีส่วนหนึ่งกระเซ็นไปเลอะกางเกงขายาวของคยูฮยอน

     

                    “ตายล่ะ!! ฮีบอม~!!” ซองมินเอ็ดแมวของตัวเองทันที เจ้าแมวฮีบอมจึงกระโจนหนีหายจ๋อมไปในพุ่มไม้ ทิ้งให้คยูฮยอนนั่งหน้าเหวออยู่กับที่

     

                    “เข้าไปล้างข้างในเถอะ~” ซองมินกึ่งลากกึ่งจูงมือของคยูฮยอนเข้าไปในบ้านเพื่อล้างคราบสีน้ำออก

     

                    “ขอโทษนะ~” ซองมินพูดขณะที่กำลังก้มลงล้างสีให้

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก.. มาๆฉันล้างเอง” คยูฮยอนนั่งลงอีกคน ทำให้ศีรษะของทั้งสองคนกระแทกกันเล็กน้อย แต่ก็พอทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดๆได้เลยทีเดียว

     

                    “โอ๊ย!!” ซองมินยกมือขึ้นมาจับหัวของตัวเอง

     

                    “เจ็บมั้ยๆ ขอโทษที” คยูฮยอนดึงมืออวบออกแล้วดูให้

     

                    “งั้น... ก็หายกันนะ! ^^” ซองมินบอก

     

                    “อืม ^^” คยูฮยอนยิ้มให้กับความน่ารักและมองโลกในแง่ดีของคนตัวอวบ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะโกรธตีโพยตีพายว่าเป็นความผิดของคนนั้นคนนี้ หรือไม่ก็โอดครวญไม่จบไม่สิ้น แต่ซองมินไม่ใช่เลยสักนิดสามารถทำให้บรรยากาศเครียดๆกลับมาสดใสได้เสมอ...

     

     

                    ซองมินคนน่ารัก~ ^^

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     

     == 40% ==

     

     

     

     

                    ชีวอนนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารโดยมีเซตะคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ สายตาคมแกร่งเหลือบมองหาใครบางคนแต่ทว่าไม่มีแม้แต่เงา จึงเอ่ยปากถามเชตะ

     

     

                    “คนรับใช้คนใหม่ไปไหน?” สรรพนามที่ใช้เรียนฮีชอลไม่ต่างจากคำพูดของนายจ้างทั่วไป ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าระหว่างเขาและฮีชอลมันต่างชนชั้นกันจริงๆ

     

                    “ฮีชอลเหรอครับ?” เซตะแสร้งถามทั้งที่ในใจรู้ดีว่าชีวอนหมายถึงใคร ออกจะหงุดหงิดใจไม่น้อยที่เรียกหากันตั้งแต่เช้าอย่างนี้

     

                    “ใช่” ชีวอนตอบเสียงเรียบ

     

                    “คือ... เมื่อเช้าผมไปปลุกฮีชอลแล้วครับ แต่ว่าเขาบอกว่าไม่เห็นหน้าใครบางคนก็เลยไม่ยอมลงมา”

     

                    จริงๆแล้วเมื่อเช้าเซตะแค่เข้าไปดูเฉยๆเท่านั้น พอเห็นรอยแดงๆตามเนื้อตัวของฮีชอลที่ยังหลับไหลอยู่ก็รีบออกมาทันทีด้วยความโมโห ไหนๆฮีชอลก็ไม่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยกันแล้ว เซตะจึงถือโอกาสแต่งเสริมเติมเรื่องใส่ร้ายฮีชอลให้หายแค้นสักหน่อย         

     

                    “หึ! นึกว่ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคุณหนูรึไง?! ฉันจะไปลากลงมาเอง!” ชีวอนทำท่าจะลุกขึ้นไปทำตามที่พูด แต่เซตะก็รั้งไว้ก่อนเพราะกลัวความแตก

     

                    “อ๊ะ! อย่าเลยนะครับนายท่าน... บางทีฮีชอลอาจจะไม่คุ้นที่คุ้นทางก็เลยหงุดหงิดไปอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวผมทำงานบ้านทุกอย่างคนเดียวจนเสร็จแล้วจะเข้าไปเตือนให้ดีกว่านะครับ” เซตะพยายามพูดให้ดูเหมือนว่าตัวเองเป็นคนดีที่ยอมทำงานสารพัดแทนฮีชอล และคอยปกป้องฮีชอลต่อหน้าชีวอน

     

                    “นายนี่เป็นเด็กดีเสมอเลยนะ” รอยยิ้มที่หาได้ยากจากใบหน้าหล่อเหลากลับปรากฎให้เซตะเห็นอย่างง่ายดาย เชตะถึงกลับใจพองโตด้วยความยินดี อย่างน้อยชีวอนก็เอ็นดูตัวเองมากกว่าฮีชอลหลายเท่านัก

     

                    “เพื่อนายท่าน... ผมทำได้ทุกอย่างครับ” เซตะพูด

     

     

     

     

                    ชีวอนนั่งลงทานอาหารเช้าจนหมดแล้วออกไปข้างนอกตามปกติ เซตะตามมาส่งจนถึงรถแถมยังมองตามจนลับตา รอยยิ้มใสซื่อเปลี่ยนเป็นแววตาอาฆาตจ้องมองไปยังด้านบนของบ้าน... ฮีชอลยังคงนอนหลับอยู่ด้านบนโดยไม่รู้เลยว่าภัยร้ายกำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที

     

     

     

                   

     

     

                    “ตื่น!! ตื่นสิฮีชอล!!!” เซตะเขย่าตัวฮีชอลอย่างแรง โดยไม่สนใจเลยว่าคนโดนเขย่าจะเจ็บแค่ไหน

     

                    “อือ~ เซตะ... เซตะเหรอ?” ฮีชอลตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า สายตาทั้งสองข้างพยายามปรับรับแสงแดดยามเช้า

     

                    “ใช่! ตื่นได้แล้วล่ะมั้ง เดี๋ยวผมต้องออกไปซื้อของมาทำอาหารเย็นเตรียมให้นายท่าน ฝากทำงานบ้านด้วยนะ อ้อ! นายท่านสั่งให้นายทำความสะอาดสระว่ายน้ำด้วย อย่าลืมซะล่ะ!!” เซตะเน้นย้ำให้ฮีชอลฟัง

     

                    “ฉัน... ฉันรู้สึกไม่ค่อยมีแรงเลย...” ฮีชอลร่างกายอ่อนเพลียอย่างหนัก ทั้งที่ถูกทารุณเมื่อคืน แถมตอนกลับมาที่ห้องก็หลับไปทั้งๆที่มีแค่ผ้าปูที่นอนบางๆพันตัวไว้ ฮีชอลจึงรู้สึกว่าเหมือนตัวเองมีไข้รุมๆ ทำให้ลุกขึ้นมาไม่ไหว

     

                    “สำออย...” เซตะพูดเบาๆพอให้ตัวเองได้ยินเท่านั้น สายตาที่จ้องมองฮีชอลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

     

                    “ไม่ได้หรอกนะ... นายต้องลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นถ้างานบ้านไม่เรียบร้อยผมต้องโดนนายท่านไล่ออกแน่ๆ” เซตะแสร้งปรับเสียงตัวเองให้สั่นเครือเมื่อพูดว่าจะโดนไล่ออก

     

                    “ไม่... ไม่นะ!! ตกลงเดี๋ยวฉันจะทำงานบ้านทั้งหมดเอง” ฮีชอลรีบบอกทันที เพราะไม่อยากให้คนดีๆอย่างเซตะต้องมาโชคร้ายเพียงเพราะอารมณ์แปรปรวนของผู้ชายคนนั้น ไม่อยากให้ใครต้องมารับเคราะห์กรรมเหมือนตัวเอง

     

                    “อย่าลืมนะ... นายต้องล้างสระว่ายน้ำด้วย” เซตะย้ำอีกรอบก่อนจะเดินออกมาจากห้อง โดยไม่แม้แต่จะช่วยพยุงฮีชอลให้ลุกขึ้นมาจากที่นอนเลย ทันทีที่ประตูห้องปิดลงเซตะก็เหยียดยิ้มเยาะออกมา

     

     

                    “ตายไปซะได้ก็ดี!

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

    =[60%]= 

     

     

     

     

                    ฮินชอลยอมลางานหยุดอยู่ที่บ้านหนึ่งวัน ไม่ใช่เพราะมีบ้านหลังใหญ่อยู่แล้วเลยไม่อยากทำงาน แต่เพราะตั้งใจว่าวันนี้จะถามฮันเกิงให้รู้เรื่องว่างานที่ฮีชอลไปทำคือไร ทำที่ไหน และจะติดต่อได้ยังไงต่างหาก ยิ่งรอคอยก็เหมือนเวลายิ่งเดินไปช้าๆ ขายาวเดินไปเดินมาภายในบ้าน เรียกว่ากระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติดเลยทีเดียว

     

     

                    ปี๊น... ปี๊น...

     

     

                    ทันทีที่เสียงรถดังขึ้นหน้าบ้าน ฮินชอลก็รีบวิ่งออกไปหวังจะได้เจอกับคนที่เฝ้ารอ แต่ก็ผิดคาดเพราะรถที่วิ่งเข้ามาเป็นรถสปอร์ตสีแดง ต่างจารถคันสีดำสนิทของฮันเกิง ไม่ช้าแขกผู้มาเยือนก็ลงมาจากรถ

     

                    “นาย!!” ฮินชอลจำได้ว่าเคยเจอคนๆนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน

     

                    “สวัสดีครับ ผมอี ฮงกิ ^^” ฮงกิเป็นฝ่ายทักทายก่อน โดยไม่พูดเรื่องที่ตัวเองและฮินชอลเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้

     

                    “คุณ... มีธุระอะไร?” ฮินชอลเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วเอ่ยถามออกไป

     

                    “วันนี้ผมมาแทนฮันเกิงครับ พอดีเขามีธุระต้องรีบกลับประเทศจีน จากนี้ไปหนึ่งสัปดาห์ของฝากตัวด้วยนะครับ! ^^” ฮงกิอธิบายให้ฮินชอลฟัง ซึ่งฮินชอลถึงกับหน้าซีด เพราะนั่นหมายความว่าโอกาสที่จะได้รู้ข่าวคราวของฮีชอลก็ต้องเลื่อนออกไปอีกหนึ่งอาทิตย์ด้วย

     

                    “คุณพอจะติดต่อคุณฮันเกิงให้ผมได้มั้ยครับ?” ฮินชอลถาม

     

                    “ทำไมเหรอครับ? หรือว่าคุณมีธุระด่วนอะไร... ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ผมจะ..” ฮงกิจะพูดต่อแต่โดนฮินชอลขัดบทไว้ซะก่อน

     

                    “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ แต่ผมอยากจะถามเรื่องพี่ชายฝาแฝดของผมต่างหาก” สำหรับฮินชอลแล้วเงินทองมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย เป็นเพียงวัตถุที่ใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของกับคนอื่นเท่านั้น

     

                    “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ บางทีผมอาจจะพอช่วยได้” ฮงกิบอก

     

                    “ผมอยากจะติดต่อกับฮีชอลน่ะครับ เอ่อ... อีกสองวันก็จะประกาศผลสอบของคยูฮยอนแล้ว เลยอยากให้เจ้านั่นกลับมาเลี้ยงฉลองด้วยกัน” ฮินชอลยกเรื่องผลการสอบของน้องชายคนเล็กมาบังหน้า

     

                    “อ๋อ~ งั้นผมจะลองถามชี... เอ่อ... ถามเจ้านายของฮีชอลให้แล้วกัน” ฮงกิเกือบเผลอหลุดปากเรียกชื่อเพื่อนสนิทออกไป

     

                    “งั้นผมขอที่อยู่ขอเจ้านายของไอ้ชอลเลยได้มั้ยครับ? ผมว่าไปถามเองคงจะเร็วกว่า” ฮินชอลพูด

     

                    “เอ่อ... คงไม่สะดวกนะครับ เพราะว่าเขาเองก็เพิ่งบินไปญี่ปุ่นเรื่องงานเมื่อวานนี้เอง เอาเป็นว่าผมจะติดต่อให้ก็แล้วกัน” ฮงกิโป้ปดออกไป ขืนให้ที่อยู่ของชีวอนไปมีหวังแผนการทุกอย่างที่ชีวอนวางไว้ต้องล้มไม่เป็นท่าแน่ๆ

     

                    “เอ้อ! แล้วน้องชายคุณไปไหนซะล่ะครับ?” เมื่อเห็นว่าฮินชอลตีสีหน้าครุ่นคิด ฮงกิเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปซะเพื่อบ่ายเบี่ยงคำถามที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้อีก

     

                    “อ๋อ! เห็นไปบ้านข้างๆตั้งแต่เช้าแล้วครับ... เชิญคุณฮงกิเข้ามาข้างในก่อนดีกว่าครับ” ฮินชอลเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้าน ยังไงซะตอนนี้ครอบครัวก็ต้องพึ่งพาคนพวกนี้ไปอีกสักพักใหญ่ ทำดีต่อกันไว้น่าจะดีที่สุด

     

                    “ขอบคุณครับ ^^” ฮงกิเดินผ่านเจ้าบ้านเข้าไปข้างในอย่างว่างาย

     

     

                    ฮินชอลยังคงยืนคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงต่อไปดี น่าเสียดายที่เมื่อวานไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อนเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ฮินชอลถอนหายใจออกมาแรงๆหนึ่งครั้งก่อนจะเดินตามเข้าไปในบ้านอีกคน

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     

     

     

     

     

     

                    ฮีชอลพยุงตัวเองจนไปถึงห้องน้ำอย่างยากลำบาก มือบางเปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลผ่านร่างกายไปเรื่อยๆ ร่องรอยฉีกขาดและตุ่มไตที่โดนกัดจนเป็นแผลทำให้ฮีชอลเจ็บแสบเมื่อน้ำไหลผ่านบริเวณนั้น ยิ่งพอก้มลงมองดูสภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้ น้ำตาก็ไหลลงมาดื้อๆ ร่างกายที่แสนสกปรก...

     

     

     

    ร่องรอยที่ชีวอนทิ้งไว้มันยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวด มือบางถูลงบนผิวอย่างแรงพยายามที่จะลบรอยเหล่านั้นออกไปให้หมด  แต่ยิ่งออกแรงเท่าไหร่ความเจ็บปวดทางร่างกายและเลือดแดงๆก็ไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น

     

     

     

                    ขาทั้งสองข้างจึงทรุดลงนั่งกับพื้นในห้องน้ำ ปล่อยให้สายน้ำชะล้างน้ำตาและมลทินออกไป ฮีชอลนั่งกอดเข่าตัวเองแน่น เสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นก็ไม่อาจกลบเสียงสะอื้นของฮีชอลได้เลยแม้แต่น้อย

     

     

                    “ฮึก... ฉันเกลียดนาย... ฉันเกลียดนาย!!!

     

     

     

     

     

     

                    เซตะยังคงนั่งรออยู่ข้างล่าง เมื่อเห็นว่าฮีชอลเดินลงมาแล้วก็แสร้งตีหน้าซื่อเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

     

                    “นายดูหน้าซีดมากเลยนะฮีชอล...”

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกเซตะรีบออกไปซื้อของเถอะ” ฮีชอลพูดเพื่อไม่ให้เซตะต้องเป็นห่วง

     

                    “อืม! งั้นฉันไปล่ะนะ” เซตะเองก็ไม่ได้คิดจะห่วงหาอาทรอะไรอยู่แล้ว จึงรีบออกจากบ้านไปทันที

     

     

     

     

     

     

                    “เริ่มจากอะไรก่อนดีล่ะ?”

     

     

                    ฮีชอลมองไปรอบบ้านๆแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าน่าจะเริ่มจากการซักผ้าทั้งหมดเสียก่อน จึงเดินกลับไปชั้นบนเก็บเสื้อผ้าจากตะกร้าของทุกห้อง แม้แต่ห้องของเซตะก็ด้วยทั้งที่ความจริงแล้วแค่ซักเสื้อผ้าของชีวอนก็พอ

     

                    มือบางชะงักไปเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีผ้าปูที่นอนอยู่ที่ห้องตัวเอง ฮีชอลไม่อยากเห็น... ไม่อยากเห็นอะไรก็ตามที่จะทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนอีก แต่ก็ต้องจำใจกลับไปเก็บมันมาด้วย

     

     

                    “มันจะไม่เป็นอย่างนี้อีก!!” ฮีชอลมองคราบเลือดที่ติดอยู่บนผ้าด้วยสายตาเจ็บปวด พร้อมทั้งสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง

     

     

                    ฮีชอลขนเสื้อผ้าทั้งหมดมาหลังบ้านเตรียมยัดใส่เครื่องซักผ้ารุ่นทันสมัย แต่เมื่อกดปุ่มสวิทช์ เครื่องมือไฮเทคกลับไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย

     

     

                    “เฮ้ย~ อย่าบอกนะว่ามาเสียเอาตอนนี้น่ะ?!

     

     

                    ฮีชอลบ่นออกมา เพราะจำนวนเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้คงจะกินแรงและเวลาไปเยอะเลยทีเดียว แต่เพื่อไม่ให้งานทุกอย่างล่าช้าตามกันหมดฮีชอลจึงต้องจัดการซักมือทั้งหมดอย่างช่วยไม่ได้

     

     

                    กว่าจะซักผ้ากองโตเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง ร่างบางจึงต้องรีบล้างจานและทำความสะอาดภายในบ้านต่อทันที แต่วันนี้ดูเหมือนอุปกรณ์ทุ่นแรงทุกอย่างจะพร้อมใจกันเสีย ทั้งเครื่องดูดฝุ่น เครื่องล้างจาน นี่ยังไม่นับถึงเครื่องปรับอากาศภายในบ้านด้วย แดดแรงๆช่วงตอนเที่ยงวันทำให้ฮีชอลรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิดแต่ก็ยังกัดฟันทนทำงานต่อไป

     

     

                    เมื่อก่อนเคยเหนื่อยกว่านี้ด้วยซ้ำ แค่งานบ้านแค่นี้ฉันต้องทำได้สิ!!        

     

     

     

     

     

     

                    ทางด้านเซตะคนที่บอกว่าจะออกมาซื้อของใช้ ตอนนี้กำลังนั่งอย่างสบายใจอยู่ในโรงหนังของห้างดัง

     

                    “แค่ซื้อของน่ะสองสามชั่วโมงก็เสร็จแล้ว... ไหนๆวันนี้ก็ว่างทั้งวันดูหนังให้สบายใจดีกว่า หึหึหึ” เซตะเหยียดขายาวออกไปแล้วเอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้ตัวนุ่ม

     

                    อุตส่าห์เสียเวลาไปกับการทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียตั้งหลายตัว จึงรู้สึกเหนื่อยนิดๆ พลางใช้สมองจินตนาการไปว่าตอนนี้ฮีชอลคงกำลังลงมือล้างสระว่ายน้ำอยู่แน่ๆ ซึ่งปกติจะมีบริษัททำความสะอาดข้างนอกมาทำให้ แต่เซตะปรารถนาดีจึงโทรไปยกเลิกให้จนหมด

     

                    ไม่ช้าไฟในโรงหนังก็ถูกหรี่ลงจนเกือบมืดสนิท หนังเรื่องโปรดกำลังจะเริ่มฉาย เซตะหยิบป็อปคอร์นขึ้นมากินอย่างสบายอารมณ์

     

     

     

     

     

     

                    แล้วก็เป็นอย่างที่เซตะคิดไว้ ตอนนี้ฮีชอลกำลังเตรียมตัวล้างสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตามลำพัง เพื่อความสะดวกจึงเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น กับเสื้อยืด มีผ้าปิดศีรษะเอาไว้ป้องกันความร้อนระอุจากแสงพระอาทิตย์

     

                    ฮีชอลหยิบไม้ขัดพื้นด้ามยาวไว้แล้วค่อยๆเดินลงไปในสระที่ตอนนี้ถูกระบายน้ำออกไปจนหมดแล้ว

     

                    “มันต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนล่ะเนี่ย? เกิดมาก็ไม่เคยมีสระว่ายน้ำกับเขาด้วยสิ!” ฮีชอลหันรีหันขวางไม่รู้ว่าเริ่มจากอะไรก่อนดี จึงตัดสินใจลงมือขัดพื้นด้านล่างก่อนเป็นอันดับแรก

     

                    คราบตะไคร่น้ำสีเขียวเมือกลื่นที่กระจายอยู่ทั่วบนพื้นจัดการยากกว่าที่คิด แค่อาศัยแรงขัดก็ไม่ได้ออกกันง่ายๆ ฮีชอลจึงกลับไปเอาผงซักฟอกมาช่วยทุ่นแรงอีกที

     

     

                    โครกกก กกก~!!

     

     

                    ท้องของฮีชอลร้องลั่น... มือบางลูบไปบนท้องแบนเบาๆ แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หันมองนาฬาก็พบว่าเวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายสองแล้ว

     

                    “ฉันพลาดทั้งข้าวเช้าและข้าวเที่ยงเลยหรือเนี่ย?” ฮีชอลพูดกับตัวเอง

     

                     ฮีชอลเดินเข้าครัวคิดจะทำอาหารง่ายๆรองท้อง แต่พอเปิดตู้เย็นกลับไม่เจอวัตถุดิบใดๆมีเพียงนมสดขวดเดียวเท่านั้น

     

                    “ตายจริง! เซตะกำลังออกไปซื้อของมานี่เนอะ... เอาไงดีล่ะ ฉันหิวแล้วนะ~” ฮีชอลพยายามหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่ทว่าก็ไม่มีเช่นกัน จึงต้องจำใจดื่มนมสดขวดนั้นรองท้องไว้ก่อน

     

                    เมื่อกระเพาะเลิกส่งเสียงร้องแล้ว ฮีชอลก็กลับไปทำตามหน้าที่เหมือนเดิม แต่เพราะด้วยความไม่ระมัดระวัง เท้าจึงเหยียบตะไคร่น้ำลื่นไถลล้มลงไปก้นกระแทกพื้นเข้าอย่างแรง

     

                    “โอ๊ยย!!” ฮีชอลร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

     

     

     

                    แต่ในขณะที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยอย่างนี้ ฮีชอลจึงได้แต่กัดฟันอดทนค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมา แรงกระแทกสักครู่ทำให้ข้อเท้าด้านซ้ายปวมเบ่งจนเดินไม่ไหว เมื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องนั่งจมปุ๊กอยู่ในสระอย่างนั้น

     

                    “อ้าว? นั่นลงไปทำอะไรในนั้นน่ะ?”

     

                    ฮีชอลใช้มือป้องตากันแสงแดดหันกลับไปมองแขกผู้มาเยือน

     

                    “คุณ! คุณฮันเกิง?!

     

     

     

     

                   

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

     

     [100%]

     

     

     

     

                    ฮงกิเข้ามาหาชีวอนที่คอนโดตอนบ่าย เพราะอยากจะนำเรื่องที่ฮินชอลพูดมาเล่าให้ฟัง เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันทั้งฮันเกิงและฮงกิต่างก็มีคีย์การ์ดห้องของชีวอนเก็บไว้ เจ้าตัวเลยเข้าไปได้โดยไม่ต้องกดออดให้เสียเวลา

     

     

                    “อ๊า.... อื้ม.... ชีวอน.... เยี่ยมไปเลย.....”

     

     

                    เสียงครวญครางของผู้หญิงดังเล็ดลอดออกมาจากห้องนอนด้านใน ประตูห้องแย้มออกเล็กน้อยพอให้ฮงกิมองลอดผ่านเข้าไปได้ ชีวอนและหญิงสาวคนหนึ่งกำลังบรรเลงบทรักอยู่ด้วยกัน

     

     

                    นิสัยชอบพาผู้หญิงมากกไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ

     

     

                    ฮงกิเดินออกมานั่งรอที่โต๊ะด้านนอกริมระเบียง หมูกำลังโดนหามเลยไม่อยากจะเอาคานเข้าไปสอด และไม่อยากได้ยินเสียงอุจาดให้ระคายหู ผู้หญิงพวกนี้ก็เป็นแค่ทางผ่านของชีวอนเท่านั้น ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเห็นเพื่อนรักจริงจังกับคนไหนสักที!

     

     

                    มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์เพื่อนรักอีกคน อย่างน้อยคงพอจะหาคนคุยฆ่าเวลารอชีวอนได้    แต่ทว่าปลายสายก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย

     

                    “อะไรวะ!? คนนึงก็ฟาดสาว อีกคนก็หายจ๋อม! เซ็งโว้ยย ย” ฮงกิเปิดเกมส์ไพ่ในโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแก้เบื่อแทน

     

     

     

     

     

                    “ชีวอนคะ คืนนี้ฉันมาค้างอีกได้ม๊า~” หญิงสาวใบหน้าสะสวย รูปร่างดี มีดีกรีเป็นถึงนางแบบระดับท๊อปโมเดลกำลังเกาะแขนออดอ้อนชีวอน

     

                    “ไม่ต้อง!! กลับไปได้แล้ว!!” ชีวอนตะคอกลั่น เขาทำอย่างนี้กับคู่นอนทุกคน ได้แล้วก็ทางใครทางมัน ชีวอนคิดอยู่เสมอว่าถ้ายอมอ้าขาให้เขาได้ คนพวกนี้ก็ต้องยอมอ้าขาให้คนอื่นๆได้เหมือนกัน!

     

                    “แต่ทิฟยังติดใจคุณอยู่เลยน๊า~” นิ้วเรียวยาวที่เล็บถูกแต้มแต่งด้วยสีแดงสด กำลังลากไล้ไปบนอกแกร่งยาวมาจนถึงหน้าท้อง

     

                    ชีวอนรีบคว้ามือคู่นั้นให้ออกมาห่างจากตัวเอง พลางบีบข้อมือแน่นซะจนหญิงสาวใบหน้าบิดเบี้ยว

     

                    “อย่าให้ฉันต้องไล่ซ้ำ... ไปซะ!!

     

                    มือหนาสะบัดหญิงสาวทิ้งอย่างไม่ใยดี ทิฟหรือทิฟฟานี่มองหน้าชีวอนด้วยความโมโห ก่อนจะกระทืบเท้าเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูอย่างแรงจนสะเทือนไปทั่ว

     

     

     

                    “นั่น... นางแบบใช่เปล่า?” ฮงกิเดินกลับเข้ามาในห้อง

     

                    “มาได้ไงวะ?!” ชีวอนถามกลับ

     

                    “ก็มาอย่างนี้แหละ... นั่งรออยู่นานแล้วนะเนี่ย!” ฮงกิพูดงอนๆ

     

                    “แล้วมีอะไร?” ชีวอนถามต่อ

     

                    “เรื่องน้องชายของฮีชอลน่ะสิ!!

     

     

     

                    ฮงกิเล่าเรื่องราวให้ชีวอนฟังอย่างละเอียด ทั้งเรื่องที่ฮินชอลอยากให้ฮีชอลกลับไปเลี้ยงฉลองให้น้องชายคนเล็ก และเรื่องที่ฮินชอลดูเหมือนจะไม่โง่อย่างที่คิดดูจะระแวงไปซะหมด

     

                    “น้องชายคนที่สอบเข้ามหาลัยน่ะเหรอ?” ชีวอนถาม

     

                    “ใช่ๆคนนั้นแหละ ชื่อคยูฮยอน ดูเป็นเด็กน่ารักเรียบร้อยดี” ฮงกิอธิบายตามที่ตัวเองรู้สึกจริงๆ ถึงจะเจอกันแค่ครั้งแรกก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้จิตใจอ่อนโยน

     

                    “อย่าเมตตาศัตรู!!” ชีวอนพูดด้วยเสียงดังฟังชัด อดีตมันสอนให้รู้ว่าไม่มีใครไว้ใจได้มากกว่าตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นศัตรูหากเผลอไผลไปเมตตาด้วย นั่นหมายถึงชีวิตและความพ่ายแพ้

     

                    “ฉันไม่ได้เมตตา! แต่พูดตามที่เห็น...” ฮงกิเถียงกลับไป “แล้วตกลงเรื่องนี้จะเอาไง จะให้ฮีชอลกลับมาบ้านรึเปล่าล่ะ?”

     

                    ชีวอนนั่งคิดทบทวนอยู่สักครู่ ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฎขึ้นบนใบหน้า

     

                    “แน่นอนอยู่แล้ว... ฉันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้นนะ หึ” ชีวอนพูด

     

                    แน่นอนว่าคำพูดของชีวอนน่ะ... ฮงกิไม่เชื่ออยู่แล้ว นี่คงจะวางแผนอะไรเอาไว้อีกแน่ๆ เชื่อแล้วว่าความแค้นมันทำให้คนเราหน้ามืดตามัว แต่ในเมื่อชีวอนเป็นเพื่อนของเขา ดังนั้นฮงกิจึงขอยืนข้างเดียวกับชีวอนก็แล้วกัน

     

     

     

     

     

     

    ------------------------------------- SiLLy Game -------------------------------------

    แท่น... แทน... แท๊น... ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการเจาะใจทะลุไขสันหลัง!! \(^[]^)/

     

    MC: สวัสดีครับท่านผู้อ่านวันนี้เราได้เกียรติจากดาราใหญ่ตัวหนึ่ง... เอ๊ย! ท่านหนึ่งครับ. ถ้าพูดถึงแมวหนุ่มที่ป๊อบที่สุดในหมู่แมวสาวๆทุกคนต้องนึกถึงเขาคนนี้ครับ... ฮีบอม!!

    HB: สวัสดีครับๆ ^^

    (ฮีบอมมาในชุดโจงกระเบน โชว์เซเว่นแพ็คเอาใจแฟนคลับชาวไทย ยิ้มประสาแมวโปรยเสน่ห์ไปทั่ว)

     

    MC: ทราบว่ามาช่วงนี้คุณงานยุ่งมากเลยใช่มั้ยครับ?

    HB: ใช่ครับ ไหนผมจะต้องเดินแบบ ถ่ายแฟชั่น แสดงหนัง งานเพลง อัพไซเวิลด์แทนฮีชอล บริษัทปลากระป๋องอีกสามสี่แห่ง แล้วก็ยังมีงานอีเวนท์ทุกอาทิตย์เลยด้วย

     (ทั้งห้องส่งเต็มไปด้วยเสียงดังเซ็งแซ่ เมื่อได้รับรู้ภาระงานอันหนักหน่วงของฮีบอม)

     

    MC: แล้วอะไรทำให้คุณมารับบทในฟิกเรื่อง SiLLy Game นี่ล่ะครับ?

    HB: เหตุผลมันเหมือนชื่อเรื่องเลยล่ะครับ... Silly สุดๆ ผมไม่ได้เต็มใจมารับบทกิ๊กก๊อกอย่างนี้เลยครับ แต่เพราะไรท์เตอร์มันตามหลอน เอ่อ... ถ้าพูดให้สุภาพก็พยายามเจรจาอยู่หลายสิบรอบจนผมรำคาญ เอ่อ... เห็นใจน่ะครับ

     

    MC: ครับ. แล้วอย่างในเรื่องนี่คุณต้องรับบทเป็นแมวของซองมินรู้สึกยังไงบ้างครับ?

    HB: ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแมวนั่นแหละ...

    (ทั้งห้องส่งหัวเราะกันอย่างสนุกสนานกับมุขแมวๆของฮีบอม)

     

    MC: อยากให้คุณช่วยเล่าความประทับใจในกองถ่าย (เขียน) ฟิกเรื่องนี้หน่อยครับ.

    HB: พูดกันตรงๆแล้ว... มันไม่มีอะไรน่าประทับใจเลยครับ!

     

    MC: (ช็อคไปนิดหนึ่ง) คุณจะบอกมันไม่สนุกเลยงั้นเหรอครับ?

    HB: ผมเป็นแมวของประชาชนทั่วเกาหลีและแฟนคลับในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นจะให้มา fake ความรู้สึกออกรายการคงจะไม่แจ่มสักเท่าไหร่ ผมจริงใจกับแฟนคลับทุกคนครับ!!

    (บรรดาแฟนคลับส่งเสียงร้องเรียกชื่อฮีบอม จนฮีบอมต้องเอาเท้าหน้าจุ๊ปากให้เงียบลง)

     

    MC: แสดงว่าไรท์เตอร์คนนี้แย่มากเลยเหรอครับ?

    HB: อย่าพูดว่าแย่มากเลยครับ... เรียกว่าแย่ที่สุดในกาแลกซี่เลยดีกว่า!! =_______=^^

    (ทั้งห้องส่งฮือฮากันอีกครั้ง)

     

    MC: แต่... แต่คุณก็ยังถ่ายทำเรื่องนี้ต่อไปใช่มั้ยครับ?

    HB: แน่นอนครับ สปิริตของเผ่าแมวสีเทาขนสั้นอย่างผมมันเต็มพิกัดอยู่แล้ว

    (ฮีบอมยักไหล่ไปด้วยตอนที่ให้สัมภาษณ์)

     

    MC: งั้นช่วยฝากอะไรเกี่ยวกับแฟนๆของคุณที่ชม (อ่าน) รายการตอนนี้หน่อยครับ.

    HB: สวัสดีครับผมฮันเจฮีบอมมี่แมวหนุ่มพราวเสน่ห์ของวงการเกาหลี ผมพูดไม่ออกจริงๆว่าเรื่อง SiLLy Game นี่มันสนุก แต่เพราะว่าผมได้รับบทในเรื่องด้วย เพราะฉะนั้นช่วยติดตามต่อไปจนกว่าจะจบด้วยนะครับ!

    (ทั้งห้องส่งปรบมือให้กับความมาดแมนแสนเท่ของฮีบอมจนก้องกระหึ่ม)

     

    MC: เอาล่ะครับ วันนี้ทางรายการเจาะใจทะลุไขสันหลังของเราต้องขอขอบคุณคุณฮีบอมที่ให้เกียรติมาพูดคุยกับเราในวันนี้ด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะครับ สวัสดีคร้าบบบบ!!

     

    Writer: อย่าหวังเลยว่ามันจะมีรอบหน้าอีก!! -__-^^



    วันนี้วันอะไร?? วันเกิดไรท์เตอร์เอง~!!! ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×