คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ลำดับตอนที่ 7
“จู มึงว่าโครงการปีนี้กูจะได้มั๊ยวะ”
“แม็ก มึงเอาจริงๆป่ะ? มึงไม่ได้หรอกเชื่อกู”
“โห..ให้กำลังใจกูมั่งอะไรมั่งก็ได้นะมึง”
“ไม่เว่ย ฮ่าๆๆ”
.....ที่จริงกูก็แค่ไม่อยากให้มึงไป...
-------++++-------
“เนี่ย กูได้ไปฝรั่งเศสว่ะ มึงล่ะจู”
“อ้อ กูเหรอ? กูไปบราซิลว่ะ”
“โห....คนละทวีปเลยว่ะ ไกลเนาะจู”
“อือ ใช่ ไกล ไกลจริงๆแหละมึง ช่างแม่งเหอะ อีกปีนึงค่อยเจอกัน ขอให้อำนาจแห่งหอไอเฟลทำให้มึงสูงขึ้น ฮ่าๆ” .
“เหี้ยนี่ กูไปยืนเตี้ยมึงหัวมึงรึไง แม่ง ล้อกูจริง เดี๊ยะเหอะมึงๆ”
.
.
.
“ไกลจนกูไม่รู้ว่ากูจะไปยืนอยู่ข้างมึงได้มั๊ย เชี่ยแม็ก”
คำพูดเบาๆของผู้ชายหน้าเนิร์ดใส่แว่นธรรมดาๆคนหนึ่งถูกสายลมพัดไปไกลแสนไกล ต้องเป็นแบบนี้ถึงสามร้อยหกสิบห้าวันเลยหรือเปล่า ต้องเป็นแค่เพื่อนอีกสามร้อยหกสิบห้าวันหรือเปล่า
-----+++----
“ก็พี่ชื่อจูเนียร์ ไปแลกเปลี่ยนกลับมาจากบราซิลครับ แต่จริงๆพี่เรียนฝรั่งเศสนะ” เช้าวันหนึ่ง นักเรียนชายตัวสูงหน้าเนิร์ดใส่แว่นอันเบ้อเริ่มก็ก้าวเข้ามาในห้องเรียนแสนสุขที่เต็มไปด้วยรุ่นน้องจัญไร(?)อีกกว่าห้าสิบชีวิต
จูเนียร์กล่าวแนะนำตัวเรียบง่ายพอให้รุ่นน้องทราบว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทำไมต้องมานั่งแก่รวมกับรุ่นน้อง ก่อนจะเลือกไปนั่งที่แถวริมหน้าต่าง เขามักจะสวมหูฟังอยู่แทบจะตลอดเวลา และ ดูเหมือนจะหวงมันมาก ใครแตะแทบจะด่าแม่เลยก็ว่าได้
จึงกลายเป็นว่า จูเนียร์ แทบจะไม่ค่อยปริปากพูดกับใครนอกจากกลุ่มเพื่อนเก่าไม่กี่คน แถมบางครั้งยังปากจัดไปหน่อยอีกต่างหาก
ช่วงเวลาเงียบเหงาของเขาผ่านไปได้ไม่นาน ดูเหมือนว่าคนที่เขารอที่จะเจอก็กลับมาด้วยเหตุผลเดียวกับเขา
“ก็..สวัสดีครับ พี่แม็กนะครับ พี่มาจากฝรั่งเศสเหมือนยอครับ” พี่ชาย(?)ตัวไม่ค่อยสูงคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง เขาแนะนำตัวด้วยท่าทีที่สุภาพ(กว่าพี่จู๋มาก) มองเผินๆดูเหมือนจะเป็นคนที่ขี้อายหน่อยๆด้วยซ้ำไป
“เฮ่ย มานั่งนี่ดิ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ เบาจนถ้าไม่ตั้งใจฟังคงโดนเสียงโหวกเหวกของนักเรียนในชั้นกลบจนไม่ได้ยิน แต่น่าแปลกที่แม็กกลับหันไปทางต้นเสียงและเดินตามไปตามอย่างไม่มีอาการลังเล เหมือนกับว่าตั้งใจจะนั่งตรงนั้นอยู่แล้ว
จูเนียร์มองหน้าเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันกว่าหนึ่งปีด้วยใบหน้านิ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนยกเอากระเป๋าที่วางไว้ตรงที่นั่งข้างๆออกมาไว้บนตัก
“นั่งดิแม่ง หรือที่ฝรั่งเศสไม่มีเก้าอี้ให้มึงนั่งนาน ลืมเหรอว่านั่งทำไง?” น้ำเสียงกวนตีนพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
“เออๆ” แม็กพยักหน้าเอื่อยๆเขาไม่สนใจสัตว์สี่ขาในปากของเพื่อนคนนี้สักเท่าไหร่นัก เรียกว่าเคยชินก็คงจะได้ แต่ไหนแต่ไร ไอ้เพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยพูดภาษาไพเราะกับใครเขาเท่าไหร่ ยิ่งบวกกับไอ้หน้าเนิร์ดสงบสยบบาทาที่หลอมรวมกับคำพูดกวนตีนได้อย่างอูมามิแล้วล่ะก็...คงไม่แปลกที่จะโดนใครเขาลากไปกระทืบหลังสวน หรือดักเอาไม้หน้าสามฟาดอยู่หน้าบ้าน แต่ว่า...ในความรู้สึกของเขากลับ..ไม่ใช่แบบนั้น ไอ้นิสัยแบบนี้แหละที่เรียกว่า “น่ารัก”
“เฮ่ย จู ฟังเพลงไรวะ ฟังด้วยดิ”
“อ่ะ ฟังดู” จูเนียร์ยื่นหูฟังอีกข้างให้กับแม็กอย่างไม่มีทีท่าหวงเหมือนกับคนอื่น ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติมาก และดูเหมือนทั้งคู่จะไม่รับรู้ถึงรังสีบางอย่างที่เริ่มแผ่ซ่านอยู่แทบทุกมุมในห้อง
สายตาของนักเรียนหญิงบางคนเริ่มจับจ้องมาที่พวกเขาก่อนจะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ บางก็เอาฟันเฉาะโต๊ะ บ้างก็เอาเล็บขูดกับผนังห้อง และหนักที่สุด...มีบางส่วนชักแหง่กๆอยู่หลังห้อง
“เออ น้อง งานตรงนี้สรุปทำยังไงบ้าง คือต้องเอาเล่มนี้ส่งครูมั๊ย?” จูเนียร์ยืนถามงานรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่ไม่ค่อยน่าฟังเหมือนเดิม แต่ไอ้การถามงานดูจะพิเศษขึ้นมาทันทีเมื่อแม็กก็พบปัญหาเดียวกัน เขาเดินตรงมาที่จูเนียร์และรุ่นน้องก่อนจากยื่นแขนไปโอบไหล่ของจูเนียร์ไว้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว และเริ่มถามปัญหาของตัวเองบ้าง
นักเรียนหญิงแสดงปฏิกิริยาตอบสนองทันใด หล่อนอมยิ้มก่อนจะกำปากกาในมือแน่น หล่อนเริ่มจะพูดไม่เป็นภาษาเท่าไหร่จนจูเนียร์เริ่มไหวตัวทัน เขาเบี่ยงตัวออกจากแขนของแม็กที่(ยืดขา)โอบเขาอยู่
“อย่าเยอะ เชี่ยแม็ก” จูเนียร์หันไปค้อนใส่แม็กหนึ่งที แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านแถมยังตอบอย่างหน้าตาเฉยว่า
“อะไร? เยอะอะไร?” และแกล้งหันหน้าไปถามเพื่อนในระยะประชิด จูเนียร์ยืนนิ่งมองสายตาที่อยู่ห่างกันไม่มากโดยลืมไปว่ารอบตัวคือที่ไหนไปชั่วขณะ รู้สึกตัวอีกที รุ่นน้องที่เขาต้องการจะถามงานก็เอาหัวยัดกำแพงไปแล้วเรียบร้อย .....
“แม็ก มึงเลิกได้ป่ะ เลิกเล่นงี้เหอะ กูว่าน้องมันต้องคิดอะไรแผลงๆอยู่แน่เลย” จูเนียร์พูดขึ้นในขณะที่กำลังเดินลงจากตึกที่เงียบสนิทเพราะเลยเวลาเลิกเรียนมาเกือบครึ่งช่วงโมงแล้ว
“ห๊ะ? กูเล่นอะไร? “ แม็กถามอย่างไม่แสดงอาการอื่นใดนอกจากสงสัย
“ก็เล่นแบบ.... แบบที่มึงชอบทำไง กูรู้ว่ามึงเล่นเอาสนุก แต่...” ประโยคขาดช่วงไปเหมือนไม่อยากกล้าที่จะพูดออกมา จูเนียร์มองไปทางอื่นก่อนก้มหน้าเดินเงียบๆ เขาไม่กล้าที่จะมองคนข้างในตอนนี้ อีกฝ่ายเองก็เงียบไป ในใจของจูเนียร์คิดไปต่างๆนานาทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องลบๆทั้งนั้น แต่จู่ๆไอ้ความคิดพวกนั้นก้กระเจิงหายไป เมื่อมีมือหนึ่งยื่นมากุมมือของเขาเอาไว้อย่างเงียบเชียบ จูเนียร์ชะงักฝีเท้าทันที
“มึงหมายถึงเล่นแบบนี้รึเปล่า” แม็กถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เออ...บ...แบบนี้แหละ” จูเนียร์ตอบขาดตอน ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนคนจมน้ำไม่มีผิด พูดก็ลำบาก จะดึงมืออกยังเก้ๆกังๆบังคับไม่ได้ดั่งใจ แถมแม้แต่หายใจยังรู้สึกว่าลำบากกว่าปกติมากทีเดียว
“....มึงไม่ชอบให้กูเล่นแบบนี้ใช่มั๊ย มึงโกรธ?”
“เออดิ ใครแม่งจะชอบ น้องมันคิดไปไหนต่อไหนแล้วโว้ย เนี่ยกูได้ยินพวกน้องมันคุยเรื่องงานแต่งให้กูอย่างเสร็จสรรพ “ จูเนียร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดหัวเสียนิดเมื่อนึกถึงคำพูดที่บังเอิญได้ยินนักเรียนหญิงรุ่นน้องกลุ่มนึงคุยกันเขาเมื่อช่วงพักกลางวัน
“งั้นถ้ากูไม่เล่นล่ะ มึงจะโกรธกูมั๊ย?” คำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจของแม็ก ทำให้อาการจมน้ำกลางอากาศของจูเนียร์ดูจะหนักขึ้น
“พูดเหี้ยไร...ก..กูขนลุกนะมึง”
“กูจริงจังนะ...ถ้ากูไม่เล่นมึงจะว่ายังไง”
“มึงอย่าเล่นเหอะแม็ก เดี๋ยวคนเข้าใจผิดหมด”
“ใครเข้าใจผิด?...มึงน่ะสิเข้าใจผิด มึงอ่ะเข้าใจผิดว่ากูเล่นมาตลอด คนที่เข้าใจผิดมีแต่มึงนั่นแหละจู”
บรรยากาศรอบด้านเหมือนกับหยุดนิ่งในชั่วพริบตา ในใจของคนทั้งคู่มีความรู้สึกมากมายปนเปกันไปหมด แม็ก.รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังรอฟังคำพูดที่โหดร้ายจากคนตรงหน้า เขารอที่จะฟังคำด่าจากปากอีกคน ไม่ก็รอที่จะเจอกับเหตุการณ์แย่กว่านั้น จูเนียร์ เขามีแค่ความลังเล ลังเลที่จะก้าวข้ามอะไรบางอย่างไป กลัวที่จะตอบว่าดีใจ หรือตอบว่า ไม่ ความรู้สึกมากมายวิ่งไปมาในหัวไม่ยอมหยุด จนทำให้ความเงียบเริ่มเข้ามาแทนที่บทสนทนา
“แล้ว...กูควรจะเข้าใจว่าอะไร” คำพูดแผ่วเบาดังขึ้นไล่ความเงียบออกไป จูเนียร์เลือกที่จะก้าวข้ามเส้นเส้นหนึ่งมาแล้ว เขาพร้อมยอมรับทุกอย่าง ถึงแม้ว่าสุดท้ายอีกฝ่ายจะหัวเราะ แล้วบอกว่า ล้อเล่นก็ตาม
“...กูไม่รู้....กู...ไม่อยากคิดแทนมึง แต่..กูไม่เคยเล่น..ทุกอย่างที่กูทำ ทุกคำที่กูพูด ทุก..ความรู้สึก..ที่กุมี มันเป้นของจริง กูไม่เล่น โดยเฉพาะ กับมึง กูไม่ล้อเล่นเด็ดขาด..” แม็กตอบอย่างหนักแน่น
“เออ กูรู้แล้ว ถ้ามึงไปล้อเล่นจริงๆ...พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” จูเนียร์พูดด้วยน้ำเสียงที่สุดใสขึ้น ก่อนเดินนำลงบันไดไป
แม็กมองคนที่เดินนำไปตรงหน้า ในหัวของเขาไม่มีคำว่าพรุ่งนี้ สามร้อยหกสิบห้าวันมันก็นนเกินไปแล้ว จะไม่มีวันที่สามร้อยหกสิบหกหรือหกสิบเจ็ดอีก แม็กวิ่งตามคนที่เดินนำไปก่อนจะดึงคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาจนหน้าของทั้งสองคนแทบจะชนกันได้
“กูไม่รอหรอก กูรู้มึงเองก็คงไม่อยากรอแล้ว เชี่ยจู ฟังดีนะๆ...”
รักมึงนะ....ไอ้เชี่ย....
และดูเหมือนหลังจากนี้...เวลาจะหยุดลงที่ สามร้อยหกสิบห้าวัน...
จะไม่มากไปกว่านี้แล้ว สำหรับการรอ และ แอบรักใครซักคน...
---++--
ความคิดเห็น